จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,380



เหม่อ


“…สึกะ!”


เหม่อ


“จิสึกะ!”


สภาพของจิสึกะแปลกไปนับตั้งแต่สองวันก่อน คล้ายกับคนถูกสะกดจิต ไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งรอบตัวและเอาแต่มองไปในอากาศ


อาการยังไม่ดีขึ้นแม้ในยามเก็บเลเวล


“นี่จิสึกะ หูหนวกไปแล้วรึไง?”


“พูดเบาๆ หน่อย! ฉันตกใจ!”


“แอ่ก!”


แวนเนอร์ซึ่งใช้มือปัดก้อนหินที่จิสึกะขว้างมา ส่งเสียงร้องกะทันหัน


เป็นเพราะเข่าของจิสึกะพุ่งกระแทกสีข้างโดยไม่ทันระวัง แวนเนอร์จึงเสียหลักเล็กน้อย


จากนั้น มันเงยหน้าขึ้นไปสับหัวมอนสเตอร์และหันไปถามหญิงสาว


“ช่วงนี้เธอเป็นอะไร? ทำไมถึงไม่มีสมาธิเลย การขับรถบัสไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ทำไมถึงไม่ตั้งใจ?”


“ฉันเป็นฝ่ายฆ่ามากกว่า แต่นายกลับบอกว่ามาขับรถบัสให้?”


“ฉันเป็นแทงค์ ส่วนเธอคอยทำดาเมจ ก็ต้องฆ่ามากกว่าอยู่แล้ว”


“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกว่าความสามัคคี รถบัสตรงไหน?”


“…”


แวนเนอร์แก้ตัวไม่ขึ้น


คนที่เรียกตัวเองว่าคนขับ เริ่มตั้งคำถามว่าตนกำลังขับรถบัสให้อีกฝ่ายจริงหรือ


จิสึกะที่เปลี่ยนคลาสเป็นอริยศรนั้นมีพลังทำลายสูงมากแม้จะเลเวลต่ำ โดยเฉพาะในยามที่ใช้คันศรฟินิกซ์แดง พลังทำลายจะมากกว่าเลเวลตัวละครราวหนึ่งร้อยระดับ นั่นทำให้นึกถึงกริด


จิสึกะเตะเข้าสีข้างแวนเนอร์อีกครั้ง


“แอ่ก! เธออัดฉันทำไม?”


“นายกำลังคิดเรื่องแย่ๆ อยู่ใช่ไหมล่ะ”


“สัญชาตญาณของผู้หญิงรึไง? เดาได้ห่วยแตกชะมัด ฉันกำลังคิดถึงกริดต่างหาก… ทำไมการที่ชอบใครสักคนมันถึงยังไม่พอ… แอ่ก!”


“อย่าพูดถึงกริด!”


“…”


จนกระทั่งการเตะครั้งที่สาม แวนเนอร์ถึงจะหุบปาก


ตลอดสองวันที่ผ่านมา มันเริ่มพบว่ากริดคือสาเหตุที่จิสึกะอยู่ในสภาพย่ำแย่


“ถูกทิ้งมาหรือ?”


จิสึกะจ้องแวนเนอร์ที่ตั้งคำถามโผงผาง


เธอได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนเป็นเพียงความฝัน


หญิงสาวพยายามหาถ้อยคำมาโต้แย้ง แต่คิดเท่าไรก็ไม่ออก จึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับตามตรง


“อือ… ฉันถูกทิ้ง มันทำใจยากนะ ดังนั้นหุบปากแล้วก็ไปลากมอนมา”


“หืม…”


แวนเนอร์มิได้ปลอบประโลมหญิงสาว


ในมุมมองของคนนอก ความสัมพันธ์ระหว่างกริดและเธอค่อนข้างคลุมเครือ


ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ ถึงจิสึกะจะเชี่ยวชาญการเดทและรักกริดสุดหัวใจ แต่ก็ไม่เคยข้ามเส้นเลยสักครั้ง


ทั้งที่ลงทุนย้ายบ้านมาอยู่ข้างบ้านกริด แต่กลับไม่พยายามยกระดับความสัมพันธ์ ทำเพียงป้วนเปี้ยนไปมา


ราวครึ่งปีหลังจากจิสึกะย้ายประเทศ แวนเนอร์และสมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างประหลาดใจเมื่อจิสึกะเล่าเหตุการณ์ขณะหอมแก้มกริดระหว่างขับรถให้ทุกคนฟังอย่างตื่นเต้น


เธอลงทุนย้ายประเทศเพียงเพื่อหอมแก้มเนี่ยนะ?


