จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,227



ลักษณะการเล่นเกมของกริดค่อนข้างพิเศษกว่าชาวบ้าน


แตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นที่มักจะสำรวจเนื้อหาใหม่ทันทีเมื่อมีสิทธิ์เข้าถึง แต่กริดกลับเลือกที่จะดองมันไว้ก่อน


ทำเช่นนี้มานานจนติดเป็นนิสัย


สาเหตุเกิดจาก มันเคยบุ่มบ่ามสำรวจเนื้อหาใหม่อย่างส่งเดชและไม่เตรียมตัว ส่งผลให้ต้องเผชิญความล้มเหลวหลายหน จนเริ่มจำฝังใจ


เป็นสาเหตุว่าทำไมกริดถึงไม่รีบร้อนทำภารกิจใหม่หรือระบบใหม่ทันที แต่จะวิเคราะห์จนมั่นใจเสียก่อนค่อยลงมือ


และยังเป็นเหตุผลว่าทำไม กริดถึงไม่รีบแวะไปเยือนหอแห่งปัญญาทันทีหลังจากได้รับอนุญาตด้วยสิทธิ์ของหัวแถว


ผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก


หากเปลี่ยนกริดเป็นคนอื่น เกรงว่าหัวแถวคงรีบแจ้นไปยังหอคอยโดยไม่รีรอ นับตั้งแต่วินาทีที่ได้รับสมญานามมาครอบครอง


ยกตัวอย่างครอเกล รายนั้นรีบมุ่งหน้าไปยังหอคอยทันทีเมื่ออ่านรายละเอียดสมญานามจบ


แต่กริดกลับเลือกจะดองไว้


ด้วยความคิดที่ว่า ภารกิจนี้ไม่มีระยะเวลากำหนด ชายหนุ่มจึงเลือกเพิกเฉยต่อเนื้อหาที่ตนสามารถสำรวจไหนก็ได้


นับว่าแตกต่างจากทัศนคติของผู้เล่นปรกติที่มักรีบพัฒนาตัวละครโดยเร็ว เพื่อให้ได้นำหน้าคนอื่นไปหนึ่งก้าว


“…”


ณ สำนักงานใหญ่ SA กรุป


ยุนซังมินจ้องมองเหตุการณ์ภายในหอแห่งปัญญาพลางส่ายหน้า


เป็นที่ทราบกันดี สมาชิกสภาหอคอยจะถูกตั้งค่าให้ชื่นชอบ ‘หัวแถว’ เป็นทุนเดิม


เพราะถ้าเกิดปัญหาที่จัดการด้วยตัวเองไม่ได้อย่างเหล็กมังกรคลั่ง หอแห่งปัญญาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพึ่งพาหัวแถว


ด้วยกลไกและโครงสร้างเช่นนี้ หอคอยจึงต้องผู้มิตรกับหัวแถวให้มากเข้าไว้


เห็นได้ชัดจากหัวแถวคนก่อน ครอเกล


ตัวละครของมันถูกยกระดับทันทีหลังจากแวะมาเยี่ยมเยียนหอแห่งปัญญาเมื่อหลายปีก่อน


ถูกต้อง ความชื่นชอบของสภาหอคอยคือเรื่องปรกติที่หัวแถวทุกคนพึงจะได้รับ


เพื่อผลประโยชน์ของโลก ระบบจึงตั้งค่าไว้ว่า สภาหอแห่งปัญญาจะมอบความช่วยเหลือ ‘พอประมาณ’ ให้แก่หัวแถวคนปัจจุบัน


แต่ในกรณีของกริด จังหวะในการไปเยือนหอคอยนั้นประจวบเหมาะจนน่าตกใจ


หลังจากติดปัญหาเกี่ยวกับการอัปเลเวล ชายหนุ่มตัดสินใจแวะเข้าไปปรึกษาหอแห่งปัญญา รวมถึงสำเร็จภารกิจส่งแร่มังกรคลั่งในคราวเดียว แต่หลังจากกริดครอบครองหัวใจฟินิกซ์แดงจนฮายาเตะรู้สึกทึ่ง ความช่วยเหลือของสภาหอคอยที่ควรจะอยู่ในระดับ ‘พอประมาณ’ จึงกลายเป็นระดับ ‘มหาศาล’ ไปโดยปริยาย


