จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,221



“ใช่! ข้าไม่รู้จัก! แต่ถึงอย่างนั้นก็เต็มใจช่วยเหลือ เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้า ในฐานะที่นำเหล็กมังกรคลั่งกลับมามอบให้หอแห่งปัญญาตามภารกิจที่ข้ามอบหมาย!”


สำหรับกริด บีบันคือผู้มีพระคุณคนสำคัญ


หากไม่ใช่เพราะภารกิจลับ <บททดสอบของลำดับ 9> จากบีบัน กริดคงไม่ได้รับ ‘ยามังกร’ และ ‘พลังจิตไร้เทียมทาน’ แสนล้ำค่า แถมอีกฝ่ายยังใจดีช่วยแก้ไขวิชาดาบไร้พ่ายให้ถูกต้อง


แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กริดก็ซาบซึ้งในบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของบีบันมาก


อย่างไรก็ตาม เมื่อชายหนุ่มได้ยินบีบันพูดออกมาว่า ‘ถึงข้าจะไม่รู้จัก แต่ก็ยินดีช่วยเหลือ’ กริดกลับมิได้รู้สึกสบายใจเลยสักนิด


เหนือสิ่งอื่นใด บีบันไม่เคยตระหนักถึงปราณต่อสู้ของกริดมาตั้งแต่ต้น


ย้อนกลับไปขณะพบกันวันแรก อีกฝ่ายยังเข้าใจผิดว่าเมอร์เซเดสเป็นหัวแถว และกริดเป็นเพียงคนติดสอยห้อยตาม


‘หากบีบันแยกแยะปราณต่อสู้ได้ เขาไม่มีทางทักผิดคนแน่’


แล้วคนแบบนี้จะช่วยสอนวิธีผสานปราณต่อสู้เข้ากับปราณดาบได้จริงหรือ…


ขณะกริดลังเล อเบลลิโอ้อธิบาย


“คัมภีร์วิชาลับที่บีบันจงใจทิ้งไว้ให้อัจฉริยะบนโลก สุดท้ายตกไปอยู่ในมือมุลเลอร์ โดยในภายหลัง สิ่งนั้นได้หล่อหลอมให้มุลเลอร์กลายเป็นอริยดาบคนสำคัญ และตำนานอันดับหนึ่งตลอดกาลของโลก เพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ความยอดเยี่ยมของเพลงดาบไร้เทียมทานได้แล้ว”


“…”


“หากได้ต้นตำรับวิชาดาบไร้เทียมทานและอาจารย์ทางอ้อมของมุลเลอร์ช่วยสอนสั่ง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะได้รับสิ่งดี ๆ แน่นอน”


“กำลังซุบซิบอะไรกันอยู่”


บีบันเหยียดตัวตรงหลังจากทำความสะอาดบันไดขั้นสุดท้ายเสร็จ


อเบลลิโอ้เบี่ยงตัวหลบน้ำสกปรกที่สาดกระเซ็น พลางชี้ไปยังปราณต่อสู้รอบตัวกริด


“หัวแถวคนปัจจุบันและราชาวีรบุรุษ สูญเสียความสมดุลระหว่างกายและจิต เจ้าพอจะมีวิธีช่วยเหลือหรือไม่”


“…ราชาวีรบุรุษ?”


บีบันเอียงคอ ทำสีหน้าฉงนสุดขีด


ท่าทีดังกล่าวยิ่งทำให้กริดไม่ไว้วางใจ


จนกระทั่ง กริดตัดสินใจถามออกไปตามตรง


“คุณดูไม่ออกใช่ไหมว่าผมคือราชาวีรบุรุษ”


“ฮึ! เจ้าเด็กน้อย คิดจะทดสอบฉันหรือ? ยังเร็วไปร้อยปี! ฉันแค่ตกใจที่เห็นว่านายกลายเป็นราชาวีรบุรุษแล้วเท่านั้น”


“เพิ่งเห็น? จะบอกอะไรให้ ผมเป็นราชาวีรบุรุษมาหลายปีแล้ว…”


