จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,166



พลังอสูรคือยาพิษ


มีผลข้างเคียงตามมามากมาย เช่นการถูกส่งลงไปยังขุมนรกหากตายในร่างมืด หรือถ้าสะสมมากเข้าจะทำให้กลายเป็นเผ่าอสูร และนั่นจะส่งผลให้กลายเป็นตัวร้ายในเนื้อเรื่องหลักของซาทิสฟายอย่างเลี่ยงไม่ได้


และหนึ่งในปัญหาสำคัญคือ ‘การจ้องมองจากบาเอล’


กริดเคยสัมผัสประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อมมาแล้ว ยิ่งมีพลังอสูรมาก ก็ยิ่งมีโอกาสถูกบาเอลจ้องมอง ชายหนุ่มจึงเป็นกังวลกับเรื่องนี้มาตลอด


แต่มันไม่เคยต้องการให้พลังอสูรหายไป


ตรงกันข้าม กริดพยายามสะสมพลังอสูร


‘ร่างมืด’ และ ‘อักขระความมืด’


สองทักษะแสนรักของกริดมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับพลังอสูร


ร่างมืดจะไม่สามารถใช้งานได้โดยสิ้นเชิงหากปราศจากพลังอสูร และพลังบางชนิดของอักขระความมืดจะได้รับผลข้างเคียงด้านลบลดลงถ้ามีพลังอสูร


หรือแม้กระทั่ง เงื่อนไขข้อแรกในการได้รับเม็มฟิส โนเอะ มาเป็นสัตว์เลี้ยง ก็คือพลังอสูร


พลังอสูรถือเป็นพิษร้ายซึ่งสามารถทำให้กริดฉิบหายวายป่วง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นรากฐานสำคัญของพลังต่อสู้ในศึกสำคัญหลายหน


กริดจึงอยู่ในจุดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทางเดียวคือการควบคุมพลังอสูรให้เชื่องมือ มากกว่าขับไล่ไสส่งมันไปจากตัว


‘แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?’


[สมญานาม <ดยุคแห่งคุณธรรม> ทำการขจัดพลังอสูรในตัวท่านจนสิ้นซาก!]


[เมื่อพลังอสูรถูกขจัด ท่านจะไม่สามารถใช้ทักษะ <ร่างมืด> ได้อีก]


[สมญานาม <ดยุคแห่งคุณธรรม> ทำการมอบทักษะใหม่ให้ท่าน]


พลังอสูรหายไปได้ยังไง?


กริดสับสนอย่างหนัก และหวังตรวจสอบสถานะปัจจุบันของตนโดยเร็ว


แต่มันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น


“…นี่เจ้าเปลี่ยนใบหน้าอีกแล้วหรือ”


“…!”


กริด ผู้กำลังเปิดหน้าต่างทักษะเพื่ออ่านรายละเอียดพลังใหม่ พลันรีบกำดาบแน่นถนัด


เบื้องหน้าตนคือบุรุษรูปโฉมงามไร้จุดตำหนิ


การัม


[บุคคลนิรนามทำการเขียนบทกวีลำดับ 4!]


ดวงตาและริมฝีปากเย็นชา


ตาดำใสกระจ่างคมเข้ม


แม้จะไม่ได้พบกันนาน แต่การัมยังคงพกพามาดของบุรุษรูปงามไม่เปลี่ยนแปลง


ทว่า กริดทราบดี


สิ่งมีชีวิตสุดระยำเบื้องหน้าตนมีนิสัยโหดร้ายป่าเถื่อนและจองหอง ห้ามถูกรูปลักษณ์อันสมบูรณ์แบบหลอกลวงเอาได้เด็ดขาด


เราไม่มีวันลืมภาพขณะมันฆ่าฟันชาวเมืองและช่างเหล็กไร้เดียงสาภายในเมืองแพงเจีย…


ฟุ่บ—!


