จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,225



กริดย่อมไม่ทราบเงื่อนไขการปรากฏของบทกวีมหากาพย์


เดิมที ชายหนุ่มเดาว่าต้องเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ภายในโลกซาทิสฟาย


แต่ความจริงแล้วไม่ใช่


บทกวีมหากาพย์ของกริดทั้งหมดในอดีต ไม่เพียงเกิดจากความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แต่ยังต้องเกี่ยวพันไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล


มหากาพย์บทที่ 5 ได้พิสูจน์แล้ว


อาจเป็นเพราะด้วยเหตุผลนี้กระมัง


“พวกมันเคียดแค้นข้า สาปแช่งข้าด้วยความโกรธเคือง… ดังนั้น สายตาที่ข้ามองเจ้าอย่างอิจฉา ทั้งหมดล้วนเกิดจากใจจริง”


“…”


ระหว่างกำลังสนทนายืดยาวกับตัวตนพิเศษอย่างนักล่ามังกรด้วยความเห็นอกเห็นใจ กริดพอจะคาดเดาอนาคตอันใกล้ได้


อีกไม่นานต้องเกิดมหากาพย์บทที่ 6 แน่


แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง


[เรื่องราวเริ่มต้นด้วยคำสารภาพของตัวตนสมบูรณ์แบบผู้โดดเดี่ยว]


“ผ…ผมเริ่มเข้าใจคุณแล้ว”


[เขากล้าที่จะ… กล่าวคำปลอบประโลมกับผู้นำสูงสุดแห่งเผ่าพันธุ์ บุคคลที่มีลำดับสูงกว่าตนมากมายจนมิอาจนำไปเปรียบเทียบ]


“ไอ้จิ้งเหลนที่บังอาจสาปคุณ… ผมจะเชือดมันทิ้งในสักวัน!”


เมื่อบทกวีเริ่มต้นขึ้น กริดลงมือทำในสิ่งที่ตนทำมาตลอด พรั่งพรูความรู้สึกในใจออกไปอย่างซื่อตรง


ชายหนุ่มเห็นใจในความเจ็บปวดและโศกเศร้าที่ฮายาเตะได้รับ นี่เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้ง


กริดเชื่อว่าเท่านี้ก็คงเพียงพอ


แต่ไหนแต่ไร บทกวีมหากาพย์จะตอบสนองกับอารมณ์อ่อนไหวเป็นพิเศษ และคราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน


แต่มันคิดผิด


“ชู่ว.”


ฮายาเตะเลื่อนมือขึ้นมาปิดปากกริด


สีหน้าของนักล่ามังกรเริ่มอึมครึมเป็นครั้งแรก


“ระวังคำพูดหน่อย”


[คำประกาศกร้าวของเขาที่บอกว่าจะ @#%@#%^ ถูกตัวตนสมบูรณ์แบบระงับไว้]


“…?”


ตัวหนังสือบิดเบี้ยวจนอ่านไม่ออก


คำประกาศเมื่อครู่ของกริดไม่ถูกบันทึกลงบทกวีมหากาพย์อย่างที่ควรจะเป็น และไม่ถูกเผยแพร่ออกไปยังสาธารณชน


ฮายาเตะอธิบายกับกริดที่กำลังสับสน


“…เทพตกสวรรค์ของฝั่งตะวันออกคงทำให้เจ้ามองโลกในแง่บวกเกินไปกระมัง”


“…?”


“เจ้าไม่เคยรู้สึกเลยใช่ไหม ว่าเทพตะวันออกเป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง”


“…!”


มันถูกมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง


ขณะตระเวนไปทั่วทวีปตะวันออก กริดแทบไม่มีความยำเกรงต่อห้าอาวุโส


ผู้สร้างและฝึกฝนยังบัน สิ่งมีชีวิตซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นเทพ มิได้เป็นภัยคุกคามโดยตรงในสายตากริด


เหตุผลไม่ซับซ้อน


ห้าอาวุโสไม่เคยออกมาปรากฏตัวและสำแดงพลังให้กริดประจักษ์เลยสักครั้ง


ฮายาเตะถือว่าความเงียบของกริดคือคำตอบ


“เทพผู้ปกครองทวีปตะวันออกในปัจจุบัน… คือเทพที่พ่ายแพ้สงครามจนต้องถูกขับไล่”


