จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,180



[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]


[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]


“บ้าจริง! แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยรึไง!”


“หุบปากแล้วมีสมาธิเข้าไว้!”


กร็อบ—!


“อ๊ากกก!!”


[ท่านได้รับความเสียหาย 23,900 หน่วย]


[ฟื้นฟูพลังชีวิต 11,450 หน่วยจากเอฟเฟคของคลาส <อัศวินผู้พิทักษ์>]


[ออร่าของเต่าดำกำลังกัดกร่อนชุดเกราะท่าน]


[ค่าความคงทนของ <ชุดเกราะปัญญาแห่งเฟริสแมน> ลดลง 219 หน่วย]


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


“บัดซบ…”


จุดแข็งของทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าหมายคือความแม่นยำ แต่แลกมาด้วยการลดทอนพลังโจมตีและการเพิ่มขึ้นของระยะหน่วงหลังใช้


อย่างไรก็ตาม หากมองว่าศัตรูต้องสูญเสียทักษะเพื่อป้องกัน หลบหลีก หรือสวนกลับ ข้อเสียของทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าก็จะถูกกลบด้วยข้อดีมหาศาลในตัวมันเอง


ทักษะการโจมตีแบบล็อกเป้าจะยิ่งเห็นผลชัดเจนในการต่อสู้ศึกใหญ่ หนึ่งเหตุผลสำคัญทำให้จำนวนคนสำคัญกว่าปริมาณ ก็เพราะการมีอยู่ของทักษะแบบล็อกเป้านี้เอง


ไม่ว่าฝ่ายน้อยกว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ถ้าถูกรุม CC ด้วยทักษะแบบล็อกเป้าจากคนหมู่มากอย่างต่อเนื่อง การขยับตัวหรือโจมตีสวนกลับก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย


จริงอยู่ อาจมีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษกับคนอย่างกริด ผู้ไม่เกรงกลัวผลของ CC เนื่องจากมีค่าต้านทานอาการผิดปรกติเต็ม 100%


[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]


และนี่คืออีกหนึ่งข้อยกเว้นพิเศษ


ยังบันฮารัง


เมื่อเธอตระหนักว่าคันศรฟินิกซ์แดงในมือจิสึกะถูกยกระดับด้วยออร่าจากฟินิกซ์แดง ฮารังจึงเน้นหนักไปกับตั้งรับเป็นหลัก และคอยใช้ชุนโปหลบหลีกทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าของเหล่าสิบวีรชนจากทุกทิศทาง


วืด—!


หลักการใช้งานทักษะโจมตีแบบล็อกเป้านั้นไม่ซับซ้อน เพียงเลือกใช้งานกับเป้าหมายภายในระยะแสดงผลของทักษะ ตัวละครก็จะวิ่งเข้าไปโจมตีใส่ศัตรูโดยไม่พลาดเป้า


แต่เมื่อลองคิดในมุมกลับ


บึ้มบึ้มบึ้ม!!


“คึ่ก!”


ถ้าเป้าหมายไม่อยู่ในขอบเขตการโจมตี หรือในขอบเขตการโจมตีไม่มีเป้าหมาย ทักษะการโจมตีย่อมไม่แสดงผลออกไป


และนั่นคือสถานการณ์ในปัจจุบัน


ฮารัง ผู้ตกอยู่ใต้วงล้อมการโจมตีของเหล่าสิบวีรชน กำลังใช้ชุนโปหลบหลีกไปมาและทำตัวเป็น ‘ศัตรูผู้ไม่ถูกล็อกเป้า’


แน่นอน นั่นแก้ทางได้เฉพาะทักษะการโจมตีแบบล็อกเป้า


“…!”


แวนเนอร์เริ่มหัวเสียเนื่องจากทักษะล็อกเป้าของมันไม่สามารถใช้งานได้ จึงเปลี่ยนไปใช้ทักษะ <โล่กระแทก> ซึ่งมาพร้อมเอฟเฟคสร้างอาการชะงัก 0.5 วินาทีและเชื่องช้า 1 วินาที


แต่ว่า


โครม!


