จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,386
มีหลายเกมที่ระยะการมองเห็นไม่สำคัญ แต่ไม่ใช่กับซาทิสฟาย
มีทักษะบางชนิดที่จะโจมตีเป็นวงกว้าง ‘แก่ทุกเป้าหมายที่มองเห็น’
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือวิชาดาบไร้พ่าย
นอกจากนั้น ทักษะโจมตีประเภท ‘กำหนดเป้าหมายในระยะมองเห็น’ ก็สามารถใช้ประโยชน์จากทัศนวิสัยที่กว้างไกลได้อย่างเต็มที่เช่นกัน
หนึ่งในนั้นคือ ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’ ที่จะสร้างสายฝนยุทธภัณฑ์โปรยปราย
และหากกริดสามารถมองใน ‘มุมมองบุคคลที่สาม’ ฝีมือการต่อสู้คงไม่ได้ถูกตีกรอบเหมือนดังเช่นปัจจุบัน
“คึก!”
ซ้ายขวา หน้าหลัง บนล่าง
ไม่ว่าจะหลบไปทางไหน มือสีดำก็จะคอยผุดขึ้นจากประตูมิติลึกลับบนพื้นโดยไม่มีการตักเตือนล่วงหน้า แถมพวกมันยังเล็งแต่กริด
ว่ากันตามตรง ชายหนุ่มไม่เคยพบเจอการซุ่มโจมตีในลักษณะนี้มาก่อน เป็นการรับมือที่ต้องสิ้นเปลืองพลังกายและใจอย่างมาก
‘บ้าจริง… ไม่เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือ?’
นักซุ่มโจมตีที่ไม่สามารถระบุตำแหน่ง
แบบนี้ก็เหมือนกับกำลังบอกว่า จงยอมรับชะตากรรมการถูกโจมตีฝ่ายเดียวไปซะ!
ในสถานการณ์ตรงหน้า หากใครมาเป็นกริดก็ต้องสบถด้วยกันทั้งนั้น
ขณะชายหนุ่มกระโดดหลบหนีซ้ายทีขวาที คำถามหนึ่งผุดขึ้น
ครูชา สมุนของบาร์บาทอสกำลังดวลกับเลอราเฆ่
นอกจากนั้น เหตุผลที่ครูชาต้องสู้กับเลอราเฆ่ก็มาจากนักล่าอสูรยูร่า
ลำดับความสำคัญในใจบาร์บาทอสจึงควรเป็นเลอราเฆ่หรือไม่ก็ยูร่า
แล้วทำไมใดถึงเพ่งเล็งมาทางตน?
‘จริงอยู่ เป็นเรื่องดีที่เจ้านั่นไม่เล็งยูร่า… แต่เราไม่เข้าใจ’
สำหรับกริด สถานการณ์ในอุดมคติคือ เป้าหมายที่ถูกซุ่มโจมตีเป็นเลอราเฆ่
แม้ในตอนแรกจะเสียเปรียบ แต่ภายหลัง สถานการณ์ระหว่างเธอกับครูชาเริ่มดีขึ้นตามลำดับ กริดเชื่อว่าเลอราเฆ่น่าจะรับมือการซุ่มโจมตีและครูชาพร้อมกันได้สองทาง
‘และเมื่อความสนใจพุ่งเป้าไปที่เลอราเฆ่ เราก็จะฆ่าครูชาง่ายขึ้น… นั่นสินะ นี่คือเหตุผลที่เราโดนเล็ง’
ชัดเจนแล้ว
บาร์บาทอสตระหนักว่า การลอบยิงเลอราเฆ่ไม่เกิดประโยชน์
ตรงข้ามกับการดูแคลน บาร์บาทอสประเมินค่าเลอราเฆ่ที่อยู่ต่ำกว่าตนสองลำดับไว้ค่อนข้างสูง
สมกับเป็นมือสังหาร สามารถระงับอารมณ์ชั่ววูบที่เป็นสัญชาตญาณของอสูร…
‘ดูเหมือนว่าเลอราเฆ่จะค่อนข้างพิเศษในสายตาอีกฝ่าย… ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมถึงไม่เล็งไปที่ยูร่า นั่นคงเพราะมันประเมินแล้วว่า ยูร่าไม่สามารถเป็นภัยต่อครูชา’
บอสพิเศษที่มีสติปัญญาสามารถกะเกณฑ์พลังต่อสู้ของผู้เล่นและจัดลำดับการฆ่าได้อย่างมีเหตุผล