ตอนที่แวะมาหาปีละครั้งก็ทำเป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?


สิ้นหวังฉิบหาย


อนาคตมืดมนมากหากเธอพึงพอใจแค่การหอมแก้ม


นอกจากแอบจู่โจมกริดบนเตียงในตอนเช้า จิสึกะแทบไม่เคยยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นจากเดิม ส่งผลให้กริดไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกที่แท้จริงลึกๆ ในใจ


หากปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไร ความสัมพันธ์ก็ที่ใกล้เคียงคำว่าเพื่อนสนิทมากกว่าคู่รักของคนทั้งสอง คงดำเนินต่อไปได้อีกสักสองสามปีก่อนจะสิ้นสุดลง


ทุกคนคิดเช่นนั้น


‘แต่เธอกลับถูกบอกเลิก?’


แวนเนอร์ค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่เพื่อนฝูงเนื่องจากมีหัวใจที่ซื่อตรงและเป็นคนอารมณ์ขัน ถึงจะหัวล้านไปบ้าง แต่ก็มีเสน่ห์มากพอจะดึงดูดผู้คนรอบข้าง


แม้จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ความรักโดยตรง แต่ก็มักเป็นที่ปรึกษาด้านความรักให้เพื่อนในกลุ่มบ่อยครั้ง ถึงขั้นถูกขนานนามให้เป็นคุณหมอหัวใจ


แวนเนอร์มองว่าสถานการณ์ของจิสึกะกำลังดำเนินไปในเชิงบวก


“หืม… เข้าใจแล้ว”


“เข้าใจอะไร? ฉันกำลังเซ็งนะ!”


ท่าทียิ้มกรุ้มกริ่มของแวนเนอร์หลังจากได้ยินว่าเธอถูกทิ้ง ทำให้หญิงสาวฉุนเฉียว


ขณะจิสึกะกำหมัดแน่นจนสั่นระริก แวนเนอร์หันมาตบบ่า


“เธอเริ่มถูกรักมากขึ้นแล้ว”


“อะไร…?”


“เธอไม่สงสัยบ้างหรือ ทำไมกริดถึงบอกเลิกเธอทั้งที่ทำตัวคลุมเครือมานาน? เพราะกริดพัฒนาความรู้สึกที่มีต่อเธอไงล่ะ! เขาเสียใจที่ทำให้เธอต้องจมอยู่กับความไม่แน่นอน จึงตัดสินใจปล่อยมือเพื่อให้เธอไปหาความสุข”


“ตรรกะหมาไม่แดก”


“ที่รัก ความรักก็เหมือนหมา โดยเฉพาะเวลาพวกไก่อ่อนมีความรัก มักทำตัวโง่ๆ เหมือนเด็ก”


“แล้วมันยังไง… กริดบอกเลิกฉันเพราะรัก และตอนนี้เขากำลังเสียใจอยู่?”


“เขาเสียใจแน่ หากต้องเสียเธอไปทั้งอย่างนี้… ลึกๆ แล้วคงตัดเธอไม่ขาด”


“ง…งั้นหรือ”


ดวงตาจิสึกะลุกวาวเล็กน้อย ก่อนจะเก็บธนูเข้าคลังสัมภาระ


แวนเนอร์รีบคว้าแขนไว้ก่อนที่เธอจะออกไปตามหากริด


“เธอโง่รึเปล่า? เป็นเพราะกริดชอบยูร่ามากกว่า ถึงได้บอกเลิกแทนที่จะขอคบกับเธอ สรุปง่ายๆ ก็คือ ตอนนี้เขาเลือกยูร่า จะไปตามหากริดให้ได้อะไรขึ้นมา?”


“แล้วฉันควรทำยังไง”


“ทำยังไง? ก็แค่ไม่ต้องปกปิดความเศร้า แต่จงแสดงออกมาให้มากที่สุด ทุกครั้งที่กริดเห็นเธอสูญเสียตัวตนและพลังชีวิต เขาจะรู้สึกผิดและเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า จนถึงจุดที่ทนไม่ได้และเป็นฝ่ายกลับมาหาเธอเอง… แต่ถ้าเขายังไม่กลับ เธอยังมีกลยุทธ์ถัดไปอยู่อีก… ประการแรก คุณหมอหัวใจคนนี้จะออกแบบสถานการณ์ที่ทำให้อีกฝ่ายหึงหวง ตอนนี้กริดรักยูร่ามากกว่าเพราะพวกเขาได้เดทกันทุกสัปดาห์ แต่ในวินาทีที่แผนการของฉันลุล่วง ผลลัพธ์จะกลับตาลปัตรทันที”


