จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,218



“แอ็กนัส…!”


ชายคนนี้มักถูกกล่าวถึงในฐานะ ‘แข็งแกร่งเทียบเท่าหนึ่งร้อยคน’ หรือ ‘แข็งแกร่งเทียบเท่าสิบอัจฉริยะ’ อยู่เสมอ


แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งชื่อ


หมาบ้า แอ็กนัส


ชายคนนี้อยู่ในระดับเดียวกับกริดผู้ยิ่งใหญ่ และอริยดาบครอเกลผู้ไร้เทียมทาน


“มัวยืนบื้ออะไรอยู่? รีบส่งยาให้ฉันแล้วไสหัวไปซะ!”


ให้ตายสิ นิสัยแย่ยิ่งกว่าในข่าวลือเสียอีก…


เฮร่าไม่สนใจการต่อสู้สักเท่าไร จึงไม่ค่อยรู้จักคนเก่ง ๆ มากนัก แต่ชื่อเสียงของแอ็กนัสนั้นโด่งดังเกินกว่าเธอจะทำหูทวนลม


วีรกรรมมากมายประกอบด้วย สังหารผู้เล่นทุกคนในจุดเก็บเลเวลเพียงเพื่อผูกขาดให้เป็นของตนคนเดียว สังหาร NPC จดหมดหมู่บ้านและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นทหารโครงกระดูก นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีเหตุการณ์สุดฉาวโฉ่ผิดมนุษย์มนาอีกหลายเรื่อง


ไม่เพียงเท่านั้น ในระยะหลังยังมีข่าวลือว่าพัวพันกับจอมอสูร ศัตรูตัวฉกาจอันดับหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์… ว่ากันตามตรง เฮร่าแทบไม่เคยนำข่าวคราวของแอ็กนัสมาคิดให้ปวดสมอง เธอไม่สนใจบุคคลอันตรายเช่นนี้อยู่แล้ว


อึก.


เฮร่ากลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อสัมผัสถึงความน่าขยะแขยงจากดวงตาสีทอง


แขนขาทั้งสี่กำลังสั่นระริก


นี่คือความหวาดกลัวจากก้นบึ้ง


ความรู้สึกดังกล่าวมิได้เกิดจากบรรยากาศรอบตัวหรือรูปลักษณ์ของแอ็กนัสเพียงอย่างเดียว แต่ในฐานะเผ่าอสูรชั้นสูงและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล—จอมอสูรลำดับหนึ่งแห่งขุมนรก แอ็กนัสมีอำนาจสร้างอาการผิดปรกติ ‘หวาดกลัว’ แก่สิ่งมีชีวิตเลเวลต่ำกว่า


ขณะเฮร่าและแอ็กนัสกำลังประสานสายตา


“ฮะฮะ! ลาก่อน! ลาก่อนชีวิตอันน่าเบื่อ!”


ลูกค้าของเฮร่า ผู้ถูกแอ็กนัสผลักชนจนล้มก้นจ้ำเบ้า พลันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขและพยุงตัวลุกขึ้นยืน


“มิสเตอร์พอล! เร็วเข้า! รีบปลดพันธนาการให้ข้า! และมอบรางวัลตอบแทนการอดทนรับใช้อย่างยาวนานตลอด 31 ปีเต็มมาเดี๋ยวนี้!”


‘31 ปี?’


เขากำลังพูดถึง 31 ปีกับเด็กชายอายุไม่น่าจะถึง 15 ขวบ…?


เป็นความสัมพันธ์อันแสนประหลาดเกินกว่าคำว่าพ่อลูกทั่วไปมาก


เมื่อเริ่มได้กลิ่นแปลกปลอม เฮร่าเดินถอยห่างจากเตียงนอนตามสัญชาตญาณ


ฉึบ.


