จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,230



“มหาเสนาบดี! ทำไมถึงไม่ห้ามฝ่าบาท!”


แร็บบิตตะโกนเสียงดังหลังจากเดินเข้าไปในห้องทำงานลอเอล


คงเพราะกำลังหงุดหงิดเสียเต็มประดา ผิวหนังตั้งแต่ลำคอขึ้นไปจึงแดงก่ำราวกับถูกน้ำร้อนลวก


ในช่วงหลายปีหลัง เศรษฐกิจของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนยากจะมีประเทศใดตามทัน


เดิมที รายได้หลักจะมาจากภาคเกษตรกรรม แต่หลังจากค้นพบการมีอยู่ของเหล็กมังกรคลั่ง อุตสาหกรรมโรงตีเหล็กก็เริ่มทำรายได้แซงหน้า


ต้องขอบคุณเหล็กมังกรคลั่งที่สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างไม่มีวันหมด ต้นทุนการผลิตไอเท็มส่วนใหญ่จึงแทบเป็นศูนย์ ดังนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กำไรในแต่ละปีจะมหาศาลเพียงใด


นับแต่นั้นเป็นต้นมา เหล็กมังกรคลั่งจึงไม่ต่างอะไรกับสมบัติล้ำค่าที่คอยค้ำจุนอาณาจักร


อย่างไรก็ตาม กษัตริย์กริดที่เพิ่งกลับถึงเมืองหลวงเพียงไม่นาน ได้ออกคำสั่งริบเหล็กมังกรคลั่งทั้งหมดที่ยังเหลือ ด้วยเหตุผลว่าจะนำไปทำลายทิ้ง


ในสายตาของเทศมนตรีแร็บบิต ผู้เป็นทั้งเจ้าเมืองไรน์ฮาร์ทและคนดูแลเงินคงคลังของอาณาจักร มันย่อมตกตะลึงและรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก


“ต้องมีเหล็กมังกรคลั่งหลงเหลืออยู่ที่ตัวฝ่าบาทแน่! หากเป็นตอนนี้คงยังทัน ท่านรีบโน้มน้าวให้ฝ่าบาทคืนแร่แก่ช่างตีเหล็กเร็วเข้า!”


ขณะแร็บบิตกำลังพูด มุมสายตาลอเอลปรากฏข้อความระบบใหม่


[เทศมนตรีแร็บบิตเสนอภารกิจ <โน้มน้าวราชา> แก่ท่าน]


แร็บบิตคือผู้ควบคุมและบริหารเงินคงคลังของอาณาจักร นับเป็นตำแหน่งสำคัญอย่างมาก


ผู้เล่นอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เกือบทุกคนมักไม่สามารถปฏิเสธภารกิจของชายคนนี้ได้ เพราะส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบ ‘กึ่งบังคับ’


ทว่า ลอเอลมีตำแหน่งสูงกว่า


แถมยังสูงกว่ามาก


หากพิจารณาในเชิงอำนาจ กวาดสายตาไปทั่วอาณาจักร ชายคนนี้เป็นรองเพียงกริดผู้เดียว


มันปฏิเสธภารกิจแร็บบิตอย่างสุภาพ พลางย้อนถามแร็บบิตกลับไป


“เหล็กมังกรคลั่งกลายเป็นสมบัติของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ตั้งเมื่อไร”


“เรื่องนั้น…”


“เหล็กมังกรคลั่งคือสมบัติของฝ่าบาทเพียงผู้เดียว ท่านเพียงให้อาณาจักรยืมใช้งานครู่หนึ่ง ฉะนั้น หากท่านต้องการริบคืน ก็ไม่มีใครหน้าไหนมีสิทธิ์ขัดขวาง”


“นั่นก็ถูก… แต่ในฐานะบริวาร ผู้ติดตามอย่างเราควรแนะนำให้ท่านเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องไม่ใช่หรือ… หากต้องสูญเสียเหล็กมังกรคลั่งจริง เศรษฐกิจของอาณาจักรอาจทรุดหนักจนเข้าขั้นอันตราย”