โล่ของมันพลาดเป้าไปกระแทกกำแพงแทน


ขณะเดียวกัน ฮารังซึ่งคิดว่าตนได้โอกาสพักเหนื่อยหลังจากใช้ชุนโปต่อเนื่อง มีเหตุใดต้องรีบนำแขนสองข้างมาไขว้กันด้านหน้า


เคร้ง!!


ปลอกแขนเหล็กปะทะกับดาบยักษ์ วิชา ‘ดาบพันชั่ง’ ของคริสรุนแรงจนส่งฮารังกระเด็นถอยหลังไปไกลนับร้อยเมตร


“มีสมาธิหน่อย”


นักดาบอันดับหนึ่งของโลก คริส เหยียดแขนออกไปหาแวนเนอร์ ผู้เอาแต่กระอักเลือดไม่หยุด


ฟุ่บ!


ฮารังแทรกตัวผ่านห้วงมิติออกมาโผล่เบื้องหน้าพวกมันอีกครั้ง พร้อมกับประเคนลูกเตะใส่หนึ่งกระบวนท่า แต่ในวินาทีหัวแม่โป้งเท้ากำลังจะซัดใส่ขมับคริส สายลมรุนแรงพลันพุ่งเฉี่ยวใบหูคริสไปไม่กี่เซนติเมตร


บึ้มมมมมม!!


เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เป็นระเบิดของจริง ไม่ใช่แค่การเปรียบเปรย


แต่เป้าหมายการระเบิดไม่ใช่ศีรษะของคริส ศรระเบิดจากจิสึกะได้พุ่งผ่านใบหูคริสไประเบิดใส่ฮารังด้านข้าง


และด้วยเอฟเฟคพิเศษของเพลิงฟินิกซ์แดง ‘โจมตีใส่หมา เยียวยาพวกพ้อง’ คริสจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อครู่


“ฟู่ว… เกือบไปแล้วเชียว”


อย่างไรก็ตาม ฮารังไหวตัวทัน จึงยกเลิกการโจมตีใส่คริสและเปลี่ยนไปกลิ้งตัวหลบศรระเบิดแทน


ขณะฮารังพึมพำพลางพักหายใจเนื่องจากเรี่ยวแรงใกล้หมด ดวงตาสีแดงก่ำคล้ายอสุรกายพลันโผล่ขึ้นด้านหลังยังบันสาว


เป็นเรกัสในร่างอาชูร่า ประจุสายฟ้ากำลังปกคลุมทั่วร่างอย่างน่าเกรงขาม


บึ้มมมมม!!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ตามปรกติแล้ว ผู้เล่นมักเลือกเก็บเลเวลกับมอนสเตอร์อ่อนแอกว่าตัวเอง เพราะหลักการในการเก็บเลเวลให้ไวคือ ฆ่ามอนสเตอร์ให้เหมาะสมกับค่าประสบการณ์ และฆ่าให้เร็ว หากทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เลเวลก็จะพุ่งกระฉูดกว่าวิธีใดทั้งหมด นี่คือตำราพื้นฐานของเกมออนไลน์


อย่างไรก็ตาม เรกัสเลือกเก็บเลเวลแบบพิเศษ


มันนำชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้าย แต่ถ้าไม่เสียสมาธิ เลเวลก็จะอัปได้ไวมากเช่นกัน


เรกัสไล่ล่าเก็บเลเวลกับคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่ามาตลอด และต้องพานพบกับความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ จนเป็นเรื่องชาชิน


บางที หากนับเฉพาะการเผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่งกว่าตัวเอง เรกัสอาจมีประสบการณ์มากกว่ากริดด้วยซ้ำ


“หือ?”