เด็กชายนิทราลืมตา ดวงตาสีดำเข้มราวกับไม่เคยเห็นเดือนเห็นตะวันครั้งในชีวิต ขัดแย้งกับสีผิวขาวซีดโดยสิ้นเชิง


มันเอาแต่จ้องมองขึ้นไปบนเพดานสูง


“…ยอดเยี่ยมมาก”


ในท่าลุกนั่งครึ่งท่อนบน เด็กชายกล่าวด้วยสีหน้าพึงพอใจ ก่อนจะกระโดดจากเตียงและลอยตัวสูงขึ้นไปถึงโคมเทียนระย้าด้านบน


“ร่างกายเบามาก ข้าสามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนกับสมัยยังเป็นมนุษย์ โสมคุนลุ้นเข้ามาทดแทนเลือด และสูบฉีดไปยังห้าอวัยวะสำคัญของร่างกายซึ่งเคยเหือดแห้งมานาน”


‘สมัยยังเป็นมนุษย์?’


เด็กคนนั้นเป็น ‘ลิช’ จริงหรือ?


ดวงตาสั่นเทาของเฮร่าเบือนไปทางแอ็กนัส


เป็นอากัปกิริยาของคนต้องการคำตอบ


แต่แอ็กนัสมิได้แยแส มันมองว่าเฮร่าเป็นเพียงกระต่ายน้อย ไม่ควรค่าให้ใส่ใจ จึงทำเพียงเงยหน้าขึ้นไปพูดกับเด็กชายบนอากาศ


“รู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นมนุษย์เลยหรือ?”


“ประสาทสัมผัสเกือบทั้งหมดกลับคืนมาอย่างครบถ้วน แต่หากต้องการรักษาภาพปัจจุบันเอาไว้ให้ได้นาน เกรงว่าน่าจะต้องกินซุปโสมคุนลุ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ว่าแต่…”


เด็กชายผู้ใจดีอธิบายรายละเอียด ค่อย ๆ หันมาทางเฮร่าทีละนิด และเริ่มเผยให้เห็นชื่อตัวละคร ‘พอล’ เหนือศีรษะ


“เธอเป็นใคร?”


“ฉ…ฉันเป็นหมอ ผู้ออกไปตามหาส่วนผสมและปรุงยาโสมคุนลุ้นให้คุณกิน”


เฮร่าถูกกดดันจากชื่อตัวละครสีทองคำระยิบระยับเหนือศีรษะ จึงตอบกลับไปด้วยความตกใจ


“เลิกพล่ามและสำรอกยาในตัวแกออกมา!”


แอ็กนัสกล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า


พอลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง


“สำรอกยาฃ…? หูข้าไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม หรือนี่เป็นคาถาชนิดใหม่?”


“ท…ท่านพอล! ก่อนอื่น ช่วยปลดพันธนาการให้ข้าเร็วเข้า…”


“สำรวมหน่อย ฮาลทัช แม้เจ้าจะเคยเป็นคนชั่วผู้สังหารคนบริสุทธิ์นับพันในอดีต แต่จอมเวทก็คือจอมเวท จงเยือกเย็นและเปี่ยมด้วยความโอหัง นั่นคือหลักยึดถือของผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคน”


“ข…ขอรับ… ข้าขอโทษ”


“แล้วชายคนนั้นเป็นใคร”


“เอ่อ… ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน… หมอนี่มาอยู่ในปราสาทได้ยังไง… ทำไมถึงจำไม่ได้เลย”


‘เวทมนตร์ล้างสมอง?’


เมื่อพอลพบความไม่ชอบมาพากล มันรีบเบือนหน้าจ้องแอ็กนัสด้วยสายมุ่งร้าย


ทันใดนั้น ทางฝั่งแอ็กนัสได้รับข้อความระบบแจ้งเตือน


[กระแสเวทมนตร์ของมหาจอมเวท ‘พอล’ กำลังคุกคามท่าน]


[ค่าสติปัญญาและเอกลักษณ์ของมานาท่านถูกเผยต่อมหาจอมเวท ‘พอล’]


[ของวิเศษของพอล <เนตรแห่งความไร้เหตุผล> กำลังตรวจสอบท่านทุกซอกมุม]


[ความสามารถและทักษะบางชนิดของท่านถูกเผยให้ ‘พอล’ ทราบ]


ดวงตาพอลพลันเบิกกว้าง


“ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล?”