กริดตวัดดาบเกรี้ยวกราด


ตามต่อด้วยบัฟโทสะช่างเหล็ก พลิ้วไหว และร่างมืด แต่ร่างมืดไม่แสดงผลเนื่องจากไม่มีพลังอสูรอยู่แล้ว


เคร้ง!!


ดาบในมือกริด ซึ่งเคลื่อนไหวว่องไวจนเกิดภาพตกค้าง พลันถูกกระบี่อ่อนของการัมแทงใส่จุดศูนย์ถ่วงอย่างแม่นยำ จนชายหนุ่มมิอาจขยับเขยื้อนไปข้างหน้าได้แม้แต่หนึ่งเซนติเมตร


“ชักช้า”


ความประทับใจของการัมคงอยู่ไม่นาน


ทุกวัน มันเอาแต่ฝึกฝนด้วยโทสะและความมุ่งมั่นหมายต้องการบีบกริดให้แหลกคามือ การัมในปัจจุบันจึงแข็งแกร่งกว่าสมัยอดีตหลายเท่า


“เจ้าเอาชนะไม่ได้แน่! รีบหนีไป!!”


ช่วงล่างของลำตัวเธอช่างน่าทึ่ง


โทซุนแหกปากตะโกนขณะกระโดดใส่การัมพลางหมุนตัวประเคนลูกเตะ


การัมโยกหลบเล็กน้อยพร้อมกับตวัดกระบี่อ่อนแผ่วเบา เกิดเป็นคลื่นดาบพุ่งตรงเข้าหาลำคอโทซุนแม่นยำ แต่อีกฝ่ายก็ยังหลบได้ด้วยความว่องไวอันน่าเหลือเชื่อ


สมกับเป็นอดีตหนึ่งในสัตว์วิเศษผู้คอยรับใช้สี่สัตว์เทพ


อย่างไรก็ตาม การัมยอดเยี่ยมกว่านั้นมาก


ฉึก!


คลื่นดาบ ซึ่งถูกปลดปล่อยจากปลายกระบี่อ่อนออกไปแล้ว กลับสามารถหักเหวิถีกลางอากาศราวกับมีชีวิต และทะลวงใส่ข้อเท้าโทซุน


“…!”


“…!”


สามารถหักเหปราณดาบซึ่งปล่อยออกไปแล้วได้ด้วยหรือ?


การัมพลันระเบิดเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นกริดและโทซุนแสดงสีหน้าหวาดผวาสุดขีด หลังจากได้ประจักษ์ความสุดยอดของพลังเทพเข้าไป


“ทุกสิ่งล้วนถูกเทพกำหนดไว้แล้ว”


เทพ.


การัมเรียกตัวเองว่าเทพโดยไม่เคอะเขิน


มันสั่งสมบารมีเทพครบถึงกำหนดแล้วหรือ?


ถ้าไม่ใช่ ก็แปลว่าความโอหังของมันยังคงสูงเสียดฟ้าไม่แปรเปลี่ยน


“อึ่ก…! รีบหนีเร็วเข้า! ข้าจะยื้อเวลาให้!”


ขณะกระโดดมายืนขวางหน้ากริด โทซุนกำลังตั้งท่าศิลปะการต่อสู้อันแปลกตา


แต่ดูเหมือนส่วนล่างของเธอจะได้รับภาระหนักในท่านี้ ส่งผลให้แข้งขาสั่นระริกเนื่องจากบริเวณข้อเท่าเกิดแผลฉกรรจ์


อย่างไรก็ตาม หล่อนไม่คิดหนี…


เฉกเช่นเสือคราม โทซุนหวังปกป้องกริดจนตัวตาย เพราะเธอไม่อยากให้คันศรฟินิกซ์แดงกลับไปตกอยู่ในมือยังบันอีกครั้ง


“ได้โปรด…! หนีไปและเอาตัวรอดให้ได้!”


[มหากาพย์เริ่มต้นด้วย ความปรารถนาอันแรงกล้าของผู้ถูกมนุษย์หลงลืม]


“ข้าขอร้อง… ช่วยปกป้องคันศรฟินิกซ์แดงแทนพวกเราด้วย!”


