จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,169



[<ลมหายใจฟินิกซ์แดง> ถูกเสริมแกร่งสำเร็จ!]


ตามปรกติแล้ว ความยากของการเสริมแกร่งวัสดุจะขึ้นอยู่กับเกรดไอเท็ม


ในอดีต กริดต้องใช้เวลาและค่าเรี่ยวแรงปริมาณมหาศาล กว่าจะเสริมแกร่งลมหายใจสัตว์เทพสำเร็จสักชิ้น


แต่ไม่ใช่กับปัจจุบันอีกแล้ว


ด้วยเอฟเฟคของ ‘เจตจำนงแห่งไฟ’ จากสมญานาม ‘ดยุคแห่งไฟ’ , ค่าเรี่ยวแรงของกริดจึงถูกใช้น้อยลงจากเดิมอย่างมาก


มันควรจะเป็นเช่นนั้น


“…”


ทว่า ชายหนุ่มกลับทำสีหน้าอึมครึมขณะจ้องมองลมหายใจฟีนิกซ์แดงซึ่งถูกเสริมแกร่งเสร็จ


ความอ่อนเพลียในปัจจุบัน ทุกข์ระทมยิ่งกว่ากว่าสร้างไอเท็มเมื่อในอดีตเสียอีก


สำหรับกริด หลังจากมันได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ ใจหนึ่งพลันเกิดความหวาดระแวงจนเริ่มขัดแย้งกันเอง


‘การเดิมพันครั้งใหญ่… แถมยังบ้าบิ่นมาก’


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ลมหายใจเสริมแกร่งของฟินิกซ์แดงคือวัสดุเกรดมิธ การนั่งถกเถียงมูลค่าของมันคือพฤติกรรมของคนโง่เขลา


จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการเดิมพันล้มเหลว?


เพียงนึกภาพตาม จิตใจกริดพลันดำดิ่ง


“…อยากจะบ้าตาย”


ป่านนี้แล้วยังมัวกังวลอะไรอีก?


เราตัดสินใจได้นานแล้วไม่ใช่หรือ…


ควรทบทวนหาข้อดีข้อเสียอีกรอบดีไหม…


เสียเวลาเปล่าน่า!


เมื่อได้ข้อสรุปหนักแน่น กริดหยิบคันศรฟินิกซ์แดงอัดแน่นด้วยพลังเทพออกมาถือ


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หัวใจมันกำลังโครมคราม


น้ำลายเหือดแห้ง เหงื่อไคลผุดตามง่ามนิ้ว


ภารกิจ <ผู้พิทักษ์ฟินิกซ์แดง> มีเงื่อนไขในการบรรลุว่า : ต้องมอบ ‘ลมหายใจฟินิกซ์แดง’ จำนวน 20 ชิ้นให้แก่คันศรฟินิกซ์แดงอัดแน่นด้วยพลังเทพ


ไม่ได้เขียนว่า ‘ลมหายใจฟีนิกซ์แดงเสริมแกร่ง’


ในสายตากริด โอกาสล้มเหลวค่อนข้างมาก


เรากำลังจะนำของสำคัญโยนทิ้งแม่น้ำ…


ขณะกริดหลับตาและเตรียมใจเผชิญหน้ากับความผิดหวังเหนือพรรณนา


ตึกตัก!


นี่ไม่ใช่เสียงหัวใจกริด แต่เป็นเสียงการยุบพองประหนึ่งหัวใจสัตว์ป่าของ ‘คันศรฟินิกซ์แดงอัดแน่นด้วยพลังเทพ’ ซึ่งปัจจุบัน ผิวด้านนอกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงเจิดจ้า


แม้จะร้อนระอุยิ่งกว่าลาวาเดือด แต่เปลวเพลิงอันโชติช่วงกลับไม่ปรากฏสัญญาณการคุกคามถึงแก่ชีวิต ตรงกันข้าม มันคือเพลิงซึ่งใช้สรรค์สร้างทุกสรรพสิ่ง


ทันใดนั้น พืชพรรณนานับชนิดพลันงอกเงยขึ้นจากใต้ฝ่าเท้ากริด


“…!”


