จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,216



“ดันเต้ พักนี้ดูแข็งแรงขึ้นนะ”


เมื่อกริดนั่งลงบนบัลลังก์ใหญ่ บรรยากาศของวังหลวงพลันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ


ความอ้างว้างของบัลลังก์ไร้กษัตริย์ถูกปกคลุมด้วยความองอาจสง่างามเหนือคำบรรยาย


ดันเต้กลืนน้ำลายแห้ง และตอบอย่างสุภาพ


“ตามคำอธิบายของท่านจอมปราชญ์สติกส์ ร่างกายกระหม่อมตอบสนองต่ออาหารประเภทซุปได้ดี จึงช่วยเสริมสร้างกำลังวังชาให้หนุ่มลง โดยมีงานวิจัยช่วยสนับสนุนว่า น้ำประปาของกรุงไรน์ฮาร์ทมีคุณภาพสูงมาก”


“นั่นคือความลับของการดูหนุ่มขึ้น?”


ดันเต้เพิ่งได้พบกริดหลังจากตนชราภาพ


เนื่องด้วยความพร่ามัวของสายตาคนแก่ มันจึงมองใบหน้ากริดอย่างไม่ชัดเจนมาตลอด


แต่สำหรับวันนี้ ดันเต้มีโอกาสประจักษ์ความสง่างามของอีกฝ่ายอย่างแจ่มชัด มันพบว่าคำพูดและการกระทำของราชาตนเปี่ยมด้วยประสบการณ์ผิดไปจากวัย แถมยังมีสายตาแฝงบรรยากาศคุกคามเต็มเปี่ยม


ทัศนียภาพอันคลุมเครือเมื่อก่อนไม่สามารถมอบรายละเอียดเช่นนี้ได้


“ต้องขอบคุณพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท กระหม่อมจึงมีโอกาสอาศัยอยู่ในมหานครอุดมสมบูรณ์เช่นไรน์ฮาร์ท”


ดันเต้ ผู้กลับมามองเห็นโลกและกริดได้อย่างแจ่มชัดอีกครั้ง กล่าวขอบคุณจากก้นบึ้งด้วยท่าทีนอบน้อม เป็นการให้เกียรติยิ่งกว่าเมื่อครั้งเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิเสียอีก


กริดพยักหน้ารับ


“แต่ในความเป็นจริง สุขภาพของนายเกิดจากฝีมือฉันต่างหาก คำอธิบายของสติกส์ไม่ถูกต้องเลยสักนิด หากมนุษย์สามารถอายุยืนเพียงเพราะดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมเหมาะสม ป่านนี้คงไม่มีใครตายแล้วกระมัง”


“อะแฮ่ม…” ปิอาโร่กระแอมเมื่อได้ยินกริดอธิบายมากเกินจำเป็น


แต่ชายหนุ่มมิได้แยแส ทั้งหมดคือความจริง และตนก็ภูมิใจกับมัน


“อย่างไรก็ตาม ดันเต้ สุขภาพและความอ่อนเยาว์ของนาย มาพร้อมผลกับข้างเคียงอันตรายหนึ่งเรื่อง ฉันจำเป็นต้องบอกให้รับรู้ไว้”


“…?”


ในตอนแรก ดันเต้และปิอาโร่เข้าใจว่ากริดพูดทีเล่นทีจริง แต่หลังจากเห็นสีหน้าขึงขังของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน พวกมันจึงตั้งใจฟัง


“นายต้องเป็นศัตรูกับเทพของทวีปตะวันออกไปโดยปริยาย”


“…!”