“สำหรับเหนือมนุษย์อายุยืนอย่างข้า วันเวลามักผ่านไปไวเสมอ สิบปีก็เหมือนกับเมื่อวาน หนึ่งปีก็เหมือนกับเมื่อครู่ เอาแต่พูดถึงอดีตไปก็ไม่เกิดประโยชน์ขึ้นมาหรอกน่า”


“แล้วทำไมต้องหลบตา”


“ข…ข้าได้รับคำสั่งให้ทำความสะอาดหอคอย ต้องมองหาคราบสกปรกที่ยังตกค้างอยู่!”


‘หมอนี่ช่าง…’


กริดส่งสายตาวิงวอนไปทางอเบลลิโอ้


ราวกับจะพูดว่า ‘ได้โปรดเปลี่ยนคนสอนที’


อีกเพียงฝ่ายยิ้มกลับ พูดให้กำลังใจกริด


“ไม่ต้องคิดมาก นั่นแค่มุกตลกของเขา”


แต่ความจริง อเบลลิโอ้กำลังคิดตรงกันข้าม


มันเริ่มตระหนักว่า บีบันอาจสัมผัสถึงปราณต่อสู้รอบตัวกริดไม่ได้เลย


แต่นั่นก็ยังอยู่ในขอบเขตที่มีเหตุผลรองรับ


ปราณต่อสู้คือพลังระดับเทวตำนาน


คงเป็นการยากที่จะให้บีบันเชื่อว่า กริด ผู้เป็นตำนานยังไม่ถึง 20 ปี จะมีพลังระดับเทวตำนานไว้ในครอบครอง ไม่สิ หรือต่อให้บีบันตระหนักถึงปราณต่อสู้ แต่คงมิอาจเชื่อมโยงไปถึงการเป็นราชาวีรบุรุษ


ในสายตาบีบัน ตำแหน่งราชาวีรบุรุษคือตัวตนระดับสูงสุด และกริดยังห่างไกลจากขั้นนั้นค่อนข้างมาก


“เข้าใจแล้ว…”


ชายหนุ่มมิได้สบายใจขึ้นนัก แต่ก็พยักหน้ารับพอเป็นพิธี มันมองว่า การโต้เถียงไร้สาระไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อันใดขึ้นมา


บีบันจะรู้จักปราณต่อสู้หรือไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกแล้ว


กึก. กึก.


บีบันเดินลงมายังชั้นเดียวกับกริด


มือข้างหนึ่งถือถังน้ำ ด้านในบรรจุน้ำสีดำข้น ส่วนอีกข้างถือไม้ถูพื้นสกปรก สายตามองตรงมาทางกริดอย่างลุ่มลึกและมีเสน่ห์ ราวกับสามารถมองทะลวงไปถึงอวกาศ


“เจ้าคงผ่านอะไรมาเยอะสินะ”


“…”


“หากคนทั่วไปผ่านประสบการณ์แบบเดียวกับเจ้า ป่านนี้คงบรรลุไปหลายระดับแล้ว แต่เป็นเพราะเจ้ามีปราณต่อสู้คอยเหนี่ยวรั้ง จึงไม่สามารถพัฒนาได้เท่ากับคนปรกติ ผู้อื่นเดินไปไกลสิบก้าว เจ้าเดินได้แค่ก้าวเดียว”


“…?”


ทันใดนั้น ความไม่ไว้วางใจในตัวบีบันพลันเลือนหาย


‘สภาก็ยังเป็นสภา…’


เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบเดียวกับอเบลลิโอ้ กริดตระหนักทันทีว่า ชายคนนี้คือต้นกำเนิดตำนานอันยิ่งใหญ่ของอริยดาบมุลเลอร์


ขณะเดียวกัน ความตกตะลึงและผิดหวังได้ผุดขึ้นกลางใจชายหนุ่ม ราวกับถูกไม้ตีเข้าที่ท้ายทอยเต็มแรง