เจ้านี่คิดจะใช้กายาแสนอ่อนแอของมนุษย์โจมตีใส่ข้าคนนี้?


ฮารังเตรียมใช้ท่าสวนกลับ ทว่า ใบหน้าของหล่อนพลันเปลี่ยนสีกะทันหัน เนื่องจากหัวไหล่และแขนข้างหนึ่งได้ถูกล็อกไว้ด้วยต้นขาอันบึกบึนทั้งสองข้างของเรกัส


“ย่าห์!!”


นี่คือทักษะสำหรับ ‘โจมตี’ ใส่เป้าหมายซึ่งมีระดับความแข็งแกร่งสูงกว่าตน เป็นการทุ่มน้ำหนักทั้งตัวพร้อมกับบิดสะโพก ส่งผลให้หัวไหล่และแขนของศัตรูหักบิดจนผิดรูปเดิม


ฉึก!


พร้อมกันนั้น หอกสีแดงฉานของป็อนพุ่งแหวกอากาศจนมองเห็นเป็นเพียงเสาลำแสง และเสียบทะลวงเข้าไปยังกึ่งกลางหน้าอกของฮารังอย่างแม่นยำ


“คึ่ก…!”


โงนเงน


จนแล้วจนรอด ร่างกายของเทพเริ่มเกิดอาการเสียสมดุลเป็นครั้งแรก หอกคำสาปมังกรไฟ ทราวก้า อาจสร้างบาดแผลให้เทพไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ใช่กับครึ่งเทพแน่นอน


“แค่ก! แค่กแค่ก! ค่อก!”


ขณะเดียวกัน ป็อน ผู้โจมตี กำลังอาเจียนอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าผู้ถูกโจมตีเสียอีก ราวกับมันยอมแลกทุกสิ่งไปกับการโจมตีอันได้ผลเมื่อครู่


“เสียสติไปแล้วรึไง!”


แวนเนอร์รีบขยับร่างกายตามสัญชาตญาณ มันยกโล่ขึ้นด้วยท่อนแขนสั่นเทาขณะมองเห็นเข่าของฮารังกำลังลอยเข้ามาใกล้


เปรี้ยง!


โล่กระเด็นหลุดจากมือทันใด ฮารังหมุนตัวและตามซ้ำด้วยหน้าแข้ง หมายระเบิดกะโหลกศีรษะป็อนและแวนเนอร์ให้แหลกละเอียดไปพร้อมกันในการเตะกวาดครั้งเดียว


“ฮะฮะ พวกเรามาตายไปพร้อมกันเถอะ”


ขณะแข้งของฮารังเตรียมซัดใส่เป้าหมายซึ่งปราศจากพลังป้องกันตัวโดยสิ้นเชิง


ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!


เถาวัลย์หนามแหลมคมพลันผุดขึ้นจากบ่อเลือดของป็อนและทะลวงใส่แข้งฮารังจนพรุน


“…!?”


เมื่อได้เผชิญเหตุการณ์สุดพิสดารและไม่คุ้นเคย ฮารังรีบชักเท้าอย่างตกใจ เธอเพิ่งตระหนักได้ว่า การเคลื่อนไหวของเถาวัลย์เลือดจากบ่อโลหิตบนพื้น มีลักษณะคล้ายกับลิ่มเลือดบนหน้าอกของตนมาก


แต่กว่าจะรู้ตัวเมื่อสาย


ฉัวะ!


“…!”


ลิ่มเลือดบนหน้าอกฮารังเปลี่ยนร่างกลายเป็นคมดาบ ทิ่มแทงใส่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นช่องท้องหรือซี่โครง


ใครจะไปคิดว่าสักวันหนึ่ง เธอจะถูกเลือดของตัวเองย้อนกลับมาทำร้าย!