บรรยากาศในท้องพระโรงพลันเงียบสงัดอยู่พักใหญ่


เมื่อเห็นอัศวินทั้งสองของตนไม่ทราบว่าควรตอบสนองเช่นไร กริดล้วงหยิบหน้ากากหนังเฟย์ริสออกมาถือ พลางใช้มืออีกข้างเคาะบัลลังก์คล้ายกับกำลังรอคอยบางสิ่ง


ไม่กี่นาทีถัดมา


เมื่อเห็นสติกส์มาถึง กริดเริ่มเล่าเรื่องยาว


***


“อะ…”


“เรื่องราวเป็นเช่นนี้เองหรือขอรับ…”


เมื่อกริดเล่าถึงตำนานการสังหารครึ่งเทพ ‘ฮันกยอล’ ของตน รวมถึงการถูกจ้องมองจาก ‘พุงซา’ เทพวายุ สีหน้าของดันเต้และปิอาโร่พลันทวีความตึงเครียดยิ่งกว่าเก่า


“ล…แล้วท่านดันเต้จะถูกเทพลงทัณฑ์ไหม?”


สติกส์ช่วยคลายความกังวลให้ปิอาโร่


“ไม่มีทาง” มันยืนกรานอย่างมั่นใจ


“เทพตกสวรรค์ถูกลืมเลือนและปราศจากอิทธิพลบนทวีปตะวันตก จึงไม่มีทางใช้พลังเทพลงทัณฑ์ข้ามทวีปได้แน่ อย่างมากก็ลงมือได้เฉพาะในขอบเขตทวีปตะวันออก”


“หมายความว่า ท่านดันเต้จะปลอดภัยถ้าไม่ย่างกรายไปยังทวีปตะวันออก?”


“ถูกต้อง ผลเสียเช่นนี้แทบไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันท่านดันเต้ หากยังอยู่บนทวีปตะวันตก ท่านสามารถดื่มด่ำไปกับชีวิตอันยืนยาวและสุขภาพแข็งแกร่งจากบารมีเทพ”


“ฟู่ว…”


ปิอาโร่เผยสีหน้าโล่งใจโดยไม่ปิดบัง ส่วนเมอร์เซเดสข้างกริดก็เริ่มผ่อนคลาย


แต่ดันเต้ยังคงทำหน้าอึมครึม


เมื่อเห็นความกังวลของอีกฝ่าย กริดหันไปถามสติกส์


“ในเมื่อดันเต้กลายเป็นเป้าความศรัทธาแล้ว เขามีโอกาสพัฒนาไปเป็นครึ่งเทพเหมือนกับยังบันหรือไม่”


“ยากมาก. เพราะหากลำพังความศรัทธาช่วยเปลี่ยนให้มนุษย์เป็นเทพได้จริง ตำนานของมนุษย์จะต้องเต็มไปด้วยเทพจำนวนนับไม่ถ้วน”


“แล้วติดขัดตรงไหน?”


“ชาติกำเนิด. ยังบันถูกสร้างโดยเทพเพื่อให้กลายเป็นเทพเทียม แต่ท่านดันเต้มีพื้นเพเป็นมนุษย์ธรรมดา จึงยากจะก้าวไปถึงขอบเขตของเทพ ไม่เหมือนกับฝ่าบาทผู้มีดวงวิญญาณพิเศษ หากมนุษย์ปรกติต้องการเป็นเทพ จะต้องสร้างตำนานไปทั่วโลกอย่างต่อเนื่องและเป็นเวลานาน ซึ่งนับเป็นเรื่องยากมาก เพราะแม้แต่อริยดาบมุลเลอร์ก็ทำไม่สำเร็จ ฝ่าบาทคงเข้าใจเป็นอย่างดี”


สติกส์มองกริดด้วยสายตาอ่อนโยน


ในพักหลัง มันเริ่มคำใช้สุภาพกับกริดโดยไม่สนว่าตนคือไฮเอลฟ์ ความศรัทธาและนับถือเริ่มก่อตัวขึ้นหลังจากชายหนุ่มสร้างตำนานอันน่าเหลือเชื่อหนแล้วหนเล่า