“ผิดแล้ว ในฐานะบริวาร เราต้องเชื่อมั่นในการตัดสินใจของฝ่าบาท โดยเฉพาะเรื่องใหญ่ระดับนี้ ท่านคงไตร่ตรองมาสักพักแล้ว”


“…”


แร็บบิตอึ้ง หมดคำพูดไปชั่วขณะ


ผ่านไปสักพัก มันเริ่มได้สติกลับมา หลังจากสูญเสียไปเพราะมัวแต่กังวลถึงการทรุดตัวของเศรษฐกิจ


ลอเอลพูดถูก


ก่อนจะตัดสินใจอยู่ใต้อาณัติกริด ก่อนจะรับตำแหน่งเทศมนตรีและผู้ดูแลการเงินอาณาจักร …เป็นเพราะตัวมันและลอเอลต่างเชื่อมั่นกริดโดยไม่เคลือบแคลง ทั้งคู่จึงมายืนอยู่ตรงนี้


ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ เชื่อมั่นในการตัดสินใจของกริด มิใช่เอาแต่คัดค้านหลังจากมองเห็นข้อเสียเพียงมุมเดียว


เหรียญมีสองด้านเสมอ พวกตนควรทำความเข้าใจถึงสาเหตุอีกด้าน มากกว่าเอาแต่เน้นย้ำผลเสียตรงหน้า


แร็บบิตเงียบงันสักพัก ก่อนจะถามกลับ


“ท่านเองก็กังวลเกี่ยวกับอันตรายของเหล็กมังกรคลั่งเหมือนกันใช่ไหม”


“แน่นอน… หากมันยังอยู่ จะเกิดปัญหาขึ้นตอนไหนก็ไม่มีใครคาดเดาได้ สำหรับในกรณีนี้ ฝ่าบาทจัดการได้ค่อนข้างดีทีเดียว… เขาน่าจะเสียใจมากกว่าใครทั้งหมด”


มนุษย์ทุกคนสามารถกระทำผิดพลาด


จากบรรดาช่างตีเหล็กนับหมื่นของไรนฮาร์ท หากมีแม้เพียงหนึ่งคนที่ลืมระงับพลังงอกเงยของเหล็กมังกรคลั่ง ปัญหาใหญ่จะเกิดขึ้นในทันที


ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ย้อนกลับไปเมื่อครั้งกริดวางแผนก่อความวุ่นวายภายในวังหลวงจักรวรรดิซาฮารัน ด้วยการส่งโคมเทียนระย้าที่ทำจากเหล็กมังกรคลั่ง เป็นของขวัญให้กับจักรพรรดินีแมรี่ รวมถึงการลอบฝังเหล็กมังกรคลั่งไว้ตามซอกกำแพงวังจนล้มครืนลงมา


เหล็กมังกรคลั่งอันตรายถึงเพียงนั้น


‘ยังไม่นับเรื่องที่มังกรจะมารวมตัวกัน…’


ลอเอลส่ายหน้าขณะนึกทบทวนข้อมูลลับจากปากกริด


‘ถ้าไข่มังกรคลั่งมิได้ฟักออกมาเป็นเนเฟลิน่าที่สามารถสื่อสารกับมนุษย์… คงไม่มีใครเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง’


ลอเอลยังไม่ลืมฉากความน่าเกรงขามของมังกรในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ


ภาพจำในคราวนั้นยังคงติดตา


ภาพของสุดยอดผู้เล่นของโลกสองคน มิอาจทำเรื่องง่าย ๆ อย่างการสร้างรอยขีดข่วนบนผิวเกล็ดมังกร


แร็บบิตกล่าวกับลอเอลที่ถอดแว่นตาออกและใช้มือก่ายหน้าผาก


“เข้าใจแล้ว… ตกลงตามนั้น”


เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มเย็นลง ลอเอลกล่าวต่อ


“ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย ผู้ดูแลการเงินก็ไม่ต่างอะไรกับนักธุรกิจ จำเป็นต้องคิดคำนวณความเสี่ยงและกำไรอยู่เสมอ แต่การบริหารบ้านเมืองยังต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านอื่นด้วย”


“ขอบคุณที่เข้าใจ”


ลอเอลมองออกไปนอกหน้าต่างพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข


ฉากเมืองหลวงของอาณาจักรอันกว้างใหญ่และเจริญก้าวหน้า ได้มอบความรู้สึกผ่อนคลายและพึงพอใจเหนือพรรณนา


นี่คืออาณาจักรของกริด ที่เรา แร็บบิต และทุกคนร่วมกันสร้างขึ้นมา…


จะปล่อยให้มีความเสี่ยงไม่ได้เด็ดขาด


ต้องปกป้องเอาไว้อย่างสุดกำลัง


ขณะลอเอลกำลังให้คำมั่นกับตัวเอง


ครืนนนน…!


ปราสาทสั่นสะเทือนเล็กน้อย


เมื่อพิจารณาว่า ปราสาทหลังนี้ถูกคนแคระเคย์ปรับแต่งจนมีโครงสร้างสมบูรณ์แบบ การที่จะสั่นสะเทือนได้ จำเป็นต้องได้รับแรงกระแทกในปริมาณมหาศาล


ขั้นต่ำก็ต้อง ‘บดข้าวเปลือก’ …


“อย่าบอกนะว่า…”


ขณะใบหน้าและดวงตาของแร็บบิตกำลังสั่นเทาเจือความบิดเบี้ยว


“ท่านเทศมนตรีแร็บบิต! อยู่ที่นี่เองหรือ…”


อัศวินนายหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้อง


มันทำความเคารพลอเอลก่อน ตามด้วยการหันไปรายงานข่าวด่วนให้แร็บบิตทราบ


“คือว่า… ฝ่าบาทกับท่านดยุคปิอาโร่กำลังประลองฝีมือกลางทุ่งข้าวขอรับ!”


“อีกแล้ว…!”


สำหรับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ปิอาโร่คือขุนนางใหญ่ที่มีตำแหน่งสูง และมีผู้คนนับหน้าถือตามากมาย


ความนิยมเป็นรองเพียงกริดเท่านั้น


แต่ในสายตาแร็บบิต ชายคนนี้กลับทำตัวเหมือนกับวายร้ายเข้าไปทุกวัน


“บัดซบ…! ถ้าจะประลองฝีมือ ทำไมถึงไม่ไปทำในที่โล่งห่างไกลความเจริญ!”


มันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า ทำไมคนทั้งสองที่มีพลังระดับสามารถลบภูเขาออกจากภูมิประเทศ ถึงจะได้ชอบประลองฝีมือใกล้กลับปราสาทนัก


ในความเป็นจริงไม่ใช่ว่ากริดและปิอาโร่ไม่รู้จักยั้งมือ แต่ปัญหาคือ ทั้งสองเป็นพวกไม่ชอบความพ่ายแพ้ ยิ่งการต่อสู้ดำเนินไป สติก็ยิ่งจดจ่อจนมิได้นึกถึงสิ่งที่ตามมา


“รีบพาฉันไปที่นั่น!”


“ฉันไปด้วย… กำลังต้องการให้ฝ่าบาทประทับตราลงบนเจ้านี่พอดี”


ในมือของลอเอลที่วิ่งตามแร็บบิต กำลังถือใบปลิวแผ่นหนึ่ง


เป็นใบปลิวรับสมัครชาวนาที่วาดโดยปิกัสโซ่ จิตรกรเอกแห่งอาณาจักร


และนายแบบหลักก็คือ


แน่นอน ชาวนาในตำนาน ปิอาโร่


ส่วนนายแบบรองคือออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็น ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้สืบทอดของปิอาโร่


ปิอาโร่กำลังแบกกระสอบข้าวไว้บนบ่า ด้านฮูเร็นกำลังถือมันฝรั่งสีรุ้งในมือ ทั้งสองยืนฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันสีขาว


“นี่มัน…”


แผ่นใบปลิวในมือลอเอลเริ่มดึงดูดความสนใจจากแร็บบิต


★ข้าวแสนอร่อยของเรย์ดันถูกเพาะพันธุ์โดยชาวนาในตำนานและออร่ามาสเตอร์★


★มหาจอมเวทชื่นชอบมันฝรั่งสีรุ้งมาก★


ดยุคปิอาโร่กล่าวว่า :


“การได้พบฝ่าบาทกริด ช่วยให้ฉันค้นพบแก่นแท้อันยอดเยี่ยมของเกษตรกรรม!”


คุณเคยกินมันฝรั่งสีรุ้งแล้วหรือยัง?


สัมผัสได้หรือไม่ ว่าร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้นจากเดิมหลายเท่า!


นี่คือความยอดเยี่ยมของชาวนายังไงล่ะ! เกษตรกรคือผู้มีพระคุณของอาณาจักร!


มาเป็นชาวนาที่น่าภาคภูมิใจด้วยกันเถอะ!


พี่น้องทั้งหลาย! อาณาจักรกำลังต้องการท่าน!


“…”


ใบปลิวที่สามารถดึงดูดความสนใจผู้คน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนสักเพียงใด


แร็บบิตชะงักฝีเท้าเมื่อได้เห็นภาพวาดสีสันฉูดฉาดพร้อมกับข้อความประกอบชวนปลุกใจ


ท่าทีดังกล่าวคือเครื่องพิสูจน์ว่า ใบปลิวแผ่นนี้ประสบความสำเร็จ


ลอเอลฉีกยิ้มกว้างและเริ่มอธิบาย


“เนื่องจากมีเหมืองแร่ใหม่ถูกค้นพบเป็นจำนวนมากในดินแดนของอาณาจักรเก๊าส์เดิม ด้วยเกรงว่าคนหนุ่มสาวจะอพยพออกไปประกอบอาชีพคนงานเหมือง ทางเราจึงต้องรั้งเอาไว้ด้วยใบปลิวนี้ ภาคเกษตรกรรมคือกระดูกสันหลังของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์”


“ถ…ถึงจะต้องการเชื้อเชิญสักเพียงใด แต่การใช้ดยุคปิอาโร่ผู้สูงศักดิ์ มาเป็นนายแบบใบปลิวรับสมัครชาวนา… ไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ…”


“ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปากคนที่เสนอให้ตัดเงินเดือนดยุคปิอาโร่”


“…”


“ไม่ต้องกังวล ดยุคปิอาโร่มีภาพลักษณ์ใกล้ชิดกับประชาชนอยู่แล้ว”


จริงอยู่ ปิอาโร่อาจมีบรรดาศักดิ์เป็นดยุค และมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพ คอยบงการทหารนับแสนเข่นฆ่าศัตรู แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไป ปิอาโร่ใกล้ชิดกับพวกเขาในฐานะชาวนาคนหนึ่ง เป็นเหมือนกับคุณลุงใจดีหน้าตาหล่อเหลาข้างบ้าน


ลอเอลมั่นใจ ใบปลิวฉบับนี้จะทำให้จำนวนชาวนาในอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


***


สถานการณ์การประลองแตกต่างจากเมื่อไม่กี่วันก่อนโดยสิ้นเชิง


นับตั้งแต่การดวลครั้งนั้นจบลง ทั้งปิอาโร่และกริดได้ทบทวนข้อผิดพลาดในการต่อสู้หนแล้วหนเล่า จนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้กลายเป็นศึกยืดเยื้อไปโดยปริยาย


โดยเฉพาะกริด มันเปลี่ยนไปมาก


ในการประลองคราวก่อน กริดทุ่มเททุกสิ่งทุกเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มต้น


แต่ในการต่อสู้ปัจจุบัน ชายหนุ่มหยั่งเชิงอย่างใจเย็น รอให้ปิอาโร่เปิดจังหวะเข้าใส่ จึงค่อยตอบโต้ด้วยท่าสวนกลับหรือไม่ก็หลบหลีก


‘ต้องต่อสู้ในจินตนาการกี่ครั้ง ถึงจะรับมือได้สมบูรณ์แบบขนาดนี้…?’


