จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,231



“หัดระวังความเสียหายที่ตามมาบ้าง! ต้องให้กระหม่อมเตือนฝ่าบาทอีกกี่ครั้งกัน!”


กริดและปิอาโร่ที่กำลังยืนก้มหน้าสำนึกผิด ทำได้เพียงฟังคำเทศนายืดยาวและรัวเป็นปืนกลของแร็บบิตโดยมีอาจโต้เถียง


พวกมันได้ยินคำเดิม ๆ ซ้ำไปมา


“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป! ห้ามทำแบบนี้อีกเป็นอันขาด! ทุกคนเขาเดือดร้อนกันหมด!”


“…”


“…”


ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำที่ดีสักเพียงใด แต่หากได้ฟังคำบ่นเดิมซ้ำ ๆ เป็นใครก็ต้องหัวเสีย


ในตอนแรก กริดและปิอาโร่ต่างสำนึกในความผิดของตนจากก้นบึ้ง แต่ยิ่งถูกบ่นนานเข้า พวกเขายิ่งหมดความอดทน


จนกระทั่ง ทั้งสองเหล่มองกันเล็กน้อย ก่อนหายตัวไปโดยปล่อยให้แร็บบิตยืนบ่นอยู่คนเดียว


ทั้งคู่เคลื่อนไหวอย่างว่องไวและเงียบเชียบ กว่าแร็บบิตจะรู้ตัวก็ผ่านไปแล้วสองสามวินาที


“ฝ่าบาทกริดดด!! ดยุคปิอาโร่—!!”


เสียงตะโกนของแร็บบิตดังก้องไปทั่วลานโล่งซึ่งเคยเป็นทุ่งข้าว


บรรดาอัศวินต่างยืนเกาหัวด้วยความเห็นใจ


***


“นี่มันเหมือนกับ… โฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือเลยไม่ใช่หรือ”


ณ ถนนที่ห่างไกลจากเสียงบ่นของแร็บบิต


กริดรับใบปลิวจากลอเอลมาอ่านพลางขมวดคิ้วชนกัน


โดยเฉพาะเมื่ออ่านถึงถ้อยคำโฆษณาชวนเชื่อสุดเห่ยด้านล่างสุด


มันรู้สึกคลื่นไส้อย่างบอกไม่ถูก


ภาพวาดปิอาโร่และฮูเร็นที่ปิกัสโซ่บรรจงรังสรรค์อย่างประณีต มีอันต้องกลายเป็นสิ่งไร้ค่า


…เดี๋ยวนะ ฮูเร็น?


“ทำไมฮูเร็นถึงอยู่ในนี้ด้วย”


“มีข่าวลือหนาหูว่า ฮูเร็นคือผู้สืบทอดวิชาเกษตรกรรมจากปิอาโร่ ฉันจึงคิดว่าเราสามารถใช้ชื่อเสียงของเขาชักจูงคนหมู่มากได้ แล้วอีกอย่าง รูปร่างฮูเร็นก็เหมาะจะเป็นนายแบบ”


“ทายาททางเกษตรกรรม…”


กริดพลันเย็นสันหลังวาบ


มันกังวลว่าฮูเร็นจะกลายเป็นชาวนาเต็มตัวในสักวัน


“ฮะฮะ! ยอดเยี่ยมมาก”


แม้จะเห็นกริดแสดงสีหน้ากังวล แต่ปิอาโร่กลับส่งเสียงหัวเราะร่าเริง


ชาวนาในตำนานกำลังพึงพอใจกับความสมบูรณ์แบบของใบปลิวลอเอล


กริดถอนหายใจเงียบ พลางหันไปทางฮูเร็น


ฮูเร็นยักไหล่ตอบ


“ก็น่าสนุกดีไม่ใช่หรือ ข้อความเชิญชวนต้องเรียบง่ายและซื่อตรงแบบนี้ ถึงจะดึงดูดความสนใจจากคนหมู่มากได้”


“…มันดีแล้วหรือที่นายถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวนา …คงไม่ได้คิดจะเปลี่ยนคลาสเป็นชาวนาจริง ๆ ใช่ไหม…”


“ขอเพียงเก่งเท่าปิอาโร่ ฉันไม่เกี่ยง”


