จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,217



ไรน์ฮาร์ทคือเขตอุตสาหกรรมตีเหล็กขนาดใหญ่อันดับหนึ่งของทวีป ปล่องไฟนับพันพ่นควันออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน บรรยากาศนับว่าคล้ายคลึงประเทศอังกฤษในช่วงต้นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม


แต่ไรน์ฮาร์ทมีสติกส์


ในฐานะปรมาจารย์ด้านภูต สติกส์ร่วมมือกับภูตธาตุลมเพื่อฟอกอากาศของไรน์ฮาร์ทให้สะอาดตลอดเวลา


“ส่วนหยางเฟยก็…”


ภายใต้ท้องฟ้าสีครามอันงดงาม


ณ ทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามสุดลูกหูลูกตา


ขณะเดินเคียงคู่กริดท่ามกลางวิวทิวทัศน์อันงดงาม ไอรีนยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา


หญิงกำลังสาวเล่าเหตุการณ์มากมายภายในวังขณะกริดไม่อยู่ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข


‘ทำไมเธอถึงดีขนาดนี้…’


ชายหนุ่มเจ็บปวดหัวใจไม่น้อย เมื่อเห็นไอรีนทำตัวร่าเริงและพยายามชวนตนคุยเรื่อยเปื่อย


ปัจจุบัน ลอร์ดมีอายุ 13 ขวบ


ไอรีนต้องแบกรับความโดดเดี่ยวไว้ตามลำพัง และพยายามแสดงออกในมุมร่าเริงเพื่อไม่ให้กริดเกิดความกังวลใจ


‘เธอคงแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยครั้ง…’


ไอรีนอาจเข้มแข็ง อาจเป็นราชินีผู้เด็ดเดี่ยวและจิตใจอ่อนโยน แต่เป็นเพราะเคยถูกสาวกยาธานลักพาตัว จึงมีแผลใจติดตัว โดยจะหวาดกลัวต่อความเดียวดายและอ้างว้าง


“…”


ทันใดนั้น ไอรีนซึ่งกำลังเล่าเรื่องอย่างร่าเริง พลันเบือนหน้าหนีเมื่อตระหนักว่ากริดกำลังเพ่งมองรอยย่นเริ่มขอบตาของตน


ชายหนุ่มจับคางหญิงสาวและหมุนกลับมาประสานสายตา ก่อนจะให้คำมั่นสัญญาพลางใช้ฝ่ามือลูบคลำริ้วรอยอย่างทะนุถนอม


“เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”


“ฝ…ฝ่าบาท…?”


“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว”


ค่าความทนทานของหน้ากากหนังเฟย์ริสยังคงเหลืออีก 8 หน่วย


หมายความว่า มันมีโอกาสมอบบารมีเทพให้ไอรีนได้ไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง


ภรรยาของตนจะถูกยืดอายุขัยออกไปในฐานะเป้าหมายความศรัทธา มันไม่เคยเคลือบแคลงในสิ่งนี้


กริดสวมกอดหญิงสาวแนบแน่น


***


“สุดยอด… ลูกชายพ่อโตเร็วขนาดนี้เชียว?”


หลังจากแยกกับไอรีนซึ่งมีนัดเข้าร่วมกิจกรรมของโบสถ์รีเบคก้า กริดตรงมายังลานฝึกซ้อมภายในวังเพื่อพบบุตรชายของตน ลอร์ด


แต่กลับต้องผิดคาด เนื่องจากหน้าต่างสถานะของลอร์ดผู้กำลังจะมีอายุครบ 14 ปีในอีกสองสามเดือนข้างหน้า เต็มไปด้วยความไม่ปรกติมากมาย


ไม่เพียงทักษะพื้นฐานจำพวกยิงธนู วิชาดาบ เพลงหอก ศิลปะการต่อสู้ จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ทักษะพิเศษอย่างวิชาลับดาลูก้า วิชาลับลันเทียร์ สายตาเฉียบแหลม ได้ยกระดับกลายเป็นทักษะติดตัวอย่างสมบูรณ์


ดูเหมือนค่าสถานะ ‘วินัย’ อันเกิดจากการสั่งสอนอย่างเข้มงวดของไอรีนและสติกส์ จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญช่วยผลักดันสิ่งเหล่านี้


‘แต่ว่า… ทำไมเกรดของทักษะเสน่ห์อันเหลือล้นถึงได้เพิ่มขึ้นด้วย?’