ในซาทิสฟายจะมีทั้งบอสที่เล็งโจมตีผู้เล่นที่แข็งแกร่งก่อน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเอลฟินสโตน แวมไพร์ผู้คอยปรากฏตัวทุกๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อใช้โอนถ่ายโลหิตขั้นสูงใส่กริด แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีบอสแบบที่เลือกโจมตีใส่คนอ่อนแอก่อน
ดูเหมือนว่าบาร์บาทอสจะเป็นแบบแรก
“มิติขุมนรก”
ขณะกริดวิเคราะห์สถานการณ์ ยูร่าเปิดประตูบานเล็กที่เชื่อมต่อระหว่างขุมนรกและโลกมนุษย์
เดิมที นี่เป็นทักษะประเภท ‘เคลื่อนที่’ ของยูร่า แต่นั่นไม่ใช่อรรถประโยชน์เพียงข้อเดียว ยูร่ารู้ดีว่าเธอสามารถใช้งานมันได้อย่างไร
หญิงสาวจะสร้างประตูขึ้นมาทับกับประตูมิติของบาร์บาทอส ส่งผลให้มือสีดำปริศนาถูกดูดเข้าไปโผล่ในมิติอื่น
‘แบบนี้อันตราย’
หัวใจกริดเริ่มเจ็บแปลบแม้ว่าตนจะถูกช่วยเหลือ
ชายหนุ่มเชื่อว่า พฤติกรรมของยูร่าจะทำให้บาร์บาทอสเปลี่ยนเป้าหมาย
และไม่ผิดจากที่คาด ผ่านไปได้สักพัก การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอสเริ่มเบนไปหายูร่าแทนกริด
ลำดับความสำคัญในสายตาอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนไป
“หลบเร็ว!”
ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของกริดสังเกตเห็นบานประตูที่เริ่มก่อตัวด้านหลังยูร่า จึงรีบตะโกนเตือน
แต่กว่ายูร่าจะรู้ตัวก็สายไป มือดำโผล่ออกจากประตูและคว้าร่างหญิงสาวด้วยความรุนแรง
“ยูร่า!”
สีหน้ากริดพลันบิดเบี้ยว
ทว่า
เธอยังสบายดี สีหน้าของยูร่าค่อนข้างสุขุมในขณะถูกจับ
พลังเวทสีเขียวหยกที่คอยไหลเวียนรอบชุดเกราะสีเงินเริ่มเปล่งแสงสว่าง
“…?!”
ตามปรกติแล้ว ฝ่ามือสีดำลึกลับจะอัดแน่นไปด้วยพลังอสูรที่น่าสะพรึง
ชายผ้าคลุมของกริดเคยถูกกัดกร่อนในพริบตาทั้งที่เฉี่ยวไปโดนเพียงเล็กน้อย และยังส่งผลให้ค่าความคงทนของไอเท็มลดลงอย่างมาก
แต่พลังอสูรเข้มข้นกลับสลายตัวไปต่อหน้าพลังเวทสีหยก?
ไม่สิ มันคล้ายกับการยับยั้งมากกว่าชำระล้าง
ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของนักล่าอสูร จะมีกลไกและธรรมชาติแตกต่างจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเทพโดยสิ้นเชิง
ภาพของหญิงสาวที่ไร้รอยขีดข่วนเริ่มทำให้กริดยิ้มออก
ยูร่าขจัดพลังอสูรที่ยังตกค้างออกจากร่างกาย ตามด้วยการอธิบาย
“อย่างที่เคยบอกไป อเล็กซ์มองว่าบาร์บาทอสเป็นศัตรูที่รับมือได้ยาก จึงค้นคว้าและพัฒนาวิธีการแก้ทาง”
ทักษะที่พัฒนาขึ้นย่อมส่งผลมาถึงนักล่าอสูรคนปัจจุบัน
หากอสูรตนใดเคยพ่ายแพ้ต่ออเล็กซ์ ยูร่าเองก็จะถือครองความได้เปรียบเวลาเผชิญหน้า ไม่สนว่าจะเป็นจอมอสูรหรือไม่
เฉกเช่นที่การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอสแทบไม่มีผลกับร่างกายยูร่า
“เจ๋ง!”