“ความกระตือรือร้นของฮายาเตะพลอยทำให้สภาหอคอยคนอื่นต่างตื่นเต้นที่จะได้พบกริด โดยเฉพาะบีบันที่สนิทสนมอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งชื่นชอบกริดมากกว่าเดิม”


“ด้วยบรรยากาศดังกล่าว บีบันจึงไม่คัดค้านการถ่ายทอดวิชาพลังจิตไร้เทียมทาน”


“ถูกต้อง สำหรับกริด การไปเยือนหอแห่งปัญญาช้ากว่าเวลามาตรฐาน กลับกลายเป็นคุณประโยชน์อย่างมหาศาลโดยไม่ได้ตั้งใจ”


“หืม…”


ผู้อำนวยการทีมปฏิบัติการ ยุนซังมิน นั่งฟังคำอธิบายจากทุกคนด้วยสีหน้าครุ่นคิด


เนื่องจากชอบเฝ้ามองพัฒนาการของกริดในเวลาว่าง มันจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่ทราบว่า กริดมักดองภารกิจใหม่ไว้ทำทีหลังเสมอ


ในหลายครั้ง การทำภารกิจเสร็จช้า จะส่งผลให้เข้าถึงระบบใหม่ได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น


อย่างไรก็ตาม ในเชิงสามัญสำนึก หอแห่งปัญญาควรจะเป็นสิ่งพิเศษสำหรับผู้เล่นทุกคน เพราะมีเพียงแรงค์หนึ่งของโลกเท่านั้นที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าไป


ดังนั้น ถึงจะนับรวมนิสัยชอบดองภารกิจของกริดมาพิจารณา แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะให้เข้าใจว่า เหตุใดชายหนุ่มถึงไม่รีบแวะไปยังหอแห่งปัญญาทันทีหลังจากทราบข่าว


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเหล็กมังกรคลั่งซึ่งเป็นไอเท็มภารกิจอยู่กับตัว ก็สามารถแวะเข้าไปได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องเตรียมพร้อม


“บ้าน่า… หรือว่า… กริดจงใจเข้าหอคอยให้ช้าลงเพื่อผลประโยชน์ที่มากขึ้น?”


“ไม่มีทาง… อย่างกริดเนี่ยนะจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ล่วงหน้า? พวกคุณเพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว”


“ไม่เลย ทฤษฎีนี้นับว่าสมเหตุสมผล… พวกคุณต้องไม่ลืมว่า หอแห่งปัญญาดำรงตนมานานหลายร้อยปีเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียว นั่นคือการสร้างสันติสุขให้โลก”


“อ๊ะ….!”


หรือว่ากริดจะรู้…


รู้ว่า… หากเดินทางไปยังทวีปตะวันออกและสร้างคุณงามความดีในระดับใกล้เคียงการช่วยเหลือโลก ผู้เล่นจะได้รับความชื่นชอบจากหอแห่งปัญญามากเป็นพิเศษ


แน่นอน กริดไม่มีทางคาดเดาได้ว่าของรางวัลจะออกมาเป็นเช่นไร แต่การทำแบบนั้นย่อมดีกว่าไม่ทำแน่นอน


“ไม่ว่าจะเขาโชคดีโดยบังเอิญหรือไม่ แต่พวกเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำของตัวกริดเอง โดยไม่มีใครไปชักนำ”


ประธานลิมชอลโฮกล่าวสรุปเสียงขรึม


ผู้อำนวยการยุนซังมินที่คิดแบบเดียวกัน เพียงฉีกยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ


***


‘เราควรแวะมาหอคอยให้เร็วกว่านี้’


หลังจากกริดได้รับอนุญาตจากบีบันให้ถ่ายทอดพลังจิตไร้เทียมทาน ชายหนุ่มเกิดความนึกเสียดาย