ระบบเสน่ห์ในซาทิสฟายมีทั้งแบบอัตโนมัติและแบบสร้างด้วยตัวเอง


ยกตัวอย่างเช่น การพูดจาดีและมีบุคลิกสง่างามจะช่วยให้ NPC มองว่ามีเสน่ห์


แต่ทักษะ ‘เสน่ห์อันเหลือล้น’ ของลอร์ดนั้นเป็นแบบอัตโนมัติ โดยมีพื้นฐานเป็นเกรด ‘S’ มาตั้งแต่เกิด


ลำพังเกรด S ก็ทำให้ทุกคนเกิดความหลงใหลอย่างไร้เหตุผลแล้ว ยิ่งถูกยกระดับขึ้นมาแบบนี้ สำหรับกริด นี่ไม่ใช่ข่าวดีเลยสักนิด


“ลอร์ดจะถูกลักพาตัวไหม…?”


ขณะชายหนุ่มกำลังยืนเป็นกังวล เงาด้านหลังได้ยืดขึ้นพร้อมกับก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์


ไม่ใช่ใครนอกจากเฟคเกอร์ ภายใต้คำชี้แนะของราชันแห่งเงา คาซิม เฟคเกอร์กลายเป็นผู้ชำนาญคาถาเงาภายในเวลาอันสั้น


“นายไม่ต้องกังวล ลอร์ดถูกคุ้มครองโดยหน่วยเงาโอเวอร์เกียร์ทุกลมหายใจ”


ในช่วงหลายปีหลัง เฟคเกอร์ทำงานอย่างหนักเพื่อรีดศักยภาพของตัวเอง จุดประสงค์คือการปกป้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จากในเงามืด


หลังจากเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาลับลันเทียร์ มันก็กลายเป็นเครื่องจักรสังหารอย่างสมบูรณ์


อาวุธลับสูงสุดประจำวังหลวง


ไม่เกินจริงไปนักหากจะกล่าวว่า นอกจากกริด ก็ไม่มีใครในกิลด์โอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งไปกว่าเฟคเกอร์อีกแล้ว


หากมีชายคนนี้คอยปกป้อง กริดสามารถทิ้งลอร์ดไว้ในเมืองหลวงได้อย่างสบายใจ


“ขอบคุณ… ตลอดมาและตลอดไป”


“ฉันเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง”


และขอบคุณเช่นกัน สำหรับความไว้วางใจโดยไม่เคยเคลือบแคลง…


เฟคเกอร์ต้องการกล่าวออกไป แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก มันกลับรู้สึกเขินอาย จึงทำเพียงหายตัวกลับลงไปในเงาดำ


‘ด้วยลมหายใจมังกรครามจากทวีปตะวันออก เราจะสร้างไอเท็มเซตให้เฟคเกอร์’


กริดให้คำมั่นสัญญา ตามด้วยการอุ้มลอร์ดขึ้นมานั่งบนไหล่ และเดินพาไปยังห้องอาหารพลางสนทนาประสาพ่อลูก


แต่ระหว่างทาง มันเริ่มพบความประหลาด


“ป้าซูเอเล่าให้ฟังว่า…”


“แล้วป้าซูเอเขาก็…”


“ป้าซูเอตลกมาก…”


…ฮานซูเอ เธอทำอะไรกับลูกฉัน!