นิมิตความฝันถูกฉายเบื้องหน้าชายหนุ่ม


ย้อนกลับไปในยุคจักรวาลต้นกำเนิด


โลกมนุษย์ถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือสามบุคคล


ยาธาน, รีเบคก้า และฮานึล


รีเบคก้าปลูกต้นไม้โลกเพื่อคอยค้ำจุนผืนธรณีทั้งหมด, สร้างเหล่าเทพเพื่อคอยควบคุมฤดูกาลและสภาพอากาศจากเบื้องบน ฮานึลคอยมอบชีวิตชีวาให้แก่ผืนดิน ยาธานสร้างบาเอลให้ปกครองขุมนรก ขณะเดียวกันก็ปลูกฝังความคิดทำลายโลกลงไป


พวกมันไม่มีจุดประสงค์เป็นของตัวเอง


คอยทำงานของตนอย่างซื่อตรงประหนึ่งฟันเฟืองในเครื่องจักร


นั่นทำให้มนุษยชาติในยุคแรกต่างหวาดกลัว


พวกมันเคารพยำเกรงเทพ แต่หาได้นับถือจากก้นบึ้ง เพียงหมอบกราบเพราะมีความหวาดกลัวเป็นแรงขับเคลื่อน


มนุษยชาติต้องการเทพชุดใหม่


เทพซึ่งพวกมันสามารถพึ่งพาและมอบความศรัทธาโดยไม่หวาดระแวง


เทพผู้ปกป้องคุ้มครอง


พรึ่บ!


เมื่อมนุษยชาติกลุ่มแรกเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า เปลวเพลิงมหึมาพลันลุกโชนเหนือท้องฟ้าในถิ่นอาศัย


เปลวเพลิงจากฝีมือรีเบคก้าและฮานึล เพลิงผู้ให้กำเนิดชีวิตโดยไม่ต้องอาศัยพลังของเทพ


เทพผู้พิทักษ์ ผู้เกิดมาเพื่อมวลมนุษย์ ตามความปรารถนาของมวลมนุษย์


『...เจ้าน่ะ』


เปลวเพลิงสั่นไหววูบวาบ ก่อนจะเปล่งเสียง


แม้ว่ากริดเพิ่งเคยได้ยินเสียงเป็นหนแรก แต่มันกลับทราบได้ทันทีว่าเป็นเสียงของใคร


…ฟินิกซ์แดง!


『เจ้า… เหมือนกับข้า』


พรึ่บ—!


เปลวเพลิงเริ่มเกรี้ยวกราด ตามด้วยการก่อตัวกลายเป็นรูปทรงฟินิกซ์แดง


ร่างกายมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร มหึมายิ่งกว่าทักษะ ‘โบยบิน’ จากคันศรฟินิกซ์แดงของจิสึกะราวร้อยเท่าเห็นจะได้


ไม่เกิดจริงหากจะกล่าวว่า ฟินิกซ์แดงสามารถโอบกอดเขาทั้งลูกได้ด้วยปีกหนึ่งคู่ ร่างกายอีกฝ่ายใหญ่โตถึงเพียงนั้น


กริดพลันถูกสะกด


ด้วยความสัตย์จริง ในวินาทีสายตาฟินิกซ์แดงจดจ้องลงบนร่างกาย ลำตัวชายหนุ่มพลันสั่นกระตุกอย่างหมดสิทธิ์ขัดขืน


อย่างไรก็ตาม สายตาอีกฝ่ายมิได้แฝงการเหยียดหยันจนกริดรู้สึกว่าตนเป็นเพียงมดปลวกด้อยค่า


ไม่ใช่เพราะฟีนิกซ์แดงมีค่าบารมีไม่มากพอ


แต่เป็นเพราะกริดสั่งสมบารมีถึงจุดหนึ่งแล้ว


ฟุ่บ!


ฉากตรงหน้ากริดตัดเข้าสู่ความมืดมิด


และฉายอีกครั้งด้วยภาพท้องฟ้าแดงฉาน


“…?”


