จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,219



“เขามีพลังใจเข้มแข็งมาก”


“นั่นสินะ…”


สภาของหอแห่งปัญญาล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงจากสมัยอดีต ดังนั้น จะเกิดเรื่องใหญ่ตามมาแน่นอน หากบุคคลซึ่งสาบสูญไปนานได้กลับมาปรากฏตัวบนโลกอีกครั้ง


ไม่เพียงจะมีปัญหาด้านความวุ่นวาย แต่ยังมีปัญหาด้านจิตใจรวมอยู่ด้วย


สภาหอคอยแต่ละคนย่อมมีบ้านเกิด และจิตใจพวกมันย่อมเอนเอียงไปหาประเทศของตนเป็นอันดับแรกเสมอ


นี่คือสาเหตุว่าทำไม หอแห่งปัญญาถึงต้องตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์


เพื่อความสงบสุขของโลกมนุษย์ หอแห่งปัญญาต้องเป็นเอกเทศ เป็นความลับ และห้ามถูกแพร่งพรายไปถึงหูผู้ใดโดยเด็ดขาด


จึงหมายความว่า หอคอยขนาดมโหฬารซึ่งกริดมองเห็นก่อนเดินผ่านเข้ากรอบประตู แท้จริงแล้วเป็นเพียงภาพลวงตา


นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก


หอคอยอันมีชะตากรรมต้องถูกปิดเป็นความลับสุดยอดของโลก ย่อมไม่ควรโดดเด่นสะดุดตาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?


แต่ปัญหาคือ กริดมิได้เอะใจเลยสักนิด และสร้างมายาคติขึ้นเองว่า ‘หอคอยมีขนาดใหญ่’


จึงเกิดเป็นภาพจำขึ้น


แต่เรื่องนั้นพอจะเข้าใจได้ เพราะหัวใจมังกรอันเป็นแกนกลางของหอคอย ได้ผสานเข้ากับสุดยอดเวทมนตร์ของมหาจอมเวทหลายคน จนกริดถูกหลอกเสียสนิทว่า หอแห่งปัญญามีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริงนับหมื่นเท่า


แถมยังถูกหลอกตาซ้ำซ้อนด้วยความมืดสนิทซึ่งมองไม่เห็นแม้แต่ฝ่ามือ สลับกับภาพลวงตาลานกว้างไร้ขอบเขตด้านใน


กริดจึงเชื่อว่าภาพทั้งหมดเป็นของจริง


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มิได้หวาดหวั่น


เมื่อเห็นลานกว้างอันปราศจากจุดสิ้นสุด ชายหนุ่มเพียงก้มหน้าวิ่งอย่างไม่ลดละ และเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ตนจะวิ่งไปถึงขอบเขตของดินแดนแห่งนี้หากไม่หยุดพักกลางคัน


จนกระทั่ง ‘ความเชื่อ’ อันเข้มแข็งของกริดทำลายภาพลวงตาของหอคอยสำเร็จ ห้วงมิติหดกลับไปเป็นอัตราส่วนตามโลกความจริงอีกครั้ง


ภายในห้วงมิติอันกว้างใหญ่และสามารถขยายขนาดออกไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีจุดสิ้นสุด กริดกลับผ่านบททดสอบซึ่งมีเวลากำจัด 5 ชั่วโมงได้ภายใน 1 ชั่วโมงเท่านั้น


“…นอกจากบีบัน ไม่เคยมีใครผ่านการทดสอบด้วยวิธีนี้มาก่อน”


เวทมนตร์ลวงตาภายในหอแห่งปัญญาได้รับแหล่งพลังงานจาก ‘หัวใจมังกร’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากกริดจะแยกแยะไม่ออกด้วยตาเปล่า


อย่างไรก็ตาม ถ้ากริดมีไหวพริบสักเล็กน้อยเหมือนหัวแถวและสภาหอแห่งปัญญาคนก่อน ๆ มันก็ควรฉุกคิดได้ว่า หอแห่งปัญญาซึ่งน่าจะเป็นความลับสุดยอด ไม่ควรมีขนาดใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ได้ในแง่ความสมเหตุสมผล


นั่นคือทริกในการผ่านบททดสอบ


ความจริงแล้ว ชั้น 1 ของหอแห่งปัญญาไม่ใช่การทดสอบร่างกาย แต่เป็น ‘จิต’