‘ไม่สิ เราอาจคิดมากไป’


กริดนั่งกินอาหารพลางสวดภาวนาให้ความกังวลของตนไม่ใช่เรื่องจริง จากนั้น มันพาลอร์ดแวะไปเยี่ยมโรงตีเหล็กซึ่งห่างหายไปนาน


และไม่ผิดคาด ชายหนุ่มระเบิดสุดยอดฝีมือการตีเหล็กระดับทัดเทียมเทพ ให้ช่างตีเหล็กระดับช่างฝีมือ รวมถึงลอร์ด ได้ประจักษ์อย่างเต็มสองตา


สำหรับผลงานคราวนี้ เซตมังกรคราม ผู้สวมใส่ไม่ใช่ใครนอกจากเฟคเกอร์


***


“หมดแล้วหรือ?”


“ถูกต้อง”


“นึกแล้วเชียว…”


เมื่อทราบถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของหน้ากากหนังเฟย์ริส กริดจึงหาโอกาสทำให้ไอเท็มชิ้นนี้อยู่กับตนไปตลอดกาล


ถ้าเป็นไปได้ มันต้องการฟื้นฟูค่าความคงทนของหน้ากากหนังกลับคืนมา


อย่างไรก็ตาม สองอัจฉริยะอย่างสติกส์และบราฮัมก็มิอาจมอบคำตอบให้ได้ ทางออกสุดท้ายจึงเป็นการส่งคำเชิญไปยังช่างเย็บหนังชื่อดังทั่วทั้งทวีป


แต่ผลลัพธ์กลับล้มเหลว


แม้ลอเอลจะช่วยรวบรวมบรรดาช่างเย็บหนังระดับช่างฝีมือมาให้หลายคน แต่การพูดคุยกับพวกมันก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ไม่มีใครกล้าแตะต้องหน้ากากหนังของจอมอสูรแม้แต่รายเดียว


‘ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้งานอย่างระมัดระวัง…’


กริดทำหน้าเศร้า


มันยังกลับถึงบ้านได้ไม่ครบห้าวัน แต่ก็มีกำหนดการต้องออกเดินทางไปอีกครั้ง


ตลอดห้าวันผ่านมา กริดทำงานอย่างหนักโดยไม่หยุดพัก เพราะพวกพ้องได้แห่นำลมหายใจเทพสี่ทิศจากงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ มาให้ช่วยผลิตเป็นไอเท็ม


ลอเอลต้องการให้กริดเปลี่ยนใจ หยุดพักผ่อนเพิ่มอีกสักสามวัน จึงพยายามโน้มน้าวให้ออกไปเยี่ยมดินแดนซึ่งเป็นของอาณาจักรเก๊าส์เดิม


กริดย่อมเห็นถึงความปรารถนาดีของอีกฝ่าย แต่ชายหนุ่มทำได้เพียงยิ้มจืดชืด


“ไว้ฉันกลับมาคราวหน้า สัญญาว่าจะแวะไปเยี่ยมเยียนดินแดนแห่งใหม่ของพวกเรา แต่ตอนนี้เวลาของฉันไม่พอ นายก็คงทราบดี…”


มาตรวัดความสุขของดินแดนอาณาจักรเก๊าส์เดิมยังเพิ่มไม่ถึงค่าสูงสุด


แม้ว่าอัสโมเฟลและคนของกิลด์โอเวอร์เกียร์จะพยายามอย่างสุดฝีมือแล้ว แต่เนื่องจากชาวเมืองยังไม่เคยเห็นใบหน้าราชา พวกมันย่อมมิอาจมอบความจงรักภักดีได้อย่างสุดหัวใจ


กริดย่อมทราบ และต้องการจะไปเยือน


การเพิ่มค่าความจังรักภักดีจะช่วยสร้างประโยชน์ให้อาณาจักรได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรืออัตราการเก็บภาษี


แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยอย่างแท้จริง


“เข้าใจแล้ว… ฝ่าบาทจงเดินทางไปหาวิธีแก้ไขแก้ปัญหาเกี่ยวกับเลเวลเสียก่อน จึงค่อยกลับมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง”


“ไปดีมาดีครับ… พระบิดา”


“ฉันอบขนมหวานมาให้ ไว้รับประทานเมื่อคุณหิวนะคะ”


“พยายามเข้านะเพื่อน!”