พลังที่แท้จริงของนักล่าอสูรเริ่มถูกเปิดเผยขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้กริดอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
ทั้งเรื่องที่ยูร่าไม่เป็นอันตราย และเรื่องที่ยูร่าจะกลายเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ทั้งหมดทำให้หัวใจของกริดกำลังพองโต
อย่างไรก็ตาม ความยินดีคงอยู่ไม่นานนัก เพราะการซุ่มโจมตีของบาร์บาทอสย้อนกลับมาหากริดอีกครั้ง
‘เล่นสกปรก… แถมยังน่ารำคาญ’
กริดกำลังถูกศัตรูโจมตีฝ่ายเดียวโดยไม่ทราบตำแหน่ง ค่าเรี่ยวแรงของชายหนุ่มใกล้หมดลงเข้าไปทุกขณะ นั่นถือเป็นข่าวร้าย เว้นเสียแต่บาร์บาทอสจะมีจำนวนครั้งการซุ่มโจมตีจำกัด
ข่าวดีเพียงเรื่องเดียวก็คือ ระยะของการซุ่มยิงแต่ละครั้งถูกยืนยันแล้ว
สองวินาทีสำหรับการยิงทีละนัด ห้าวินาทีสำหรับการยิงสองนัด และเก้าวินาทีสำหรับการยิงสามนัด มากกว่านี้ยังไม่มีข้อมูล แต่ดูเหมือนว่าระยะหน่วงจะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเสมอ
แต่ถึงจะหลบการโจมตีพ้นทุกครั้ง กริดก็ยังโดนเล่นงานด้วยพลังอสูรอันเข้มข้นเสมอ จำต้องดื่มโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตราคาแพง
ชายหนุ่มหันไปมองเลอราเฆ่ พบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้เท้าเหยียบลงบนใบหน้าครูชา
ดูเหมือนว่า การสวมส้นสูงของเธอจะไม่ใช่เหตุผลทางด้านรสนิยมเพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย
ครูชาที่ถูกส้นแหลมๆ เสียบใบหน้าพลันแหกปากโอดครวญ กึ่งกลางหน้าผากเริ่มมีเลือดไหลซึม
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะโจมตีด้วยวิธีสกปรกโดยอาศัยความได้เปรียบทางเพศ! ช่างน่ารังเกียจนัก! เจ้าควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเหล่าอสูรไม่ใช่หรือ? กรรร!”
“ข้ายังห่างไกลจากนายของเจ้านัก ผู้ที่เอาแต่ซุ่มโจมตีอย่างขี้ขลาด”
“กรรร! ถูกต้อง! เจ้ายังห่างไกลจากบาร์บาทอสนัก!”
พวกมันกำลังสรรเสริญหรือกำลังด่ากัน?