แต่กริดไม่ทราบเรื่องนั้น จึงต้องออกแรงวิ่งไปทั่วลานกว้างไร้ขอบเขต แต่อย่างน้อยก็ยังผ่านบททดสอบมาได้โดย ‘บังเอิญ’


ด้วยความเชื่อว่าตน ‘จะพบทางออก’ มิใช่ความคิดว่า ‘หอคอยเป็นเพียงภาพลวงตา’


นับเป็นไหวพริบและสติปัญญาระดับต่ำกว่ามาตรฐานของผู้มาเยือนหอคอยคนอื่นพอสมควร


“ถ้าจำไม่ผิด ทุกคนยกเว้นบีบันสามารถผ่านการทดสอบของชั้น 1 ได้ไม่ยาก แม้กระทั่งหัวแถวคนก่อนอย่างครอเกล”


“ถึงน่าผิดหวังอยู่บ้าง แต่ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมีโอกาสทดสอบ ‘จิต’ กับ ‘กาย’ ของเขาในคราวเดียว ไม่ต้องเสียเวลากับชั้น 2 ไปอย่างเปล่าประโยชน์”


“นั่นก็จริง”


หญิงสาวพยักหน้ารับ และส่งข้อความเสียงไปถึงกริดผู้กำลังรอคอยการทดสอบถัดไป


“ขอแสดงความยินดี คุณผ่านการทดสอบของหอคอยชั้น 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว จงเดินขึ้นไปยังชั้น 3 เพื่อรับการทดสอบทางด้าน ‘เทคนิค’ ”


***


“ขอแสดงความยินดี คุณผ่านการทดสอบของหอคอยชั้น 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว จงเดินขึ้นไปยังชั้น 3 เพื่อรับการทดสอบทางด้าน ‘เทคนิค’ ”


เสียงของหญิงสาวกระจ่างชัดราวกับกำลังยืนพูดข้างใบหูกริด


แต่จากประโยคยาว ๆ ของเธอ ชายหนุ่มกลับสนใจเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น


‘ขอแสดงความยินดี คุณผ่านการทดสอบของหอคอยชั้น 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว…’


“…หึหึ”


กริดเลื่อนมือขึ้นมาเสยผม มุมปากยกโค้งอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็พูดกับตัวเองด้วยอากัปกิริยาคล้ายกับลอเอลผู้ป่วยเป็นโรคม.2


“ฉันคนนี้คงเผลอแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมออกไปโดยไม่รู้ตัวสินะ”


ในการทดสอบแรก มันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจาก ‘วิ่งไปเรื่อย ๆ’ จนพบบันไดสู่ชั้นสอง


แต่ถึงกระนั้น ข้อความระบบกลับแจ้งว่ากริดผ่านการทดสอบของชั้น 2 แล้ว สถานการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนมันเกิดความเข้าใจผิด


ชายหนุ่มเข้าใจว่าตนแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมเกิดไป จนทำให้การทดสอบของชั้น 2 ไม่จำเป็น


แต่ในความเป็นจริง เป็นเพราะขาดแคลนไหวพริบและสติปัญญา มันจึงเผลอแสดงฝีมือทั้งทาง ‘กาย’ และ ‘จิต’ ในคราวเดียว จึงไม่จำเป็นต้องทดสอบเพิ่มเติมให้ซ้ำซ้อน


แต่สอบผ่านก็คือสอบผ่านเหมือนกัน ไม่สนขั้นตอนและวิธีการ และเมื่อกริดผ่านการทดสอบทั้งสองชนิดแล้ว จึงมีสิทธิ์ขึ้นไปทดสอบบนหอคอยชั้นสามได้ทันที


“การไปเยือนทวีปตะวันออกของเราคราวนี้นับว่าไม่เสียเที่ยวจริง ๆ …”


ถึงจะไม่แสดงออก แต่ในความเป็นจริง มันค่อนข้างประหม่ากับบททดสอบของหอคอย


กลุ่มคนเหล่านี้มีชีวิตอยู่เพื่อล่ามังกร…


หอแห่งปัญญาเต็มไปด้วยอดีตตำนานทรงพลังระดับบีบัน เป็นตัวตนซึ่งกริดยังเอื้อมไม่ถึงในตอนนี้ ส่งผลให้มันคิดว่า การทดสอบอาจมีระดับสูงเกินกว่าตนจะจินตนาการออก