ชายหนุ่มรีบปรับสภาพสายตาให้เคยชินและก้มลงไปมองตามเสียงเอะอะด้านล่าง


วังหลวงสักแห่งกำลังลุกไหม้


ทหารหลายหมื่นยืนล้อมวังไว้ทุกทิศทาง


กองทัพส่วนหนึ่งโบกธงรบของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ อีกส่วนหนึ่งโบกธงรบเผ่าออร์ค


“ดยุคปิอาโร่! นายเสียสติไปแล้วรึไง!”


‘ลอเอล?’


กริดจำเสียงได้ มันรีบมองหาลอเอลท่ามกลางฝูงสิ่งมีชีวิตจำนวนมากด้านล่าง


เพียงไม่นานก็หาพบ เพราะลอเอลยืนในจุดหน้าสุดของกองทัพ ใกล้กับแม่ทัพใหญ่ ปิอาโร่


สีหน้าลอเอลแลดูหงุดหงิด ดวงตาสั่นระริกขณะจ้องมองปิอาโร่กำลังยืนเผชิญหน้าทหารศัตรูจำนวนมาก ซึ่งกรูออกจากวังหลวงโดยไม่หวาดหวั่นความตาย


“…!”


กริดพลันอ้าปากค้าง


มันเริ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดลอเอลถึงต้องฉุนเฉียวนัก


สืบเนื่องมาจาก อัศวินและทหารจำนวนมากของฝั่งโอเวอร์เกียร์ รวมถึงแม่ทัพใหญ่ ปิอาโร่ กำลังอยู่ในสภาพปราศจากอาวุธ!


ระหว่างศึกสงคราม


คนเหล่านี้ยอมสละอาวุธของตนแม้ในยามสำคัญของชีวิต และยืนเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูด้วยฝ่ามือเปลือยเปล่า


ไม่ผิดแต่ ต้องเป็นผลจากทักษะ ‘ถ้อยคำนักคุณธรรม’ ของเรา…!


“สติของฉันยังดีอยู่ ทว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้หาใช่ชีวิตตัวเอง แต่เป็นความปลอดภัยของฝ่าบาท ได้โปรดเข้าใจด้วย ท่านมหาเสนาบดี”


“…คึ่ก! แต่นายแม่ทัพใหญ่นะ…”


ถึงแม้จะพูดเช่นนั้น แต่พัดเหล็กในมือลอเอลกำลังเลือนหายไปพร้อมกับแสงสว่าง


มันตัดสินใจแบบเดียวกับปิอาโร่


ลอเอลทราบดี ความตายของผู้เล่นไม่ใช่จุดจบ แต่มันก็หวังให้กริดฝ่าฟันวิกฤติตรงหน้าไปอย่างราบรื่น


‘ลอเอล… นายต้องหยุดพวกเขา! ไม่ใช่ทำแบบเดียวกัน!’


ขณะดวงตาชายหนุ่มกำลังสั่นระริก


ฟุ่บ!


นิมิตเบื้องหน้ากริดแปรเปลี่ยนอีกครั้ง


“…อึก!”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกับหยุดหายใจ


เมื่อตระหนักว่าบรรยากาศรอบตัวกำลังร้อนระอุสุดขีด มันทราบทันทีว่าดินแดนปัจจุบันคือหนแห่งใด


‘ขุมนรก?’


พร้อมกันนั้น


“กล้าดียังไงถึงเข้ามาขัดขวางพิธีกรรม!”


ยูร่า หญิงสาวผู้เต็มไปด้วยบาดแผล กำลังวิ่งหนีการโจมตีจากศัตรูตามลำพัง


เธอถูกกบสวมมงกุฎตัวใหญ่ไล่ตามติด บริเวณคางของอีกฝ่ายมีลักษณะโป่งพองจนน่าขยะแขยง


“ยูร่า!”


โดยไม่รีรอ กริดกำดาบในมือแน่นถนัด พร้อมกับปรี่เข้าหายูร่าด้วยความเร็วสูงสุด


ชายหนุ่มใช้ลำตัวยืนบังหญิงสาวเอาไว้และตวัดดาบฟาดฟันใส่กบสวมมงกุฎอย่างไร้ความปรานี


แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น ฉากเหตุการณ์ทั้งหมดซึ่งปรากฎในดวงตากริด ล้วนเป็นเพียงภาพบันทึกจากสมัยอดีต


พรืด!