“…”


จิสึกะไม่ได้ฟังแวนเนอร์นับตั้งแต่กลางประโยค


กริดจะรู้สึกผิดและเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า


หลังจากได้ยินคำนี้ จิสึกะเริ่มหดหู่และเสียสมาธิ


เธอไม่สบายใจเมื่อจินตนาการภาพกริดต้องทุกข์ทรมานเพราะตน


ดังนั้น


“นายจะเป็นคุณหมอความรักได้ยังไงในเมื่อไม่เคยคบกับใครมาก่อน? หมอทุกคนบนโลกแข็งตายกันหมดแล้วมั้ง”


หญิงสาวเผยรอยยิ้ม


“เก็บเลเวลต่อเถอะ รีบไปลากมอนมาเร็วเข้า!”


“…เฮ่อ เอาใจยากจัง”


แวนเนอร์รู้จักกับจิสึกะมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น ย่อมคุ้นชินนิสัยของหัวหน้ากิลด์คนนี้ทุกซอกมุม จึงพอจะเดาพฤติกรรมถัดไปของเธอได้


“เกราะสุริยัน!”


แวนเนอร์ระบายอารมณ์ด้วยร่างกาย มอนสเตอร์จำนวนมากกรูเข้ามาล้อมกรอบเนื่องจากแสงแดดที่สะท้อนจากหัวล้าน


ขณะเดียวกัน จิสึกะคอยยิงศรเพื่อดับลมหายใจของพวกมัน


เป็นเพราะมีแวนเนอร์คอยอยู่ด้วย พัฒนาของจิสึกะจึงสูงกว่ากริดในช่วงเลเวลเดียวกันหลายเท่า


***


สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมี ‘สถานะ’ กำกับ


จากทั้งหมด อสูรจะแบ่งชนชั้นตามสถานะ


ในบรรดาอสูรกว่าหมื่นตน มีเพียงสามสิบสามตนที่สั่งสมสถานะจนกลายเป็น ‘ผู้ปกครองแห่งขุมนรก’


และมีเก้าตนสามารถกำหนดชะตากรรมของนรก


ด้วยเหตุผลข้างต้น สถานะของเลอราเฆ่ค่อนข้างคลุมเครือ


ในฐานะผู้ปกครองนรกขุมที่สิบ เธอย่อมแข็งแกร่งอย่างไร้ข้อกังขา


ทั่วทั้งนรกอันขว้างกวาง มีเพียงไม่กี่ตัวตนที่อยู่เหนือเธอ


แต่ถ้าถามว่าเลอราเฆ่สามารถกำหนดชะตากรรมนรกได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าคำตอบจะไม่ใช่


เธอแข็งแกร่งมาก แต่ความแข็งแกร่งดังกล่าวยังไม่มากพอจะต่อกรกลับจอมอสูรหลักเดียวทั้งเก้า


โชคดีที่จอมอสูรหลักเดียวจะอาศัยอยู่ในขุนนรกชั้นลึก เพราะถ้านับแค่ในเขต ‘พื้นผิว’ สถานะของเลอราเฆ่จะสูงที่สุดในยอดพีระมิด ส่งผลให้สามารถทำตัวเยี่ยงจักรพรรดิแห่งนรกและมีอสูรมากมายคอยติดตามรับใช้


ผ่านไปสักพัก เลอราเฆ่ต้องการให้อสูรในบัญชามองตนในมุมใหม่ จึงตัดสินใจพัฒนาอุปนิสัยบางอย่าง


“นับตั้งแต่ตัวข้า ราชาเลอราเฆ่ ถือกำเนิดขึ้น บนเส้นทางที่เดินไปก็มีเพียงชัยชนะมาตลอด”


“โอ้ส! สมกับเป็นท่าเลอราเฆ่!”


“โฮกกกก! ท่านเลอราเฆ่ เท่มาก!”


อันที่จริง คำกล่าวเหล่านั้นค่อนข้างโอ้อวด


ยังมีผู้ปกครองอีกเก้าตนที่ทรงพลังยิ่งกว่า แต่เลอราเฆ่มักพร่ำบอกสมุนว่าตนยอดเยี่ยมที่สุด เป็นการฝังความเชื่อเข้าไปในจิตใจ


อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดกันตามตรง ฝีมือของเธอจัดว่าไม่ธรรมดา


“แค่ครั้งเดียว”


อึก


เมื่อเห็นดวงตาเลอราเฆ่เปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานและมั่นใจ บรรดาอสูรต่างอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่


“มีแค่ครั้งเดียวที่ข้าไม่ชนะ!”