“…”


ออร่ามาสเตอร์คนดังของโลก กำลังมีอาชีพในฝันเป็นชาวนา


กริดที่เคยคาดหวังกับฮูเร็นไว้มาก พลันเกิดอารมณ์ห่อเหี่ยว


แต่ในทางกลับกัน มันก็เข้าใจความรู้สึกฮูเร็น


พลังทำลายล้างที่ปิอาโร่แสดงให้ทุกคนประจักษ์ ล้วนเต็มไปด้วยน่าหลงใหล โดยเฉพาะการต่อสู้ของวันนี้


อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ปิอาโร่แข็งแกร่ง มิใช่เพราะมันเป็นคลาสชาวนา


ฉะนั้น ถึงฮูเร็นจะได้เป็นชาวนาในตำนาน ก็ไม่มีวันแข็งแกร่งเหมือนกับปิอาโร่แน่นอน


ฮูเร็นตระหนักถึงความจริงข้อดีนี้กว่าใคร


“แต่ฉันคงเก่งเท่าปิอาโร่ไม่ได้…”


“…”


“เหตุการณ์ในวันนี้ทำฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้ ปิอาโร่มิได้แข็งแกร่งเพราะเป็นคลาสชาวนา”


ด้วยคลาสออร่ามาสเตอร์ มันมองเห็นความจริงอย่างทะลุปรุโปร่ง


ถึงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ชาวนาคืออาชีพสำคัญที่เป็นกระดูกสันหลังของโลก แต่ก็ต้องยอมรับว่า ชาวนาอ่อนแอด้านการต่อสู้


เพราะปิอาโร่ ชาวนาจึงดูแข็งแกร่งผิดไปจากความเป็นจริง โดยเฉพาะฉากการดวลอันน่าตื่นตาตื่นใจกับกริดเมื่อครู่


‘หลังจากครอบครองพลังจิตไร้เทียมทาน เราเริ่มสัมผัสได้ว่า ทุกการโจมตีจะรุนแรงขึ้นราวสองเท่า โดยเฉพาะมันหวานกระหน่ำตี ที่ตอนนี้มีพลังทำลายเทียบเท่าบดข้าวเปลือกในอดีต’


บีบันกล่าวไว้ว่า


วิชาดาบไร้เทียมทานที่ปราศจากพลังจิตไร้เทียมทาน จะไม่ต่างอะไรกับขนมคังจอง*


(*ขนมไส้กลวง ตรงกับสำนวนไทยว่า ข้านอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง)


คำกล่าวข้างต้น ถูกต้องทุกประการ


พลังจิตไร้เทียมทานมิได้เกิดจากวิชาดาบไร้เทียมทาน แต่เป็นเพราะมีพลังจิตไร้เทียมทาน วิชาดาบไร้เทียมทานจึงถือกำเนิด


วิชาดาบไร้เทียมทานที่ปราศจากพลังจิตไร้เทียมทาน ไม่มีวันสำแดงอำนาจแท้จริงได้


ปิอาโร่ก่อนและหลังมีพลังจิตไร้เทียมทานนั้นแตกต่างราวกับเป็นคนละคน


“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”


กริดหันไปถามปิอาโร่ขณะที่ทุกคนเดินมาถึงลานฝึกทหาร


ตึกกองบัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งถูกทำลายไปเมื่อหลายวันก่อน ยามนี้มีผู้คนมากมายกำลังเดินขวักไขว่ คนแคระเคย์นำทีมวิศวกรและช่างหัวกะทิของอาณาจักร ดำเนินการก่อสร้างซ่อมแซมอย่างขยันขันแข็ง


“สดชื่นมากขอรับ”


อันที่จริง ปิอาโร่ซึ่งเรียนพลังจิตไร้เทียมทานจากเมอร์เซเดสตั้งแต่ตอนเช้า ควรประสบอาการอ่อนเพลียเนื่องจากสูญเสียเรี่ยวแรงและสมาธิไปเป็นอันมาก


อีกทั้ง หลังจากนั้นยังต้องมาดวลกับกริด และต้องยืนฟังแร็บบิตเทศนาอีกชุดใหญ่


อย่างไรก็ตาม ปิอาโร่กลับยังคงสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าราวกับเพิ่งตื่น