แต่ในความเป็นจริง


‘ก็ไม่ยากเท่าไรนี่นา…’


เมื่อลองมานึกทบทวน แบบนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผลดีแล้ว นี่ไม่ใช่การทดสอบเพื่อคัดเลือกสมาชิกสภาหอคอยสักหน่อย เป็นแต่การทดสอบคุณสมบัติของ ‘หัวแถว’ ไม่ควรจะยากหรือซับซ้อนเกินไป


คิดมาถึงตรงนี้ กริดเดินขึ้นไปยังชั้น 3 และมองสำรวจทัศนียภาพรอบตัว


น่าแปลก…


หอคอยชั้นแรกกว้างขวางจนยากจะประเมินความใหญ่โตได้ชัดเจน ทว่า ชั้น 2 กับ 3 กลับมีขนาดปรกติเหมือนกับหอคอยทั่วไป กว้างเพียง 50 พยอง เพดานต่ำ ดูคล้ายกับห้องใต้หลังคามากกว่าห้องหลัก


‘หรือว่าชั้น 2 กับ 3 จะถูกแบ่งออกเป็นหลายห้อง…?’


ขณะกริดกำลังครุ่นคิดหาคำตอบ ข้อความระบบแสดงขึ้นตรงมุมสายตา


[ท่านสามารถใช้งานทักษะและเวทมนตร์]


[แต่ยังคงห้ามใช้งานไอเท็มหรือไอเท็มสิ้นเปลืองทุกชนิด]


[ระบบจะทำการปรับแต่งสมรรถภาพร่างกายเพื่อให้สามารถประเมิน ‘เทคนิค’ ของท่านได้อย่างแม่นยำ]


[ค่าพละกำลัง ความอดทน ความว่องไว และสติปัญญา ถูกลดเหลือ 300 หน่วยชั่วคราว]


[ท่านสูญเสียเอฟเฟคของ ‘สัดส่วนทองคำ’ ระหว่างพละกำลังและความว่องไว]


‘นึกแล้วเชียว…’


แต่ไหนแต่ไร กริดเคยตั้งข้อสงสัยกับตัวเองอยู่หนึ่งเรื่องมาตลอด


จวบจนปัจจุบัน เหตุใดผู้เล่นทั่วโลกถึงไม่เคยทราบเอฟเฟคของ ‘สัดส่วนทองคำ’ ระหว่างพละกำลังและความว่องไว?


จริงอยู่ แต้มสถานะอาจมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ยากจะคงสภาพ 1:1 ไว้ได้นาน โดยเฉพาะในหมู่ผู้เล่นเลเวลต่ำซึ่งมีการเพิ่มระดับเลเวลบ่อยครั้ง


แต่ถึงอย่างนั้น ในบรรดาผู้เล่นกว่าสองพันล้านคน ย่อมต้องมีคนทำอัตราส่วน 1:1 ระหว่างพละกำลังและความว่องไว ได้ไม่ต่ำกว่าสิบล้านคนแน่นอน


แต่ทำไมถึงไม่มีข้อมูลของ ‘อัตราส่วนทองคำ’ ถูกประกาศสู่สาธารณชนเสียที? หรือแม้แต่ในข่าวลือก็ไม่เคยปรากฏ


กริดคิดได้สองเหตุผล


หนึ่ง การจะได้รับเอฟเฟค ‘สัดส่วนทองคำ’ ระหว่างพละกำลังและความว่องไว จำเป็นต้องมีเลเวลถึงช่วงกำหนดเสียก่อน


ตัวอย่างเช่น ระบบสัดส่วนทองคำจะไม่แสดงผลกับผู้เล่นเลเวล 200 หรือ 300 แต่ต้องมีเลเวลสูงกว่า 400 เท่านั้น


สอง ระบบสัดส่วนทองคำจะแสดงผลก็ต่อเมื่อ ผู้เล่นมีค่าพละกำลังและความว่องไวสูงถึงระดับหนึ่งเสียก่อน