“แฮ่ก…”


เหล่าอสูรต่างตกตะลึง


ทว่า จากบรรดาอสูรกว่าพันตนในปราสาทเลอราเฆ่ มีเพียงหนึ่งตนที่ไม่แตกตื่นหรือประหลาดใจ


คนคนนั้นคือโรส ผู้เล่นเพียงหนึ่งเดียวที่มีสถานะเป็น ‘ผู้ท้าชิงตำแหน่งจอมอสูร’


‘มีอะไรน่าแปลก? เธอที่อยู่ลำดับสิบ ก็คงพ่ายแพ้จอมอสูรลำดับ 9 ในสงครามช่วงชิงอันดับ’


นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เลอราเฆ่อยู่ลำดับสิบไม่ใช่หรือ?


คล้ายกับเลอราเฆ่อ่านใจโรสออก


“เจ้า… เด็กในข่าวลือที่เพิ่งเกิดสินะ”


“ค่ะ! ดิฉันชื่อโรส ได้เป็นอสูรเพราะการอวยพรจากอาโมแรค”


ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโอ้อวดหรือไม่ แต่โรสก็จริงใจกับเลอราเฆ่ ทำตัวราวกับกำลังรับใช้จอมอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในนรก


ยอมทำกระทั่งคุกเข่าแล้วเอาหัวโขกพื้น


ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเลอราเฆ่กระตุกเล็กน้อย


“หืม… อาโมแรคสินะ ข้าจะจำไว้”


เลอราเฆ่หันกลับไปมองกลุ่มอสูรอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาและลืมขึ้น คล้ายกับใช้เวลาเมื่อครู่หวนนึกถึงความทรงจำเก่า


“ไม่ว่าจะสู้กับใคร ข้าก็จะพยายามเอาชนะให้ได้ทุกวิถีทาง ในหัวมีเพียงคำว่าชนะเท่านั้น… และบุคคลที่ทำให้ข้า หนึ่งในสามสิบสามผู้ปกครองแห่งขุมนรก เผชิญกับผล ‘เสมอ’ เป็นครั้งแรก… คือมนุษย์”


“…!”


“…!”


ดวงตาอสูรพลันเบิกกว้าง


ใครบางคนในหมู่พวกมันพึมพำชื่อ ‘มุลเลอร์’


เลอราเฆ่ปฏิเสธ


“มนุษย์ที่สามารถเสมอกับข้าได้มิใช่อริยดาบ… ชื่อของเขาคือมาดรา… ใช่แล้ว มาดรา”


มาดรา


โรสเคยได้ยินชื่อนี้


เดิมที มาดราไม่ใช่คนดังอะไรนัก แต่เฉกเช่นแพ็กม่า ชื่อเสียงของมาดราโด่งดังขึ้นในภายหลังเพราะกริด


“เขาถูกขนานนามให้เป็นราชาไร้พ่าย!”


“ราชาไร้พ่าย!?”


ในกลุ่มอสูรเริ่มเกิดการถกเถียงเสียงดัง


ราชาไร้พ่าย


ราชาผู้ไม่เคยพ่ายแพ้


ฉายาดังกล่าวสมควรจะเป็นของเลอราเฆ่มากกว่าไม่ใช่หรือ?


“เขาคู่ควรกับฉายานั้นแล้ว… ถึงจะเป็นการต่อสู้บนโลกมนุษย์ที่ข้าเสียเปรียบอย่างมาก… แต่ในเมื่อรอดชีวิตจากการกระหน่ำโจมตีอันหนักหน่วงของข้าได้ เขาก็ควรได้รับการยกย่อง… ฮุฮุฮุ”


“โอ้ส!”


บรรดาอสูรต่างส่งเสียงชื่นชม พวกมันต่างคิดว่า มนุษย์ที่ได้รับคำชมจากราชาเลอราเฆ่คงมีฝีมือไม่ธรรมดา


ขณะความสนใจของทุกคนกำลังมุ่งอยู่กับราชาไร้พ่าย


“รองแม่ทัพคาลบาบ้ากลับจากภารกิจแล้ว!”