ลิ้นยาวและยืดหยุ่นของกบ พุ่งทะลุผ่านตัวกริดโดยมีเป้าหมายเป็นแผ่นหลังของยูร่า


เธอคงประเมินแล้วว่าหลบไม่พ้น


หญิงสาวชะงักฝีเท้าและหมุนตัวกลับหลัง มือข้างหนึ่งลั่นไกปืนสวนกลับ ส่วนอีกข้างชักดาบสำรองออกมาป้องกันต่างโล่


อาจเป็นเพราะบัฟพิเศษจากขุมนรก ยูร่าจึงมีสายตาและความว่องไวมากพอจะมองทันความเร็วลิ้นอันน่าขยะแขยงของกบสวมมงกุฎ เพราะการโจมตีเมื่อครู่ แม้แต่กริดผู้เป็นเหนือมนุษย์ ก็ยังยากจะตอบสนองได้แม่นยำเท่าเธอ


ใครได้เห็นคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยูร่าปัดป้องได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้จุดตำหนิ


ทว่า ก่อนลิ้นจะพุ่งกระทบใบดาบ อาวุธในมือหญิงสาวพลันเลือนหายไปพร้อมกับแสงขาว


ดาบสำรองเล่มนั้น กริดเป็นผู้สร้าง


ฉึก!


ลิ้นยาวยืดหยุ่นพุ่งทะลวงหัวใจหญิงสาวอย่างเหี้ยมโหด


“เฮ่อะ! ไม่เห็นจะเก่งเท่าคนก่อน”


กบสวมมงกุฎเย้ยหยัน


กริ๊ก!


ปืนในมืออีกข้างได้เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นดาบประกายแสงเขียว


ห้าวินาทีสุดท้าย หญิงสาวต่อสู้อย่างสุดกำลัง


สีหน้ามิได้เผยให้เห็นความเสียดายจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต


เธอกลายเป็นแสงสีเทาด้วยรอยยิ้ม


รอยยิ้มแห่งความสุข


“ยูร่า… ทำไมเธอถึง…”


กริดไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืน


ยูร่า ผู้ต้องการจะพัฒนาตัวเองเพื่อมาอยู่บนเวทีเดียวกับกริด กลับยอมสละชีวิตเพื่อส่งความช่วยเหลือไปให้กริด โดยปราศจากความลังเลแม้แต่หนึ่งวินาที


ฉากรอบตัวกริดเปลี่ยนไปอีกครั้ง


จิสึกะ ผู้เตรียมกระหน่ำโจมตีเพื่อสังหารมอนสเตอร์จำนวนมากในคราวเดียวด้วยทักษะโบยบิน พลันจบชีวิตลงเนื่องจากสูญเสียคันธนูในมือไป


พีคซอร์ด ผู้ชักดาบฟาดฟันมอนสเตอร์แข็งแกร่งจนพินาศสิ้น แต่กลับถูกคำสาปกัดกร่อนจนถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีฝักดาบคอยสยบความบ้าคลั่งของยารุกต์


ฉากแล้วฉากเล่า เกือบทั้งหมดคือความตายของพวกพ้องคนสำคัญ


ไม่มีใครตอบปฏิเสธ ‘ถ้อยคำคุณธรรม’


ไม่มีใครคิดนานกว่าหนึ่งวินาที


“ทำไม… ถึงเป็นแบบนี้ไปได้…”


กริดรำพันอย่างเจ็บแปลบ


มันทำอะไรไม่ได้


แก้ไขอะไรไม่ได้


ไม่เคยรู้มาก่อนว่า พลังอันยิ่งใหญ่ของตนต้องแลกมาด้วยความสูญเสียมากมายมหาศาล


กริดตำหนิตัวเองอย่างหนัก


ทันใดนั้น ฟินิกซ์แดงร่างยักษ์ปรากฏกาย


『ด้วยพื้นฐานร่างกายและพลังของมนุษย์ เจ้าปรารถนาจะกลายเป็นเทพ』


『ตัวเจ้ามิได้ไร้เทียมทาน หากปรารถนาพลังมหาศาล เหตุการณ์แบบเดิมก็จะเกิดซ้ำอีกหลายหนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง』