คงดีกว่านี้มาก หากตนแวะเข้ามาคุยกับสภาหอคอยตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน


‘อย่างน้อยก็น่าจะแวะเข้ามาก่อนเดินทางไปยังทวีปตะวันออก’


การสู้กับยังบันคงไม่ต้องรากเลือด


อีกทั้ง ค่าประสบการณ์และเลเวลคงพุ่งกระฉูดยิ่งกว่านี้หลายเท่าตัว ทิ้งอันดับสองจนมองไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลัง


‘เสียดายชะมัด…’


หลังจากกล่าวคำอำลากับบีบัน กริดถอนหายใจยาวพลางเดินไปตามทางภายในหอคอย


ชายหนุ่มมีแผนแวะไปเยี่ยมสภาหอคอยทุกคนก่อนกลับ


เมื่อพิจารณาจากท่าทีที่เป็นมิตร กริดค่อนข้างมั่นใจว่า การไปพบหน้าสภาหอคอยจะสร้างประโยชน์กับตนไม่มากก็น้อย


‘ไหน ๆ ก็มาหอคอยทั้งที แวะเข้าไปทักทายให้ครบทุกคนไปเลย’


จริงอยู่ พวกเขาอาจไม่ใจดีและชื่นชอบกริดเป็นพิเศษเหมือนฮายาเตะและบีบัน บางคนอาจรู้สึกชื่นชม แต่คงมิได้ถึงขั้นมอบของขวัญติดไม้ติดมือกลับไป


แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใด การแวะไปเยี่ยมพวกเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย ลำพังการเพิ่มค่าความสัมพันธ์เพียงสักนิดก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว


ก็อก. ก็อก.


ณ ชั้น 3


กริดกำลังยืนหน้าห้องพักของเจสสิก้า ที่นั่งอันดับ 8 แห่งสภาหอคอย


“…”


ไม่มีการตอบสนอง


คล้ายกับไม่มีคนอยู่


ชายหนุ่มแอบหวังลึก ๆ ว่าตนจะได้รับการถ่ายทอด ‘เวทกังวาน’ เพื่อนำไปสอนให้กับเซ็ดนอสและลาเอลล่าอีกทอดหนึ่ง


“เฮ่อ…”


กริดนึกเสียดาย ก่อนจะหันหลังไปยังอีกด้านหนึ่งของห้องโถง


จากคำบอกเล่าของบีบัน สภาหอคอยที่เป็นสตรีทั้งหมดจะพักรวมกันอยู่บนชั้นสาม


ที่นั่งอันดับ 4 เบ็ตตี้


ในการพบกันครั้งแรก กริดค่อนข้างผิดคาดเมื่อพบว่าเธออยู่ในรูปร่างของเด็กสาว อีกทั้งยังเป็นคนพูดน้อย ทักทายกันเพียงไม่กี่คำ


‘จะเป็นคลาสแบบไหนกันนะ…’


เมื่อพิจารณาจากร่างกายผอมเพรียวที่แทบจะปราศจากมวลกล้ามเนื้อ กริดตัดโอกาสที่เป็นคลาสสายต่อสู้ออกไป


และในเมื่อมีเจสสิก้าเป็นจอมเวทอยู่แล้ว โอกาสที่เบ็ตตี้จะเป็นจอมเวทก็ไม่มากนัก


‘ดังนั้น เธอน่าจะเป็นคลาสสายผลิต…’


คิดมาถึงจุดนี้ เลือดของช่างตีเหล็กในร่างกายพลันพลุ่งพล่าน


กริดกำลังตื่นเต้น เพราะนั่นหมายความว่าตนอาจได้เรียนเทคนิคของสายผลิตชนิดอื่นเพิ่มเติม


ก็อก. ก็อก.


