จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,233



“ฝ่าบาทต้องรีบกลับไปในคืนนี้ ที่นี่อันตราย”


‘อะไรนะ…?’


เสียงกระซิบของดยุคสไตม์ทำให้กริดเกิดคำถามมากมาย


ฟรอนเทียร์ หัวเมืองใหญ่อันดับหนึ่งแห่งดินแดนตอนเหนือ ขณะเดียวกันก็เป็นเมืองสุดขอบชายแดนโอเวอร์เกียร์


เนื่องจากรายล้อมด้วยภูเขาและสภาพอากาศหนาวเย็นเกินต้านทาน ฟรอนเทียร์ในอดีตจึงติดต่อกับเมืองหลวงและการปกครองส่วนกลางได้ยากลำบาก จำเป็นต้องบริหารแบบแยกตัวเป็นเอกเทศ


อีกหนึ่งปัญหาสำคัญนอกจากสภาพอากาศคือระยะทางที่ไกลเกินไป ส่งผลให้กลุ่มกบฎที่ต่อต้านกริดมักสุมหัวในละแวกนี้


แต่สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปในช่วงหลัง


จากเหตุการณ์ลักพาตัวช่างตัดเย็บกางเกงในเมื่อหลายปีก่อน กริดตื่นตัวและส่งสมาชิกกิลด์โอเวอร์เกียร์คอยเป็นหูเป็นตาข้างกายดยุคสไตม์ นั่นจึงหมายความว่า หากมีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น มันจะได้รับแจ้งข่าวทันที


สำหรับดยุคสไตม์ที่คอยปกป้องชายแดนจากคนเถื่อนและมอนสเตอร์ การสนับสนุนจากกริดในครั้งนี้นับว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะกำแพงด้านระยะทางถูกทำลายลงในทันที


ฉะนั้น ฟรอนเทียร์จึงมีได้ขาดการติดต่อจากเมืองหลวงเหมือนในอดีต และตามข้อมูลของสายข่าวที่ส่งมาเมื่อวาน ยังไม่มีเหตุการณ์ผิดปรกติเกิดขึ้นในฟรอนเทียร์แม้แต่เรื่องเดียว


‘แต่พ่อตาบอกว่ามีอันตราย…’


“เข้าไปดื่มอะไรข้างในก่อนเถอะ”


ดยุคสไตม์ฉีกยิ้มกว้าง พลางผายมือเข้าไปในปราสาทอย่างอบอุ่น สีหน้าดำมืดอันตรธานหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก


“แต่งตัวแบบนี้ไม่หนาวหรือ”


ดยุคสไตม์ถอดเสื้อคลุมของตนสวมให้จิสึกะ


อันที่จริง ในฐานะเจ้าของคันศรฟินิกซ์แดง อากาศแค่นี้ทำอะไรจิสึกะไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น หญิงสาวก็ยินดีรับไมตรีจากอีกฝ่าย


“สำหรับฝ่าบาทคงไม่ต้องใช่ไหม”


“ไม่ต้อง”


กริดในชุดเกราะวัลฮัลล่า เดินตามดยุคสไตม์เข้าไปจนถึงห้องทำงาน


จากนั้น มันซักถาม


“อันตรายที่ว่าคืออะไร? กลุ่มกบฏ ?”


“ไม่ขอรับ พวกมันถูกจัดการไปนานแล้ว”


“ถ้าอย่างนั้น…?”


“เผ่าดราโกเนี่ยนบางส่วนอพยพขึ้นไปอยู่บนเทือกเขาเคอัส”


“…!!”