“…”


[เขามองเห็นใบหน้าอันแน่วแน่ของเธอ แม้ว่าภัยอันตรายจะกำลังคืบคลานเข้าใกล้]


[ถึงเทพในศรัทธาของตนจะล้มเหลว แต่เธอกลับยังไม่เสื่อมศรัทธาในตัวเทพ]


“…?”


การปรากฏตัวของการัม


บทกวีใหม่


การเตรียมใจสละชีพของโทซุน


ท่ามกลางสถานการณ์กดดันถาโถม ชายหนุ่มกลับรู้สึกถึงความขัดแย้งและไม่ปรกติ


“…”


“…”


สายตากริดและการัมประสานกันกลางอากาศ


ดวงตากริดแฝงความประหวั่น ส่วนดวงตาของการัมแฝงความสุขุมเข้มข้น


ชายหนุ่มสัมผัสถึงความต่างชั้น


‘ท่าทีและทัศนคติของการัมแปลกไป’


สายตาการัม ซึ่งมักเปี่ยมด้วยความจองหอง ทระนงตนเสียเต็มประดา และมองทุกคนเป็นเพียงมดปลวก ได้สร้างอคติในใจกริดมาตลอด


แต่ในทางกลับกัน การัมเกลียดกริด ยิ่งกว่ากริดเกลียดการัมเสียอีก


อารมณ์ของมันมักสุดโต่งเสมอ หากไม่ดีใจจนหลุดโลก ก็จะโกรธจนแทบเป็นบ้า


ว่ากันตามตรง ท่าทีของการัมยังปรกติดีขณะอยู่ในชุมชนเสือเขี้ยวกุด


แต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง


กริดอ่านอารมณ์การัมไม่ออก


อีกฝ่ายเก็บซ่อนไว้มิดชิดเกินไป


‘ไอ้ระยำนี่… กำลังเอาจริง’


หนแล้วหนเล่า กริดหนีรอดมาได้ทุกครั้งเพราะความโอหังของตัวการัมเอง


โดยเชื่อว่ามนุษย์เป็นเพียงสามัญชนต่ำต้อย จึงมั่นใจเสียเต็มประดาว่าตนสามารถชนะได้โดยไม่ต้องเอาจริง


การมองกริดเช่นนั้น ทำให้มันต้องประสบความอับอายจนยาเกินอภัยมาแล้วสองครั้ง


แต่คราวนี้ไม่ใช่


การัมเรียนรู้


รวมถึงการได้เห็นความตายฮันกยอล


สำหรับวันนี้ การัมจะไม่ทำพลาดอีก


กริดเริ่มตระหนักว่าเงาแห่งความตายกำลังคืบคลานเข้าหาตนทีละนิดอย่างมิอาจเลี่ยง


“วันนี้ข้าไม่พลาดแน่”


พรึบ!


การัมสะบัดแขนเสื้อพลิ้วไหวพร้อมกับเกิดเสียงดัง แผ่นยันต์จำนวนมากพวยพุ่งออกจากช่องว่างชายแขนเสื้อและกระจัดกระจายไปรอบทิศทาง


[ห้วงมิติเวทมนตร์ถูกสร้างขึ้น]


[ไม่สามารถใช้การเคลื่อนย้ายมิติได้ทุกชนิด]


“ก่อนอื่นก็ต้องกำจัดพวกน่ารำคาญ”


—!


กระบี่อ่อนในมือการัมถูกวาดเป็นวงกลมตรงหน้าโดยปราศจากสุ้มเสียง


คลื่นดาบพลันพุ่งออกจากวงกลม จุดหมายปลายทางคือบริเวณหัวใจของบรรดากระต่ายและโทซุนซึ่งอยู่รอบตัวการัม


“หนีเร็ว!”