หรือในอีกความหมายหนึ่ง


“พวกเขาบาดเจ็บและสูญเสียอำนาจ เมื่อนำไปเทียบกับมหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลังที่มนุษย์เคารพศรัทธา เทพตะวันออกนั้นมีพลังเพียงหางอึ่ง เป็นสาเหตุว่าทำไมเจ้าถึงยังปลอดภัย”


“…”


“ในทางกลับกัน มังกรนั้นไม่เหมือนกับเทพฝั่งตะวันออก ด้วยโสตประสาทอันเป็นเลิศและพลังอำนาจที่ไม่มีใครสามารถขัดขวาง คำพูดพล่อย ๆ ของเจ้าอาจนำภัยมาสู่ตัว”


ความนัยของฮายาเตะไม่ซับซ้อน


มันเตือนให้กริดระวังคำพูด ไม่ควรแสดงความเป็นศัตรูกับมังกรอย่างออกนอกหน้า


[ตัวตนสมบูรณ์แบบกล่าวตักเตือนเขาด้วยความห่วงใย พร้อมกับปกปิดเนื้อหาบางส่วนในบทกวีมหากาพย์]


[มหากาพย์บทที่ 6 ถูกหยุดกลางคัน]


[บนหน้ากระดาษอันว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดมองเห็นความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง]


‘อะไรกัน…’


กริดกำลังมึนงงสถานหนัก


ปากปิดสนิท เนื้อตัวสั่นเทาด้วยอาการสับสน


บทกวีจบลงแบบนี้จริงหรือ…


สำหรับกริดที่มักได้รับรางวัลใหญ่จากกวีมหากาพย์ทุกบท บทสรุปเมื่อครู่คือผลลัพธ์ที่เลวร้าย


‘มหากาพย์คือหัวใจของคลาส… แต่เรากลับฉีกมันทิ้งด้วยมือตัวเอง…’


ด้วยสมญานาม <ดยุคแห่งปัญญา> คลาส <มหากาพย์จอมดาบเวท> ของกริดจึงได้รับเอฟเฟคพิเศษมากมาย


หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มหลอดมานาและปราณดาบสูงสุดจำนวน 20% รวมถึงสิทธิ์ในการเขียนบทกวีมหากาพย์


แต่เท่านั้นยังไม่พอ กริดคาดหวังการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดทุกครั้งที่ตนลงมือเขียนบทกวีมหากาพย์


ถูกต้อง นี่เป็นคลาสที่ต้องพึ่งพาการเขียนบทกวีมหากาพย์อย่างมาก


แต่บทกวีหน้าใหม่ล่าสุดกลับถูกตัดจบอย่างไม่สมบูรณ์


ผลลัพธ์ออกมาตรงข้ามกับจุดประสงค์ของคลาสมหากาพย์จอมดาบเวทโดยสิ้นเชิง เรื่องราวของบุคคลนิรนามมิได้ถูกเล่าขาน ส่งผลให้ของรางวัลพิเศษต้องอันตรธานหายไป


“…?”


ขณะกริดกำลังยืนตัวสั่นโดยมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นกลางหน้าผาก ข้อความระบบใหม่ปรากฏตรงมุมสายตา


[ตามปรกติแล้ว หากเรื่องราวใดไม่ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เรื่องราวนั้นจะถูกเล่าขานต่อกันแบบปากต่อปาก]


[แต่อย่าได้ลืมว่า คนปากพล่อยมักถูกสังคมรังเกียจ]


[ท่านได้รับทักษะ <บอกเล่า> ชิ้นส่วนลับประจำคลาส <มหากาพย์จอมดาบเวท>]


<บอกเล่า>

แบ่งปันเนื้อหาของมหากาพย์ที่ถูกปิดเป็นความลับแก่บุคคลอื่น หนึ่งความลับสามารถแบ่งปันได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น

เงื่อนไขการใช้ทักษะ : บอกความลับแก่หนึ่งเป้าหมายที่มีค่าความสัมพันธ์ถึงขีดจำกัด

เอฟเฟคหลังใช้งาน : ทักษะ หรือความสามารถ หรือสมญานาม ของเป้าหมายจะถูกยกระดับตามเนื้อหาของบทกวี อีกทั้งยังมีโอกาสได้รับทักษะใหม่


“…!”