ถัดจากกำแพงเมืองฟรอนเทียร์มีเทือกเขาสูงตระหง่านทอดเป็นแนวยาว มันคือหนึ่งในเทือกเขาที่ใหญ่ที่สุดของทวีปตะวันตก เกิดจากการรวมตัวของภูเขาหลายลูก พาดผ่านตัดกันไปมาจนมีลักษณะคล้ายวังวน


ตำนานกล่าวไว้ว่า มังกรเคยอาศัยที่นั่น


> ฉันได้ยินมาว่า ลำพังทางเข้าเทือกเขาเคอัสก็มีมอนสเตอร์เลเวล 400 แล้ว เข้าไปลึกอีกสักนิดก็จะมีกลุ่มที่เลเวล 500… ดราโกเนี่ยนต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ถึงอาศัยในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้


จิสึกะที่ประหลาดใจ รีบกระซิบกับกริด


> มอนสเตอร์เลเวล 400 จะปรากฏตัวแถวทางเข้าไม่มาก เรียกได้ว่าค่อนข้างหายาก มอนสเตอร์ส่วนใหญ่มีเลเวลแค่ 200 ถึง 300 เท่านั้น


> เห… งั้นหรือ ข่าวลือโม้เกินจริงสินะ


> เปล่า… ไม่ได้เกินจริง


> …?


> ถ้าเข้าไปลึกสักนิด บริเวณดังกล่าวจะมีมอนสเตอร์เลเวล 500 ชุกชุม สกังก์เป็นคนยืนยันกับฉันในเรื่องนี้


> …!


ยิ่งข้ามสันเขา ระดับความยากของเทือกเขาเคอัสก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น


เขตสันเขาแรกจะเต็มไปด้วยมอนสเตอร์เลเวล 200 ถึง 300 เป็นหลัก นี่คือศัตรูตัวฉกาจสำหรับดินแดนตอนเหนือมานานกว่าร้อยปี


บางครั้งจะมีมอนสเตอร์จากเขตสันเขาที่สองหรือสามหลุดมาปะปนบ้าง เดือดร้อนดยุคสไตม์ต้องนำกองทัพอัศวินออกไปปราบปรามด้วยตัวเองอย่างตึงมือ


สำหรับสันเขาที่สี่ ดยุคสไตม์เคยพยายามสำรวจหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ


มีข่าวลือว่า มอนสเตอร์ในสันเขาที่สามแข็งแกร่งกว่าสันเขาที่สองราวสองเท่า แถมยังมีระบบนิเวศแสนเลวร้าย


“ข้อมูลดังกล่าวถูกต้องแน่หรือ ถึงจะเป็นเผ่าดราโกเนี่ยน แต่การอาศัยอยู่ในเทือกเขาเคอัสเป็นเวลานาน มันออกจะเกินไปสักหน่อย…”


“เหตุผลหลักที่พวกมันย้ายมาอยู่บนเทือกเขาเคอัส ก็เพื่อสนองความกระหายในการต่อสู้ที่เป็นธรรมชาติของเผ่าดราโกเนี่ยน”


“ใครเป็นคนบอก”


“พวกมันพูดเอง”


“ตอนไหน…?”


“เมื่อเช้าขอรับ เผ่าดราโกเนี่ยนส่งทูตมาหาพวกเรา”


ดยุคสไตม์เริ่มสั่นเทา


ขณะมันหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ความหวาดกลัวยังคงไม่จางหาย


“พวกมันบอกว่า พรุ่งนี้ยามเช้า ดราโกเนี่ยนจะลงมาเล่นสนุกกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมือง หากทำให้มีความสุขได้แม้เพียงหนึ่งนาที สัญญาว่าจะไม่รุกรานดินแดนแห่งนี้ไปชั่วชีวิต”


เรื่องนี้เป็นผลพวงจากการมอบอิสรภาพให้แก่อมนุษย์ของจักรวรรดิซาฮารัน


เผ่าดราโกเนี่ยนที่ควรเก็บตัวเงียบจากนโยบายของอดีตจักรวรรดิ ปัจจุบันได้รับอิสระกลับคืนมาและเริ่มย้ายถิ่นฐาน


“…ได้แต่หวังว่า ด้วยฐานะเผ่าพันธุ์อันสูงส่ง พวกมันจะรักษาสัญญา”