“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า วิชาดาบไร้เทียมทานคือบรรพบุรุษของวิชาดาบอิสระ”


เมื่อได้ทราบความจริง ปิอาโร่ตกใจเล็กน้อย


อดีตอริยดาบ บีบัน


ปิอาโร่ค่อนข้างแปลกใจที่โชคชะตาของตน บังเอิญพัวพันกับบุคคลจากอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนอย่างลึกซึ้ง


“ท่านต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่…”


อดีตตำนานผู้ทิ้งคัมภีร์เคล็ดวิชาแสนล้ำค่าเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังร่ำเรียนโดยไม่หวงแหน


เมื่อตระหนักถึงฝีมือ ชื่อเสียง และความใจกว้างของอีกฝ่าย ปิอาโร่เริ่มจินตนาการให้บีบันเป็นบุรุษมาดสง่างาม ผู้มีบรรยากาศรอบตัวน่าเกรงขาม


“ก็คง… ทำนองนั้น”


กริดไม่ต้องการทำลายมโนภาพในหัวปิอาโร่ จึงยิ้มแห้งและฝืนตอบอย่างกระอักกระอ่วน


อย่างไรก็ตาม คำชื่นชมจากปิอาโร่มิได้ผิดแผกไปจากความจริง


ผู้ที่กลายเป็นอริยดาบเพราะหลงใหลในดาบและเริ่มฝึกฝนอย่างหนัก ผู้ที่เป็นต้นกำเนิดของอริยดาบมุลเลอร์ ผู้ที่เข้าร่วมหอแห่งปัญญาเพื่อต้องการปกป้องโลก และ…


ผู้สะบั้นปีกมังกร


ไม่ว่าจะมองมุมใด บีบันคือสุดยอดตัวตน


เพียงแต่ว่า ตัวจริงอาจไม่เหมือนจินตนาการปิอาโร่สักเท่าไร แต่ถึงอย่างนั้น กริดก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบาย


“ฝ่าบาทอาจคิดว่ากระหม่อมเพ้อเจ้อ”


“…?”


ขณะกริดหันไปมองซากตึกกองบัญชาการทหารสูงสุดพลางสำนึกผิดต่อแร็บบิต และกำลังสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ทำอีก ชายหนุ่มได้ยินถ้อยคำที่ชวนให้งุนงงจากปิอาโร่


“กระหม่อมเชื่อว่า ตัวเองอาจได้พบกับบีบันในอนาคต… รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ”


“…!”


“ฮะฮะ! ก็แค่ความรู้สึกขอรับ… กระหม่อมจะพบกับคนที่ตายไปแล้วหลายร้อยปีได้อย่างไร”


วิชาดาบของบีบันถูกส่งต่อมาถึงปิอาโร่โดยบังเอิญผ่านบรรพบุรุษตระกูล และหลังจากนั้น พลังจิตไร้เทียมทานก็ยังถูกส่งต่อมาถึงปิอาโร่โดยบังเอิญ …ผ่านกริด


ไม่บังเอิญเกินไปหน่อยหรือ…


ปิอาโร่มองว่านี่คือโชคชะตา และด้วยเหตุผลบางอย่าง มันเชื่อว่า ความสัมพันธ์ของตนและบีบันยังไม่จบลงเพียงเท่านี้


***


“ทำไมกัน…”


ในระยะหลัง ไอเท็มที่กริดสร้าง ซึ่งเคยมีราคาไม่สูงนัก กลับเพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างก้าวกระโดด


ราคาพุ่งสูงกว่าปรกติราว 3 ถึง 10 เท่า ไม่เว้นแม้แต่ไอเท็มระดับต่ำ


เหตุผลไม่ซับซ้อน


ทุกคนพบว่าไอเท็มที่กริดสร้างสามารถ ‘พัฒนา’ ขึ้นจากเดิมได้อีก


จากเหตุการณ์ที่กริดขอยืมอาวุธที่ตนสร้างเพื่อใช้งาน ‘ฝนศาสตรา’ เมื่ออาวุธถูกส่งกลับหาเจ้าของ ผู้เล่นพบว่าประสิทธิภาพของไอเท็มสูงขึ้นกว่าเดิมมาก นับแต่นั้นเป็นต้นมา คนทั่วโลกจึงควานหาอาวุธที่กริดสร้างอย่างบ้าคลั่ง


มีการวิเคราะห์กันว่า หากกริดใช้ฝนศาสตราอีกครั้ง อาวุธเดิมก็ที่เคยถูกอัปเกรด ก็ยังจะพัฒนาขึ้นไปได้อีก


เกมเมอร์ตัวจริงล้วนแสวงหาไอเท็มที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เกมเมอร์ทั่วไปหวังหามาใช้งานกึ่งเป็นการลงทุน ส่วนเกมเมอร์ระดับมหาเศรษฐีหวังกว้านซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะยาว ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้ราคาไอเท็มพุ่งกระฉูด


หนึ่งในผู้นำตลาดก็ไม่ใช่ใครนอกจาก


อาสึกะ


ด้วยความเป็นทายาทตระกูลอภิมหาเศรษฐีแห่งสหรัฐอเมริกา อาสึกะอาศัยทุกช่องทางจนสามารถรวบรวมอาวุธของกริดได้ทั้งหมด 7 ประเภท จำนวน 32 ชิ้น


ณ ตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องทำคือการรอคอย


อาสึกะมีงานอดิเรกเป็นการ ‘รีเฟรช’ หน้าต่างโรงประมูล เพื่อรอซื้ออาวุธที่กริดสร้างด้วยใจจดจ่อ และเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นเงินก้อนโตในภายหลัง


แต่ว่า


“ทำไมถึงไม่มีใครขาย…”


อาวุธที่กริดสร้าง มิได้ปรากฏในตลาดประมูลมาสักพักใหญ่แล้ว


ในฐานะบุตรสาวของนักธุรกิจดัง อาสึกะย่อมถูกฝึกสอนให้เข้าใจหลักการตลาดพื้นฐาน


“ถ้านายสร้างไอเท็มและเทขายในช่วงนี้ เงินทองมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้าหาไม่หยุด!”


ไม่ว่าจะมีคุณสมบัติต่ำสักเพียงใด แต่ไอเท็มที่สร้างโดยกริดจะแพงกว่ามาตรฐานหลายเท่า


ยังไม่ต้องคำนึงเรื่องประสิทธิภาพที่สูงกว่าไอเท็มระดับเดียวกันเป็นทุนเดิม ลำพังความหายากก็มากพอจะทำกำไรให้กริดได้เป็นกอบเป็นกำ


ขอเพียงลงทุนสักนิด สละเวลาส่วนตัวอีกสักหน่อย หากกริดสร้างไอเท็มและเทขายในช่วงนี้ มันก็จะร่ำรวยจนติดอันดับโลกได้ไม่ยาก


แต่ชายหนุ่มกลับไม่ทำ ปล่อยโอกาสที่จะกลายเป็นแชโบลให้หลุดมือไป


“นายมันโง่! น่าหงุดหงิดชะมัด!”


อาสึกะที่เริ่มเบื่อหน่ายการกดปุ่มรีเฟรชทุกหนึ่งนาที เริ่มกระหน่ำย้ำกดอย่างบ้าคลั่ง


หญิงสาวส่งเสียงคำรามด้วยดวงตาเบิกโพลง อากัปกิริยาคล้ายสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์สยองขวัญเกรดบี หากพ่นไฟออกจากปากได้ เธอก็คงทำไปแล้ว


“คุณหนู สงวนกิริยาด้วยครับ”


แบล็กเท็ดดี้พยายามพูดให้อาสึกะใจเย็นลง แต่แน่นอนว่าไม่สำเร็จ หญิงสาวเอาแต่ตะโกนถึงความโง่เขลาของกริดพลางรัวกดปุ่มรีเฟรช


แต่สิ่งที่ได้รับก็คือ ไม่มีการขายไอเท็มที่สร้างโดยกริดเพิ่มเข้ามาในโรงประมูล


ขณะเดียวกัน เลขาที่คอยเฝ้าด้านนอกแคปซูลก็มิได้ติดต่อฉุกเฉินเข้ามา ซึ่งนั่นหมายความว่า ไม่มีความคืบหน้าในเว็บไซต์ประมูลทั่วโลก


ไอเท็มฝีมือกริดไม่ถูกวางขายนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว


อาสึกะหงุดหงิดจนหัวแทบระเบิด


“ฉันพอจะเข้าใจ การที่ไม่มีไอเท็มใหม่ของกริดวางขายในช่วงนี้ เป็นเพราะหมอนั่นงี่เง่าและไม่อัปเดตข้อมูลตลาด… แต่ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า ทำไมกริดถึงไม่ใช้ฝนศาสตราเพิ่มจากเดิมสักครั้ง!! หือ… กำลังล้อกันเล่นใช่ไหม!!”


จากบรรดาไอเท็มฝีมือกริดที่อาสึกะรวบรวมมาได้ มีสองชิ้นเป็นเกรดยูนีค แต่ประสิทธิภาพกลับทัดเทียมไอเท็มเกรดเลเจนดารีที่ดรอปจากบอสเลยทีเดียว


จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกมันพัฒนาขึ้นหลังจากกริดใช้ฝนศาสตราครั้งที่สอง?


ไอเท็มเกรดยูนีคที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเลเจนดารีจะถือกำเนิดขึ้น และเธอจะนำมันเก็บเข้าคอลเลกชั่นอาวุธส่วนตัว


แต่จนแล้วจนรอด กริดกลับยังไม่ยอมใช้ฝนศาสตราเสียที


ทั้งที่ผ่านนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว


“หรือว่านาย… จงใจแกล้งฉัน?”


เราถูกจับตามองอยู่?


ทั้งหมดคือแผนเจาะจงเล่นงานเรา?


เมื่อเห็นท่าไม่ดี แบล็กเท็ดดี้รีบพูดเพื่อดับความฟุ้งซ่านของอาสึกะ


“คุณหนู กริดไม่ใช่คนหิวเงิน”


“ไร้สาระ! มีใครในโลกไม่หิวเงินด้วยรึไง”


ทุกคนที่อาสึกะเคยพบล้วนหิวเงิน แถมยังจ้องจะปอกลอกเธอ


ได้เห็นอาสึกะฉุนเฉียว แบล็กเท็ดดี้รีบอธิบาย


“ต่อให้ไม่มีเหตุการณ์ฝนศาสตรา แต่กริดก็ร่ำรวยมากอยู่แล้ว หากเขาหิวเงินจริง ลำพังการสร้างไอเท็มเรื่อย ๆ ก็มากพอจะทำให้ชายคนนั้นติดอันดับท็อป 100 บุคคลร่ำรวย แต่ก็อย่างที่เห็น เขาเลือกเดินบนเส้นทาง…”


เลือกสนุกสนานไปกับเนื้อเรื่องซาทิสฟาย


มุ่งเน้นทำภารกิจ ต่อสู้กับศัตรูที่คนธรรมดาเอื้อมไม่ถึง รวมไปถึงการสังหารครึ่งเทพ


ค่อนข้างแน่ชัดว่า กริดพึงพอใจกับทรัพย์สินจำนวนแสนล้านวอนที่มี และเลือกจะใช้ชีวิตไปกับความสุขในเกม


“…ดังนั้น กริดไม่น่าจะทำกำไรในช่วงนี้ครับ”


“เลือกเกมก่อนเงิน… เกมเมอร์ตัวจริงสินะ”


อาสึกะเริ่มคลายความหัวเสีย


เมื่อเริ่มตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงเกมเมอร์ตัวจริง หญิงสาวเหยียดหยันในใจ พลางคลายความโกรธที่เคยมีต่อกริด


อย่างไรก็ตาม เธอยังมีอีกหนึ่งคำถาม


“แล้วทำไมกริดถึงไม่ใช้ฝนศาสตรา?”


“อาจกำลังอยู่ในระยะหน่วง หรือไม่ก็ต้องใช้ทรัพยากรชนิดพิเศษครับ”


ทักษะที่สามารถโปรยปรายอาวุธนับหมื่นชิ้นจากฟากฟ้า พลังทำลายจะมากมายสักเพียงใด คงไม่มีใครคาดเดาได้แน่


หากกริดใช้ทักษะระดับนั้นได้บ่อยครั้ง นั่นคงจะเป็นเรื่องแปลกมากกว่า


ได้ยินคำอธิบาย อาสึกะเริ่มเบาใจ


“แบบนี้นี่เอง…”


เมื่อความเข้าใจผิดถูกสะสาง เธอเริ่มมองกริดในมุมใหม่


อาสึกะนั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปถามแบล็กเท็ดดี้


“ฉันควรให้กริดฆ่าสักกี่ครั้งดี?”


“…ครับ?”


ด้วยสมองเล็ก ๆ ของเธอ เหตุใดถึงมีไอเดียพิสดารผุดออกมาตลอดเวลา…


แม้จะเคยเห็นความหุนหัน เอาแต่ใจ และแนวคิดสุดประหลาดจากอาสึกะนานกว่ายี่สิบปี แต่แบล็กเท็ดดี้ก็ยังตามความคิดหล่อนไม่ทัน


อาสึกะอธิบาย


“ในตอนที่พวกเราล่าเฟนเรียร์ ทหารยามโอเวอร์เกียร์หลายนายถูกสังหาร ฉันคิดว่า พวกเราควรซื่อสัตย์และชดใช้ในเรื่องนั้น”


“ทำไมจู่ ๆ ถึงได้… แล้วอีกอย่าง คุณหนูมิได้ลงมือฆ่าทหารยาม แต่เป็นเครปัสต่างหาก”


“ยังไงก็เป็นคนของเราอยู่ดี ฉันหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ หากหวังสมัครเป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์ เราต้องขจัดบาปให้หมดจด”


“…!”


กิลด์สเน็ก อดีตกิลด์อันดับหนึ่งจากบรรดาเจ็ดกิลด์ใหญ่


อยู่มาวันหนึ่ง อาสึกะซึ่งเคยเป็นคณะกรรมการของกิลด์เสน็ก ได้ออกจากกิลด์พร้อมกับประกาศว่า เธอจะไม่ขอเข้าร่วมกิลด์ใดอีก


อาสึกะเกิดความคลางแคลงในสายสัมพันธ์อันเปราะบางที่ชื่อว่ากิลด์ หลังจากเห็นสมาชิกคนแล้วคนเล่าทยอยออกกิลด์ เพียงเพราะพ่ายแพ้ต่อโอเวอร์เกียร์หนแล้วหนเล่า


แต่เมื่อครู่ เธอพูดว่าจะเข้าโอเวอร์เกียร์?


“ทำไมถึงปุบปับนัก…?”


อาสึกะพยักหน้าให้แบล็กเท็ดดี้


“…คงเพราะฉันเริ่มขี้เกียจรวบรวมคนเวลาจะล่าบอสในแต่ละครั้งกระมัง ลองเปิดใจรับสายสัมพันธ์แบบกิลด์อีกครั้งคงไม่ใช่เรื่องเสียหาย”


“…พวกเขาอาจตอบปฏิเสธ เพราะถึงจะผ่านมาหลายปี แต่เราเคยสร้างปัญหาให้กริดไม่น้อย”


“ผิดแล้ว”


หลังจากอัปเลเวลถึง 400 อาสึกะได้เข้าใจสัจธรรมหนึ่งเรื่อง


มาตรฐานฝีมือของมอนสเตอร์และ NPC พิเศษในช่วงเลเวลใกล้เคียง เพิ่มระดับขึ้นจากเดิมจนน่าตกใจ


กริดย่อมเป็นคนแรกที่ตระหนักถึงปัญหา


ดังนั้น หากมีแรงเกอร์ระดับท็อปขอเข้ากิลด์ คงเป็นการยากที่มันจะตอบปฏิเสธ


“ถ้ากริดเป็นเกมเมอร์ตัวจริง… เขาไม่มีทางปฏิเสธเราแน่”


จุดมุ่งหมายของเกมคือชัยชนะ


หากใครโลกแคบ มัวแต่ยึดติดอดีตจนมองข้ามผลประโยชน์ระยะยาว คนผู้นั้นไม่มีวันได้รับชัยชนะที่แท้จริง


แรกเริ่มเดิมที พวกเธอก็ไม่เคยมีความแค้นเป็นการส่วนตัวกับกริดอยู่แล้ว


“และถึงจะถูกปฏิเสธ ก็ไม่มีอะไรเสียหายสักหน่อย”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,626
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00