กริดพยักหน้าและหันกลับไปทางดันเต้


“คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง หากนายสร้างตำนานได้มากพอ ก็มีโอกาสกลายเป็นครึ่งเทพในอนาคตเช่นกัน แต่คงต้องพยายามอย่างหนักทีเดียว”


“หามิได้ขอรับ กระหม่อมต้องการเป็นมนุษย์ ถึงแม้จะมีโอกาสกลายเป็นครึ่งเทพด้วยการสร้างตำนาน แต่กระหม่อมมิได้ปรีชาดังเช่นฝ่าบาท ฉะนั้น ขอเลือกการมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพดีกว่าผู้อื่นเล็กน้อย… เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”


ดันเต้ลุกขึ้นมาโค้งคำนับให้กริด


“ขอขอบพระทัยฝ่าบาทอย่างสุดซึ้ง… พระมหากรุณาธิคุณของท่าน กระหม่อมไม่ทราบว่าต้องตอบแทนอย่างไรจึงจะชดใช้ได้หมด”


เมื่อสิบกว่าปีก่อน อัศวินสีชาดในยุคปิอาโร่ต้องสูญเสียทุกสิ่ง


ดันเต้ไม่ใช่ข้อยกเว้น


หลังจากถูกจักรวรรดิตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ ทั้งบุตรชายสองคน ลูกสะใภ้ และหลาน ๆ อีกมากล้วนถูกนำไปประหารชีวิตจนหมดสิ้น


เมื่อได้รับชีวิตใหม่ ดันเต้จึงถือคติต้องมีชีวิตอยู่โดยการแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น มันวางเป้าหมายจะใช้ชีวิตแทนหลาน ๆ ซึ่งยังเล็กและตายไปก่อนจะได้สัมผัสโลกกว้าง


[ค่าความสัมพันธ์ของอัศวิน ‘ดันเต้’ เพิ่มขึ้นจนถึงขีดจำกัด]


[นับแต่นี้ไป ดันเต้นจะภักดีต่อท่านตราบจนชีวิตจะหาไม่ แต่หากท่านกระทำผิด เขาจะยืนกรานคัดค้านแม้ว่านั่นอาจทำให้ชีวิตจบลง]


อัศวินเฒ่า


ก่อนจะได้รับค่าบารมีเทพ ถึงแม้แต้มสถานะของดันเต้จะลดลงมากเนื่องด้วยอายุขัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ดันเต้คือหนึ่งในอัศวินคนสำคัญของอาณาจักร


ดังนั้น เมื่อได้รับกำลังวังชาในวัยหนุ่มกลับคืน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ดันเต้จะกลายเป็นหนึ่งในขุมพลังสำคัญซึ่งช่วยขับเคลื่อนอาณาจักรให้ก้าวหน้า


กริดพยายามข่มความสุข มันสงบสติอารมณ์และเดินไปจับมือกับดันเต้เพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย


“ดันเต้… แล้วนายใช้วิธีใดเพิ่มเลเวลของทหารอย่างก้าวกระโดด? ก่อนหน้านี้ ทหารของไรน์ฮาร์ทเกือบทั้งหมดพัฒนาใกล้ถึงขีดจำกัด พวกเขาไม่น่าจะยกระดับตัวเองข้ามกำแพงขีดจำกัดไปได้ นอกจากจะใช้วิธีการพิเศษเข้าช่วย”


NPC ปรกติจะมีขีดกำจัดคอยกำหนดฝีมือ เมื่อค่าสถานะเพิ่มใกล้ถึงจุดดังกล่าว เลเวลตัวละครก็จะเพิ่มช้าลงจนแทบไม่กระดิก ตรงข้ามกับ NPC พิเศษซึ่งมีระดับพัฒนาการอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยผู้เล่น


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแต้มสถานะจะเพิ่มจนเต็มค่าขีดจำกัดไปแล้ว แต่เลเวลตัวละครก็ยังเพิ่มขึ้นได้อย่างเชื่องช้า โดย NPC ก็จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มค่าพลังโจมตี ความแม่นยำ ค่าต้านทานต่อหนึ่งเลเวลตามปรกติ