เผ่าดราโกเนี่ยนมีชื่อเสียงในความแข็งแกร่ง


แม้แต่ในอดีต ยุคสมัยที่จักรวรรดิซาฮารันยังคงกำราบอมนุษย์ทั่วทวีป การปราบปรามหรือกวาดล้างดราโกเนี่ยนก็ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้อัศวินสีชาดราวครึ่งหนึ่ง มหาจอมเวทอีกหนึ่งคน และทหารราบอีกนับหมื่น เพียงเพื่อกดดันพวกมันไว้ในถิ่นฐานตัวเอง


หรือก็คือ กำลังทหารของแดนเหนือไม่มีทางทำสงครามชนะดราโกเนี่ยนได้เลย


แม้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อกำจัดให้สิ้นซาก แต่ก็คงหลีกเลี่ยงความเสียหายใหญ่หลวงไม่ได้


หลังจากนั้น ดยุคสไตม์ที่เริ่มมีใบหน้าซีดขาว หันไปมองลาเด็นด้านข้าง


สีหน้าของลาเด็น อัศวินอันดับหนึ่งแห่งดินแดนเหนือ กำลังเผยให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยว


“กระหม่อมจะทำให้ดราโกเนี่ยนพึงพอใจเองขอรับ ดังนั้น ฝ่าบาทและท่านดยุคไม่ต้องกังวล”


“…”


ในวินาทีนี้ กริดเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า เหตุใดดยุคสไตม์ถึงให้ตนรีบกลับไปในตอนกลางคืน


กริดแข็งแกร่งกว่าลาเด็น


หากมันอยู่ค้างคืนจนถึงเช้า สถานการณ์จะเปลี่ยนไปจากเดิม ผู้ถูกสังเวยให้เผ่าดราโกเนี่ยนจะไม่ใช่ลาเด็น แต่เป็นกริด


ถูกต้อง ‘สังเวย’


ลาเด็นหวังเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของดินแดนภาคเหนือ


ช่างน่าขัน เด็กหนุ่มพรสวรรค์ผู้เป็นความหวังของแดนเหนือ กลับต้องตายเพื่อให้แดนเหนือสงบสุข


“ไอ้พวกระยำนั่น…”


จิสึกะกัดฟันกรอด แววตาขึงขังเจ็บแค้น


เธอต้องการออกไปสู้กับพวกดราโกเนี่ยน


กริดที่นั่งข้างจิสึกะ จับข้อมือเธอและหันไปพูดกับลาเด็น


“อัศวิน… ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง”


ชายหนุ่มนึกทบทวนความทรงจำเก่า


ย้อนกลับไปสมัยเรียน เมื่อครั้งที่กริดถูกเด็กเกเรกลั่นแกล้งด้วยพละกำลัง ประหนึ่งเป็นเพียงของเล่นไร้ค่า


ไม่มีใครสมควรถูกรังแกด้วยกำลัง


“ฉันไม่อยากเห็นใครถูกทำเป็นของเล่น”


“…!”


“อย่าคิดเหยื่อของความรุนแรง คือผู้เสียสละอย่างกล้าหาญและมีเกียรติ”


“…!”


ใบหน้าลาเด็นพลันบิดเบี้ยว


มันเจ็บปวดเสียจน กำปั้นสองข้างกำแน่น


เล็บจิกเข้าไปในเนื้อ


ปึด. ปึด.


ติ๋ง…


เลือดไหลเป็นทาง หยดลงบนพื้นหินอ่อน


“ถ้าอย่างนั้น… กระหม่อมต้องทำเช่นไร”


เกิดในดินแดนแห่งนี้


เติบโตมาพร้อมกับความศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวมาร์ควิสสไตม์ ผู้คอยทำสงครามเพื่อปกป้องชาวเหนือให้รอดพ้นจากสัตว์ประหลาดและอากาศอันหนาวเย็น


มันใฝ่ฝันจะเป็นอัศวินมาตลอด


และโชคก็เข้าข้าง ลาเด็นเกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันหาตัวจับยาก


นับตั้งแต่วินาทีเข้ารับตำแหน่ง ลาเด็นให้สัตย์สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อมาร์ควิสสไตม์ตราบจนชีวิตจะหาไม่


ถูกต้อง มันไม่เสียดายชีวิต


แต่เมื่อได้ยินถ้อยคำทำร้ายจิตใจจากฝ่าบาท อัศวินหนุ่มเกิดความสับสนและสั่นคลอน


“…”


กริดจ้องเข้าไปในดวงตาที่กำลังสั่นระริกของลาเด็น โดยยังไม่ลืมครั้งแรกที่ได้พบกับอัศวินหนุ่มตรงหน้า ย้อนกลับไปตอนนั้น ลาเด็นยังมีใบหน้าอ่อนเยาว์ เพิ่งพ้นช่วงวัยรุ่นไม่นาน แต่ปัจจุบันได้เติบโตขึ้นจนมากมีอายุไล่เลี่ยตน


ได้ยินมาว่า หมอนี่มีลูกสามคนแล้ว…


ขณะสัมผัสถึงความแน่วแน่ของอีกฝ่าย กริดตรวจสอบรายละเอียดไอเท็มทุกชิ้นที่ลาเด็นกำลังสวมใส่


หมวกเหล็ก ชุดเกราะ เกราะไหล่ ถุงมือ เข็มขัด เกราะเท้า และผ้าคลุม ข้อมูลทั้งหมดถูกเปิดเผยด้วยพลังเนตรแพ็กม่า


ไม่ผิดจากที่คาดมากนัก


ในฐานะอัศวินอันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือ อุปกรณ์สวมใส่ของลาเด็นอยู่ในระดับท็อป


เกรดยูนีคเป็นอย่างต่ำ


แต่กระนั้นก็ยังมีจุดบกพร่อง เนื่องจากลาเด็นต้องเป็น ‘สัญลักษณ์’ ให้กองทัพแดนเหนือ อุปกรณ์ส่วนใหญ่จึงเน้นความสวยงามมากกว่าประสิทธิภาพ แถมยังไม่มีโบนัสเซตไอเท็ม


‘ขอบคุณสวรรค์’


ชายคนนี้ยังเก่งขึ้นได้อีกมาก…


“กระหม่อม… ควรทำอย่างไรดี”


กึก.


กริดลุกยืน ตบบ่าลาเด็นแผ่วเบา จากนั้น ชายหนุ่มเดินตรงไปยังหน้าต่างและเปิดออก คล้ายกับต้องการระบายอากาศในห้อง


“นายต้องเอาชนะ… และเอาชีวิตพวกมัน”


“…!”


“คิดจะสร้างความสุขให้พวกมัน? เหลวไหลสิ้นดี! นายต้องเชือดพวกแม่งทิ้งต่างหาก!!”


ผู้บุกรุกนิสัยโอหังต้องถูกตักเตือนด้วยไม้แข็ง


คนของแดนเหนือทั้งแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว


ไม่ใช่ของเล่นให้ลูกหลานจิ้งเหลนย่ำยี


เรื่องราวจะต้องดำเนินไปในทิศทางดังกล่าว


เท่านั้น


กริดมองออกไปนอกหน้าต่าง ปลายสายตาคือเทือกเขาเคอัสถัดจากกำแพงฟรอนเทียร์


มันยืนจ้องเช่นนั้นเป็นเวลานาน จนกว่าชุนโปจะสุ่มแสดงผล


“กระหม่อมควรทำ—!”


ขณะลาเด็นกำลังพึมพำด้วยแววตาเหม่อลอย


ฉึบ.