『ความเจ็บปวด จงทำใจให้ชาชินเสียเถิด』


『มีเพียงหัวใจอันเข้มแข็งเท่านั้น จึงจะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตน ให้เป็นไปในทิศทางถูกต้องเหมาะสมได้ตามปรารถนา』


อย่าได้ทำผิดพลาดเหมือนกับพวกข้า…


ราวกับฟีนิกซ์แดงต้องการกล่าวเช่นนั้น


ขณะมองเข้าไปในตาอีกฝ่าย กริดพลันสัมผัสถึงความสิ้นหวังและหดหู่ อันเกินจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ชัดเจน


ชายหนุ่มซักถามกลับ


“คุณกำลังจะบอกว่า หากต้องการเผชิญหน้ากับเทพและเอาชนะให้ได้ หนทางเดียวคือการยอมเสียสละผู้ศรัทธาในตัวเรา?”


ฟีนิกซ์แดงเงียบงัน


ความเงียบคือคำตอบ


คือการไม่ปฏิเสธ


กริดส่ายศีรษะหนักแน่น


“ของแบบนั้นไม่จำเป็น”


มันต้องการเป็นเทพด้วยเหตุผลข้อเดียว


ปกป้องพวกพ้องและคนสำคัญทั้งหมด


หากต้องเสียสละบางส่วน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเดินบนเส้นทางนี้แต่แรก


“ฉันจะไม่เสียสละใครทั้งนั้น”


พรึบ!


เปลวเพลิงรอบจะงอยปากฟินิกซ์แดงเกิดการขยับเล็กน้อย


คล้ายกับรอยยิ้ม


『มนุษย์ผู้น่ายกย่อง ข้าขอแบ่งหัวใจให้เจ้าหนึ่งดวง มันจะเติบโตไปพร้อมกับเจ้า และคอยเป็นพลังให้เจ้าไม่มากก็น้อย』


ซู่ววววว—


ปรากฏกายอย่างเจิดจ้า


จากไปอย่างเจือจาง


หลังจากควักหัวใจให้กริด ฟินิกซ์แดงสลายตัวจนเหลือเพียงแสงประกายเปลวเพลิง


ฉากรอบตัวกริดกลับคืนสู่ปรกติ


มาพร้อมกับข้อความระบบ


[เกิดเหตุการณ์พิเศษเนื่องจากมีการใช้ <ลมหายใจฟินิกซ์แดงเสริมแกร่ง> ร่วมกับ <คันศรฟินิกซ์แดงอัดแน่นด้วยพลังเทพ>!]


[พลังเทพฟินิกซ์แดงในคันธนูเกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ท่านได้รับความชื่นชอบเป็นล้นพ้นจากเทพฟินิกซ์แดง]


[ท่านได้รับ <หัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9> เป็นรางวัลตอบแทนภารกิจลับ!]


<หัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9>


หนึ่งในสิบหัวใจฟินิกซ์แดง อัดแน่นด้วยพลังฟินิกซ์แดงเข้มข้น


ฟินิกซ์แดงได้เก็บรักษาหัวใจดวงนี้ไว้เป็นอย่างดี แม้จะเหลือเป็นดวงสุดท้ายแล้วก็ตาม


หัวใจดวงนี้จะเติบโตไปพร้อมกับท่าน โดยมีพัฒนาการสอดคล้องกับอุปนิสัยของท่าน


[หัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์แดงกำลังแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายท่าน]


[เลือดในร่างกายท่านกำลังเดือดพล่าน! นับแต่นี้ไป ค่าเรี่ยวแรงจะลดลงช้ากว่าปรกติหลายเท่า!]


[เพิ่มทักษะการฮีลทั้งหมด 20%]


[ฟื้นอัตราการฟูค่าเรี่ยวแรงตามธรรมชาติเป็นสองเท่า]


[<อักขระแห่งความมืด> ในตัวท่านกำลังหวาดกลัวต่อความร้อน!]


[<อักขระแห่งความมืด> กำลังซ่อนตัว!]


“…!?”