เมื่อโทซุนกระโจน กระต่ายตัวอื่นก็กระโจน


แต่ปราณดาบปริมาณมหาศาลจากวงแหวนตรงหน้า ทรงพลังมากพอจะปกคลุมท่วมท้นท้องฟ้าโดยไม่ปล่อยให้ผู้ใดหนีรอด


โทซุนคาดการอย่างปลงตก กระต่ายทุกตัวคงหลบหนีไม่พ้น และการโจมตีจากการัมจะเปลี่ยนให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นทะเลเลือด


“คิฮ่าฮ่าฮ่า! พวกชั้นต่ำนี่ช่างอ่อนแอ”


การัมหัวเราะสะใจ


ใบหน้ามิได้เผยจิตมุ่งร้ายแม่แต่น้อย


เหมือนกับเด็กวัยเพิ่งพ้นทารก และทำการเด็ดปีกแมลงปอเล่นอย่างสนุกสนานโดยไม่รู้ว่านั่นคือความผิดบาป


คนอย่างหมอนี่จะกลายเป็นเทพจริงหรือ…


สมองกริดพลันขาวโพลนประหนึ่งถูกค้อนยักษ์หวดใส่ท้ายทอย


มันกำลังรู้สึกว่า ตนได้เห็นในสิ่งไม่ควรเห็น


ยาธานและรีเบคก้า


เทพทั้งสอง ผู้เอาแต่เล่นสนุก คนหนึ่งสร้างคนหนึ่งทำลาย ยาวนานไม่รู้จบสิ้น ในสายตากริด พวกเขาไม่ต่างอะไรกับการัมในปัจจุบันเลยสักนิด


[เขาหวนนึกถึงความดำมืดของโลก ซึ่งตนไม่เคยใส่ใจแม้แต่ครั้งเดียว]


[เขาทราบดี การกระทำของตนอาจสูญเปล่า แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้อีก]


[เขาทราบดี อดีตผู้รับใช้เทพซึ่งกำลังกรีดร้องขอชีวิตเหล่านี้ วันข้างหน้าจะกลายมาเป็นบริวารคนสำคัญของตน]


บทกวีถูกเขียนชี้นำความคิดกริด


แล้วแบบนี้ กริดจะไม่คล้อยตามและเลือกตัดสินใจตามบทกวีมหากาพย์หรอกหรือ?


ความจริงก็คือ ถึงจะไม่มีบทกวีคอยชี้นำ แต่กริดก็จะตัดสินใจเช่นนี้เหมือนเดิม


บทกวีมหากาพย์เขียนขึ้นเพื่อบรรยายเรื่องราวของกริด และมอร์เฟียส สมองกลอัจฉริยะ ได้คาดเดาพฤติกรรมล่วงหน้ากริดเล็กน้อยผ่านตัวแปรจำนวนมหาศาลในอดีต โอกาสผิดพลาดจึงมีเพียง 0.01% เท่านั้น


ฟ้าวว!


วงแหวนคลื่นดาบของการัม เริ่มขยายขนาดเป็นพายุลูกใหญ่ และกำลังกลืนกินกระต่ายพากเพียรตัวแล้วตัวเล่า


ขณะเทพแห่งความตาย การัม พยายามแปรเปลี่ยนให้ผืนป่าแห่งนี้กลายเป็นสุสาน


“ดาบสลายทัพสองแสน”


เพล้ง!!


ทักษะทั้งหมดของการัมพลันสลาย


“นี่เจ้า…!”


โทซุน ผู้มีชะตาต้องตายในจังหวะเมื่อครู่ พลันกัดฟันกรอดแม้ตนจะรอดชีวิตมาได้ฉิวเฉียด


เธอไม่พอใจ เมื่อกริดไม่ยอมอาศัยช่องว่างซึ่งตนแลกมาด้วยชีวิต หลบหนีไปพร้อมคันศรฟินิกซ์แดง


ทันใดนั้น กริดตะโกนถ้อยคำประหลาด


“ถ้าฉันเป็นเทพ อย่างน้อยก็ไม่ควรทำให้ผู้ศรัทธาต้องผิดหวัง…”


“…หือ”


โทซุนไม่มีเวลาทำความเข้าใจ


ตึง!


กริดกระทืบพื้นเพื่อจนดินยุบ ตามด้วยการถีบตัวพุ่งใส่การัมด้วยความเร็วสูง


ฟุ่บ!


แม้ว่าทักษะจะเพิ่งถูกกริดสลายไป แต่การัมยังคงจดจ้องด้วยดวงตาไม่สั่นคลอน


“ชักช้า”


เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้ง


เมื่อเทียบกับการโจมตีของการัม ดาบกริดทั้งอ่อนแอและเชื่องช้ากว่าพอสมควร


มาถึงตอนนี้ แม้การัมจะตระหนักถึงความตายของฮันกยอล และมองว่ากริดเหนือกว่าสามัญชนต่ำต้อยเล็กน้อย


แต่ก็มิได้น่ากลัวถึงขั้นนั้น


เทพอย่างตนไม่มีอะไรต้องกังวล


กริดเป็นเพียงผู้สืบทอดแพ็กม่า ยังห่างไกลกับตนหลายขุมนัก


การัมกำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เมื่อกริดเลือกพุ่งชนเข้าหาความตาย แทนการหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน


มันกำลังตื่นเต้นยินดี ตนกำลังจะได้สะบั้นศีรษะของบุคคลระยำให้สาแก่ใจสักที!


“เข้ามา! เข้ามาได้เลย!”


กระบี่อ่อนการัมถูกเล็งใส่กริดอีกครั้ง สำหรับคราวนี้ จุดประสงค์คือการเล็งแทงให้กริดกระเด็นถอยหลังไปพร้อมกันทั้งคนและดาบ


การัมประเมินค่าพละกำลังของกริดจากหลายศึกในอดีต มันเชื่อว่าสิ่งนี้พอจะเป็นไปได้


‘ข้าจะทำให้เจ้าเจียมกะลาหัว… อย่างเชื่องช้าและโหดเหี้ยม!’


สองปลายดาบกำลังพุ่งเข้าหากัน


ขณะดาบใกล้ปะทะจนเกิดเสียงกังวาน


กริดพลันสร้างความแตกต่าง


[ท่านใช้แต้มสถานะคงเหลือเพื่ออัปค่าความว่องไวจำนวน 400 หน่วย กรุณายืนยัน]


[ค่าพละกำลังและความว่องไวของท่านเท่ากันพอดิบพอดี!]


[สำหรับการตื่นของค่าสถานะลำดับ 4 เมื่อแต้มสถานะเท่ากันจนเกิดเป็นสัดส่วนทองคำ การโจมตีธรรมดาของท่านจะถูกเสริมประสิทธิภาพ]


[การโจมตีธรรมดาจะรุนแรงขึ้น 20% และมีโอกาสปานกลางในการเกิดเอฟเฟค ‘เร่งความเร็ว’ และ ‘ทำลาย’]


[สมญานาม ‘ดยุคแห่งไฟ’ ทำการสร้างเปลวเพลิงลงบนคมดาบของท่าน]


เคร้งงงงง!!


“…!?”


ขณะสองปลายดาบประสาน ดวงตาการัมพลันเบิกกว้างผิดวิสัย


มันคิดจะทำให้กริดกระเด็น แต่เหตุไฉนแขนขวาของตนถึงกระเด็นขึ้นฟ้าแทน


‘…เกิดอะไรขึ้น?’


พรึบ!


เปลวเพลิงพลันลุกท่วมคมดาบในมือกริด ขณะเดียวกัน ศาสตราโลหะได้พุ่งเฉียดปลายคิ้วการัมเล็กน้อยจนไฟเริ่มลุกไหม้เส้นขน


‘ชิ!’


การัม ผู้ขนคิ้วกำลังลุกไหม้ อาศัยแรงปริศนาจากตัวกริด เหวี่ยงแขนขวาของตนกลับในสภาพหมุนตัวไปตามน้ำ ก่อนจะหมุนตัวอีกหนึ่งตลบเพื่อลอบโจมตีใส่กริดจากมุมอับสายตา


ขณะเดียวกันก็บงการให้ ‘สายลมล่องหน’ จำนวนมากลอบพุ่งโจมตีกริด


เพล้ง!! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!


สายลมล่องหน ถูกพลังซึ่งมองไม่เห็น ป่นทำลายราบคาบก่อนจะถึงติดตัวกริด


“นี่เจ้า…!”


การัมสัมผัสถึงความอับอายเหนือพรรณนา


แต่มันยังไม่สติแตก


การัมมั่นใจ หากคราวนี้ตนไม่ควบคุมอารมณ์จนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ความอับอายคงมิอาจลบเลือนไปได้ตลอดชีวิต


มันเพ่งสมาธิสำรวจจุดอ่อนแข็งของกริดอย่างใจเย็น และพยายามจำกัดทิ้งทีละข้อจนเริ่มเป็นฝ่ายคุมเกม


เคร้ง!


จุดแข็งของกริดเริ่มถูกสยบ


เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง!


สายลมล่องหนคอยก่อกวนหัตถ์เทวะจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด


เคร้ง!


ท่ารำดาบของกริดถูกขัดขวางหนแล้วหนเล่า ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือสักที


ฉึก!


วิชาดาบผสานสี่ธาตุไม่มีวันถูกร่ายจนจบ


การัมขจัดตัวแปรของกริดออกทั้งหมดและถือครองความได้เปรียบของสนามรบ


ราวกับมันไม่ต้องการอับอายอีก ภัยคุกคามจากกริดถูกขจัดทิ้งทั้งหมด ชายหนุ่มแทบไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีใส่การัมเลยสักนิด


‘จบสิ้นแล้ว!’


ขณะการัมเริ่มเบื่อหน้ากริดและต้องการกำจัดทิ้งเหมือนของเล่น


ชิ้ง.


ราวกับทั้งสองกำลังต่อสู้บนจุดสูงของท้องฟ้า แสงจากวัตถุบางสิ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายดวงดาว พลันร่วงหล่นลงมาด้านล่างด้วยความเร็วสูง


บึ้มมมมมม!!


ดาบเล่มหนึ่งพุ่งกระแทกผนังห้วงมิติเวทมนตร์จากด้านบน อาจไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่ก็มากพอจะทำให้การัมเริ่มประหม่า


มันไม่มีทางสบายใจได้เลย เพราะหากมีใครขว้างดาบได้รุนแรงและแม่นยำถึงเพียงนี้ หมายความว่าอีกฝ่ายอาจมีฝีมือสูสีกับตน


เคร้ง! บึ้มบึ้มบึ้ม! เคร้ง!


การโจมตีของกริดเริ่มอยู่นอกเหนือการคำนวณของการัมทีละนิด


ศาสตร์หลายสิบหลายร้อยเล่ม กำลังพรุ่งพรูกรูลงมาจากท้องฟ้า เพื่อรุมถล่มห้วงมิติเวทมนตร์ของการัมอย่างสุดความสามารถ


ส่วนใหญ่จะมาไม่ถึงห้วงมิติ เนื่องจากแรงลมเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุม


แต่ยังมีลูกศรอัดแน่นด้วยพลังฟินิกซ์แดง รวมถึงดาบแฝงออร่าเสือขาวอีกสองเล่ม


‘คราวนี้มันใช้ลูกไม้อะไรอีก?’


การัมไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว


เหตุการณ์ประหลาดตรงหน้าคือสิ่งใด?


“แกทำอะไรลงไปกันแน่!”


การัมเริ่มเซถอยหลังพลางโยกตัวหลบห่าฝนสรรพาวุธจากสวรรค์


“แฮ่ก… แฮ่ก… แกจะ… เป็นเทพไม่ได้”


หงึกหงึก.


เลือดสีดำไหลออกจากปากและจมูกกริด


นี่คือผลข้างเคียงจากทักษะของสมญานาม ‘ดยุคแห่งคุณธรรม’ ซึ่งกริดแอบอ่านรายละเอียดขณะโทซุนและกระต่ายช่วยถ่วงเวลาไว้ให้


ชายหนุ่มโงนเงนใกล้สลบเต็มที แต่กลับเปล่งเสียงสุขุมเข้มข้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ


“ฉันจะเป็นคนหยุดแกเอง”


“…!”


[สายฝนยุทธภัณฑ์ของเขา ถือกำเนิดจากผู้ศรัทธาในตัวเขา และตกลงมายังดินแดนของอดีตทวยเทพ]


“ฉัน…”


[การได้เห็นคนบริสุทธิ์ถูกเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ได้กระตุ้นความทะเยอทะยานในใจของเขาขึ้นมา]


“ฉันจะกลายเป็นเทพ!”


[“เทวตำนานของฉันจะนำพาโลกใบนี้เดินไปบนเส้นทางอันเหมาะสม”]


[“ฝนเมื่อครู่คือเครื่องพิสูจน์ว่าฉันคนนี้คู่ควร!”]


“เจ้าสามัญชน! คิดจะเพ้อเจ้อไปถึงไหน!!”


การัม ผู้มิอาจทนดูกริดมีลมหายใจต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว รีบปลดปล่อยพลังทั้งหมด


หลังจากลมหายใจสัตว์เทพสี่ชนิดถูกใช้งานพร้อมกันโดยปราศจากผลข้างเคียง การัมพุ่งผ่านห่าฝนศาสตราและรีบเข้าประชิดตัวกริด


ในวินาทีนี้


กริด ผู้ไม่เหลือประกันชีวิตอมตะเนื่องจากใช้ไปกับฮันกยอลแล้ว เริ่มตระหนักเป็นอย่างดีว่าตนคงไม่สามารถหลีกหนีความตายไปได้แน่


แต่มันยังไม่ถอดใจ


ด้วยความช่วยเหลือจากห่าฝนศาสตราซึ่งใกล้เลือนหาย ด้วยความช่วยเหลือจากโนเอะ เจ้าแมวอ้วนผู้ยังคอยต่อสู้เคียงข้าง แม้ว่ากริดจะปราศจากพลังอสูรโดยสิ้นเชิง ด้วยความช่วยเหลือจากแรนดี้ จากโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ และจากภูตแสง ราชาโอเวอร์เกียร์กำลังสำแดงพลังอำนาจของตนจนถึงหยดสุดท้าย


“ห…หนีไป! ไม่อย่างนั้น คันศรฟีนิกซ์แดง…”


“เจ้ามนุษย์…! ไม่สิ ท…ท่านเทพ หนีไป!”


“ห…หนี…! อั่ก!”


“แค่ก…! คึ่ก…! แล้ว… พบกันใหม่…”


[เขาปรารถนาจะเยียวยาและปกป้องโลกซึ่งใกล้ดำเนินถึงจุดจบเต็มที]


[เขาเปรียบดังต้นไม้ ต้นไม้ผู้เจริญเติบโตอย่างงดงามจากความช่วยเหลือของผู้คนจำนวนมากรอบตัว]




[บุคคลนิรนามเขียนบทกวีลำดับ 4 เสร็จสิ้น!]


[รางวัลพิเศษจะถูกมอบให้แก่ผู้เล่นทุกคน ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้บทกวีครั้งนี้สมบูรณ์แบบ]




▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,555
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ถึงกับขนลุก

    ReplyDelete
  2. ผมร้องไห้🥲

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าไม่ติตรงที่เกิดใหม่ได้คือ หนัก และหน่วงกว่านี้อีก

      Delete
  3. ค้างงงงงงงงง

    ReplyDelete
  4. Gmค้าบบ มีบั๊กค้าบบ มีผู้เล่นคนนึงเเจกของให้ผู้เล่นคนอื่นเยอะเเยะเลยค้าบบ

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00