ตัวอย่างเช่น อาจไม่มีเอฟเฟคสัดส่วนทองคำในช่วง 1,000 แต้ม แต่จะเริ่มมีผลตั้งแต่ 2,000 ถึง 3,000 แต้มเป็นต้นไป


หากเป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าว ก็พอจะเข้าใจได้ว่า เหตุใดระบบสัดส่วนทองคำจึงยังไม่ถูกรู้จักอย่างแพร่หลาย


และในวินาทีนี้ กริดได้รับคำตอบแล้ว


ไม่เกี่ยวกับเลเวล แต่เป็นปริมาณแต้มสถานะต่างหาก… หลังจากค่าพละกำลังและความว่องไวถูกปรับลดเหลือ 300 ถ้วน เอฟเฟคสัดส่วนทองคำจึงหายไป…


‘สรุปได้ว่า หากแต้มสถานะอื่นเพิ่มขึ้น ก็คงมีสัดส่วนทองคำชนิดอื่น ๆ ซ่อนอยู่อีก… เราต้องค้นหาให้พบ…’


อย่างไรก็ตาม กริดไม่กังวลกับเรื่องนี้นานนัก การมัวกังวลเกี่ยวกับอนาคตอีกยาวไกล รังแต่จะสิ้นเปลืองพลังงานอย่างเปล่าประโยชน์


ชายหนุ่มขจัดความคิดฟุ้งซ่าน สายตาชำเลืองไปทางชั้นวางของตรงหน้า


ดาบไม้ ดาบโค้ง หอก ธนู ลูกศร ไม้กระบอง สนับมือ และอาวุธอีกหลายชนิด ทั้งถูกวางเรียงรายไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ


ทันใดนั้น เสียงของผู้นำทางดังขึ้น


“กรุณาเลือกอาวุธ”


‘เผื่อไว้ก่อนดีกว่า…’


หลังจากครุ่นคิดสักพัก กริดเลือกหยิบดาบ หอก ธนู และลูกศร


คนนำทางไม่ซักถาม


มีสภาหอคอยจำนวนไม่น้อยที่เชี่ยวชาญการใช้อาวุธหลายชนิดในระดับสูง ตัวกริดซึ่งเลือกอาวุธเพียงสามชนิดจึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรนัก


“การทดสอบของชั้น 3 เริ่มขึ้นแล้ว”


ตึง!


เมื่อสิ้นเสียงผู้นำทาง เพดานหอคอยได้เปิดออก พร้อมกับการกระโดดลงมาของบุคคลปริศนา


เป็นชายวัยกลางคน เครายาวถึงอก เส้นคิ้วตรงยาว ดวงตากระจ่างชัด แต่งกายภูมิฐาน และมีบุคลิกสง่างาม


บรรยากาศภาพรวมทำให้กริดนึกถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยมาดเท่


แต่อีกฝ่ายมิได้พกอาวุธใดเลย


“หัวแถวกริด ยินดีที่ได้รู้จัก พวกเราอาจเพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก แต่สำหรับข้า เจ้าไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด”


“…?”


เราไม่ใช่คนแปลกหน้า?


เขาใช้เวทมนตร์คอยจับตามองเรา?


‘แบบนี้ก็เห็นเหล็กมังกรคลั่งแล้วสิ?’


ภารกิจคืนเหล็กมังกรคลั่งกำลังจะล้มเหลว?


แล้วละโมบล่ะ… จะถูกยึดคืนด้วยไหม?


“ตลอดสองสามเดือนหลัง ทุกการเข้าห้องน้ำของข้าจะต้องทนฟังชื่อเจ้าเสมอ”


“หือ… ห้องน้ำ?”


คำอธิบายของอีกฝ่ายทำให้กริดเกิดความสับสนยิ่งกว่าเก่า


“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ อา… มาเริ่มบททดสอบกันดีกว่า ชื่อของข้าคือ ‘อเบลลิโอ้’ ลำดับ 7 ของหอแห่งปัญญา ผู้แต่งแต้มโลกด้วยพู่กัน”


“…?”


แต่งแต้มโลกด้วยพู่กัน?


กริดคาดเดา ‘อาชีพ’ ของอเบลลิโอ้ได้ทันที


หลังจากแนะนำตัวเสร็จ ชายวัยกลางคนคลี่กระดาษสำหรับวาดรูปออก และหยิบพู่กันถือในมืออีกข้าง


‘จิตรกร!’