เราเดินได้หนึ่งก้าว ขณะที่คนอื่นเดินสิบก้าว…


กริดทบทวนรายละเอียดข้อความเมื่อครั้ง ‘ระบบบรรลุ’ ถูกเปิดใช้งาน


[ระบบลับของคลาสการตื่นครั้งที่ 4 <บรรลุ> ถูกเปิดใช้งาน]


<บรรลุ>

ได้รับค่าประสบการณ์จากกิจกรรมพิเศษของสายอาชีพ รวมไปถึงการต่อสู้


หนึ่งในระบบของคลาสการตื่นครั้งที่ 4…


แต่สำหรับกริด มันได้รับข้อความเตือนนอกเหนือจากคนปรกติ


[ท่านยังไม่สามารถใช้งานระบบ <บรรลุ> ได้ในปัจจุบัน เนื่องจากติดข้อจำกัดของทรัพยากร <ปราณต่อสู้>]


‘…หรือว่า’


กริดเริ่มหน้ามืดเวียนหัว


มันกำลังตระหนัก


ถ้าไม่มีปราณต่อสู้ ระบบ ‘บรรลุ’ จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเมื่อผู้เล่นได้รับการตื่นของคลาสระดับ 4 โดยไม่ต้องลงทุนถ่อมาไกลเพื่อพูดคุยกับสภาหอแห่งปัญญาให้วุ่นวาย


หรือก็คือ ผู้เล่นทั่วไปจะไม่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการอัปเลเวลหลังจากเลเวล 400 และบางที คนเหล่านั้นอาจอัปเลเวลได้ง่ายกว่าเดิม


ระบบ ‘บรรลุ’ จะมุ่งเน้นการอัปเลเวลโดยกิจกรรมที่ไม่ใช่การต่อสู้ หรือสามารถกล่าวได้ว่า เป็นระบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้คลาสการผลิตที่ร่างกายอ่อนแอ และไม่สามารถ ‘ล้มยักษ์’ ได้เหมือนกับคลาสสายต่อสู้


‘ประธานลิมชอลโฮเคยกล่าวไว้ว่า ยิ่งเลเวลตัวละครเพิ่มขึ้น ช่องว่างระหว่างแต่ละคลาสก็จะยิ่งลดลง… นี่คือหนึ่งในปัจจัยดังกล่าว?’


กริดยืนถอนหายใจเป็นเวลานาน


ใบหน้าที่เคยแดงก่ำเล็กน้อย บัดนี้เริ่มจางลง


จนถึงเมื่อครู่ กริดฉุนเฉียวอย่างมาก


แต่ตอนนี้เริ่มยอมรับได้แล้วว่า ระบบบรรลุมีความสมเหตุสมผลในตัวมันเอง


การสำเร็จภารกิจลับระดับสูง หรือการเพิ่มเลเวลด้วยวิธีฆ่า NPC พิเศษจำนวนมาก ถือเป็นสิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปแทบไม่มีวันเข้าถึง โดยเฉพาะกับคลาสสายผลิต โดยคนกลุ่มดังกล่าวเป็นสัดส่วนใหญ่ในจำนวนกว่าสองพันล้าน


‘หากหลอดค่าประสบการณ์ตัวละครสมเหตุสมผลกว่านี้อีกสักนิด เราคงไม่มีวันตระหนักถึงความผิดปรกติของปราณต่อสู้…’


คงคิดว่าเป็นเกม ๆ นึงที่เก็บเลเวลได้ยาก


กริดย้อนนึกถึงความลำบากในช่วงหลังก่อนจะกลายมาเป็นเลเวล 408


จากนั้นก็ถอนหายใจห่อเหี่ยว


‘ไม่เอาน่า… เป็นเพราะปราณต่อสู้ เราจึงเก่งพอจะล้มยังบันคนแล้วคนเล่า ส่งผลให้เลเวลอัปอย่างก้าวกระโดด…’


