จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,165

[ค่าบารมีเทพของท่านครบ 10 แต้ม เหตุการณ์พิเศษกำลังจะเกิดขึ้น]

นานแค่ไหนแล้วนะ?

ต้องย้อนกลับไปขณะอิสซาเบลเริ่มเทิดทูนกริดเยี่ยงเทพจนค่าสถานะ ‘บารมีเทพ’ ถูกเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก สมัยนั้น อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังไม่ถูกก่อตั้งด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มกำลังตื่นเต้นสุดขีด

‘เรากำลังจะกลายเป็นครึ่งเทพ!’

หากยังจำกันได้ กริดเคยมีโอกาสได้เป็นครึ่งเทพมาแล้วหนหนึ่ง

ภารกิจ ‘เส้นกั้นแบ่งระหว่างดีชั่ว’ ซึ่งอุบัติขึ้นขณะวิหารยาธานกำลังบุกถล่มวาติกัน เนื้อหาภารกิจคือการแย่งชิงดาบจากสันตะปาปาเพื่อให้ตัวกริดได้กลายเป็นครึ่งเทพ รายละเอียดได้ระบุไว้ชัดเจนว่า เผ่าพันธุ์ครึ่งเทพจะช่วยให้แต้มสถานะเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า

อย่างไรก็ตาม กริดปฏิเสธ

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ชายหนุ่มมีโอกาสได้เป็นครึ่งเทพเพราะพลังจาก ‘ปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘มารลำดับ 4 ทาเร็น’ มิใช่จากค่าบารมีเทพของตัวกริดเอง

ถ้ากริดเลือกเส้นทางครึ่งเทพไปในตอนนั้น บางที มันอาจกลายร่างเป็น ‘มารลำดับ 4 ผู้ครอบครองปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์’ ไปแล้วก็ได้ และนั่นจะทำให้กลายเป็นศัตรูกับเทพของทวีปตะวันตกทั้งหมดไปโดยปริยาย

แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกัน

ชายหนุ่มถูกเทิดทูนบูชาหนแล้วหนเล่าจนกระทั่งกลายเป็นครึ่งเทพ

ฉะนั้น ถึงจะตัวมันกลายเป็นครึ่งเทพจากเหตุการณ์เมื่อ ก็จะไม่มีเหตุผลใดให้ทวยเทพฝั่งตะวันตกโกรธเคืองแน่นอน

‘ได้โปรด… ได้โปรดกลายเป็นครึ่งเทพ!’

ไม่เหมือนการัม ฮันกยอลนั้นเป็นยังบันเกรดต่ำกว่า สำหรับห้าอาวุโส คงเป็นได้เพียงหมากประเภทใช้แล้วทิ้ง แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ฮันกยอลคือยังบันผู้มีสายเลือดเทพอยู่กับตัว!

ความตายของฮันกยอล—ยังบัน จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน และคงไม่แปลกเลยสักนิด หากบทกวีจะถือกำเนิดและป่าวประกาศออกไปทั่วโลก

แต่แล้วทำไม… บทกวีถึงยังไม่มาสักที?

แล้วทำไม ดันเต้ อัศวินของเรา ถึงกลายเป็นศัตรูกับอาณาจักรฮวาน เพียงเพราะเรากำลังสวมหน้ากากหนังปลอมตัวเป็นเขา…?

ท่ามกลางมหาสมุทรแห่งคำถาม กริดตัดสินใจเพ่งสมาธิอยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า

มันกำลังรอคอยข้อความยืนยันว่าตนได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทครึ่งเทพ

ซู่ว!

ราวกับอ่านความคิดกริดออก แสงรอบตัวชายหนุ่มทวีความเข้มข้นขึ้นจากตอนแรก

แตกต่างจากแสงอวยพรของเทพธิดารีเบคก้า แสงนี้มิได้อบอุ่น แต่เป็นความรู้สึกร้อนรุ่มแกมแผดเผา

เหมือนกับแสงจากเปลวเพลิง

กริดเคยสัมผัสความร้อนเช่นนี้มาแล้วขณะเผชิญหน้ากับ ‘หัวนมเพลิง’ ของเทพตีเหล็กเฮ็กเซเทีย

‘เดี๋ยวนะ…’

เราคือผู้สืบทอดแพ็กม่า

และถ้าเรากลายเป็นครึ่งเทพ จะไม่กลายเป็นครึ่งเทพตีเหล็กหรอกหรือ? แบบนั้นจะไม่กระทบกับตำแหน่งเทพตีเหล็กตัวจริงหรือไง?