พอลคือมหาจอมเวทผู้โด่งดังในยุคสมัยเดียวกับบราฮัม แต่มันไม่เคยข้ามกำแพงสูงตระหง่านอันมีชื่อว่า ‘บราฮัม’ ได้เลย จึงมักถูกเรียกขานว่า ‘อันดับสองตลอดกาล’ หรือไม่ก็ ‘อัจฉริยะไร้บัลลังก์’ เป็นการปลอบใจ


แต่หลังจากกาลเวลาเลือนผ่านมาหลายร้อยปี มันเริ่มถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดมหาจอมเวทตลอดกาลคนหนึ่งของโลก


ของวิเศษหลายชิ้นของพอลเริ่มถูกนำมาใช้สร้างประโยชน์ให้มวลมนุษย์ในวงกว้าง ส่งผลให้อารยธรรมพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว


สิ่งประดิษฐ์อันซับซ้อนหลายชิ้นล้วนเกิดจากฝีมือการรังสรรค์สุดอัจฉริยะของพอลทั้งสิ้น


“น่าตกใจมาก… ข้าคอยระวังตัวอยู่ตลอด และไม่เคยไปเหยียบหางใครก่อน…”


สำหรับจอมเวท หากต้องการ พวกมันสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็น ‘ลิช’ ได้


กลายเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทร่างเนื้อเน่าเปื่อย เหลือไว้เพียงแก่นมานาและโครงกระดูกสีขาว


เป็นแนวคิดของการคงสติและพลังเวทมนตร์ไว้ด้วยร่างจิต ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการสละเนื้อหนังอันเปราะบางซึ่งพร้อมเน่าเปื่อยได้ทุกเวลา


ใครหลายคนอาจมีคำถามว่า ในเมื่อใช้เวทมนตร์ถนอมสภาพร่างกายให้สดใหม่ได้ตลอดเวลา แล้วทำไมถึงต้องสละร่างเนื้อทิ้งไป?


คำอธิบายก็คือ ก่อนจะใช้เวทมนตร์ถนอมสภาพร่างกาย จอมเวทต้องถ่ายเลือดทิ้งให้หมดตัวเสียก่อน จากนั้นก็ปล่อยให้มานาไหลเวียนเข้าไปแทนเลือด ขั้นตอนนี้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหนือพรรณนา แถมยังสิ้นเปลืองมานามหาศาล เรียกได้ว่าเป็นกำแพงใหญ่สำหรับผู้ศึกษาเวทมนตร์ถนอมร่างกาย


หนทางในการไขว่คว้าสุดยอดเวทมนตร์มาไว้ในมือย่อมมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องสละบางสิ่งเป็นการแลกเปลี่ยน และสำหรับมหาจอมเวทจำนวนมาก ร่างเนื้อเป็นเพียงอุปสรรคซึ่งจะละทิ้งตอนไหนก็ไม่เสียดาย


เพียงแต่ว่า กรณีของพอลค่อนข้างไม่เหมือนใคร มันเลือกถนอมร่างเนื้อตัวเอง


พอลเปลี่ยนตัวเองเป็นลิชเพียงเพราะปรารถนาจะเห็น ‘อนาคต’ ของมนุษย์


อุปกรณ์เวทมนตร์ของเราจะถูกใช้งานในอนาคตหรือไม่? คนรุ่นหลังจะเข้าใจเจตจำนงของเราผิดเพี้ยนไปบ้างไหม? หรือบางที พวกเขาอาจตีความในแบบฉบับของตัวเองจนก้าวขีดจำกัดของเราไปแล้ว?


พอล ผู้ภาคภูมิใจกับสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ของตนอย่างมาก ต้องการทราบให้ได้ว่าอนาคตของมนุษยชาติจะดำเนินไปในทิศทางใด


พอลเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นลิชโดยใช้มานาและพลังใจคงสภาพร่างกาย ผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งร้อยปี พอลมิได้พัฒนาตัวเองแม้แต่น้อย แต่จะลืมตาขึ้นมาเป็นพัก ๆ เพื่อเปลี่ยนเตียงนอน และทุกครั้งก็จะหาใครสักคนคอยปรนนิบัติโดยร่ายเวทมนตร์พันธนาการใส่อีกฝ่าย พร้อมกับมอบสูตรการปรุงโสมคุนลุ้นให้


จนกระทั่งวันนี้


หลังจากกินโสมคุนลุ้นเข้าไป พอลกลายเป็นอิสระจากเวทมนตร์ถนอมร่างกาย และไม่ต้องคอยสิ้นเปลืองมานาปริมาณมากเพื่อถนอมร่างกายอีกต่อไป ขอเพียงได้พักผ่อนอีกสักนิด พลังเวทจากสมัยอดีตก็จะฟื้นฟูกลับมา


ด้วยร่างกายมนุษย์ แต่เนื้อในเป็นลิช พอลสามารถสำรวจโลกได้ตามความปรารถนาอันยาวนานกว่าร้อยปีของตน


ถูกต้อง มันบรรลุเป้าหมายแล้ว


แต่ในวินาทีลืมตาตื่น ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลดันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า?


เมื่อเห็นว่าแอ็กนัสมี ‘อักขระความตาย’ —พลังในการควบคุมสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดด พอลกล่าวอย่างระมัดระวัง


“บอกความปรารถนาของเจ้ามา ต้องการสิ่งใดกันแน่… หรือคิดจะเปลี่ยนข้าให้เป็นทาส?”


“สำรอกโสมคุนลุ้น จากนั้นก็ไสหัวไปได้”


[สมุนของบาเอล ‘เซพาเดีย’ ไม่พอใจท่าน]


> อ๊บอ๊บ! ข้าบอกให้เจ้าเปลี่ยนพอลเป็นทาสไม่ใช่รึไง!


“แต่ฉันไม่สนใจหมอนี่”


ใช้แล้ว แอ็กนัสผู้กล่าวคำโต้เถียงกับกบตัวเล็กบนหัวไหล่ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินภารกิจ <ครอบครองลิช? พอล>


เดิมที มันคิดจะปฏิเสธภารกิจและใช้เวลาอยู่กับคนรัก—ลูน่า ตราบนานเท่านาน


แต่เมื่อได้ยินเซพาเดียเล่าว่า โสมคุนลุ้นมีสรรพคุณแสนวิเศษ มันจึงมิอาจนิ่งนอนใจ


แอ็กนัสยอมเดินทางไกลมายังปราสาทแห่งนี้ ปล่อยให้เซพาเดียล้างสมองลูกค้าของเฮร่า—ฮาลทัช และเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบัน


“จริงอยู่ ถึงฉันจะไม่สนใจ แต่แกต้องสำรอกยาออกมาให้หมด!”


แอ็กนัสเริ่มหงุดหงิดเมื่อพอลไม่ยอมมอบคำตอบ จึงส่งเสียงตวาดพลางเผยรอยยิ้มมุมปากให้กับเด็กชายผู้กำลังลอยตัวกลางอากาศ


พอลขมวดคิ้วพลางอธิบาย


“ตัวยาในร่างกายของข้าถูกดูดซึมจนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงยาอีกหนึ่งชุดในมือผู้หญิงคนนั้น หากต้องการ เจ้าก็เอาไปได้เลย”


“คิคิก! ถ้าอย่างนั้น ฉันจะคว้านท้องของแกออกมาดู บางทีอาจยังพอมีหลงเหลืออยู่…”


“อึ๋ย!”