“ขอบใจมากทุกคน แล้วฉันจะรีบกลับมา”


เมื่อกล่าวคำอำลาครอบครัวและคนสนิทเสร็จ กริดเดินเท้าออกจากวังหลวง


ทว่า มีใครบางคนกำลังยืนดักรออยู่ด้านนอก


“จะออกไปผจญภัยอีกแล้วหรือ…”


สองดาวเด่นประจำงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติปีล่าสุด ผู้ช่วยให้ประเทศเกาหลีใต้คว้าเหรียญทองได้โดยไม่ต้องพึ่งพากริด


ยูร่าและจิสึกะ


เมื่อพวกเธอได้ยินว่ากริดกำลังจะออกเดินทางอีกครั้ง จึงรีบวิ่งออกมาดักรอ


“เราก็จะไปกับนายด้วย!”


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเธอแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด การพาเกาหลีใต้คว้าแชมป์โลกคือเครื่องพิสูจน์ในเรื่องนั้น และเมื่อตระหนักถึงอันตรายซึ่งกริดอาจต้องเผชิญ พวกเธอจึงไม่ต้องการให้ชายหนุ่มออกผจญภัยตามลำพัง


ทั้งสองคนต่างมั่นใจ ตอนนี้พวกตนไม่ใช่ตัวถ่วงสำหรับกริดอีกแล้ว


อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มส่ายหน้า


ในปัจจุบัน กริดยอมรับในฝีมือของพวกเธอและเชื่อว่าจะไม่เป็นภาระ ยิ่งไปกว่านั้น การมีคลาสโจมตีระยะไกลคอยสนับสนุนขณะตนรับบทบาทตัวแทงค์ ถือเป็นการผจญภัยในอุดมคติของผู้เล่นซาทิสฟาย


แต่ปลายทางคราวนี้คือหอแห่งปัญญา


อนุญาตให้ ‘หัวแถว’ เข้าได้แค่คนเดียว…


หลังจากฟังคำอธิบายจนจบ ยูร่าพยักหน้ารับเล็กน้อย ส่วนจิสึกะยืนตัวสั่นระริก


“มีของแบบนั้นด้วยหรือ? เข้าได้เฉพาะอันดับหนึ่งของโลก… ชิ! ฉันล่ะอิจฉานายนัก!”


ความฝันสูงสุดของจิสึกะไม่เคยแปรเปลี่ยน


นอกจากต้องการเอาชนะใจกริด เธอยังคงวางเป้าหมายเป็นอันดับหนึ่งของโลกตลอดมา


มโนภาพในอุดมคติของจิสึกะก็คือ ก้าวขึ้นไปเป็นท้องฟ้าคนใหม่ โดยมีกริดคอยให้ความช่วยเหลืออยู่เคียงข้าง


เราอยากให้กริดนอนบนตักและเอาหน้าอกถูไปมา…


“…อะแฮ่ม!”


เมื่อกระแสความคิดไหลไปในทิศทางผิดศีลธรรม ใบหน้าของจิสึกะเริ่มแดงก่ำ พลางเผยรอยยิ้มอย่างเขินอาย


“ฉันจะแย่งอันดับหนึ่งมาจากนายให้ได้! จากนั้นก็ผูกขาดสิทธิประโยชน์ของท้องฟ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหออะไรก็ช่าง! กริด จงเสพสุขให้พอใจจนกว่าจะถึงตอนนั้น!”