กริดหยุดยืนหน้าห้องของเบ็ตตี้และเคาะ


โชคยังเข้าช้าง เธออยู่ในห้อง


“มีอะไรหรือ”


ดวงตาอันกลมโตของเบ็ตตี้ มองลอดผ่านช่องว่างบานประตูที่เปิดแง้มออกมา


กริดรู้สึกตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรกแล้วว่า ดวงตาของเธอเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล


อาจมิได้เปล่งประกายระยิบระยับ ออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เพราะในดวงตาคู่ดังกล่าวมีความเศร้าหมองเจอปนอยู่พอสมควร แต่กลับทำให้เกิดเสน่ห์อันยากจะหักห้ามใจ


หากไม่เพราะเธอคือยายแก่วัยหลายร้อยปี กริดคงอยากให้เบ็ตตี้มาเป็นลูกสะใภ้ของตน


“ผมมาทักทายก่อนกลับครับ”


“อ้อ… งั้นหรือ… ลาก่อนนะ”


“…?”


ตึง.


หล่อนปิดประตูใส่หน้า


กริดถูกทิ้งให้ยืนเหงาหงอยท่ามกลางห้องโถงบนชั้นสาม บรรยากาศเป็นไปอย่างเหงาหงอยและเงียบงัน จนกระทั่งอเบลลิโอ้เดินขึ้นมาจากชั้นสองและกล่าวทักทาย


“เบ็ตตี้ค่อนข้างขี้อาย ได้โปรดเข้าใจด้วย”


“ครับ…”


ยายแก่อายุหลายร้อยปีเป็นพวกขี้อาย?


ถ้าเอาไปเล่าให้ใครฟัง คงไม่มีใครยอมเชื่อ


‘เบ็ตตี้… เธอคงไม่ชอบหน้าเรามากกว่า’


กริดพยายามไตร่ตรองว่าตนทำอะไรผิดไป


แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ชายหนุ่มเคยชินกับการถูกเกลียดชังอย่างไม่มีเหตุผล จึงมิได้ถือสาอีกฝ่าย


“ว่าแต่ ท่านอเบลลิโอ้พักอยู่ชั้นสี่ไม่ใช่หรือ”


“ใช่แล้ว แต่ข้าลงไปหาบีบันเพราะอยากพบเจ้าก่อนกลับ พวกเราคลาดกันพอดี”


“ตามหาผม?”


“มีของขวัญมาให้”


“นี่มัน…!”


หลังจากรับภาพวาดมาจากมืออเบลลิโอ้ กริดยืนจ้องมองด้วยดวงตาตกตะลึง


เป็นภาพเหมือนของกริดเอง


จุดเด่นของภาพคือเส้นคิ้วที่คมชัด รวมถึงสีหน้าของอันมุ่งมั่นกริด ที่สามารถถ่ายทอดตัวตนออกมาอย่างละเอียดและสมจริง


“ม…มัน… สุดยอดมาก…”


“โฮะโฮะ!”


“ผมไม่เคยเห็นภาพวาดใดงดงามเช่นนี้…”


กริดเคยสร้างไอเท็มมาหลายหมื่นชิ้น สายตาในด้านความงามจึงไม่ได้แย่ และตระหนักได้ทันทีว่าภาพของอเบลลิโอ้งดงามยิ่งกว่าภาพใดในโลก


“งดงามยิ่งกว่างานของทาร์คายเสียอีก”


บนทวีปตะวันตก ภาพของจิตรกรชื่อทาร์คายล้วนเป็นที่ต้องการของบรรดาขุนนางใหญ่


อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่มหาจักรพรรดิแห่งซาฮารัน การจะมีงานของทาร์คายในครอบครองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ลำพังเงินทองไม่ใช่คำตอบ


มูลค่าของทาร์คายมากมายถึงเพียงนั้น


ในช่วงหลายปีหลัง ภาพวาดของทาร์คายเกือบทั้งหมดจะอยู่ในวังหลวงของจักรวรรดิ หรือไม่ก็คฤหาสน์ของเหล่าดยุคแห่งซาฮารัน โดยส่วนจะได้รับมาจากราชวงศ์อาณาจักรที่แพ้สงคราม มีทั้งในรูปแบบของบรรณาการและของกำนัล