เมื่อเห็นแอ็กนัสชักดาบพร้อมกับอัญเชิญอัศวินความตาย เฮร่าส่งเสียงตกใจ


ในทางกลับกัน พอลยังคงเยือกเย็น


“ข้าไม่ทราบว่าเจ้าจะนำยาไปชุบชีวิตใคร แต่ถึงจะสังหารข้าและเค้นมันออกไปจนหยดสุดท้าย ปริมาณก็ยังไม่เพียงพอสำหรับนำไปใช้งานให้เห็นผลอยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับการปรุงใหม่”


“…”


“เอาแบบนี้เป็นไง ข้าจะมอบสูตรยาให้เจ้า จากนั้นก็ไปตระเวนหาส่วนผสมจากทวีปตะวันออกด้วยตัวเอง ปรุงได้มากตามใจต้องการ”


ในสายตาของพอล บุคคลผู้มีจิตใจบิดเบี้ยวย่อมถูกหลอกใช้ได้ง่าย


ตัวอย่างชัดเจนก็คือฮาลทัช


พอลมั่นใจว่าตนสามารถกุมความได้เปรียบเหนือแอ็กนัส


แต่มันคิดผิดถนัด เพราะวิธีดังกล่าวใช้ได้กับคนสติดีมีเหตุผลเท่านั้น


“ถ้าฉันเชือดแกทิ้ง… ก็มีโอกาสดรอปสูตรยาเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”


“…?”


“ฉันจะฆ่าแกและรื้อค้นร่างกายอย่างละเอียดทุกซอกมุม! คิคิคิก…!”


“…!!”


โครม!!


ด้วยการโถมเข้าโจมตีของอัศวินความตาย พอลถูกส่งกระเด็นไปนอกปราสาทพร้อมกับรูโหว่ขนาดใหญ่บนกำแพง เหตุการณ์เกิดขึ้นปุบปับจนมันเกือบกางบาเรียไม่ทัน


แต่มันกลับต้องยิ่งตกตะลึงกว่าเดิม


สืบเนื่องจาก การโจมตีครั้งถัดไปของแอ็กนัส คือเวทมนตร์สีรุ้งขนาดมหึมา ฉูดฉาดสะดุดตา


“ม…มูมัด?”


บึ้มมมมมม


***


“ฟู่ว…”


ณ จุดเก็บเลเวลแห่งหนึ่งสำหรับผู้เล่นระดับสูงของซาทิสฟาย


หลังจากอธิบายเหตุผลอย่างคร่าวกับจิสึกะและยูร่า กริดเดินทางมาหยุดอยู่หน้าทางเข้าหอแห่งปัญญา และตรวจสอบความพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนเข้าไป


ละโมบ ไม่สิ ระบุให้ชัดคือไอเท็มทุกชนิดซึ่งมีออร่าของ ‘เหล็กมังกรคลั่ง’ ล้วนถูกถอดเก็บไว้ในช่องสัมภาระอย่างมิดชิด


ปัจจุบัน กริดย้อนกลับไปสวมใส่ยุทธภัณฑ์ในยุคก่อนรองเท้ามังกรครามทุกชิ้น


ณ มุมหนึ่งของช่องสัมภาระ เหล็กมังกรคลั่งจำนวนพอประมาณถูกแยกออกมาไว้อย่างเป็นสัดส่วนพร้อมหยิบออกมาใช้งาน


‘ดีล่ะ’


<ภารกิจจากหอคอย>

*ภารกิจลับ*

หอแห่งปัญญาคือองค์กรลับซึ่งต่อสู้เพื่อสันติสุขของโลก

งานหลักของพวกเขาคือ คอยระงับภัยอันตรายจากเหล่ามังกร

จงร่วมมือกับหอแห่งปัญญาและตามหาผู้ครอบครองเหล็กมังกรคลั่ง!

รางวัลรับภารกิจ :

- เงิน 1,000 เหรียญทอง

- โพชันบัฟระดับสูงสุดชนิดละ 20 ขวด

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :

- แย่งชิงเหล็กมังกรคลั่งจากเจ้าของเดิม

หรือ

- สังหารเจ้าของเหล็กมังกรคลั่ง

รางวัลสำเร็จภารกิจ : เกล็ดมังกร (สุ่มธาตุ)


หอแห่งปัญญาดำรงอยู่เพื่อปกป้องโลกให้รอดพ้นจากมังกร


เหล็กมังกรคลั่งคือหนึ่งในสาเหตุของภัยพิบัติดังกล่าว และเป็นประเด็นสำคัญจนคนใหญ่คนโตของหอคอยตื่นตัว