“ฮะฮะ! เข้าใจแล้ว…”


ถึงแม้คุณสมบัติของ ‘หัวแถว’ คนถัดไปคือบุคคลแรกผู้อัปเลเวลไปถึง 500 ไม่ใช่อันดับหนึ่งของโลก แต่กริดก็ไม่อยากขัดคอจิสึกะ เพราะอีกฝ่ายกำลังกระตือรือร้นและอารมณ์ดี


หลังจากชายหนุ่มจากไป จิสึกะและยูร่าจึงมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง


ฝ่ายหลังหันมาจ้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา


“เธออ่อนแอกว่าฉันด้วยซ้ำ ยังหวังจะเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกหรือ”


“ฮื้อฮือ~ คืนนี้ฉันมีนัดกินซุปมิโสะบ้านกริดด้วยแหละ~”


“คิดว่าอยู่บ้านติดกันแล้วจะชนะรึไง…”


“แน่นอนค่า~ เมื่อคืนก็แวะไปกินหมู่สามชั้นกับพ่อแม่กริดมาด้วย…”


จิสึกะพลันชะงักคำพูดยั่วยุ


สาเหตุเพราะว่า ยูร่าได้ขึ้นลำปืนเวทมนตร์พร้อมกับเล็งมายังหน้าผากของเธอ


“ชิ! ทำไมถึงได้ดุเป็นหมาขนาดนี้! ถ้าคิดว่าไม่ยุติธรรมก็ย้ายมาอยู่ข้างบ้านกริดสิ! นังอำมหิต!!


“ไม่น่าเชื่อ… เผ่นป่าราบเลยแฮะ”


จิสึกะผู้หยิ่งทระนง ยามนี้กำลังวิ่งหนีการไล่ยิงของยูร่าโดยไม่แยแสสายตาคนรอบข้าง


‘เผ่นป่าราบ’ คำนี้ไม่เกิดจริงเลยสักนิด


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ต่างทราบดีว่า จิสึกะเป็นหญิงแกร่งและไม่เคยหวาดหวั่นในเรื่องใด


แต่เธอกลับยอมอ่อนข้อให้ยูร่า


“ฉายา ‘แม่มด’ คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย…”


“…กริด พยายามเข้านะ”


ผู้เล่นชายหลายคนต่างเห็นใจ เพราะหัวหน้ากิลด์ของตน กำลังเดินบนเส้นทางรักสามเส้าร่วมกับอีกสองสตรีสุดอันตรายของโลก


***


เฮร่าเดินประคองซุบ ‘โสมคุนลุ้น’ เข้าไปในหมู่บ้านเงียบสงัดอย่างระมัดระวัง


หมู่บ้านนี้มีชื่อว่า ‘ลันเทโต้’


ลึกเข้าไปด้านในสุดมีปราสาทหลังใหญ่ของลูกค้าตั้งอยู่ อีกฝ่ายกำลังรอให้เฮร่าช่วยรักษาชีวิตของบุตรชายป่วยกระเสาะกระแสะ


‘หมอกหนาตลอดทั้งปีเลยรีไง…’


ขณะมาเยี่ยมเมื่อครึ่งปีก่อน หมอกได้จับตัวหนาจนแทบมองไม่เห็นทางข้างหน้าเหมือนกับในตอนนี้ แถมตลอดทางก็ไม่เคยพบชาวบ้านคนอื่นเดินสวนกันเลย


พรึบพรึบ!


“กรี๊ด!”


เฮร่ากรี๊ดสนั่นเมื่อได้ยินเสียงค้างคาวกระพือปีกจากด้านข้าง


ยิ่งเดินเข้าไป เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตนคือนางเอกในหนังสยองขวัญสั่นประสาท


ด้วยความคิดดังกล่าว เมื่อลองมองไปรอบตัว เฮร่าพบว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ปรกติเลยสักนิด


แต่หญิงสาวยังคงไม่หยุดเดิน สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จนกระทั่งเริ่มเห็นปราสาทหลังเก่าอยู่บนเนินเขาในจุดไม่ห่างออกไป


ภายในนั้นมีคนไข้ใกล้ตาย


“กรี๊ด…!”