หากลองคิดตามให้ดี เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ


เฉกเช่นที่คลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าเคยมีระบบชิ้นส่วนลับ คลาสมหากาพย์จอมดาบเวทและดยุคแห่งปัญญาย่อมต้องมีระบบดังกล่าว


เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มหากาพย์จอมดาบเวทคือคลาสเกรดเลเจนดารีประเภทเติบโต


กริดเคยสงสัยมาตลอด ว่าคลาสใหม่ของตนมีระบบชิ้นส่วนลับหรือไม่ และในวันนี้ก็ได้รับคำตอบแล้ว


เล่าต่อแบบปากต่อปาก


สรุปโดยสั้น ทักษะนี้มีไว้สำหรับพัฒนา NPC หรือสัตว์เลี้ยง ถือเป็นพลังที่ดีสำหรับกริดผู้ต้องพึ่งพาบริวารเป็นหลัก


‘บนโลกอันโหดร้ายใบนี้ แม้แต่ตัวตนสมบูรณ์แบบอย่างฮายาเตะ ก็ยังพบขีดจำกัดของการอยู่ตัวคนเดียว’


ไม่ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ก็ต้องมีคนคอยสนับสนุนเคียงข้าง เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องพัฒนาพวกพ้องทุกคนไปพร้อมกัน…


กริดที่มีสีหน้าเคร่งเครียดจนถึงเมื่อครู่ เริ่มเผยรอยยิ้มแจ่มใส


ชายหนุ่มชื่นชอบเอฟเฟคและพลังใหม่ของมหากาพย์จอมดาบเวท


‘น่าเสียดายที่ความลับของมหากาพย์หนึ่งบท จะนำไปบอกเล่าได้แค่หนึ่งคน… แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยเวลา แค่เขียนบทกวีออกมาเรื่อย ๆ ก็พอ’


คนปากพล่อยมักเป็นที่รังเกียจ การบอกความลับแบบปากต่อปากจึงควรทำแค่ครั้งเดียว…


‘ก็สมเหตุสมผลแล้ว…’


กริดฉีกยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว


“หึหึ… ข้ากังวลมาตลอดว่าเจ้าอาจไม่พอใจ… ดูเหมือนจะไม่ต้องห่วงแล้วสินะ”


ฮายาเตะโล่งใจเมื่อเห็นกริดร่าเริง


ชายหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ


“ท่านฮายาเตะอุตส่าห์ชี้แนะทั้งที ผมยินดีน้อมรับอย่างเต็มใจ”


“ขอบคุณที่เข้าใจ… แต่จงจำเอาไว้หนึ่งเรื่อง มังกรไม่ใช่ศัตรูที่ควรเผชิญหน้า หากเลี่ยงได้ก็ควรถอยให้ห่าง”


“จะจำไว้ครับ…”


แม้แต่หอแห่งปัญญาก็ยังไม่กล้าอวดอ้างว่าพวกตนเกิดมาเพื่อฆ่ามังกร งานหลักของพวกเขามีเพียง ช่วยปกป้องมวลมนุษย์มิให้ได้รับภัยอันตรายจากมังกร


‘เราต้องโง่ขนาดไหน…’


ถึงได้กล้าประกาศว่าจะฆ่ามังกร ต่อหน้าตำนานนักล่ามังกร…


ขณะกริดกำลังอับอาย ความกังวลได้แทรกเข้ามาแทนที่


“…เพื่อนคนหนึ่งของผมถูกมังกรหมายหัว”


ไม่ใช่ใครนอกจาก ป็อน


ป็อนถูกมังกรเพลิง? ทราวก้าหมายหัวมานาน ตั้งแต่ก่อนรู้จักกับกริดเสียอีก สมัยยังเป็นกิลด์เซดากาห์ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่หลุดพ้นจากคำสาปของทราวก้า มักอาการกำเริบระหว่างฝึกซ้อมบ่อยครั้ง


อย่างไรก็ตาม ในศึกบนทวีปตะวันออกครั้งล่าสุด ดูเหมือนป็อนจะนำคำสาปดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ดีทีเดียว


ฉะนั้น กิลด์โอเวอร์เกียร์ที่ป็อนเป็นสมาชิก จึงถูกมังกรเพลิงทราวก้าเพ่งเล็งไปโดยปริยาย