ตนไม่ควรนึกเสียดาย


เราไม่ได้สูญเสียอะไรไป…


นับตั้งแต่ได้ครอบครองปราณต่อสู้ พลังของเราก็อยู่เหนือระดับที่ผู้เล่นควรจะเป็นมาตลอด และเพราะปราณต่อสู้เช่นกัน เราจึงก้าวมาถึงจุดปัจจุบันได้เร็วกว่าใคร…


หลังจากสงบจิตใจ กริดหันไปขอร้องบีบันด้วยถ้อยคำสุภาพ


“บีบัน ได้โปรดสอนผมระงับความเกรี้ยวกราดของปราณต่อสู้ด้วย”


“เรื่องนั้น…”


บีบันไม่ตกลงทันที มิได้แยแสด้วยซ้ำว่าตนกำลังยืนเท้าไม้ถูพื้นสกปรกด้วยท่อนแขน สีหน้าใคร่ครวญบางสิ่งอย่างลึกซึ้งในท่ายืนกอดอก


อึก.


กริดกลืนน้ำลายคำใหญ่


ความเงียบงันของบีบันช่างยาวนาน


“หืม…”


ชายคนนี้กำลังกังวลในเรื่องใด?


หลังจากบีบันไตร่ตรองอยู่สองนาน มันสั่งขี้มูกและเช็ดจมูกด้วยผ้าขี้ริ้วถูพื้น ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน


“ในมุมมองของข้า วิธีเดียวที่จะลดความเกรี้ยวกราดของปราณต่อสู้ลงได้ คือการผสานเข้ากับพลังที่อ่อนแอกว่าอย่างปราณดาบ เพียงแต่ว่า หากหวังให้ปราณดาบผสานเข้ากับพลังระดับเทวตำนานสำเร็จ จำเป็นต้องมีพลังจิตไร้เทียนทานขั้นสุดยอดเสียก่อน…”


เมื่อกล่าวจบ สีหน้าของบีบัน ผู้กำลังยืนจ้องกริดหัวจรดเท้า พลันดำมืด


“…แต่พลังจิตไร้เทียมทานของเจ้ายังแค่ขั้นแรกเท่านั้น”


Lv.1


นี่คือระดับในปัจจุบันของพลังจิตไร้เทียมทานในตัวกริด โดยหลอดค่าประสบการณ์ก็ยังสะสมได้เพียง 50% เท่านั้น


‘ขั้นสุดยอดน่าจะหมายถึงระดับสูงสุด… ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะไปถึง…’


แต่โชคดียังดี พลังจิตไร้เทียมทานสามารถเพิ่มประสบการณ์ได้ด้วยวิธี ‘ฟื้นฟูปราณดาบ’


เมื่อกริดใช้งานปราณดาบออกไป พลังจิตไร้เทียมทานจะช่วยฟื้นฟูปราณดาบกลับมา กระบวนการดังกล่าวช่วยให้หลอดค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้น


หมายความว่า ยังพอมีหนทางให้กระหน่ำฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง


อย่างไรก็ตาม เฉกเช่นทุกทักษะบนโลก ยิ่งเลเวลสูงขึ้น หลอดค่าประสบการณ์ก็ยิ่งทวีคูณ ไม่มีใครทราบว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะพัฒนาไปเป็นเลเวล 10


“เฮ่อ…”


กริดถอนหายใจยาว ในท่ายืนคอตก


ความสิ้นหวังห่อเหี่ยวกำลังถาโถม


บีบันเดินมาตบบ่า ฉีกยิ้มกว้าง


“อย่าเพิ่งท้อแท้ ที่นี่คือหอแห่งปัญญา แหล่งรวมอัจฉริยะจากทุกยุคสมัย แถมยังเป็นสถานที่ซึ่งนำหัวใจมังกรมาใช้ประโยชน์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ จะต้องมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแน่”


“…”


“ก่อนอื่น ขึ้นไปพบกับสภาหอคอยกันดีกว่า ทุกคนต้องยินดีต้อนรับเจ้าแน่ หลังจากทำภารกิจแรกให้พวกเราลุล่วง”


“…ขอบคุณมาก บีบัน”


กริดไม่เคยทำประโยชน์ใดให้บีบันเลย


แต่ถึงอย่างนั้น บีบันกลับยังใจดีและเป็นมิตร สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มเกิดความซาบซึ้ง


ดังนั้น มันไม่จึงไม่กล้าพูดอะไรมาก


กึก.