แผ่นดินพลันสะเทือนเมื่อ ‘กองพันราชรถ’ แห่งกองทัพนรกขุมที่สิบกลับมาถึงปราสาท


อย่างไรก็ตาม เมื่อเหล่าอสูรเห็นมนุษย์สองคนที่โดยสารมาด้วย พวกมันเริ่มแผ่จิตสังหารโดยไม่ปกปิด เนื่องจากสัมผัสถึงกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของนักล่าอสูรคนดัง


“ใจเย็นก่อน”


เลอราเฆ่สยบพวกมันด้วยหนึ่งคำพูด


บรรดาอสูรที่กรูเข้าหายูร่าต่างชะงักและรีบถอยหลัง


เลอราเฆ่เผยรอยยิ้ม


“ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารู้จัก ชายคนนี้คือผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย”


“…!”


“…!”


ดวงตาของอสูรที่กำลังจ้องยูร่าเริ่มหันไปทางกริด


“ตัวข้า เลอราเฆ่ จะดวลกับผู้สืบทอดราชาไร้พ่ายอย่างยุติธรรมเพื่อแสดงความเคารพต่อราชาไร้พ่ายซึ่งตายไปแล้วเนื่องจากทนพิษบาดแผลจากข้าไม่ไหว… ขณะเดียวกันก็เป็นการกอบกู้สถิติชนะรวดของตัวข้าเอง”


“โฮกกกกก!”


บรรยากาศภายในท้องพระโรงกำลังเดือดพล่าน


แต่ในสายตากริด สิ่งที่อีกฝ่ายพ่นออกมาล้วนมีแต่ความโอ้อวดและเหลวไหล


‘นี่คือเหตุผลที่หล่อนเชิญมา?’


เสมออะไร? หล่อนแพ้มาดราไม่ใช่รึไง? เป็นโรคความจำเสื่อม?


กริดเคยคิดว่านี่จะเป็นอีเวนต์พิเศษ แต่มโนภาพดังกล่าวมีอันต้องแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี


การมาที่นี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตนไม่ควรเสี่ยงตั้งแต่แรก


เลอราเฆ่กล่าวกับกริดที่ทำสีหน้าผิดหวังและกำลังมองหาทางหนี


“เจ้า… ผู้สืบทอดราชาไร้พ่าย”


“…”


“แตกต่างจากเมื่อครั้งที่ข้าสู้กับราชาไร้พ่ายในอดีต ที่นี่คือนรก ข้าจะได้เปรียบอย่างมากตรงข้ามกับเจ้า ดังนั้น ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขสักเล็กน้อย… หืม… เอาแบบนี้เป็นยังไง ข้าจะไม่ลุกจากบัลลังก์ ใช้มือแค่ข้างเดียว และจะไม่เอาชีวิตเจ้าด้วย พวกเราจะดวลกันอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม”


“…”


“ห้านาที… หากภายในห้านาที ข้าต้องลุกจากบัลลังก์หรือใช้แขนทั้งสองข้าง นั่นจะถือว่าข้าแพ้ทันที กลับกัน ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จก็จะเป็นฝ่ายแพ้ ตกลงไหม?”


เลอราเฆ่ จอมอสูรแห่งการดิ้นรน


เธอต้องการต่อสู้ และต้องการชัยชนะ


ยิ่งชนะมากเท่าไร เลอราเฆ่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง การลบสถิติพ่ายแพ้จากราชาไร้พ่าย คืออีกหนึ่งหนทางที่จะทำให้ได้รับพลังเพิ่มขึ้น


แต่ปัจจุบัน ราชาไร้พ่ายตายไปแล้ว เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันมาสนใจกริด ผู้สืบทอดทักษะของมาดรา


“…ตกลง”


กริดพยักหน้าหลังจากอ่านรายละเอียดภารกิจจบ


ทันใดนั้น หน้าต่างภารกิจที่มีกำหนดระยะเวลาห้านาทีได้แสดงขึ้น


ชายหนุ่มไม่รีรอ รีบเปิดใช้บัฟทั้งหมดและลงมือรำดาบผสานผ้าชนิด ตามด้วยการกระตุ้นชุนโปในวินาทีที่รำดาบเสร็จสมบูรณ์


“…เดี๋ยวก่อน เอาใหม่”


ดวงตาเลอราเฆ่เบิกโพลงขณะขอแก้มืออย่างสุภาพ


แม้จะยังนั่งอยู่บนบัลลังก์ แต่ร่องรอยบาดแผลจาก ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ ได้ปรากฏขึ้นที่แขนทั้งสองข้าง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,863
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. 5555555 แก้สัญญาแทบไม่ทัน

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00