“มีโอกาสบ้างไหม… ที่มังกรจะบุกรุกอาณาจักรเพียงเพื่อสั่งสอนมนุษย์สักคน”


“มี… แต่โอกาสต่ำมาก ตามธรรมชาติของมังกร พวกมันหวงแหนรังและอาณาเขต จึงไปไหนมาไหนไม่บ่อยนัก แทบไม่เคยออกจากรังเพียงเพราะต้องการสั่งสอนมนุษย์แค่คนเดียว… ไม่สิ ไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้งต่างหาก”


ความเห็นเหมือนกับสติกส์


เมื่อกริดเผยสีหน้าโล่งใจ ฮายาเตะรีบตักเตือน


“เว้นเสียแต่ว่า… ถ้ามนุษย์ที่ถูกมังกรหมายหัวมารวมตัวกันในจุดเดียว หลักการข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง… ถึงจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่มังกรอาจออกจากรังเพื่อสั่งสอนมนุษย์หลายคนพร้อมกัน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหอแห่งปัญญาถึงต้องกางข่ายเวทมนตร์ลบตัวตนหลายชั้น”


“นั่นสินะ… ถ้าเป็นศัตรูกับมังกร ก็ควรต้องหาทางซ่อนตัวให้แนบเนียน”


ภายในกิลด์โอเวอร์เกียร์ยังมีบราฮัม มหาจอมเวทในตำนานผู้เคยบุกรุกรังมังกรเพลิง? ทราวก้าเพื่อช่วงชิงสมบัติ ดังนั้น บราฮัมก็อาจเป็นหนึ่งในคนที่ถูกหมายหัว


หากกริด ผู้เป็นราชาแห่งโอเวอร์เกียร์ ดันไปทำให้มังกรเกิดความขุ่นเคืองเพิ่มอีกคน การรวมตัวกับป็อน บราฮัม และกริด ก็จะไม่ปลอดภัยอีกต่อไป อาจถึงขั้นถูกมังกรรุกรานอาณาจักร


ขณะชายหนุ่มทำหน้าเคร่งเครียดราวกับแก่ขึ้นนับสิบปี ฮายาเตะยกมือและดีดนิ้ว


เป๊าะ!


ซู่ว!


โลกจินตภาพของฮายาเตะพลันสลายตัว แทนที่ด้วยท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว


ฮายาเตะรีบแหงนหน้ามองหาดวงจันทร์ ก่อนจะหันไปโบกมืออำลากริด


“ข้าต้องเข้านอนแล้ว ขอตัว”


“ค…ครับ”


เมื่อกริดถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง มันสูดลมหายใจเข้าออกสักพัก ก่อนจะเปิดใช้งานพลังหัวใจฟินิกซ์แดง เพื่อสร้างเขตแดนพายุเพลิงเทพในรัศมีรอบตัว


คุณสมบัติสำคัญของเขตแดนพายุเพลิงเทพก็คือ การไม่ต้องเสียเวลาร่ายทักษะ แตกต่างจากสมัยยังเป็นเขตแดนพายุสายฟ้าอสูรอย่างมาก


พรึบ!


เปลวเพลิงสุกสว่างแผ่ขยายออกไปรอบตัวกริด จนกระทั่งเติมเต็มอากาศภายในรัศมี


พลัง <เจตจำนงแห่งไฟ> และ <เพลิงศักดิ์สิทธิ์> เริ่มหมุนวนเป็นวงกลมอย่างโชติช่วงและมั่นคง


เดิมที มันควรมีแค่นี้


แต่นี่คือเขตแดนเพลิงเทพโฉมใหม่


ซู่ว!!


ท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงสลับส้ม ประกายแสงสีเงินกำลังระยิบระยับราวกับทางช้างเผือก


ใช่แล้ว มันคือปราณดาบอนันต์


<เขตแดนพายุเพลิงเทพ>

ความน่าเกรงขามของเพลิงแห่งเทพ

— เอฟเฟคเขตแดน 1 —

<เพลิงศักดิ์สิทธิ์>

ทำการจุดประกายหัวใจลำดับ 9 จนเกิดพายุเปลวเพลิงแห่งเทพ

* พายุกินรัศมีกว้าง 200 เมตร เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับฝ่ายเดียวกัน (ไม่ส่งผลต่อเผ่าอันเดดและเผ่าอสูร) และทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของศัตรูลดลง 50%