สายสัมพันธ์ระหว่างเรากับเฮ็กเซเทียจะต้องสั่นคลอนใช่ไหม?

ขณะกริดกำลังลนลาน

[ตลอดหลายปีหลัง ท่านได้สร้างยุทธภัณฑ์ไปแล้วทั้งสิ้น 10,759 ชิ้น]

[ยุทธภัณฑ์ของท่านถูกใช้งานและแบ่งปันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก]

[ศรัทธาจำนวนมากถือกำเนิดจากความพึงพอใจในยุทธภัณฑ์เหล่านั้น]

“ให้ตายสิ…”

ลงเอยแบบนี้จนได้

ขณะกริดกำลังผิดหวัง ข้อความระบบใหม่แสดงเตือนตรงมุมหน้าจอ

[แต่ท่านไม่คู่ควรจะเป็นเทพตีเหล็ก!]

[เพราะทักษะตีเหล็กของท่านได้รับการสืบทอดมาจากผู้อื่น]

[ความสำเร็จของท่าน ส่วนหนึ่งได้รับผลประโยชน์จากบุคคลนามว่า ‘แพ็กม่า’ และนั่นจะทำให้ความศรัทธาในตัวท่านเสื่อมถอยลง]

[เหล่ายุทธภัณฑ์ของท่าน ไม่สามารถนำมาเป็นเครื่องพิสูจน์บารมีเทพ]

“…!”

ทำไมถึงเป็นแบบนี้…

เราแค่บอกว่า เรารู้สึกเสียใจกับเฮ็กเซเทีย หากต้องกลายเป็นเทพตีเหล็กขึ้นมาจริงๆ

แต่ไม่ได้บอกว่าไม่อยากเป็นสักหน่อย…

ขณะกริดเริ่มผิดหวัง

[ทางเดียวในการพิสูจน์คุณค่าของตัวท่านก็คือ ระบบจะพิจารณาจากเนื้อหาบทกวีของท่าน]

[ตำนานของท่านเริ่มจากหุบเขาโชกเลือด]

“…!”

[ในศึกหุบเขาดังกล่าว ท่านได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้เป็นจำนวนมาก]

ทันใดนั้น

ฉากเหตุการณ์ในอดีตเริ่มย้อนกลับมาฉายผ่านตากริดภาพแล้วภาพเล่า

การช่วยเหลือบุตรสาวของเอิร์ลจากเงื้อมมือคนของวิหารยาธาน การต่อสู้กับกองทัพโกเล็มเพื่อปกป้องอาณาจักรอีเทอนัล การช่วยเหลือชนเผ่าอัลจากจักรวรรดิ การปลดปล่อยอดีตตำนานจากความทุกข์บนหมู่เกาะเบเฮ็น

การปกป้องทหารโอเวอร์เกียร์ในสงคราม การปราบจอมอสูรผู้พยายามนำพาขุมนรกขึ้นมายังโลกกึ่งกลาง การช่วยเหลือชาวเมืองแพงเจียผู้หวาดกลัวต่อยังบัน

แต่กริดไม่ทราบอยู่หนึ่งเรื่อง

ตัวมัน ร่วมกันกับครอเกล คือผู้มีพระคุณช่วยยับยั้งการล่มสลายของจักรวรรดิซาฮารันไว้ได้ก่อนจะสายเกินแก้

[จากสถิติ ท่านช่วยเหลือ NPC ไว้ทั้งสิ้น 183,791,595 ชีวิต]

[ท่านมีสมญานามราชาวีรบุรุษ]

[ความซาบซึ้งในบุญคุณของ NPC เหล่านั้น กลายมาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับบารมีเทพของท่าน]

[สมญานาม <ดยุคแห่งคุณธรรมแพงเจีย> ถูกยกระดับกลายเป็น <ดยุคแห่งคุณธรรม>]

“ค*ย…!”