เป็นเรื่องยากที่จะตีความหมาย
การพูดภาษาเดียวกันไม่ช่วยอะไรมากนัก
“…”
ขณะส่ายหน้าอย่างประหลาดใจ กริดพลันสะดุ้ง เนื่องจากเผลอไปสบตากับครูชาเข้า
‘ไอ้ลูกหมาตัวแสบ…’
บาร์บาทอสจะอาศัยการมองเห็นของสมุนเพื่อกำหนดเป้าหมายสำหรับซุ่มโจมตี ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการหลบเลี่ยงสายตาของครูชา
กริดหวังใช้ประโยชน์จากช่องว่างดังกล่าว แต่กลับถูกอีกฝ่ายพบตัวอย่างรวดเร็ว
‘อยากจะพักหายใจสักสิบวินาที’
สายตากริดหันไปทางประตูท้องพระโรง จากนั้นก็เปลี่ยนตำแหน่งด้วยชุนโป
เพียงไม่กี่อึดใจ มือสีดำโผล่ขึ้นในจุดเดิมที่กริดเคยยืน
ชายหนุ่มถอนหายใจที่ตนรอดพ้นไปอีกหนึ่งวิกฤติ
ขณะเดียวกัน เลอราเฆ่และครูชาเริ่มกลับมาดวลกันอย่างดุเดือด
ทุกครั้งที่หมัดและเท้าของทั้งสองปะทะกัน จะเกิดระเบิดรุนแรงพร้อมกับคลื่นกระแทกแผ่ออกไปรอบทิศจนท้องพระโรงสั่นสะเทือน
‘น่าทึ่งมาก’
เป็นเพราะมีฝีมือและเทคนิคยอดเยี่ยม เลอราเฆ่จึงไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้ว่าเมือกใสจะถูกเพลิงโลกันตร์แผดเผา
เธอเก่งกาจเทียบเท่านักสู้ที่ฝึกฝนตัวเองมาตลอดชีวิต รู้จักวิธีใช้ร่างกายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
บางที ความกระหายในชัยชนะของเธอคงเป็นแรงผลักดันให้ยอมอดทนขัดเกลาฝีมืออย่างไม่หยุดพัก
‘เดี๋ยวนะ ถ้าเราโจมตีเข้าไปในมุมนี้…’
เป็นเพราะกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับการรับมือเลอราเฆ่มากเกินไป? หรืออาจเป็นเพราะสมาธิส่วนหนึ่งคอยระแวงว่าคาลบาบ้าจะขว้างหอกใส่
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ตอนนี้ครูชากำลังเปิดช่องว่าง
ครูชาคงกำลังสับสนที่หาเราไม่เจอ…
ปัจจุบัน กริดกำลังอยู่ในมุมอับสายตาของอีกฝ่าย และเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า หากใช้ท่ารำดาบผสานและอาศัยชุนโปย่นระยะในก้าวสุดท้าย การโจมตีของตนจะสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสแก่ครูชาได้แน่
‘ถ้าจะลอบโจมตี ก็ต้องทำตอนนี้เท่านั้น’
ท้ายที่สุด กริดทนต่อความเย้ายวนไม่ไหว เริ่มขยับขาไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ทว่า การซุ่มโจมตีของบาร์บาทอสพลันผุดขึ้นจากพื้นราวกับรอจังหวะนี้อยู่นาน
ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ร้องเตือนอีกครั้ง แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบพ้น
เป็นการซุ่มโจมตีที่จ้องเล่นงานขณะกริดกำลังทิ้งน้ำหนักตัว ส่งผลให้ไม่สามารถโอนถ่ายแรงไปยังอวัยวะส่วนอื่นได้ทันทันเวลา
ขาขวาของกริดถูกมือสีดำคว้าไว้จนไหม้เกรียม
[<+1 รองเท้ามังกรครามโอหังสยบฟ้าดิน> ถูกพลังอสูรกัดกร่อน]
[ไอเท็มชิ้นนี้มีความคงทนเป็นอนันต์ มันไม่มีวันเสียหาย]
โชคดีที่รองเท้ายังปลอดภัย
และเนื่องจากเป็นไอเท็มเกรดมิธที่สร้างด้วยละโมบ ประสิทธิภาพการใช้งานจึงไม่ลดลงเพราะชำรุด
ทว่า
[ท่านได้รับความเสียหาย 2,540 หน่วย]
[พลังอสูรกำลังกัดกร่อนบาดแผลของท่าน]
[ท่านได้รับบาดเจ็บภายใน อวัยวะบางส่วนที่ปนเปื้อนพลังอสูรจะทำงานผิดพลาด ท่านจะได้รับความเสียหายเพิ่มเติม 30,000 หน่วยจากอาการ ‘ติดพิษ’ ‘เลือดไหล’ ‘ห้ามดื่มโพชั่น’ และ ‘สับสน’]
[ท่านต้านทานพิษ]
[ท่านล้มเหลวในการต้านทาน ‘เลือดไหล’]
[ท่านล้มเหลวในการต้านทาน ‘ห้ามดื่มโพชั่น’]
[ท่านล้มเหลวในการต้านทาน ‘สับสน’]
เพียงเพราะชุดเกราะมีความคงทนเป็นอนันต์ ไม่ได้แปลว่ามันจะดูดซับผลข้างเคียงทั้งหมดจากการโจมตี
ขาของกริดภายในรองเท้าโลหะได้รับความเสียหายจากพลังอสูร ละอองพลังบางส่วนแทรกซึมเข้าไปในบาดแผล
“แค่ก!”