* หากศัตรูคนใดติดดีบัฟลดทอนการฮีล แต่ยังพยายามใช้ทักษะฮีล เป้าหมายจะได้รับความเสียหาย 15,000 หน่วยแบบตายตัวและมีโอกาสเกิดผลการฮีลย้อนกลับ

* หากเป้าหมายประเภทอันเดดหรืออสูรยืนอยู่ในขอบเขตของพายุ พวกมันจะได้รับความเสียหายรุนแรง

— เอฟเฟคเขตแดน 2 —

<เจตจำนงแห่งไฟ>

เสริมแกร่งเพลิงแห่งเทพด้วยปราณไร้ตัวตนจากดยุคแห่งไฟ

* สร้างความเสียหายธาตุจิตใส่ศัตรูทุกชนิดในรัศมีพายุ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับค่าพลังจิตและค่าพละกำลัง สร้างความเสียหายเพิ่มเติมธาตุไฟคำนวณความรุนแรงจากค่าพลังจิตและค่าสติปัญญา การโจมตีทั้งสองชนิดจะไม่คิดค่าพลังป้องกันหรือค่าต้านทานของเป้าหมาย แต่จะไร้ผลหากศัตรูมีค่าพลังจิตสูงกว่า

— เอฟเฟคเขตแดน 3 —

<เปลวเพลิงท่วมท้น>

ยิ่งเปิดใช้งานเป็นเวลานาน ขอบเขตของพลังก็ยิ่งกว้างขึ้น สูงสุด 300 เมตร

— เอฟเฟคเขตแดน 4 —

ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์จะเติบโตมากกว่านี้

— เอฟเฟคเขตแดน 5 —

ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าค่าพลังจิตจะสูงถึง 2,000 แต้ม

— เอฟเฟคเขตแดน 6 —

ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าจะกลายเป็นครึ่งเทพหรือเทพ

? เอฟเฟคพิเศษ?

<ปราณดาบอนันต์>

ได้รับปราณดาบอนันต์เมื่อเปิดใช้งานเขตแดนพายุเพลิงเทพ

เมื่อเขตแดนแสดงผล ปราณดาบจะถูกฟื้นฟูจนเต็มทันที และจะไม่มีการสูญเสียปราณดาบขณะเขตแดนยังคงอยู่

ทรัพยากร : มานา 1,000 หน่วยต่อวินาที

ระยะเวลาร่าย : ทันที

ระยะหน่วงหลังใช้ : 20 นาที


“อะ…!”


สุดยอดพลัง


กริดกวาดสายตามองไปยังปราณดาบอนันต์ที่กำลังไหลเวียนไปรอบเขตแดนพายุเพลิงเทพ


ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่


ทันใดนั้น ปราณต่อสู้สีม่วงแดงรอบตัวกริดเริ่มทำปฏิกิริยากับพลังชนิดใหม่


กริดเคยยังกังวลมาตลอดว่า ปราณดาบอนันต์อาจกลืนกินปราณต่อสู้เข้าไปจนหมด


แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ปราณทั้งสองชนิดกลับกลมกลืนเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์


มันได้รับในสิ่งที่ต้องการ


[ปราต่อสู้ของ <ราชาวีรบุรุษ> ถูกผสานเข้ากับ <ปราณดาบอนันต์>]


[ด้วยอิทธิพลของปราณต่อสู้ ความรุนแรงของทักษะที่ใช้ปราณดาบเป็นทรัพยากรจะเพิ่มขึ้น 20%]


[นับแต่นี้เป็นต้นไป ปราณต่อสู้จะค้างอยู่ที่ 50 หน่วยตลอดเวลา ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเมื่อระดับตัวตนของท่านเพิ่มขึ้น]


[เมื่อปราณต่อสู้ถูกสยบ ร่างกายของท่านจึงได้รับความกลมกลืนกลับคืนมา]


[ท่านเปิดใช้งานระบบ <บรรลุ> พร้อมกับเปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณค่าประสบการณ์ใหม่ทั้งหมด]


“…”


อันดับหนึ่งของโลก


‘เราจะไม่ยกให้ใครแน่’


หลังจากกริดสาบานกับตัวเองและยกเลิกเขตแดนพายุเพลิงเทพ สีของละอองปราณต่อสู้รอบตัว ทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างชัดเจน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,620

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00