กริดมองเห็นเทคนิคการฟาร์มอิสระอย่างทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยังทำการบ้านมาเป็นอย่างดี จึงอาศัยความเร็วที่เหนือกว่า เปลี่ยนให้การโจมตีของปิอาโร่กลายเป็นหมัน


อย่างไรก็ตาม ในสายตาผู้ชมอย่างซินกูเล็ด ดันเต้ และคนที่เหลือ พวกมันยังคงเคลือบแคลง


ที่นี่คือทุ่งข้าว


ไม่ต้องอธิบายก็คงเข้าใจว่า สมรภูมิการต่อสู้เข้าทางชาวนาในตำนานมากเพียงใด


พืชพรรณเจริญเติบโตทุกวินาที แถมยังเต็มไปด้วยปราณธรรมชาติ ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อออกไปนาน ฝ่ายได้เปรียบคงไม่ใช่ใครนอกจากปิอาโร่


ตัวแปรสำคัญคือทักษะ ‘หว่านเมล็ด’ ของเคล็ดวิชาทำฟาร์มอิสระ


ระหว่างการต่อสู้ดำเนินไป เมล็ดพันธุ์ก็ยิ่งถูกหว่านออกมาหลายสิบหลายร้อย ไม่มีใครเดาได้ว่าปิอาโร่จะใช้มันเล่นงานกริดตอนไหน


‘กริดมองไม่ออก…?’


หรือกำลังเล็งอะไรไว้…


หากราชาหนุ่มของตนมีแผนรับมือกองทัพเมล็ดพันธุ์ของปิอาโร่จริง แล้วศึกนี้ใครจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ


“…!”


ขณะผู้ชมจำนวนมาก รวมไปถึงซินกูเล็ด ดันเต้ และฮูเร็น กำลังยืนครุ่นคิด ดวงตาพวกมันพลันเบิกโพลงพร้อมกัน


สาเหตุเกิดจาก ทุกคนได้ยินปิอาโร่เปลี่ยนการตะโกนชื่อท่ากะทันหัน


“ทำฟาร์มไร้เทียมทานรูปแบบที่ 2”


“…!?”


ไร้เทียมทาน…? ไม่ใช่อิสระ?


“เร่งโต!!”


ครืนนนนนน!!


ผืนดินกำลังสั่นกระเพื่อม


เมล็ดพันธุ์ที่โปรยไว้ก่อนหน้า มิได้งอกเงยออกมาเป็นต้นกล้า แต่กลายเป็นต้นไม้ขนาดมหึมาสูงเสียงท้องฟ้า บางส่วนบดบังทางหนีของกริดไว้ทุกทิศ บางส่วนพุ่งเข้าใส่ร่างกายโดยตรง


‘อะไรกัน…!’


ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นว่าความดุดันของท่าทำฟาร์มอิสระเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ในบรรดาผู้ชมทั้งหมด ออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็น กำลังประหลาดใจยิ่งกว่าใคร


‘นี่มันเรื่องบ้าอะไร…’


แต่ไหนแต่ไร ปิอาโร่คือผู้ใช้พลังธรรมชาติ


ในฐานะออร่ามาสเตอร์ ฮูเร็นย่อมมองเห็นพลัง ‘คี’ ด้วยตาเปล่า จึงทราบว่า ก่อนที่ปิอาโร่จะใช้ทักษะทุกครั้ง จะต้องรวบรวมปราณจากธรรมชาติโดยรอบมาเป็นของตัวเอง


ใช่แล้ว รวบรวม


หากมองผิวเผิน การหยิบยืมปราณธรรมชาติที่ไม่มีวันหมดมาใช้ อาจฟังดูเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้มากเกินไป แต่ในความเป็นจริง พลังธรรมชาติเองก็มีจุดอ่อน


รวบรวม. ผสานกายา.