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

ถ้อยคำหยาบคายพลันหลุดจากปากกริดแทบจะในพริบตา

ยิ่งได้อ่านข้อความระบบ ชายหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดและไม่อยากเชื่อสายตา ความกังวลและความคาดหวังก่อนหน้าพลันมลายหายหมดสิ้น

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ละทิ้งความหวัง

[จิตใจอันอบอุ่นและความปรารถนาในการปกป้องผู้อื่นของท่านควรค่าแก่การยกย่อง]

[ท่านได้รับสมญานามใหม่ <ดยุคแห่งไฟ>]

“…!”

ในวินาทีนี้ กริดเข้าใจทันทีว่าแพ็กม่าได้รับสมญานามดยุคแห่งไฟมาด้วยวิธีใด

แพ็กม่าเองก็ช่วยเคยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วน

ด้วยจิตใจอันร้อนรุ่มห้าวหาญ และปรารถนาจะช่วยโลกมนุษย์ บางที นั่นคงเป็นต้นกำเนิดของสมญานามดยุคแห่งไฟของแพ็กม่า

ทว่า แพ็กม่าแตกต่างจากกริด มันต้องสละบางชีวิตสำคัญ เพื่อช่วยอีกหลายชีวิตเอาไว้

และนั่นคงเป็นสาเหตุว่าทำไม แพ็กม่าถึงไม่มีสมญานาม ‘ดยุคแห่งคุณธรรม’ ติดตัว

‘หรือว่า… เราคือผู้ได้รับสมญานามดยุคสองชนิดเป็นคนแรก?’

บราฮัมเคยกล่าวไว้

เฉกเช่นดยุคแห่งปัญญาของตน ตำนานคนอื่นล้วนมีสมญานามดยุคด้วยกันทั้งสิ้น

ตัวอย่างเช่น อริยดาบมุลเลอร์คือดยุคแห่งการสยบ ช่างเหล็กในตำนาน แพ็กม่า คือดยุคแห่งไฟ

สมญานามดยุคถือเป็นสัญลักษณ์ด้านความถนัดของพลัง และยังเป็นรากฐานส่งเสริมให้ตำนาน ก้าวขึ้นมาเป็นตำนานได้อย่างสมเกียรติ

แต่ไม่เคยมีบันทึกใดกล่าวไว้ว่า ตำนานคนใดถือครองสมญานามดยุคไว้มากกว่าสองชนิด

‘ไม่ผิดแน่… เราคือคนแรก!’

ตึกตัก. ตึกตัก.

หัวใจกริดกำลังเต้นโครมคราม

มันเกิดความยินดีปรีดาเหนือพรรณนาหลังจากทราบว่า ตนได้ก้าวข้ามสุดยอดตัวตนจากอดีตไปแล้วในบางเรื่อง

มันรู้สึกราวกับตัวเองคือบุคคลสำคัญของโลก

และข่าวดียังไม่จบลงเท่านี้

ของจริงเพิ่งเริ่มต้น

[ทักษะ <เสมือนเทพ> ถูกยกระดับตามค่า ‘บารมีเทพ’]

“อะ…!”

กริดถอนหายใจเล็กน้อย

จริงอยู่ เสมือนเทพถือเป็นทักษะค่อนข้างดี

ไม่ใช่สิ มันสุดยอดมากต่างหาก

สามารถลบระยะหน่วงและระยะเวลาร่ายของทักษะอื่น และยังช่วยให้ใช้งานต่อเนื่องได้สองครั้งซ้อน บางที มันอาจเป็นหนึ่งในสุดยอดทักษะสุดโกงของโลกซาทิสฟาย

แต่ขอบเขตการใช้งานนั้นจำกัด

ทักษะเสมือนเทพของกริดได้รับหลังจากการสร้างไอเท็มเกรดมิธครบสามชิ้น หรือก็คือ มันเกิดจากเทคนิคและฝีมือระดับทัดเทียมทวยเทพ