ไม่มีอาชีพใดสูงต่ำไปกว่ากัน


กริดเคยตระหนักถึงเอฟเฟคอันทรงพลังของ ‘สุดยอดงานศิลป์’ จากฝีมือปิกัสโซ่มาแล้ว จึงเริ่มเผยสีหน้าอึมครึมและกำดาบไม้ในมือแน่นขนัด


อเบลลิโอ้ลูบเครายาวพลางหัวเราะ


“สหาย ทำตัวตามสบาย นี่เป็นเพียงการทดสอบ ข้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเจ้า ฝ่ายโจมตีมีเพียงเจ้าเท่านั้น จงโถมพลังทั้งหมดเข้าใส่ข้าได้โดยไม่ต้องเกรงใจ”


น้ำเสียงเป็นมิตรจนน่าเหลือเชื่อ


นั่นสินะ… หอแห่งปัญญาย่อมมอบความเกรงใจให้หัวแถวอย่างเราประมาณหนึ่ง…


ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยสีหน้าผ่อนคลาย


“จะลุยละนะ”


ฟุ่บ—


ช้ามาก


ใจของกริดขยับไปเร็วกว่าร่างกายซึ่งถูกทำให้ช้าลงเกือบสิบเท่า


คล้ายกับทุกซอกมุมของร่างกายถูกโซ่ตรวนคอยพันธนาการ กริดหงุดหงิดจนต้องการหลุดพ้นจากความอึดอัดเช่นนี้โดยเร็ว


“ร่ายรำ!”


ท่ารำดาบเก่าแก่ พัฒนาจากวิชาดาบแพ็กม่า สู่เทคนิคจอมดาบแพ็กม่า จนมาถึงวิชาดาบกริด


ยิ่งท่ารำดาบถูกพัฒนา ‘ร่ายรำ’ ก็ถูกพัฒนาตามไปด้วย


ในปัจจุบัน ท่าร่ายรำไม่นำความเร็วโจมตีของตัวละครมาคิดคำนวณอีกแล้ว


ไม่ว่ากริดจะมีค่าความว่องไวเท่าใด แต่คลื่นดาบก็จะถูกยิ่งออกไป 20 เส้นภายในหนึ่งวินาที


ฟุ่บ!


ฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บฟุ่บ—!


กริดผู้เคลื่อนไหวร่างกายได้เชื่องช้า กลับขยับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างปราณดาบจำนวนมหาศาล โถมเข้าใส่อเบลลิโอ้อย่างไร้ความปรานี


“ไม่เลว”


ฉึบ!


อเบลลิโอ้ตวัดพู่กันคล่องแคล่ว จากนั้น ภาพของไข่มุกสีดำจำนวน 20 เม็ดได้ปรากฏบนแผ่นกระดาษอย่างรวดเร็ว


ซู่ว—


ไข่มุกดำกลุ่มใหญ่ลอยออกจากแผ่นกระดาษ และพุ่งทำลายคลื่นดาบทั้ง 20 เส้นของชายหนุ่มจนราบคาบ


ดวงตากริดพลันสั่นระริกเมื่อตระหนักว่า อีกฝ่ายมีพลัง ‘วาดภาพและทำให้เป็นจริง’


เฉกเช่นออร่ามาสเตอร์ ‘ฮูเร็น’ และนักลวงตา ‘แบล็ก’ พลังในการเปลี่ยนภาพจินตนาการให้เป็นความจริงนั้นน่ากลัวและไร้ขีดจำกัด


แต่ทางอเบลลิโอ้ก็มิได้นิ่งนอนใจเช่นกัน


กริดอาจมองไม่เห็น แต่อเบลลิโอ้ได้ขยับศีรษะหลบไปทางด้านข้างหนึ่งเซนติเมตร


จุดประสงค์เพื่อหลบ ‘ลมเฉือน’ อันเป็นผลพวงจากการใช้ร่ายรำ


‘ถึงจะไม่ใช่ระดับสุดยอด… แต่ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว เข้าใจแล้วว่าทำไมบีบันชอบกล่าวถึงชายคนนี้อย่างตื่นเต้นเสมอ’