นั่นคือสองขั้นตอนก่อนจะนำพลังธรรมชาติออกมาใช้งาน ส่งผลให้ปลดปล่อยการโจมตีได้ช้าลงครึ่งจังหวะ แต่ปิอาโร่จะกลบจุดอ่อนตรงนี้ด้วยเทคนิคและการอ่านสถานการณ์ที่เฉียบขาด


แต่แน่นอน มันไม่ได้สำเร็จเสมอไป


ด้วยความที่ทำฟาร์มอิสระจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในจำนวนมาก ยิ่งการโจมตีมีรัศมีกว้างเพียงใดก็ยิ่งสิ้นเปลืองเท่านั้น ส่งผลให้ รอยต่อการใช้งานแต่ละครั้งจะมีระยะเวลานานขึ้น เพราะต้องเสียเวลาในการรวบรวมปราณธรรมชาติที่เจือจางลง


ขณะเดียวกัน พลังทำลายก็ยิ่งเบาลงเรื่อย ๆ ตามปริมาณปราณธรรมชาติที่เหลือในอากาศ


แต่ในวินาทีนี้ ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไป


ปิอาโร่ระเบิดพลังปราณออกมาใช้งานได้รวดเร็วจนน่าตกใจ แถมปริมาณก็ยังขัดแย้งกับปราณธรรมชาติรอบตัว


นี่คือเหตุผลว่าทำไม ทักษะของปิอาโร่ถึงได้รวดเร็วและทรงพลังขึ้นกว่าเดิม


‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่…’


ฮูเร็นรีบหันไปทางกริด


แต่มันกลับพบว่า บุคคลที่สมควรตกตะลึงยิ่งกว่าใคร กลับเยือกเย็นกว่าใครทั้งหมด


เคร้ง!


เคร้ง เคร้ง เคร้ง!


การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด


ปิอาโร่ตามซ้ำด้วย ‘มันหวานกระหน่ำตี’ ซึ่งกล่าวกันว่า อานุภาพเป็นรองเพียงทักษะบดข้าวเปลือกเท่านั้น


สนามรบเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความพังพินาศ


‘ปิอาโร่เหนือกว่ามาก…!’


แตกต่างจากการดวลคราวก่อน


ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน ปิอาโร่ได้ก้าวข้ามกริดโดยสมบูรณ์


ขณะฮูเร็นกำลังคิดเช่นนั้น


พรึบ!!


ทะเลเพลิงปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่ารอบตัวกริด


ทุกคนล้วนทราบกันดี นี่คือเขตแดนพายุเพลิงเทพที่เคยเผามันหวานของปิอาโร่จนเหี่ยวเฉาในการดวลคราวก่อน


เพียงแต่ว่า


“สะพรั่ง. ร่ายรำ. มายา. สังหาร. คลื่น. สยบ. ทำลายล้าง. วังวน.”


กริดเปิดฉากกระหน่ำปลดปล่อยวิชาดาบผสานหนึ่งชนิดอย่างบ้าคลั่ง


ราวกับปราณดาบของตนไม่มีวันหมด


โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก


…และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ทุ่งข้าวที่เคยมีสีทองอร่าม ยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นหลุมอุกกาบาตจำนวนนับไม่ถ้วน


ไม่มีคำอธิบายใดเห็นภาพชัดกว่านี้อีกแล้ว


ทันใดนั้น


“ดยุคปิอาโร่—!!”


ทุกคนหันไปมอง


และเห็นแร็บบิตกำลังวิ่งตรงมา


กริดกับปิอาโร่ที่กำลังแลกหมัดอย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลันยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น


ไทยมุงด้านนอกเริ่มก้าวถอยหลังทีละนิด คล้ายกับกำลังบอกว่า พวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,625

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

  1. คนเช็คบิลที่แท้ทรู

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าเปนวันพิช ก็นามิแหล่ 555+

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00