เหตุการณ์สุดประหลาดทำให้สติของฮารังเริ่มไม่มั่นคง เธอไม่กล้าใช้งานชุนโปส่งเดชเหมือนในช่วงแรก เพราะการเคลื่อนย้ายตำแหน่งผ่านห้วงมิติด้วยความเร็วสูงจะทำให้บาดแผลฉีกขาดได้ง่าย และนั่นจะยิ่งเพิ่มลิ่มเลือด ส่งผลต่อเนื่องให้ถูกเลือดของตัวเองโจมตีซ้ำ


‘ฟินิกซ์แดง… ข้าจะผนึกเจ้ากลับไปอีกครั้ง!’


ในคราวนี้ เจ้าจะถูกฝังไว้ในขุมนรกอันมืดมิดชนิดกลับมาคืนชีพใหม่ไม่ได้อีก!


ฮารังลั่นวาจา สายตากวาดสำรวจกลุ่มมนุษย์รอบตัวเธออย่างตั้งใจ จุดประสงค์คือการตามหาผู้บงการเลือด


แต่ไม่กี่อึดใจถัดมา เธอได้พบตัวคนร้ายเข้าโดยบังเอิญ


“ชิ… บัดซบ…”


ตุ้บ!


บงการโลหิต หนึ่งในสุดยอดไม้ตายของนักรบโลหิต สามารถควบคุมเลือดของเป้าหมายได้ต่างอาวุธ นำมาสร้างบาดแผลได้ตามใจชอบ


หากเป้าหมายมีเลเวลต่ำกว่าผู้ใช้ โอกาสสำเร็จของทักษะคือ 100% แต่ในทางตรงกันข้าม หากเลเวลต่ำกว่ามาก ไม่เพียงจะบงการเลือดได้น้อยลง แต่จะยังมีผลข้างเคียงตามมาอีกมากมาย


เฉกเช่นในวินาทีนี้


ปึด!


โลหิตไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ดของแค็ทซ์อย่างสิ้นสภาพ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไร เพราะศัตรูของเวทบงการโลหิตในคราวนี้คือสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ ผู้มีเลเวลสูงกว่าแค็ทซ์มาก


เมื่อฮารังเล็งเห็นว่าผู้บงการเลือดคลายเวทมนตร์ เธอจึงไม่เกรงกลัวการฉีกขาดของบาดแผล และใช้ชุนโปพุ่งเข้าไปประชิดตัวแค็ทซ์ เตรียมดับลมหายใจให้จบเรื่อง


“จะไปไหน!”


เฉกเช่นทุกครั้ง จิสึกะและคริสจะคาดเดาการโจมตีล่วงหน้าจากฮารัง และโจมตีดักในจุดปลายทางของชุนโปเสมอ


แต่ในวินาทีนี้ ฮารังเปิดใช้งานลมหายใจมังกรครามในระดับสูงสุด เมื่อร่างกายพ้นเขตห้วงมิติ ยังบันสาวขยับตัวหลบการโจมตีดักหน้าของคริสและจิสึกะอย่างคล่องแคล่ว พลางหายตัวไปโผล่ด้านหลังแค็ทซ์และชักดาบสั้นฟันใส่


แต่คมดาบกลับไปไม่ถึงตัวแค็ทซ์


เคร้ง!


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


เป็นระดับความว่องไวอันไม่คาดคิดว่ามนุษย์จะเอื้อมถึง เมื่อเฟคเกอร์โผล่ออกจากเงาด้านหลังแค็ทซ์และกระหน่ำทิ่มแทงราวกับพายุ ฮารังจำต้องยอมตัดใจจากการโจมตีและตกเป็นฝ่ายตั้งรับเนื่องจากไล่ตามความเร็วไม่ทัน


ถึงกระนั้นก็ยัง


ฉึบ! ฉึบ!