ย้อนกลับไปหลังจากกริดเริ่มโจมตี อเบลลิโอ้อ่านท่วงท่าอย่างทะลุปรุโปร่งด้วยตาเปล่า และตอบโต้กลับมาโดยการวาดไข่มุก 20 เม็ดเพื่อสลายคลื่นดาบ 20 เส้น แต่เรื่องจากมองไม่เห็นเวทมนตร์แฝงของบราฮัม จึงเกือบลงเลยด้วยการถูกสร้างบาดแผลเป็นทางยาวบนแก้ม


เหตุการณ์เมื่อครู่นับว่ากระตุกต่อมความสนใจของอเบลลิโอ้ได้ไม่น้อยทีเดียว


กริดตามซ้ำด้วย ‘สยบ’ ทันที มันไม่ต้องการพลาดช่องว่างขนาดใหญ่อันเกิดจาก ‘ร่ายรำ’ ในจังหวะแรก


เคร้ง!!


อย่างไรก็ตาม ‘เส้น’ สีดำซึ่งอเบลลิโอ้วาดขึ้นอย่างชำนาญ ได้พุ่งขัดขวางมิให้กริดใช้งาน ‘สยบ’ ได้ทันเวลา


“…!”


ไม่ว่าจะว่องไวสักเพียงใด และไม่ว่ากริดจะช้าลงกว่าเดิมแค่ไหน แต่กับวิชาดาบ ‘สยบ’ ซึ่งใช้จังหวะรำแค่ครึ่งก้าว กลับถูกอีกฝ่ายตอบโต้ได้ทันท่วงที?


ผลลัพธ์ไม่คาดฝันทำให้สีหน้ากริดเริ่มดำมืด


ว่ากันตามตรง อเบลลิโอ้จะไม่ตื่นตัวเช่นนี้หากวิชาดาบกริดมิได้แฝงเวทมนตร์บราฮัมเอาไว้


หรือก็คือ ถ้าลมเฉือนไม่เกือบสร้างบาดแผลบนแก้ม มันก็คงยังไม่ตั้งใจต่อสู้ และอาจตอบสนองต่อ ‘สยบ’ ของกริดไม่ทันเวลา จนลงเอยด้วยการสูญเสียเส้นผมหรือหนวดเครา


“เทคนิคนี้ก็ไม่เลว”


ในสายตาอเบลลิโอ้ คำว่า ‘ไม่เลว’ ถือเป็นเกียรติสูงสุดซึ่งกริดจะได้รับจากตนแล้ว


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น จะให้ข่านชมเด็กหนุ่มผู้เป็นตำนานยังไม่ถึง 20 ปีมากแค่ไหนกัน?


“คลื่น!”


“ไม่เลว”


“สังหาร!”


“พอใช้”


“ทำลายล้าง”


“ก็พอได้”


“สะพรั่ง!”


“น่าผิดหวัง


“มายาร่ายรำสะพรั่ง!”


“…หือ?”


“สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร!”


“นี่มันออกจะ…”


ขณะกำลังยืนประเมินท่าโจมตีของกริดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ดวงตาอเบลลิโอ้พลันเบิกกว้างกะทันหัน


มันเริ่มเผยสีหน้าหนักใจเป็นหนแรก


อเบลลิโอ้สัมผัสถึงภัยคุกคามได้จากปราณดาบกลีบดอกไม้จำนวนมหาศาลท่วมท้นท้องฟ้า เมื่อรู้สึกเช่นนั้น มันรีบวาดภาพตอบสนองด้วยความเร็วสูง และโปรยปรายภาพวาดของตนจนเต็มท้องฟ้าบรรยากาศ หวังสลายการโจมตีอันหนักหน่วงของกริดให้หมดจด


[‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’ ของท่านถูกสลายทิ้ง]


‘อะไรกัน…’


กำลังจะบอกว่าทักษะผสาน 4 ชนิดซึ่งคอมโบกับการสร้าง ‘มาร์ค’ ถูกสลายไปโดยไม่สามารถสร้างได้กระทั่งรอยขีดข่วนบนร่างศัตรู?


ขณะกริดกำลังหัวเสีย อเบลลิโอ้ได้มอบการประเมินใหม่


“ยอดเยี่ยม…”


ชมเชย.