กริดหายตัวไปแล้ว


ท่ามกลางสีหน้าสุดตื่นตระหนกของลาเด็นและดยุคสไตม์ จิสึกะระเบิดเสียงหัวเราะ


“…นายไม่ได้เป็นแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ~”


จิสึกะหลงใหลกริดที่การกระทำและคำพูด


เธอชอบผู้ชายโผงผาง คิดอย่างไรก็พูดเช่นนั้น แม้จะไม่เข้าหูใครไปบ้าง แต่แบบนี้ดีก็กว่าพวกนักวางแผนที่หวังผลประโยชน์ลับหลัง


“อ๊าง~ เท่จังเลย… ไม่ไหวแล้ว~”


“…”


“…”


เมื่อเห็นจิสึกะกำลังหน้าแดงและหายใจกระเส่า ดยุคสไตม์กับลาเด็นทำได้เพียงเงียบงัน


***


‘หืม… ที่นี่เข้าทางเราพอดี’


เหตุผลหลักที่เทือกเขาเคอัสซึ่งมีมอนสเตอร์เลเวลสูงอาศัยชุกชุม แต่กลับไม่กลายเป็นหนึ่งในจุดเก็บเลเวลยอดนิยม เพราะสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายและไม่เป็นมิตร


พายุหิมะที่ทำให้อากาศเย็นจัดจนน้ำแข็งกัดผิวหนัง บึงนรกที่กัดกร่อนอุปกรณ์สวมใส่ รวมไปถึงพิษและกับดักทางธรรมชาติอีกนับไม่ถ้วน


ค่อนข้างยากที่ผู้เล่นทั่วไปจะอาศัยอยู่บนนี้ได้เป็นเวลานาน


จากการประเมินของสกังก์ ผู้เล่นต้องมีค่าต้านทานธาตุน้ำแข็ง 90% ค่าต้านทานพิษ 80% และทักษะตรวจจับกับดักขั้นสูง Lv.5 ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย


นอกจากนั้น หากไม่ต้องการให้ไอเท็มชำรุดทันทีที่ตกลงไปในบึง ไอเท็มทุกชิ้นต้องมีค่าความคงทนไม่ต่ำกว่า 800 หน่วย


‘เราไม่กลัวกับดัก เพราะไม่มีทางเล็ดลอดไปจากประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ได้’


ด้วยเกราะวัลฮัลล่า ค่าต้านทานพิษจึงไม่ใช่ปัญหา เฉกเช่นค่าต้านทานธาตุน้ำแข็ง และเหนือสิ่งอื่นใด ไอเท็มแทบทุกชิ้นของกริดมีค่าความคงทนอนันต์


ฉึบ.


กริดหลบกับดักทุกชนิดง่ายดาย และมาถึงสันเขาที่สี่ภายในระยะเวลาอันสั้น


แม้มอนสเตอร์ในแม็ปจะมีเลเวลเกือบ 450 แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกริด ถึงจะถูกสัตว์คล้ายไดโนเสาร์บินกระหน่ำโจมตีทางอากาศตลอดทาง แต่ชายหนุ่มก็ผ่านไปได้ด้วยหัตถ์เทวะ


‘หลังจากนี้คงเริ่มอันตราย…’


เพียงไม่นาน กริดพาตัวเองมาถึงสันเขาที่ห้า แล้วมันก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้พบโกเล็มลาวาท่ามกลางอากาศหนาวเย็น


‘480…’


หลังจากสังหารโกเล็มลาวาที่กระโจนลงไปในบึงซึ่งรอบข้างปกคลุมด้วยหิมะ ชายหนุ่มได้รับข้อมูลมอนสเตอร์และประสบการณ์จำนวนหนึ่ง


จริงอยู่ กริดต้องขอบคุณเอฟเฟค ‘บรรลุ’ ที่ช่วยปรับแต่งหลอดค่าประสบการณ์ พัฒนาการทางเลเวลจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


แต่นี่ไม่ใช่เวลามัวดีใจ


หากเผ่าดราโกเนี่ยนสามารถดำรงชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทรหดยิ่งกว่านี้ ก็แน่ชัดแล้วว่า เลเวลพวกมันต้องไม่ต่ำกว่า 500 ระดับ