อาการผิดปรกติ ‘อวัยวะทั้งห้าถูกกัดกร่อน’ สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้ชายหนุ่ม
นอกจากนั้นยังมีอาการ ‘สับสน’ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่
เมื่อตกอยู่ในภาวะสับสน ผู้เล่นจะควบคุมตัวเองได้ลำบาก ร่างของกริดจึงโซเซราวกับตุ๊กตาชำรุด
‘เราต้องเจออะไรแบบนี้ทุกครั้งที่ปล่อยให้ถูกโจมตี?’
จอมอสูรลำดับแปด บาร์บาทอส
มันแข็งแกร่งจนอดคิดไม่ได้ว่า จอมอสูรรายนี้อาจเป็น ‘เป้าหมายที่ไม่สามารถถูกโจมตี’
ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ กับการต้องเอาชนะนักซุ่มยิงที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน แถมทุกการโจมตีก็ยังก่อภาระให้กับร่างกายอย่างมหาศาล
เมื่อนึกถึงภาพยูร่าที่แทบจะไร้รอยขีดข่วน เป็นอีกครั้งที่กริดตระหนักถึงความยอดเยี่ยมของเธอ
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่า ยูร่าคือความหวังหนึ่งเดียวของมนุษยชาติที่จะชำระล้างขุมนรก
“กรร!”
“…?”
ขณะกริดทรุดตัวลง ดวงตาพลันเบิกโพลง
ครูชากำลังจ้องมาทางตน จมูกของมันสูดลมเข้าออกเสียงดังราวกับกำลังหัวเราะเยาะ
‘ไอ้ลูกหมาระยำ… มันจับตำแหน่งเราได้ด้วยการดมกลิ่น’
นี่คือเหตุผลว่าทำไม ความพยายามในการหลบเลี่ยงสายตาถึงไร้ผล
ไม่ว่าจะซ่อนตัวได้ดีแค่ไหนก็จะถูกครูชาหาพบด้วยกลิ่น และสิ่งที่ตามมาคือการซุ่มยิงของบาร์บาทอส
แน่นอน นั่นคือในกรณีของผู้เล่นทั่วไป
“ยองวู!”
ยูร่าใช้มิติขุมนรกย้ายตำแหน่งมาหากริด
ชายหนุ่มรอดจากการหงายหลังกระแทกพื้นฉิวเฉียด แต่ฝ่ามือยังคงสั่นเทาขณะพยายามจับคว้าอากาศ
“ใจเย็นก่อน! อันดับแรก ต้องหลุดพ้นจากอาการสับสนให้ได้”
ตำนานสามารถต้านทานอาการผิดปรกติได้เกือบทุกชนิด
กริดที่เป็นตำนานคนแรกสุดในหมู่ผู้เล่น ย่อมไม่คุ้นชินกับอาการที่เล่นงานภาวะจิตใจของผู้เล่นโดยตรง
เมื่อมิอาจปรับตัวเข้ากับประสบการณ์แปลกใหม่ การควบคุมร่างกายจึงขาดประสิทธิภาพ ดวงตากำลังพร่ามัวจากความสับสน
เป็นอีกครั้งที่บาร์บาทอสโจมตีเข้ามา
ยูร่าโอบกอดกริดไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกโจมตีแทน
แน่นอน ฝ่ามือสีดำมิอาจทำอันตรายเธอได้
ไม่สำคัญว่าพลังอสูรจะเข้มข้นมากเพียงใด แต่ทั้งหมดก็จะกระจัดกระจายไปด้วยผลของเวทมนตร์สีหยก
ทว่า เรื่องราวจะเปลี่ยนไป ถ้า ‘มือดำ’ กลายเป็น ‘สว่านแหลม’
สว่านสีดำทะลวงใส่สะโพกของยูร่า
การโจมตีรูปแบบใหม่เน้นหนักในเชิงกายภาพมากกว่าพลังอสูรซึ่งแพ้ทางเวทมนตร์สีหยก
เฉกเช่นที่อเล็กซ์พัฒนาฝีมือขึ้น บาร์บาทอสเองก็มีลูกเล่นมากมาย
“อึก…!”