กริดเคยแวะไปเยือนวังหลวงของจักรวรรดิหลายหน และทุกครั้งก็จะชื่นชอบผลงานของทาร์คายมากเป็นพิเศษ


แต่ฝีมืออเบลลิโอ้กลับยอดเยี่ยมกว่านั้นมาก


อเบลลิโอ้ส่ายหน้า


“ศิลปะไม่มีคำว่าใครสวยกว่าใคร”


“ยังคงถ่อมตนเหมือนเคย…”


“หามิได้… แล้วอีกอย่าง เจ้าอาจไม่ทราบ แต่ทาร์คายคืออีกหนึ่งตัวตนของข้าเอง”


“เห…?”


“ศิลปะจะมีค่าอันใด หากไม่ถูกเผยแพร่ให้ผู้คนได้ยลโฉม ดังนั้น ข้าจึงปลอมตัวออกไปกระจายภาพวาดเป็นครั้งคราว แน่นอน ต้องได้รับอนุญาตจากมติสภาหอคอยเสียก่อน”


“ครับ…”


เราเคยได้ยินมาว่า ภาพวาดของทาร์คายจะมีมูลค่าเทียบเท่าปราสาทหนึ่งหลังเลยทีเดียว


ถ้าต้องการตอบแทน เขาควรมอบของขวัญเป็นภาพพร้อมลายเซ็นทาร์คายมากกว่า… ไม่ใช่ภาพเหมือนของเรา…


กริดนึกเสียดายเล็กน้อย แต่ก็มิได้เผยออกไปทางสีหน้า เพียงกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง


ทันใดนั้น


[ท่านได้รับ <สุดยอดงานศิลป์> ชิ้นใหม่!]


[รายละเอียดของทักษะ <นายแบบสุดยอดงานศิลป์> มีการเปลี่ยนแปลง!]


<นายแบบสุดยอดงานศิลป์>

* ใช้ได้เพียงครั้งเดียว

เมื่อใช้งาน ข้อมูลตัวละครของท่านจะถูกย้อนกลับไปในวินาทีที่ ‘สุดยอดงานศิลป์’ ชิ้นล่าสุดถูกสร้างขึ้น

* ข้อมูลที่ถูกย้อนกลับจะมีเพียงแต้มสถานะ ทักษะ และรายละเอียดทักษะในขณะนั้น

* ข้อมูลอื่นจำพวกสมญานาม คลาส ค่าสถานะ เผ่าพันธุ์ หรืออายุจะไม่เปลี่ยนแปลง


“…!!”


หากจะอธิบายให้เห็นภาพชัด ทักษะ <นายแบบสุดยอดงานศิลป์> คือ ‘จุดเซฟ’ ของกริด


ในทางสามัญสำนึก จุดเซฟคือระบบขี้โกงหากมีอยู่จริงในเกมออนไลน์


อย่างไรก็ตาม กริดไม่มีความคิดที่จะใช้ทักษะสุดยอดงานศิลป์แม้แต่น้อย


นั่นเพราะจุดเซฟของตนถูกย้อนกลับไปในอดีตที่เก่าเกินไป


การยอมตายให้เลเวลลด ยังเสียผลประโยชน์น้อยกว่าการกดใช้งานทักษะ <นายแบบสุดยอดงานศิลป์> เสียอีก


แต่ในวินาทีนี้ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว


เมื่อทราบว่าทักษะสุดยอดงานศิลป์สามารถ ‘อัปเดต’ ได้ด้วยการวาดขึ้นใหม่ กริดเริ่มมองหาลู่ทางในการ ‘เซฟ’ ตัวละครอย่างต่อเนื่อง


‘ทุกครั้งที่เราเลเวลอัป คงต้องขอให้ปิกัสโซ่สร้างสุดยอดงานศิลป์ขึ้นใหม่…’


แต่แน่นอน นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย


สุดยอดงานศิลป์ของปิกัสโซ่ ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกในรอบ 177 ปีของทวีปตะวันตก