แย่แฮะ…


ถึงลาเด็นจะเป็นอัจฉริยะที่หาพบได้ยาก เกิดมาพร้อมสมญานามพรสวรรค์แห่งภาคเหนือ แต่เลเวลในปัจจุบันกลับยังแค่ 380 เท่านั้น


อาจเพราะอายุยังน้อย การเจริญเติบโตจึงยังไม่ถึงจุดเบ่งบานอย่างก้าวกระโดด


‘ไม่ว่าไอเท็มจะโอเวอร์เกียร์มากเพียงใด แต่ก็ยากที่จะกลบส่วนต่างถึง 200 เลเวล…’


ทุก 100 เลเวลจะมีระบบการตื่นค่าสถานะ


เลเวล 499 และ 500 จึงต่างกันราวท้องฟ้ากับหุบเหว


เงื่อนไขขั้นต่ำที่ลาเด็นจะเอาชนะเผ่าดราโกเนี่ยนได้ก็คือ ต้องมีเลเวล 400 ขึ้นไป


‘จริงอยู่ เทรูชานอาจมีเลเวลสูงผิดแผกไปจากค่าเฉลี่ยของมนุษย์ แต่นั่นเพราะอีกฝ่ายคือ NPC พิเศษ มอนสเตอร์ทั่วไปไม่มีทางเลเวลสูงขนาดนั้นแน่’


อย่างมาก ค่าเฉลี่ยเลเวลของดราโกเนี่ยนก็คงอยู่ในระดับไม่เกิน 400 ตอนปลาย


ยิ่งใช้ความคิด กริดก็ยิ่งเร่งฝีเท้า


เมื่อเข้าไปถึงเขตป่าลึกด้านใน ชายหนุ่มจงใจฆ่ามอนสเตอร์ด้วยทักษะอลังการ เสียงดัง และมีเอฟเฟคฉูดฉาดมากเป็นพิเศษ


เพียงไม่นาน ความต้องการก็เป็นผล


“มนุษย์…? ฮะฮะ! ใจร้อนจังเลยนะ ข้าบอกแล้วไง ว่าจะไปรบกวนพวกเจ้าตอนพรุ่งนี้เช้า”


ดราโกเนี่ยนปรากฏตัว


แต่เรื่องน่าประหลาดใจก็คือ อีกฝ่ายเลือกโจมตีใส่กริดทันที


‘เอฟเฟคพันธสัญญาไม่มีประโยชน์เลยหรือ’


ด้วยสมญานาม <ราชาสหเผ่าพันธุ์> กริดทำ <พันธสัญญา> กับเฮ่าและได้รับเอฟเฟคเชิงบวกหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือ เป็นมิตรกับเผ่าดราโกเนี่ยนได้ง่ายขึ้น


แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น เผ่าพันธุ์สายเลือดมังกรป่าเถื่อนกว่าที่คิด…


ทว่า กริดกลับมองว่าเป็นเรื่องดี


แสยะ.


ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างพลางพ่นลมหายใจเหยียดหยัน จากนั้น มันปรี่เข้าใส่ดราโกเนี่ยนโดยปราศจากความเกรงกลัว


‘ฉันจะขุดจุดอ่อนพวกแกออกมาทั้งหมด!’


และพรุ่งนี้เช้า ดราโกเนี่ยนจะต้องประหลาดใจเมื่อถูกลาเด็นร่างโอเวอร์เกียร์ซัดจนหงายหลัง


ทำให้พวกแกสนุกได้สักหนึ่งนาที…?


เอาตีนไปแดกก็แล้วกัน…


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,628
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. พระเอกกรูป่าเถื่อนกว่าไอ้จิ้งเหลนดร้าโกเนี่ยนอีก

    ReplyDelete
  2. สมแล้วที่ เทพกริดเคย สถุนหมามาก่อน

    ReplyDelete
    Replies
    1. ทำไมเอาเรื่องจริงมาพูดเล่นแบบนี้ละค้าบ🤣🤣🤣

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00