เลือดสีแดงไหลจากมุมปากหญิงสาว
ถึงกระนั้น ยูร่ายังคงไม่ปล่อยมือจากกริด
มิติขุมนรกจะใช้งานได้ในอีกสองวินาทีถัดไป แต่เธอรู้สึกราวกับเป็นชั่วโมง
‘ต้องปกป้องเขาให้ได้’
ยูร่าจะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกช่วยเหลือข้างเดียวอีกแล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด ที่นี่คือนรก เป็นเวทีสำหรับให้เธอเฉิดฉาย
หญิงสาวกัดฟันพลางเปลี่ยนปืนเป็นดาบและใช้มิติขุมนรกที่เพิ่งวนมาถึง
ยูร่าโยนกริดเข้าไปในประตูมิติ
จากนั้น เธอวิ่งไปทางครูชาโดยเชื่อว่า การกำจัดอสูรตนนี้คือหนทางเดียวที่จะยับยั้งการซุ่มโจมตีของบาร์บาทอส
แต่ถึงอย่างนั้น การเล่นงานครูชาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
เหตุผลที่เลอราเฆ่ยังโค่นมันไม่ได้ เพราะครูชาเองก็มีฝีมือใกล้เคียงผู้ปกครองนรกขุมที่สิบ
มันหวาดกลัวเฮลกาโอซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะกลับมาตอนไหน ครูชาจึงไม่กล้าสถาปนาตนเป็นผู้ปกครองนรกขุมที่เก้า
แต่ถึงอย่างนั้น มันมั่นใจว่าตนจะชนะเลอราเฆ่
สำหรับอสูรสุดแกร่งตรงหน้า การโจมตีของยูร่าส่งผลไม่มากนัก ศักยภาพของเธอยังไม่เบ่งบานถึงขีดสุด อสูรที่สามารถรับมือไหวจึงยังเป็นในช่วงนรกขุมหลักยี่สิบ
“เจ้ามาให้ข้าเชือดใช่ไหม? กรร!”
ขณะปัดป้องดาบยูร่าด้วยหมัดเพลิง ครูชาเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จากนั้น มันเอื้อมมือไปจับใบหน้าเล็กๆ ของหญิงสาว
แต่ขณะเตรียมเพิ่มความร้อนของเปลวเพลิงเพื่อแผดเผายูร่าให้ไหม้เกรียม
พรึบ!
ผ้าคลุมสีแดงสะบัดพลิ้วจากด้านบน
“…!”
ใบหน้าครูชาพลันยับย่นราวกับกระดาษถูกขยำ
ด้วยประสาทการดมกลิ่นอันเป็นเลิศ กลิ่นเลือดหลายร้อยชนิดที่กำลังคละคลุ้งในอากาศทำให้ร่างกายของมันเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ
‘ได้ยังไง?’
สัญชาตญาณการดมกลิ่นที่เคยภาคภูมิใจ ยามนี้กำลังเป็นพิษร้าย
เหนือสิ่งอื่นใด กลิ่นเลือดอันเข้มข้นนับร้อยชนิดยังทำให้ครูชาสับสนกับกลิ่นกายของเลอราเฆ่ คาลบาบ้า หรือแม้แต่ยูร่าที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ดังนั้น เลิกพูดเรื่องการระบุตำแหน่งมนุษย์เพศชายที่หายตัวไปได้เลย
“มังกรทำลายล้างคลื่นสยบสังหาร”
มังกรตัวหนึ่งโฉบลงมาจากเพดาน ทะลวงผ่านร่างครูชาอย่างง่ายดาย
การซุ่มยิงของบาร์บาทอสหยุดลงเป็นครั้งแรก
______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,871
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment