จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,224



“ปราณดาบที่ใช้จินตนาการ… ฟังดูเหมือนกับอริยดาบเลยไม่ใช่หรือ…”


จากคำกล่าวของฮายาเตะ ลักษณะเด่นของดาบพิฆาตมังกรและดาบจิตของอริยดาบ จะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก


หมายความว่า หากใครได้ครอบครองดาบพิฆาตมังกร ก็อาจได้ครอบครองพลังของอริยดาบเช่นกัน


แน่นอนว่ากริดไม่มีความสุข ออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ชายหนุ่มกำลังกระวนกระวาย


เป็นความกังวลที่ว่า หากตนเรียนปราณดาบอนันต์จากฮายาเตะ ความภาคภูมิใจในดาบจิตของอริยดาบครอเกลอาจถูกทำลาย


เนื่องจากฮายาเตะอ่านสีหน้ากริดออกอย่างทะลุปรุโปร่ง จึงหัวเราะออกมาอย่างผ่อนคลาย


“เจ้าเข้าใจผิดความยิ่งใหญ่ของอริยดาบผิดไปมาก ไม่ควรใช้อริยดาบคนปัจจุบันเป็นบรรทัดฐาน”


“…ครับ?”


“ดาบจิตมิได้หมายถึงอริยดาบ แต่เป็นเพียงหนึ่งในเทคนิคมากมายที่อริยดาบครอบครอง”


“…?”


“ถึงแม้ว่าหลักการของดาบพิฆาตมังกรจะคล้ายคลึงกับดาบจิต แต่ก็มิได้แปลว่าเจ้าจะมีพลังทัดเทียมอริยดาบทันทีหากฝึกฝนจนชำนาญ”


“…”


“ในยุคสมัยปัจจุบัน นามแห่งอริยดาบนั้นถูกประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงไปมาก อาจเป็นเพราะว่า อริยดาบครอเกลยังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาและสั่งสมประสบการณ์”


ได้ยินเช่นนั้น แววตากริดเปลี่ยนไปกะทันหัน


ภาพดังกล่าวทำให้ฮายาเตะฉีกยิ้ม


“อย่าเข้าใจผิดไป ข้ามิได้บอกว่าครอเกลไร้ความสามารถ”


“ต…แต่ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย…”


‘เขาไม่รู้ตัวเลยหรือ ว่าเมื่อครู่แสดงสีหน้าเช่นไรออกมา’


ฮายาเตะเริ่มมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกริดและครอเกลอย่างเลือนราง จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“กลับเข้าเรื่องกันดีกว่า ดาบพิฆาตมังกรและดาบจิตนั้นไม่เหมือนนั้น เจ้ากำลังเข้าใจแก่นของพวกมันผิด… จินตนาการไม่เหมือนกับจิต”


“…”


“จิตคือแรงปรารถนาในการสร้างผลลัพธ์อย่างใดอย่างใด ส่วนจินตนาการคือการจดจ่อจิตเป็นเวลานาน สรุปก็คือ จินตนาการทำได้ยากกว่าจิตพอสมควร”


“ทำได้ยากกว่า… แปลว่าเพลงดาบพิฆาตมังกรมีระดับสูงกว่าดาบจิต?”


หากฮายาเตะเป็นตำนานทั่วไป คำตอบคงออกมาเป็น ไม่ใช่


แต่ชายคนนี้คือนักล่ามังกร


“ถูกต้อง”


“อึก…”


“เพียงแต่ว่า มันมิได้เหนือกว่าเสมอไป เพราะผลลัพธ์ของพลังจะเกิดจากสภาพจิตใจผู้ใช้งาน บางครั้งก็ไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มประสิทธิภาพ… กล่าวได้เพียงว่า ดาบพิฆาตมังกรใช้งานได้ยากกว่าดาบจิต”


“…!”


คำพูดดังกล่าว เป็นราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงกลางศีรษะกริดกะทันหัน


ใช้งานได้ยากกว่าดาบจิต?


‘แล้วเราจะเรียนเข้าใจได้ยังไง…’


ชายหนุ่มไม่เคยประเมินความสามารถของตัวเองให้สูงกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะด้านสติปัญญา กริดมั่นใจว่าตนหัวขี้เลื่อยเกินกว่าจะเรียนรู้ส่วนหนึ่งของเพลงดาบพิฆาตมังกร


“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเคยบอกแล้วว่าจะไม่ถ่ายทอดดาบพิฆาตมังกรรุ่นสมบูรณ์ เป็นเพียงหลักการของปราณอนันต์เท่านั้น”


ปราณอนันต์คือหนึ่งในเงื่อนไขหลายข้อก่อนจะครอบครองเพลงดาบพิฆาตมังกร


ฮายาเตะชี้นิ้วไปยังหน้าอกกริด


“ภาชนะที่ชื่อว่ากายามนุษย์นั้นมีขีดจำกัด แม้จะฝึกฝนพลังปราณเพียงอย่างเดียวตลอดหนึ่งพันปี แต่ก็ไม่มีทางครอบครองปราณดาบอนันต์ได้”


จากนั้น ฮายาเตะเลื่อนนิ้วขึ้นไปชี้อากาศด้วยท่วงท่าสง่างาม


“ในทางกลับกัน จักรวาลนั้นไร้ขอบเขต พลังปราณจึงจำนวนเป็นอนันต์… อย่างไรก็ตาม มนุษย์มิอาจหยิบยืมปราณจากทุกสิ่งมาใช้ได้ เพราะเมื่อเทียบกับขนาดของจักรวาล ร่างกายมนุษย์จะเล็กจนไม่ต่างอะไรกับเศษฝุ่น”


กริดหวนนึกถึงพลัง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ของปิอาโร่ รวมถึงพลัง ดูดกลืนมานา ของบราฮัม


ปิอาโร่ดูดกลืนปราณธรรมชาติรอบตัวมาใช้งาน บราฮัมก็ทำแบบเดียวกัน แต่เป็นละอองมานาในอากาศ… ถึงกระนั้น แม้ทั้งคู่จะเป็นอัจฉริยะสักเพียงใด แต่ก็มิอาจดูดกลืนปราณทั้งหมดบนโลกมาเป็นของตนได้


“เข้าใจแล้ว… คุณกำลังบอกว่า มนุษย์ไม่มีทางเข้าถึงปราณอนันต์ด้วยวิธีปรกติ”


“ถูกต้อง นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ตำนานและเหนือมนุษย์หลายคนในอดีต ถึงไม่สามารถโจมตีทะลวงผ่านเกล็ดมังกรได้”


ฮายาเตะนึกทบทวนอดีตแสนห่างไกล


มังกรสีเขียวตัวหนึ่งกำลังคลุ้มคลั่งและเปี่ยมด้วยความเกรี้ยวกราด


ฉากความตายของญาติพี่น้อง พวกพ้อง และเพื่อนคนสำคัญ กำลังปรากฏอย่างเลือนรางในห้วงความนึกคิด


สำหรับปัจจุบัน ฮายาเตะมิให้ผูกพันกับคนเหล่านั้นมากนัก เพียงเก็บความทรงจำเอาไว้ ณ มุมหนึ่งของจิตใจอันแก่ชราและชาชินต่อโลก


“ในการเผชิญหน้ากับมังกรหนแรก… ข้าลองทุกวิถีทางเพื่อสร้างบาดแผลบนตัวมัน ไม่ว่าจะด้วยร่างกายที่พัฒนาเลยขีดจำกัดของมนุษย์ไปไกล ด้วยอาวุธทุกชนิดในมือ และด้วยเวทมนตร์อันแสนภาคภูมิในยุคสมัยนั้น แต่ทั้งหมดกลับสูญเปล่า ความแข็งแกร่งที่ข้าสั่งสมมาทั้งชีวิต ทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนเล็กน้อยบนเกล็ดของมัน”


แต่ฮายาเตะก็ยังมีความหวัง


มังกรเขียวถูกมังกรอื่นทำร้ายมาก่อน โดยบาดแผลในบริเวณดังกล่าวเริ่มเน่าเปื่อยและมิได้ฟื้นฟูโดยอัตโนมัติอย่างที่ควรจะเป็น


พลังเวทมนตร์เฮือกสุดท้ายของมังกรเขียว จำเป็นต้องถูกรวบรวมไปยังปากแผลเพื่อปกป้องและฟื้นฟูให้เนื้อสมานเข้าด้วยกัน


ส่งผลให้การโจมตีของมังกรเขียวที่อยู่ในสภาพจวนเจียนสิ้นลม ไม่รุนแรงพอจะทำให้ร่างกายสุดแกร่งของฮายาเตะถึงแก่ความตาย


ฮายาเตะยังมีโอกาสตอบโต้


“ข้าเริ่มตระหนักว่า หากยังใช้การโจมตีเชิงกายภาพตามสามัญสำนึกปรกติ คงมิอาจสร้างบาดแผลให้แก่มังกรตนนี้ได้แน่ ดังนั้น ข้าจึงปรารถนาพลังที่มากขึ้น สละทุกเทคนิคที่เคยเรียนรู้มาตั้งแต่เกิด และเลือกจะเพ่งจิตทั้งหมดเพื่อสร้างบาดแผลให้กับมังกรตรงหน้า… ถูกต้อง คำตอบของข้าในเวลานั้นคือดาบจิต”


‘เรื่องจริงหรือเนี่ย…’


กายาแข็งแกร่งเหนือมนุษย์


เวทมนตร์ที่แสนภาคภูมิใจในยุคสมัยนั้น


แล้วก็ดาบจิต…


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ก่อนจะได้เป็นนักล่ามังกร


…ชายคนนี้แข็งแกร่งที่สุดในโลกอยู่แล้ว


อึก…


กริดกลืนน้ำลายเหนียว พลางจินตนาการภาพของมาดรา ซ้อนทับกับอดีตที่ฮายาเตะกำลังเล่าให้ฟัง


ราชาไร้พ่าย มาดรา


แม้แต่ฮายาเตะก็ยังยกย่องให้คนผู้นี้คือมนุษย์ที่มีพรสวรรค์สูงสุดตลอดกาล ไม่ว่าจะทวีปตะวันออกหรือตะวันตก… ยิ่งได้ฟังเรื่องราว มาดราก็ยิ่งกลายเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ในสายตากริด


“เมื่อเห็นดาบจิตของข้าสร้างบาดแผลบนร่างกายมันได้ ข้าจึงลงมือซ้ำหนแล้วหนเล่า”


“…”


“แต่นั่นกลับยังไม่พอ ลำพังจิตที่ต้องการสร้างบาดแผล ไม่เพียงพอที่จะปลิดชีพมังกร สิ่งมีชีวิตระดับเทวตำนาน…”


“…”


“ขณะเดียวกัน ร่างกายอันเหนื่อยล้าเกินขีดจำกัดของข้าเริ่มมิอาจขยับเขยื้อน แต่ฝั่งมังกรยังคงฟื้นฟูบาดแผลทุกวินาที โดยระหว่างนั้น ตัวข้าที่เป็นได้เพียงผู้ชมกลับเกิดความรู้สึก…”


ซู่ว…


ห้วงมิติสีขาวโพลน


มิติลึกลับที่มีปราณดาบลอยปั่นป่วนท่วมท้นท้องฟ้าตลอดเวลา ยามนี้กลับสงบนิ่งอย่างกะทันหัน ประหนึ่งสุนัขเชื่องก็มิปาน


ปราณดาบของฮายาเตะยังไม่หายไปไหน เพียงแต่ลดความเกรี้ยวกราดลง และเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นกระแสน้ำไหลเอื่อย


“…สนุกสนานและเติมเต็ม ในตอนนั้น ข้าสูญเสียสตินึกคิดชั่วขณะ จดจำไม่ได้ว่าตนกำลังมองเห็นสิ่งใด หรือคิดอะไรอยู่ ร่างกายขยับไปเองราวกับเครื่องจักร ขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้สติ และลงเอยด้วยการกวัดแกว่งดาบหนึ่งหน”


สภาพร่างกายฮายาเตะในตอนนั้นเละเทะยิ่งกว่าซากผ้าขี้ริ้ว ทว่า ถึงแม้จะมีบาดแผลเต็มตัว แต่มันกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด สิ่งนี้เรียกว่าอาการชา ชาจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกาย


เคลื่อนไหวจึงเกิดจากจิตใต้สำนึก


“ในตอนนั้น จิตอันมุ่งมั่นของข้าเริ่มก่อตัวเป็นจินตนาการ ความปรารถนามากมายหลั่งไหลเข้าสู่สมอง ปรารถนาพลังที่มากขึ้น ปรารถนาจะสร้างบาดแผลให้กับสิ่งมีชีวิตระดับเทวตำนานตรงหน้า ปรารถนาจะยับยั้งภัยพิบัติของมวลมนุษย์… จนกระทั่ง จินตนาการของข้าได้สร้างโลกใบใหม่ขึ้นมา”


และโลกใหม่ก็คือ…


“ที่นี่…?”


พลังที่สามารถฝากรอยแผลให้มังกร


ปราณดาบอนันต์มีตัวตนอยู่จริงภายในห้วงมิติขาวโพลนและไร้จุดสิ้นสุด…


หลังจากพบคำตอบ กริดเริ่มขนลุก


“ถูกต้อง”


ฮายาเตะไม่ปฏิเสธ


ทันใดนั้น ดาบส่องแสงของมันเริ่มอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลจนแม้แต่กริดยังสัมผัสได้


“พลังจิตไร้เทียมทานของบีบันจะคอยฟื้นฟูปราณดาบของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับโลกจินตภาพของดาบพิฆาตมังกรจะอาศัยหลักการ… พลังปราณไม่มีวันหมด”


“…”


“มุลเลอร์แก้ไขปัญหาโดยการฝังปราณต่อสู้เอาไว้ในแก่นมานาตัวเอง และทำการปิดบ่อน้ำที่มีชื่อว่าแก่นมานา ด้วยชั้นน้ำมันด้านบนสุดที่ชื่อว่าปราณดาบ”


ด้วยวิธีนี้ พลังทั้งสองชนิดจะไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียว แต่อย่างน้อยก็ยังแยกกันอยู่อย่างสมดุล ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับมุลเลอร์


“แต่ในทางกลับกัน หากเจ้าเก็บปราณต่อสู้เอาไว้ในโลกจินตภาพ ปราณต่อสู้สามารถผสานเป็นเนื้อเดียวกับกระแสปราณดาบในห้วงมิติ จนเกิดเป็นความกลมกลืนอย่างแท้จริง”


ฮายาเตะกำลังบอกเป็นนัยว่า วิชาที่ตนกำลังจะถ่ายทอดให้ มีประสิทธิภาพสูงกว่าเทคนิคของอริยดาบมุลเลอร์


“…”


หงึกหงึก.


เนื้อตัวกริดกำลังสั่นระริก


หากจะถกเถียงว่าใครคือตำนานอันดับหนึ่งตลอดกาลของมนุษย์ ชื่อของมุลเลอร์มักถูกหยิบยกขึ้นมาเสมอ


เมื่อทราบว่าฮายาเตะต้องการถ่ายทอดวิธีสยบปราณต่อสู้ให้ไม่เป็นพิษภัยต่อร่างกาย กริดย่อมเกิดความยินดีปรีดาเป็นปรกติ


แต่ทุกสิ่งจบลงเมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่


ใบหน้ากริดที่เริ่มแดงก่ำจากความตื่นเต้น พลันเย็นชืดลงด้วยบรรยากาศอึมครึม


“ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมไม่ได้สารภาพ”


“…?”


“ผ…ผมไม่มีพรสวรรค์เหมือนคนอื่น ดังนั้น ถึงท่านฮายาเตะจะยินดีถ่ายทอดวิชา แต่ผมอาจเรียนได้ไม่สมบูรณ์”


แม้แต่ยังบันก็ไม่ตระหนักถึงโลกจินตภาพ


เพราะหากพวกมันทราบ การจัดการกริดก็คงเป็นเรื่องง่าย แค่ดึงเข้าไปในโลกจินตภาพของตนและจัดการ ไม่จำเป็นต้องใช้ยันต์ให้วุ่นวาย


เท่าที่กริดนึกออก มีเพียงบราฮัมและฮายาเตะเท่านั้นที่สามารถสร้างโลกจินตภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ


แต่นั่นเพราะพวกเขาทั้งสองคือสุดยอดอัจฉริยะที่หนึ่งพันปีจะมีสักหน


แล้วจะให้หนอนแมลงอย่างตนร่ำเรียนสุดยอดเทคนิคอย่างโลกจินตภาพ…


ขณะกริดกำลังก้มหน้าคอตก มันเหลือบเห็นปลายนิ้วฮายาเตะกำลังขยับเข้ามาใกล้


นิ้วฮายาเตะสัมผัสลงบนหน้าอกกริด เป็นบริเวณหัวใจพอดิบพอดี ไม่สิ ระบุให้ชัดคือตำแหน่งของหัวใจฟินิกซ์แดง


“เจ้ามีสิ่งที่มากกว่าพรสวรรค์”


“…?”


“สิ่งนั้นคือพลังเทพ… ลองนึกทบทวนดูให้ดี เจ้าเองก็สร้างห้วงมิติได้ไม่ใช่หรือ”


“…!”


หัวใจฟินิกซ์แดง


พลังแห่งเทพ


สร้างห้วงมิติของตัวเอง


คีย์เวิร์ดของฮายาเตะทำให้กริดฉุกคิดถึงทักษะหนึ่งทันที


‘เขตแดนพายุเพลิงเทพ!’


หากยังจำกันได้ เวทมนตร์เขตแดนจะมีจุดศูนย์กลางเป็นตัวผู้ร่ายเสมอ ไม่ว่าจะขยับตัวไปไหน แต่ขอบเขตแสดงผลก็จะเคลื่อนที่ตามประหนึ่งห้วงมิติรอบตัวผู้ร่ายถูกบิดเบือนอยู่ตลอดเวลา


อย่างไรก็ตาม การแสดงผลของเขตแดนพายุเพลิงเทพนั้นแตกต่างจากวิชาสร้างห้วงมิติปรกติพอสมควร ยกตัวอย่างเช่น ห้วงมิติของบีบันและเนเฟลิน่า


เมื่อลองไตร่ตรองดูสักพัก กริดเริ่มตาสว่าง ถึงสาเหตุที่ว่า ทำไมเวทมนตร์เขตแดนจึงเป็นพลังหายาก และมีเฉพาะบอสพิเศษของเกมเท่านั้น


หรือว่า เวทมนตร์เขตแดนเป็นโลกจินตภาพรูปแบบหนึ่ง… ไม่สิ ระบุให้ชัดคือ เป็นโลกจินตภาพขนาดย่อส่วน!


แต่ถึงจะย่อส่วน ก็ใช่ว่าใครจะใช้งานก็ได้


“นี่คือโลกจินตภาพของผม…?”


“ของฟินิกซ์แดง”


“…!?”


“ด้วยโลกจินตภาพแห่งเทพ ถึงจะเป็นขนาดย่อส่วน แต่ประสิทธิภาพและหลักการยังคงครบถ้วนสมบูรณ์”


ฉึก.


ปลายนิ้วฮายาเตะแทงเข้าไปในอกกริด


“อั่ก!”


ชายหนุ่มร้องครวญครางเสียงหลง


แต่ฮายาเตะมิได้แยแส แม้จะเห็นกริดมีใบหน้าแดงก่ำ แต่ปลายนิ้วยังคงแทงลึกเข้าไปกว่าเดิม


ทันใดนั้น


ครืนนนนน!


มวลปราณดาบในอากาศ ปราณดาบมหาศาลบนโลกจินตภาพของฮายาเตะ พลันพรั่งพรูเข้าไปหัวใจกริด ไม่สิ… หัวใจฟินิกซ์แดง


ฮายาเตะเผยรอยยิ้มอ่อนโยน


“เรียนรู้ด้วยร่างกายมักเข้าได้ใจเร็วกว่า”


“อัั่ก…! แค่ก!”


การดูดกลืนปราณดาบยังไม่จบ


กริดเริ่มทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสชนิดที่มันไม่เคยพบเจอ ทรมานจนลืมหายใจชั่วขณะ ทำได้เพียงปล่อยให้พลังลึกลับไหลเวียนเข้ามาในร่างกายโดยมิอาจขัดขืน


จนกระทั่ง


หัวใจฟินิกซ์แดงมีการเปลี่ยนแปลง


[พลังของตัวตนสมบูรณ์แบบ เริ่มแทรกซึมเข้าไปในหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์แดง]


[ทักษะ <เขตแดนพายุเพลิงเทพ> จะแสดงผลเอฟเฟค <ปราณดาบอนันต์> เพิ่มเติม]


“ต…ตัวตนสมบูรณ์แบบ!”


สมองกริดที่กำลังเลือนรางจากความเจ็บปวด พลันได้สติกลับมา


กระจกตาชายหนุ่มสะท้อนภาพร่างกายของฮายาเตะกำลังแผ่แสงออร่าสีทอง


ทว่า… สีหน้าฮายาเตะกลับเจือความขื่นขมประหนึ่งเพิ่งดื่มยาพิษเข้าไป


“ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไม่เคยบันทึกว่าข้าเป็นผู้สังหารมังกร… นั่นเพราะไม่มีพยานคนใดรอบชีวิตกลับไปบอกเล่า”


“…”


“ข้าถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในหมู่มังกร หาใช่มวลมนุษย์ พวกมันเคียดแค้นข้า สาปแช่งข้าด้วยความโกรธเคือง… ดังนั้น สายตาที่ข้ามองเจ้าอย่างอิจฉา ทั้งหมดล้วนเกิดจากใจจริง”


“…!”


อาจเป็นเพราะปราณดาบกำลังสื่อถึงกัน…


กริดกัดฟันกรอดเมื่อสัมผัสถึงความเจ็บปวดทางใจและความเศร้าโศกของฮายาเตะ


ดวงตาชายหนุ่มเริ่มแดงก่ำ


[บุคคลนิรนามเริ่มเขียนมหากาพย์บทที่ 6]


[เรื่องราวเริ่มต้นด้วยคำสารภาพของตัวตนสมบูรณ์แบบผู้โดดเดี่ยว]


“ผ…ผมเริ่มเข้าใจคุณแล้ว”


[เขากล้าที่จะ… กล่าวคำปลอบประโลมกับผู้นำสูงสุดแห่งเผ่าพันธุ์ บุคคลที่มีลำดับสูงกว่าตนมากมายจนมิอาจนำไปเปรียบเทียบ]


“ไอ้จิ้งเหลนระยำนั่น… ผมจะเชือดพวกมันเพื่อแก้แค้นให้คุณในสักวัน!”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,619

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00