โอกาสสำเร็จต่ำแค่ไหน คงไม่ต้องบรรยาย


แต่การลองเสี่ยงดูก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย


“โฮะโฮะ! ข้าขอตัวก่อน ไว้เจ้าแวะมาเยี่ยมหอคอยอีกเมื่อไร อย่าลืมเข้ามาทักทายข้าด้วย”


“ขอบคุณมากครับ ท่านอเบลลิโอ้”


หลังจากแยกกับอเบลลิโอ้ กริดยังคงแวะไปทักทายที่นั่งอันดับ 6 เค็น และที่นั่งอันดับ 5 เจอร์นี่ ทั้งสองคนอาจมิได้มอบของขวัญติดไม้ติดมือเหมือนกับอเบลลิโอ้ แต่ก็มิได้เย็นชาโดยสมบูรณ์เหมือนเบ็ตตี้ บทสนทนาเป็นไปอย่างชื่นมื่นและเป็นกันเอง


“…นึกแล้วเชียว ที่นี่แตกต่างจากหอชั้นอื่น”


เมื่อเดินขึ้นมายังชั้น 7 กริดแหงนมองเพดานสูงด้านบนและยืนยันบางสิ่งกับตัวเอง


เพดานสูงถึง 12 เมตร


สูงกว่าชั้นอื่นราวสามเท่า


ในตอนแรกที่เดินผ่านขึ้นไป กริดยังไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมต้องสร้างไว้สูงนัก อีกทั้งยังไม่ได้ใส่ใจจะหาคำตอบ


แต่ตอนนี้มันรู้แล้ว


ถึงเหตุผลที่ชั้น 7 แตกต่างจากชั้นอื่น


‘จักรกลเวทมนตร์…’


ชั้น 7 คืออาณาเขตของที่นั่งอันดับ 3 ลาร์ดวูล์ฟ แต่เพียงผู้เดียว


ต้องมีโรงเก็บจักรกลเวทมนตร์แน่…


กริดค่อนข้างมั่นใจ


จากนั้น ชายหนุ่มเดินตรงไปหยุดยืนหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ซึ่งเป็นทางเข้าห้องของลาร์ดวูล์ฟ พลางกลืนน้ำลายเหนียวอึกใหญ่


ถ้าแม้แต่จักรกลเวทมนตร์รุ่นโบราณที่ตั้งชื่อตามมังกร ยังสำแดงพลังอำนาจได้อย่างมหาศาลเช่นนั้น แล้วจักรกลเวทมนตร์รุ่นใหม่ล่าสุดจะทรงพลังถึงเพียงใดกัน…


กริดแอบหวังว่าตนจะได้รับจักรกลเวทมนตร์เป็นของขวัญสักหนึ่งเครื่อง จึงเป็นกังวลว่า หากได้รับมาจริง ตนจะไปหานักบินพรสวรรค์จากไหนมาขับหุ่นรบตัวดังกล่าว


เป็นความกังวลที่ไม่เข้าท่า


อีกฝ่ายยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะมอบหุ่นให้


ถึงอย่างนั้น การคิดเผื่อล่วงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก เพราะถ้าเกิดเป็นจริง อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็จะมีขุมพลังรบใหม่ทันที


“ถ้านายเปิดประตูบานนั้นได้เอง ก็เชิญเข้ามาได้เลย”


เสียงของลาร์ดวูล์ฟดังทะลุประตูเหล็ก


ประตูดังกล่าวมีความหนาถึงสามเมตร


ทันใดนั้น


“ฮึบ! ย๊ากกกก…!”


ครืนนนน! ตึง!


กริดกัดฟันกรอดขณะออกแรงผลัก


แฮ่ก. แฮ่ก.


ท่ามกลางลมหายใจกระเส่า ภาพของโลกใบใหม่เริ่มฉายตรงหน้าอย่างเด่นชัด


จักรกลเวทมนตร์จำนวน 8 ลำ กำลังยืนเรียงรายด้วยบรรยากาศสุดน่าเกรงขาม


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,622
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00