แต่ขอเน้นย้ำอีกครั้ง เลเวลตัวละครจะเพิ่มขึ้น ‘อย่างเชื่องช้า’ หลังจากแต้มสถานะตันแล้ว


ทว่า ดันเต้กลับเพิ่มค่าเฉลี่ยเลเวลของทหารได้เกือบ 20 ระดับภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น


“ขีดจำกัดสินะ… จริงอยู่ ทหารเกือบทั้งหมดของไรน์ฮาร์ทมีสมรรถภาพร่างกายยอดเยี่ยม ใกล้ถึงขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป แต่ ‘เทคนิค’ และ ‘จิต’ ของพวกเขายังอ่อนหัดอยู่มาก จึงมีช่องว่างในการพัฒนาได้มากพอสมควร”


“…?”


ร่างกาย เทคนิค จิตใจ


บีบันเคยเน้นย้ำสามสิ่งนี้ให้กริดฟัง


แต่ในตอนนั้น ชายหนุ่มเข้าใจว่ามันคือระบบใหม่สำหรับตัวตนพิเศษชั้นสูง


ดันเต้นำมาใช้กับทหารทั่วไปเนี่ยนะ?


เมื่อเห็นราชาของตนทำหน้าสับสน ดันเต้อธิบายเพิ่มเติม


“สมรรถภาพร่างกายของทหารแต่ละนายจะไม่มากไปกว่าทหารหนุ่มกำยำ ต่อให้ฝึกฝนด้านนี้จนถึงขีดจำกัด พวกเขาก็จะยังยกหินก้อนใหญ่ไม่ได้อยู่ดี และมิอาจวิ่งเต็มฝีเท้าได้เป็นเวลานาน”


“…”


“อย่างไรก็ตาม หากมีการฝึก ‘เทคนิค’ เสริมเข้าไป ทหารสามารถระเบิดพละกำลังออกมาใช้ยกหินใหญ่ได้ชั่วคราว โดยถ้ามีการฝึก ‘จิต’ เสริมเข้าไปด้วย พวกเขาสามารถเอาชนะใจตัวเองและวิ่งเต็มฝีเท้าได้เป็นเวลานาน”


คำอธิบายเช่นนี้ ใครฟังก็ต้องเข้าใจ


“วิธีการฝึกของกระหม่อมไม่ซับซ้อน เพียงสอนเทคนิคการฟันดาบโดยใช้พละกำลังให้น้อยลง เข่นฆ่าทหารศัตรูง่ายขึ้น และเมื่อร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย พวกเขาซึ่งถูกขัดเกลาจิตใจย่อมฝึกฝนได้นานกว่าปรกติ เหน็ดเหนื่อยได้ยากกว่าปรกติ เมื่อผนวกเข้ากับการมีพื้นฐานทางร่างกายซึ่งดีมากอยู่แล้ว ระดับพัฒนาการจึงระเบิดออกมาในช่วงเวลาสั้น ๆ”


“อา…”


คำพูดดันเต้อาจฟังดูง่าย แต่ความจริงแล้วทำได้ยากมาก


เพราะแม้แต่ปิอาโร่หรืออัสโมเฟลก็ไม่เคยทำให้ทหารมีพัฒนาการได้รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน


หมายความว่า ในแง่การฝึกทหาร ดันเต้มีศักยภาพสูงกว่าอัสโมเฟลและปิอาโร่มาก


“หากมีดันเต้คอยช่วย กองทัพอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะต้องกลายเป็นอันดับหนึ่งของทวีปอย่างแน่นอน”


กริดไม่กล้าพูดว่า ‘ในโลก’ มันยังไม่ลืมว่าเลเวลของทหารทวีปตะวันออกนั้นสูงมาก


ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาดันเต้พลันร้อนรุ่ม


“ขอรับ! แล้วฝ่าบาทจะต้องคาดไม่ถึง!”