หลังจากเดินขึ้นบันไดตามบีบันสักพัก กริดชะงักฝีเท้า หยุดรอให้อเบลลิโอ้เดินตามขึ้นมา และพยายามรักษาระยะห่างกับบีบันให้มากที่สุด


บีบันไม่เก็บซ่อนความสงสัย


“ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน? พวกเราสนิทสนมกันแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมเจ้าถึงเลือกเดินกับอเบลลิโอ้มากกว่าข้า!”


“ร…เรื่องนั้น…”


เมื่อเห็นกริดไม่กล้าบอกความจริง อเบลลิโอ้ตัดสินใจพูดแทน


“เจ้าไม่ได้กลิ่นอะไรบ้างหรือ”


“กลิ่น?”


“ก็เจ้าเล่นเอาผ้าขี้ริ้วถูหน้าตัวเอง จะให้ไม่มีกลิ่นได้อย่างไร”


“...เชี่ย! แล้วทำไมเพิ่งบอกตอนนี้ละโว้ย!!”


โครม!


บีบันโยนไม้ถูพื้นทิ้ง กระโดดลงไปยังชั้นล่างสุดในรวดเดียวด้วยความอับอาย


เป็นความอายชนิดอยากแทรกแผ่นดินหนี


อเบลลิโอ้หันมาพูดกับกริดที่ยืนทำหน้าเศร้า


“บีบันเป็นคนดี แถมยังเก่งมาก แต่เมื่อเทียบกับอัจฉริยะทั่วไป สมาธิของเขามักจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปเสมอ หากได้ด่ำดิ่ง ก็แทบจะไม่มองไปรอบตัวเลย ได้โปรดเข้าใจธรรมชาติของเขาด้วย”


“…เรื่องนั้น ผมทราบนานแล้ว”


“ฮะฮะ! ดีใจที่เจ้าเข้าใจ ข้าไม่อยากให้เจ้าผิดหวังในตัวเขา”


“ฮะฮะ…”


ไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวังทั้งนั้น


ตอนพบกันครั้งแรกเลวร้ายกว่านี้เยอะ…


กริดส่ายหน้า พลางเดินตามอเบลลิโอ้เป็นระยะทางไกล จนกระทั่งถึงชั้น 10 ของหอคอย


“ลำดับ 7 อเบลลิโอ้ พาหัวแถวคนปัจจุบันมาพบพวกท่านแล้ว”


อเบลลิโอ้เดินนำกริดเข้าไปในห้อง และโค้งศีรษะคำนับไปทางโต๊ะกลมอย่างนอบน้อม


ทุกคนรอบโต๊ะกลมรีบลุกขึ้นยืน หันมาคำนับอเบลลิโอ้กลับ และมองมาทางกริด


“โฮ่… ปราณดาบของแพ็กม่า”


“นั่นเวทมนตร์ของบราฮัมไม่ใช่หรือ…”


“ปราณต่อสู้ของราชาวีรบุรุษ! สุดยอด!”


สภาหอคอยคนอื่น ๆ ล้วนแตกต่างจากบีบันโดยสิ้นเชิง


เพียงได้พบกันครั้งแรก ทุกคนมองเห็นรายละเอียดมากมายในตัวกริด และมอบความสนใจอย่างล้นหลาม


แต่มีหนึ่งคนที่มองเห็นทุกสิ่งในตัวกริดอย่างทะลุปรุโปร่ง


“กลิ่นอายของเทพ…”


อันดับ 1 ฮายาเตะ


มีเพียงมันเท่านั้น ที่สามารถมองลึกเข้าไปถึงจิตใจของกริดได้


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,616
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ท่านเทพโอเวอร์เกียร์

    ReplyDelete
  2. ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​😁🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00