มันไม่เคยคิดว่าตนจะต้องกล่าวคำในลักษณะนี้ต่อหน้าเด็กหนุ่ม


สายตาอเบลลิโอ้เพ่งมองกริดอย่างคาดหวัง


แต่กริดกลับยังไม่พึงพอใจ


เสแสร้งกล่าวคำปลอบใจหลังจากเพิ่งสลายหนึ่งในท่าไม้ตายของเราทิ้งอย่างง่ายดาย?


‘อวดดีนักนะ!’


กริดเปิดใช้งาน ‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’ โดยหวังสั่งสอนอเบลลิโอ้ผู้เอาแต่หยอกเย้าเหมือนกับตนเป็นเพียงเด็กเล็ก


ทันใดนั้น


“อันนี้ไม่ดี”


อเบลลิโอ้กล่าวคำติเตียนเป็นหนแรก พร้อมกับวาดคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ และปล่อยออกจากกระดาษเพื่อซัดสาดกริดให้กระเด็นออกไป


“แม่ง…!!”


พลังในการเปลี่ยนภาพวาดให้เป็นความจริงนับว่าเอาเปรียบกันเกินไป แถมอเบลลิโอ้ก็ยังวาดรูปได้เร็วผิดมนุษย์อย่างมาก ไม่ปล่อยให้กริดได้พักหายใจเหมือนตอนดวลกับฮูเร็น


หลังจากสึนามิซัดโถมเข้าใส่ กริดตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบทันที


ท่ามกลางกระแสน้ำหนักหน่วง กริดดิ้นรนได้ยากลำบากเนื่องจากถูกลดทอนแต้มสถานะลงเกือบสิบเท่า ส่งผลให้ร่างกายซึ่งช้ามากอยู่แล้ว ถูกทำให้ช้าลงจนแทบจะหมดหนทางต่อต้าน


กริดมองว่า นี่คงเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของหอแห่งปัญญา เพื่อประเมินว่าตนจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์สิ้นหวังด้วยวิธีใด ดังนั้น ยิ่งเมื่อทำอะไรไม่ได้ มันก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง


แต่กริดไม่เคยคิดยอมแพ้


ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากจากสึนามิ ชายหนุ่มกัดฟันขว้างหอกใส่อเบลลิโอ้ โดยเตรียมคอมโบต่อด้วย ‘ดาบลอบสังหารทัพสามแสน’ หลังจากอเบลลิโอ้ก้มหน้าวาดพลังถัดไปเพื่อสลายหอกทิ้ง


แต่อเบลลิโอ้กลับยืนวาดภาพโดยไม่ต้องก้มหน้ามอง เพียงพริบตา เชือกเส้นใหญ่หลายสิบได้โผล่จากอากาศว่างเปล่า และตึงกริดไว้อย่างแน่นหนาจนมิอาจกระดุกกระดิก


“บัดซบ…!”


เมื่อเห็นชายหนุ่มถูกตรึงโดยสมบูรณ์ อเบลลิโอ้กล่าวเสียงทุ้มต่ำ


“เป็นเพราะร่างกายและจิตใจเริ่มเสื่อมโทรมลงทีละนิดเนื่องจากแบกรับภาระไว้มากเกินไป… หากต้องการพัฒนา เจ้าก็ต้องแก้ไขในส่วนนี้ให้ถูกต้องเสียก่อน… อา… คงไม่ง่ายแน่”


“…!”


กริดฉุกคิดได้ทันที


นี่คือความลับของการอัปเลเวล!


เสียงจากผู้นำทางดังขึ้นอีกครั้ง


“ขอแสดงความยินดี คุณผ่านการทดสอบของหอคอยชั้น 3 แล้ว หัวแถวกริด หอแห่งปัญญายินดีต้อนรับอย่างเป็นทางการ”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,614

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. มันส์มากกกกก
    ขอบคุณสำหรับงานแปลนะครับ ยังคงติดตามและเข้ามาอ่านเสมอเลย

    ReplyDelete
  2. 👍👍👍
    สนุก​มาก​ครับ
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete
  3. กริดคือน้ำเต็มแก้วอย่างแท้จริง ด้วยที่ไม่มีต้นแบบ ไม่มีอาจารย์คอยสอน ไม่ยอมเรียนรู้เพิ่มเติม ด้วยความที่พลังเยอะเกิน จนขาดบางสิ่งไป

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00