‘เสมือนเทพ’ คือทักษะซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับให้กริดมีฝีมือการตีเหล็กใกล้เคียงเทพมากกว่าเดิม ทำให้มันมีผลกับทักษะประเภทตีเหล็กเท่านั้น

จริงอยู่ ไม่เลวเลยกับการยกระดับเสมือนเทพขึ้นจากเดิม บางที ทักษะรุ่นใหม่อาจเพิ่มจำนวนการใช้งานต่อเนื่องให้บ่อยครั้งขึ้น แต่ตามความคิดของชายหนุ่ม การกลายเป็นเผ่าครึ่งเทพและเพิ่มแต้มสถานะทุกชนิดย่อมส่งผลดีกว่ามาก

ขณะกริดกำลังห่อเหี่ยว

มันมองข้ามไปหนึ่งสิ่ง

ในปัจจุบัน ระบบมิได้มองกริดเป็น ‘ผู้สืบทอดแพ็กม่า’ หากแต่เป็น ‘มหากาพย์จอมดาบเวท’

และกริดต้องไม่ลืมว่า

‘เสมือนเทพ’ ในตอนแรกถูกสร้างขึ้นขณะมันยังเป็นช่างตีเหล็ก แต่สำหรับวินาทีนี้ ทักษะถูกยกระดับขณะชายหนุ่มถูกระบบมองว่าเป็น ‘กริด’

ผู้สืบทอดแพ็กม่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกริด

[นับแต่นี้ไป <เสมือนเทพ> จะแสดงผลกับทุกทักษะ]

[นับแต่นี้ไป ทักษะ <เสมือนเทพ> สามารถพัฒนาเลเวลได้เมื่อค่า ‘บารมีเทพ’ เพิ่มขึ้นทุก 10 แต้ม เลเวลสูงสุดของ <เสมือนเทพ> คือ 10 ระดับ และในแต่ละเลเวลจะเพิ่มจำนวนการใช้งานต่อเนื่อง 1 ครั้ง]

[หาก <เสมือนเทพ> พัฒนาจนถึงเลเวล 5 เมื่อใด เผ่าพันธุ์ของท่านจะเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นครึ่งเทพทันที]

“…”

กริดถึงกับหมดคำพูด

แม้ว่าจะมีผลกับทักษะตีเหล็กเท่านั้น แถมยังมีจำนวนการใช้งานต่อเนื่องแค่สองครั้ง แต่ ‘เสมือนเทพ’ คือหนึ่งในสุดยอดทักษะของกริดอย่างไร้ข้อครหาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ทักษะสุดโกงดังกล่าวจะส่งผลต่อทักษะทุกประเภท และยังมีจำนวนการรีเซตสูงสุดถึง 12 ครั้งในอนาคต

หรือกำลังจะบอกว่า เรามีโอกาสให้ทักษะดาบผสาน 4 ชนิดได้ 12 ครั้งซ้อน…?

บ้าบอสิ้นดี…

เจ๋งเป้ง! เจ๋งชะมัด!!

กลับกลายเป็นว่า เผ่าพันธุ์ครึ่งเทพและการเพิ่มแต้มสถานะทุกชนิดเมื่อครู่ ดูด้อยค่าในสายตากริดไปโดยปริยาย

ชายหนุ่มไม่มัวคิดให้ปวดหัว

มันออกคำสั่งเปิดช่องสัมภาระด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ตามด้วยการนำม้วนคาถาจำนวนสองใบซึ่งมันหวงแหนและทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหินมานานหลายปี

สิ่งนี้คือม้วนคาถา ‘เพิ่มเลเวลทักษะ’ จำนวนสองใบ ชายหนุ่มดองมันมาตลอดและไม่คิดใช้งานแม้แต่หนเดียว

(ผู้แปลอังกฤษเคยแปลผิด แปลว่าเป็นแต้มทักษะคงเหลือ แต่ความจริงแล้วคือม้วนคาถา กริดได้รับมาจากการเคลียร์หมู่เกาะเบเฮ็นหมายเลข 41 หนึ่งใบ และอีกหนึ่งใบได้จากการปราบร่างโคลนตัวเอง โดยในคราวนั้น ระบบมองว่าเป็นการผ่านเกาะหมายเลข 41 ซ้ำ กริดจึงได้รับของรางวัลเหมือนเดิม ใบแรกได้ในตอน 392 และใบหลังได้ในตอน 908)

แน่นอน เป้าหมายการใช้งานก็คือ

‘เสมือนเทพ!’

[เลเวลของทักษะ <เสมือนเทพ> เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ จำนวนการใช้งานต่อเนื่องเพิ่ม 1 ครั้ง]

[เลเวลของทักษะ <เสมือนเทพ> เพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ จำนวนการใช้งานต่อเนื่องเพิ่ม 1 ครั้ง]

“เยส…! เย็สสส!!!”

กริดกำลังยืนสั่นเทาด้วยความสุขล้นปรี่ มันไม่เคยคิดมาก่อนว่า การอดเปรี้ยวไว้กินหวานในช่วงเวลาเหมาะสม จะสามารถสร้างความสุขให้แก่มนุษย์ได้มากมายเช่นนี้

แต่ทันใดนั้น สีหน้าชายหนุ่มพลันดำมืด

[ใครบางคนตอบสนองต่อ ‘ดยุคแห่งไฟ’]

[บาปกรรมของท่าน ซึ่งเกิดจากการพรากชีวิตใครสักคนเพื่อช่วยเหลืออีกหลายคน ได้ฝังลึกลงในพลังอสูรของท่านจนลบเลือนไม่ออก]

[ท่านมิอาจหนีพ้นจากสายตาของจอมอสูรลำดับ 1 บาเอล]

[ท่านกำลังได้ยินเสียงซึ่งเปี่ยมด้วยความสนใจและมุ่งร้าย]

> ดยุคแห่งไฟสินะ กะแล้วเชียว สมกับเป็นผู้สืบทอดแพ็กม่า

[บาเอลพยายามกัดกร่อนจิตใจท่าน]

[สมญานาม <ดยุคแห่งคุณธรรม> ทำการขจัดพลังอสูรในตัวท่านจนสิ้นซาก!]

[เมื่อพลังอสูรถูกขจัด ท่านจะไม่สามารถใช้ทักษะ<ร่างมืด>ได้อีก ฉะนั้น สมญานาม<ดยุคแห่งคุณธรรม>จึงทำการมอบทักษะใหม่ให้ท่าน]

> …หืม? เจ้าคงไม่เหมือนแพ็กม่าเสียทีเดียว ฮะฮะ! น่าสนใจมาก! แต่จะทนได้อีกสักกี่น้ำกัน!

[บาเอลเตรียมประกอบพิธีกรรมเพื่อให้ท่านกำจัดพลังอสูรภายในร่างกายไม่สำเร็จ]

[บาเอลเริ่มประกอบพิธีกรรม]

[บาเอลล้มเหลว]

[น่าล่าอสูร ผู้เตร็ดเตร่เร่ร่อนไปทั่วขุมนรก ได้ทำลายรากฐานของพิธีกรรมบาเอลจนขาดพลังงานหล่อเลี้ยง]

[บาเอลคลาดสายตาจากท่าน]

> …!!

เสียงอัปมงคลของบาเอลพลันเลือนหายไปจากโสตประสาทกริด

หลังจากสูญเสียพลังอสูรและทักษะร่างมืด ชายหนุ่มรีบเปิดหน้าต่างทักษะเพื่อยืนยันให้แน่ชัด ตนได้รับพลังชนิดใหม่ประเภทใดบ้าง

แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือทำ

“…นี่เจ้าเปลี่ยนใบหน้าอีกแล้วหรือ”

“…!”

สุ้มเสียงอันแสนระคายเคืองแก้วหู

ขณะกริดเตรียมหันไปมองตามต้นเสียง เจ้าของเสียงได้โผล่ขึ้นตรงหน้า ซึ่งเป็นทิศทางตรงข้ามกับต้นกำเนิดเสียงโดยสิ้นเชิง

อีกฝ่ายไม่ใช่ใครนอกจากการัม

[บุคคลนิรนามทำการเขียนกวีบท 4!]

ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้?

ใบหน้าชายหนุ่มพลันยับยู่ยี่

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,554

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

• Next
• Previous