เสื้อผ้าของเธอถูกหั่นขาดบางส่วน


เมื่อนำจุดเด่นคลาส ‘ราชันว่องไว’ ของเฟคเกอร์มาผนวกเข้ากับเทคนิคลับลันเทียร์จากอาจารย์คาซิม ความเร็วของเงาแห่งโอเวอร์เกียร์จึงเหนือกว่ายังบันผู้เปิดใช้พลังมังกรคราม


‘เก่งทุกคนเลยหรือ…?’


ไม่มีใครอ่อนแอแม้แต่คนเดียว


จริงอยู่ บุคคลพรสวรรค์ในหมู่มนุษย์สามารถถือกำเนิดขึ้นได้ แต่เหตุใดเหล่าอัจฉริยะมากมายถึงคอยรับใช้บุรุษเพียงหนึ่ง…?


หากปล่อยชายคนนั้นไว้ สักวันต้องสร้างปัญหาให้กับอาณาจักรฮวานได้แน่


‘คูลู นาฮึน พวกนายต้องฆ่ามันให้ได้!’


หลังจากใช้ชุนโปถอยห่างจากเฟคเกอร์สำเร็จ ฮารังอาศัยดวงตาเหนือธรรมชาติเพ่งมองไปยังจุดไกลออกไป ณ ตรงนั้น บุรุษผมดำกำลังรับมือนาอึนและคูลูพร้อมกัน


แต่ใช่ว่าเธอจะหยุดสู้ ในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา ฮารังหายตัวไปตะบันส้นเท้าใส่ใบหน้ายูเฟอมิน่าซึ่งกำลังเตรียมปลดปล่อยเวทมนตร์ใส่


แก้มของยูเฟอมิน่าเริ่มบวมเป่ง เพราะนี่ไม่ใช่หนแรก แต่ฮารังจ้องขัดขวางเธอมานานแล้วนับตั้งแต่เริ่มต่อสู้


“เธอเป็นอะไรกับฉันมากไหม! ทำไมถึงไม่ย่อมปล่อยให้ใช้เวทมนตร์เลยสักครั้ง! ทำไมถึงไม่ยับยั้งการโจมตีของคนอื่นบ้าง?”


ยูเฟอมิน่ามิอาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดฮารังถึงจ้องเล่นงานตนเป็นพิเศษ จึงตัดสินใจซักถามออกไปตามตรง


“เพราะเวทมนตร์ของเธอดูอันตราย”


“งั้นหรอกหรือ… ฮิฮิ!”


“…”


พึงพอใจกับคำตอบแบบนั้นเนี่ยนะ?


แวนเนอร์ส่ายหัวพร้อมกับรีบนำตัวแค็ทซ์ออกจากจุดเดิม ส่วนเฟคเกอร์ได้กลับไปซ่อนในเงาเพื่อรอโอกาสอีกครั้ง


ทางด้านป็อน เรกัส และคริสต่างกำลังตื่นตัวเป็นพิเศษ พวกมันกระจายไปตามจุดเพื่อคอยช่วยเหลือพวกพ้องให้ทันท่วงที ในกรณีอีกฝ่ายใช้ชุนโปเข้าเล่นงาน


สำหรับฮารัง การต้องสู้กับกลุ่มคนเหล่านี้นับเป็นเรื่องน่าปวดหัว เพราะพลังชุนโปของเธอแทบไม่เกิดประโยชน์


‘พวกมันเดาทางชุนโปของเราได้แม่นยำ’


ฮารังเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์


‘จริงอยู่ เราอาจแข็งแกร่งและเป็นเลิศในทุกด้าน แต่ยังขาดประสบการณ์สู้จริงพอสมควร’


ถูกต้อง ฮารังแทบไม่มีประสบการณ์สู้จริง


แม้แต่ในหมู่ยังบัน ไม่มีใครกล้าเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องเธอก่อน และด้วยนิสัยเงียบขรึมแตกต่างจากคนอารมณ์ร้อนอย่างการัม เธอจึงไม่เคยทำร้ายใครก่อนเช่นกัน


ประสบการณ์ต่อสู้จึงได้รับจากการสอบซือโหยวเพียงอย่างเดียว และมีจำนวนแค่เจ็ดหน


‘ประสบการณ์… ฮะฮะ! ประสบการณ์?’


ฮารังระเบิดเสียงหัวเราะ


เทพควรต้องสมบูรณ์แบบและเก่งกาจในทุกด้านโดยไม่มีข้ออ้างไม่ใช่หรือ?


จึงเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อย เมื่อผู้กำลังจะกลายเป็นเทพ ดันตัดพ้อว่าตนไม่สามารถเอาชนะมนุษย์ได้เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ


‘ทางนั้นก็เหมือนกัน’


ฮารังส่ายหัวแผ่วเบาขณะหันไปมองการต่อสู้จากอีกฝั่ง


เธอสัมผัสได้ว่า คูลูเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว


‘พวกเราไม่มีทางได้เป็นเทพ’


ว่ากันตามตรง เธอรู้สึกเช่นนี้มาสักพักแล้ว


แม้ว่ายังบันต้องใช้ความศรัทธาจากมนุษย์ แต่พวกมันกลับไม่เคยเลิกดูแคลนมนุษย์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเสียที ฮารังมองว่าสิ่งนี้นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้องสักเท่าไร


แต่เธอก็ไม่กล้าปริปาก เนื่องจากยังหวาดกลัวต่อฮานึลเหนือสิ่งอื่นใด


ในเมื่อฮานึลบอกว่าทุกคนและทุกสรรพสิ่งมีทุกวันนี้ได้เพราะฮานึล ฮารังจำใจต้องเห็นพ้องไปตามนั้น


‘…อาจมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ในถ้อยคำดังกล่าว แต่เราเชื่อว่า เขาต้องได้รับผลกรรมของความโอหังเข้าสักวัน’


ขณะกำลังครุ่นคิด ท้องฟ้าได้แบ่งแยกเป็นสองสีอย่างชัดเจน


ครึ่งหนึ่งส่องสว่างด้วยอิทธิพลจากเสาเพลิงฟินิกซ์แดงด้านในรั้ววังหลวง ส่วนอีกครึ่งกำลังดำสนิทคล้ายกับอยู่ในขุมนรก


แต่ไม่ว่าจะฝั่งใด ก็ไม่มีใครคิดต้อนรับยังบัน


‘ไม่จำเป็นต้องต้อนรับ…’


เพราะยังบันคือยังบัน


เมื่อฮารังครุ่นคิดมาถึงจุดนี้


ตุ้บ!


นาอึน ผู้มีบาดแผลเต็มตัว ล้มลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดสภาพ


“ฮ… ฮารัง… ช่วยข้าด้วย…”


“ฮะฮะ…!”


ไหนบอกว่าตัวเองจะกลายเป็นเทพ แล้วทำไมถึงได้ร้องขอชีวิตต่อหน้ามนุษย์ ซึ่งพวกมันเอาแต่พร่ำบอกว่าเป็นได้เพียงมดปลวก


ช่างอ่อนแอซะจริง


ฮารังระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับหันไปมองด้านหลังตน เธอได้พบกับบุรุษคนหนึ่ง ผู้กำลังแบกรับความศรัทธาอันแท้จริงไว้บนบ่า


บาดแผลตามลำตัวชายคนนี้ทั้งลึกและมีจำนวนมากกว่านาอึน แต่สีหน้าไม่ปรากฏความสั่นไหวแม้แต่น้อย คล้ายกับตระหนักแจ่มชัดได้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด และต้องการสร้างโลกแบบไหนในอนาคต


“เทพ…”


ฮารังยกย่องกริด


“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร!”


กริดไม่ปฏิเสธ เพียงประกอบพิธีกรรมสังหารเทพของตนต่อไป ด้วยการประเคนความพินาศเข้าใส่ฮารังโดยไม่ยั้งมือ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,569
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00