หลังจากเฮร่าเดินปีนเขาอย่างยากลำบากจนกระทั่งถึงหน้าปราสาท ขณะกำลังหยุดพักหายใจหายคอ หญิงสาวพลันร้องเสียงหลง


เธอยังไม่ทันจะเคาะประตู แต่ประตูกลับเปิดออกด้วยตัวเอง


แอ๊ด~


หัวใจเฮร่าพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อได้ยินเสียงบานพับไม้เก่าดังเสียดสี พร้อมกับการปรากฏตัวของลูกค้าผิวซีด ร่างกายซูบผอม


“ได้ยามาแล้วหรือ…?”


ผิวพรรณอีกฝ่ายขาวซีดจนผิดธรรมชาติ


ดวงตาสีฟ้าขุ่นมัว ยากจะอ่านอารมณ์


ลูกค้าของเธอมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับแวมไพร์ในภาพยนตร์ทุกประการ ราวกับอีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากและเผยเขี้ยวสีขาวให้เห็น หากหมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้กับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เธอคงปักใจเชื่อว่าลูกค้าของตนคือแวมไพร์


อย่างไรก็ตาม แถบนี้ห่างไกลจากไรน์ฮาร์ทนับพันลี้ และฟันของลูกค้าก็มิได้แหลมยาว


ถูกต้อง อีกฝ่ายเป็นมนุษย์


เป็นสภาพแสนอิดโรยของบิดาผู้พยายามทำทุกวิถีทางให้บุตรชายมีชีวิตรอด


“ใช่ค่ะ ดิฉันนำมาแล้ว มันจะต้องได้ผลแน่”


“โอ้…! เชิญเข้ามาได้เลย…”


ลูกค้ารีบเดินนำเฮร่าขึ้นไปบนชั้นสอง


เขากำลังดีใจเพราะลูกชายใกล้หายป่วย?


ฝีเท้าของลูกค้าย่ำลงบนขั้นบันไดด้วยจังหวะค่อนข้างเร่งรีบ


“ใจจริง ฉันอยากปรุงยาไว้หลายชุดตามความต้องการของคุณ แต่เนื่องจากวัตถุดิบมีราคาสูงมาก จึงปรุงได้แค่สองชุดเท่านั้น…”


เมื่อถูกพามายังห้องผู้ป่วย เฮร่าไม่รอช้า เธออธิบายสรรพคุณทางยาอย่างคร่าว พร้อมกับตักซุปราดลงไปในปากของเด็กชายนิทรา


ทันใดนั้น


ตึก…


ตึกตัก!


ท่ามกลางห้องเงียบสงัด เสียงเต้นของหัวใจเด็กชายซึ่งคล้ายกับหยุดทำงานไปนานแล้ว พลันก้องกังวานอย่างแจ่มชัด


ลูกค้าส่งเสียงสะอื้น


“ฮะ… ฮะฮะฮะ! สักที… เป็นอิสระสักที!”


“…?”


เป็นอิสระ?


การแสดงออกของอีกฝ่ายค่อนข้างแปลก


ขณะเฮร่าเริ่มพบความไม่ปรกติ สุ้มเสียงแหบพร่าได้ดังแว่วจากด้านหลัง


“สามารถมอบชีวิตให้ลิชได้จริง… น่าตกใจมากทีเดียว… ตำนานการคืนชีพเจียงซือไม่ใช่เรื่องโกหกสินะ”


“…!”


เฮร่ารีบหันกลับไป และได้พบกับ


บุรุษรูปร่างผอมสูง เส้นผมสีเขียว…


เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นบุคคลสำคัญของวงการซาทิสฟาย ผู้เล่นอย่างเธอย่อมเคยเห็นผ่านตา


มันเดินเข้ามาในห้องและดันลูกค้าของเฮร่าออกไปด้านข้าง ก่อนจะใช้ดวงตาสีทองเพ่งมองหญิงสาวไม่กะพริบตา


“ส่งยาทั้งหมดมาให้ฉัน”


“แอ็กนัส…!”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,611
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. "ส่วนหยางเฟยก็... "??? 🤔
    ใครช่วยอธิบาย​ได้ใหมครับ
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00