อย่างไรก็ตาม สำหรับกริด ภัยคุกคามคราวนี้กลับถูกแก้ไขได้ง่ายดายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ


เพราะมันคือเจ้าของเหล็กมังกรคลั่ง


‘จะดีแค่ไหนกัน ถ้าใส่เกล็ดมังกรเข้าไปในโลหะชนิดใหม่ซึ่งเราจะสร้างร่วมกับบราฮัม’


ขณะเดียวกัน กริดก็ต้องการขจัดความหวาดระแวงนับตั้งแต่ได้รับภารกิจออกไป


ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มสุขุมพร้อมกับย่างกรายเข้าไปในหอคอยอย่างใจเย็น


[ท่านเข้าสู่หอแห่งปัญหาในฐานะ ‘หัวแถว’]


[หอคอยชั้น 1]


‘ทำไมถึงได้มืดขนาดนี้?’


หากมองจากภายนอก หอคอยจะมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่สิ่งนี้ก็เข้าใจได้ เพราะหอคอยต้องใช้เก็บศพมังกรซึ่งถูกล่าอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายร้อยปีผ่านมา อาณาบริเวณจึงต้องใหญ่ยิ่งกว่าวังหลวงจักรวรรดิ และมีความสูงระดับเสียดแทงท้องฟ้าเบื้องบน


ด้วยเหตุนี้ กริดจึงคาดหวังว่าทัศนียภาพด้านในจะต้องโอ่งโถงอลังการ ชนิดสามารถเกิดเป็นความสำเร็จหรือทักษะบางประเภทของตัวละคร


อย่างไรก็ตาม ในวินาทีย่างกรายเข้าไปในหอขนาดยักษ์ ภาพการมองเห็นกลับถูกฉาบด้วยสีดำสนิทโดยไม่มีสิ่งอื่นเจือปน


มองไม่เห็นอะไรเลย…


แม้แต่สัมผัสของเหนือมนุษย์ก็ไม่ช่วย


“ยินดีต้อนรับ”


ขณะสายตากริดกำลังปรับตัวให้คุ้นชิน


สุ้มเสียงเป็นมิตรของหญิงสาวดังแว่วในโสตประสาท และภาพด้านในเริ่มปรากฏในการมองเห็นของกริดทีละนิด


ลานโล่งกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ปราศจากขอบเขตสิ้นสุด


“จงแสดงให้พวกเราเห็นถึงความสามารถของหัวแถวคนปัจจุบัน ก่อนอื่น ขอทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายเป็นอันดับแรก”


[ไอเท็ม ทักษะ และเวทมนตร์ ไม่สามารถใช้การได้ภายในดินแดนแห่งนี้]


“จงวิ่งไปให้ถึงชั้น 2 ภายในห้าชั่วโมง”


“…?”


เชี่ยไรเนี่ย… จะไม่โผล่หน้าออกมาให้แขกเห็นสักนิดเลยหรือ?


ตนอุตส่าห์ทำภารกิจแสนยาก (?) ของหอแห่งปัญญาจนสำเร็จ แต่กลับถูกทดสอบฝีมือด้วยกิริยาหยาบคายเช่นนี้?


กริดรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็เริ่มออกวิ่งทันทีนับตั้งแต่ข้อความปรากฏ มันไม่กล้าดูแคลนภารกิจของหอแห่งปัญญา


‘บ้าจริง… เรากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร’


แล้วก็… ทำไมถึงจำกัดเวลา 5 ชั่วโมง…?


เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง กริดวิ่งอย่างไม่หยุดพักจนได้พบกับบันไดขึ้นไปยังชั้นบน


หลังจากหยุดยืนหน้าบันได มันส่งเสียงตะโกน


“นี่ใช่บันไดขึ้นไปชั้นสองไหม?”


“…”


“เอ่อ… มีใครอยู่ไหมครับ?”


“…”

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,612

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. ถามตามมารยาท​ใช่ใหม😆
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00