ฟังแล้วชื่นใจ


ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่ปิอาโร่ได้ยินสาเหตุความอายุยืนและสุขภาพแข็งแรงของดันเต้ มันก็เอาแต่จ้องกริดด้วยสายตายกย่องเทิดทูนมาตลอด


จนกระทั่งราชาของตนจ้องกลับมา ปิอาโร่รีบสวมสีหน้าเคร่งขรึมและเริ่มรายงานสถานการณ์ทางฝั่งตน


“กิจวัตรกระหม่อมไม่ซับซ้อน ช่วงหลังเริ่มสอนเทคนิคบริหารจัดการดินให้กับทหารของกรุงไรน์ฮาร์ท พวกเขาจะได้พร้อมทำฟาร์มทุกเวลาและทุกหนแห่งอย่างชำนาญ…”


“เล่าประวัติวิชาดาบอิสระให้ฟังหน่อย”


“…วิชาดาบดังกล่าวถูกส่งต่อกันมาในตระกูลของกระหม่อม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีต้นกำเนิดจากไหน แต่พวกเราเชื่อว่ามาจากทวีปตะวันออก เนื่องจากภาษาในคัมภีร์ไม่เหมือนกับภาษาโบราณใดของทวีปตะวันตกเลย”


“แต่นายก็บรรลุมันแล้วนี่?”


“กระหม่อมไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าตนบรรลุวิชาดาบอิสระของแท้ เพราะบรรพชนในแต่ละรุ่นได้มีการตีความเพิ่มเติมเอาเองจนวิชาดาบแตกต่างจากต้นฉบับไปมาก ไม่ควรเรียกว่าเป็นวิชาเดียวกันด้วยซ้ำ”


“ต้นตระกูลของนาย มีเชื้อชายเสียวเดียวกับอริยดาบบีบันหรือไม่?”


“บีบัน…? ไม่เกี่ยวข้องกันเลยขอรับ”


“อา…”


นั่นสินะ บีบันเป็นคนจากหลายร้อยปีก่อน


ต่อให้บรรพชนใกล้ชิดกันจริง แต่ข้อมูลดังกล่าวอาจสูญหายไปตามกาลเวลา หรือไม่ก็ถูกลบทิ้งด้วยเหตุผลบางประการ


กริดพยักหน้ารับและตรงเข้าประเด็นทันที


“บีบันได้คิดค้นสุดยอดพลังจิตขึ้น ชื่อของมันคือ ‘พลังจิตไร้เทียมทาน’ ”


“โฮ่… แค่ชื่อก็สื่อถึงความยอดเยี่ยม”


“ฉันครอบครองมันแล้ว”


“…?”


บีบันเคยตักเตือน หากใครแพร่งพรายข้อมูลของขอแห่งปัญญา มันผู้นั้นจะมีภัยมาถึงตัว


แต่ปัจจุบัน กริดยังไม่เคยเล่าข้อมูลของหอแห่งปัญญาให้ใครฟัง


มันเอ่ยเพียงข้อมูลส่วนตัวของบีบันเท่านั้น


แถมบีบันยังเป็นคนเล่าให้ตนและคนนอกอย่างเมอร์เซเดสฟังด้วยตัวเอง (โดยไม่ได้ตั้งใจ)


“ฉันจะถ่ายทอดมันให้นาย”


เมื่อกล่าวจบ กริดหันไปมองเมอร์เซเดสสลับกับสติกส์อย่างมีเลศนัย


ในกรณีของจอมปราชญ์สติกส์ ไฮเอลฟ์ตนนี้มีทักษะติดตัว ‘เรียนรู้และถ่ายทอด’


ถ้ามีข้อมูลมากพอ สติกส์สามารถเข้าใจได้ทุกเรื่องและถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ในส่วนของเมอร์เซเดส เธอเองก็เป็นอีกหนึ่งผู้ครอบครองพลังจิตไร้เทียมทานผ่านเอฟเฟคของเนตรมองทะลุ


หากสองคนนี้ร่วมมือกัน การถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชาให้กับปิอาโร่ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก


‘และถ้าหากวิชาดาบอิสระมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิชาดาบไร้เทียมทานของบีบันจริง การเรียนพลังจิตไร้เทียนทานของปิอาโร่ก็ต้องเกิดผลลัพธ์บางอย่างเช่นกัน’


ขณะปล่อยให้ความคิดล่องลอย ชายหนุ่มเริ่มกลืนน้ำลายอึกใหญ่


บีบันเป็นตำนานอริยดาบ และปัจจุบันคือหนึ่งในสภาหอแห่งปัญญา


เช่นนั้นแล้ว ปิอาโร่จะแข็งแกร่งสักเพียงใด หากนำพลังของผู้เคยเป็นอันดับหนึ่ง ไปตกผลึกให้กลายเป็นพลังของตัวเอง?


แค่คิดก็ขนลุกแล้ว


“เมอร์เซเดส นับแต่นี้เป็นต้นไป เธอต้องร่วมมือกับสติกส์เพื่อถ่ายทอดพลังจิตไร้เทียมทานให้กับปิอาโร่”


“ค่ะ ฝ่าบาท”


กริดมั่นใจ พฤติกรรมดังกล่าวมิใช่การแพร่งพรายข้อมูลของหอแห่งปัญญา


เป็นเพราะความ ‘ใจกว้าง’ ของตัวบีบันเอง กริดและเมอร์เซเดสจึงได้ร่ำเรียนพลังดังกล่าว หรือสรุปอย่างอ้อม ๆ ได้ว่า ชายคนนั้นมีหัวใจของผู้เป็นอาจารย์ (?) อย่างเต็มเปี่ยม


หากเราถ่ายทอดพลังให้กับบุคคลเหมาะสม บีบันจะต้องดีใจแน่ ไว้บอกเขาทีหลังดีกว่า…


‘ไม่สิ… เรื่องนี้ควรเก็บไว้เป็นความลับ’


กริดมองว่า การทำอะไรไม่โดยขออนุญาต ออกจะเป็นเรื่องไม่สุภาพสักเท่าไร


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ต้องการพลังสำหรับต่อกรกับขั้วอำนาจฝั่งตะวันออกอย่างบริสุทธิ์ใจ


‘บีบัน… แล้วฉันจะหาโอกาสตอบแทนให้นายภายหลัง— เดี๋ยวสิ…’


แบบนี้ไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือ…


กริดเริ่มไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ก่อนตัดสินใจเพิกถอนคำสั่งของตน


“เปลี่ยนใจแล้ว อย่าเพิ่งถ่ายทอดพลังจิตไร้เทียมทานให้ปิอาโร่”


ในเมื่อตนกำลังจะไปเยือนหอแห่งปัญญาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถึงตอนนั้นค่อยขออนุญาตบีบันอย่างเป็นทางการก็คงไม่สาย


นอกจากเพื่อแสดงความเคารพอีกฝ่าย กริดยังหวั่นเกรงขอบเขตอิทธิพลของหอแห่งปัญญาบนโลกแห่งความจริง


“วันนี้พอเท่านี้ก่อน”


ถึงเวลาต้องพักผ่อนให้เรียบร้อย จึงค่อยแวะไปเยือนหอแห่งปัญญาในฐานะ ‘หัวแถว’


ชายหนุ่มวางแผนอนาคตของตนเสร็จสรรพ และเตรียมไปหาไอรีนกับลอร์ดด้วยสีหน้าแฝงความสุขยิ่งกว่าครั้งใด


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,610
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. อ่านยาวๆ
    ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00