เพิ่มเอฟเฟคการฮีลและอัตราการฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงจากเดิมหลายเท่า


ขณะกริดกำลังยินดีปรีดาเมื่อได้รับพลังใหม่เป็นของแถม สีหน้าชายหนุ่มพลันอึมครึมทันที


อักขระแห่งความมืด


การต้องสูญเสียหนึ่งในไพ่ตายกริด ส่งผลให้ความกระชุ่มกระชวยไม่หลงเหลือ


มันเป็นกังวลก่อนหน้านี้มาแล้วสักพัก ในเมื่อพลังอสูรไม่สามารถใช้การได้ พลังของอักขระแห่งความมืดก็ต้องเสื่อถอยลงบางส่วนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง


“อึก!”


กริดเริ่มเจ็บจนทนไม่ไหว มันใช้มือกุมหัวใจพร้อมกับนอนลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าทุรนทุราย


ปัจจุบัน ‘คันศรฟินิกซ์แดงอัดแน่นด้วยพลังเทพ’ ซึ่งเป็นต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด กำลังนอนแน่นิ่งในช่องสัมภาระกริดอย่างเงียบงัน


‘เราทำพลาดมหันต์…’


ในซาทิสฟาย ความเข้ากันได้คือสิ่งสำคัญ


ฉะนั้น ตัวตนเทพแสนดีอย่างฟินิกซ์แดง ย่อมไม่ลงรอยกับอักขระแห่งความมืด


เราไม่น่ารับหัวใจเข้ามา…


ขณะกริดประเมินว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี มันพยายามดึงสติให้มั่นคง


[เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์รอบ ‘หัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9’ ได้ไล่ต้อน ‘อักขระความมืด’ และทำการชำระล้างจนบริสุทธิ์!]


[ประกายเพลิงจากทักษะ ‘เจตจำนงแห่งไฟ’ ของสมญานาม ‘ดยุคแห่งไฟ’ , ได้สะกดพลังของอักขระความมืดจนอยู่หมัด!]


[อักขระความมืด ซึ่งเคยแว้งกัดท่านบ่อยครั้งแม้ว่าจะมีค่าสนิทสนมมาก ตัดสินใจรับใช้ท่านโดยไม่สร้างผลข้างเคียงอีกต่อไป]


[การใช้งานพลังอสูรภายใน ‘อักขระความมืด’ ถูกลบทิ้งทั้งหมด]


[หากทักษะใดต้องใช้พลังอสูร ทักษะดังกล่าวจะเปลี่ยนมาใช้ทรัพยากร ‘เจตจำนงแห่งไฟ’ ทดแทน อีกทั้ง ชื่อของทักษะ คุณสมบัติ และเอฟเฟคจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเหมาะสม]


[ขณะเปิดใช้งานอักขระความมืด การโจมตีธรรมดาซึ่งเคยสร้างความเสียหายเพิ่มเติมเป็นธาตุมืด เปลี่ยนมาเป็นการโจมตีด้วยธาตุจิตแทน]


[พลังการดูดซับของ ‘อักขระแห่งความมืด’ ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น! นับแต่นี้ไป การดูดซับจะไม่เพียงเกิดกับเผ่าอสูรหรือจอมอสูรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทวทูต ครึ่งเทพ และเทพอีกด้วย!]


[‘อักขระแห่งความมืด’ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘อักขระแห่งความตะกละ’]


“…”


ผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนทราบดี ไอเท็มประเภทอักขระจะติดตัวละครไปจนตาย


ส่งผลให้ไอเท็มชนิดดังกล่าวถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ห้ามแลกเปลี่ยนด้วยประการทั้งปวง เพื่อไม่ให้เกิดการซื้อขายภายนอกซาทิสฟาย


จากตำนานท้องถิ่นและเอกสารทางประวัติศาสตร์ อักขระจะถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ หลายสายความถนัด โดยปัจจุบันมีจำนวนอักขระอยู่ราวหนึ่งร้อยชนิด และรับประกันได้เลยว่า ถ้ามีใครได้รับอักขระห่วยกว่าผู้อื่น มันคงต้องนอนร้องไห้ฟูมฟายไปตลอดชีวิต


ด้วยหลักการข้างต้น กริดจึงนับว่าโชคดีมาก


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อักขระความมืด ซึ่งมีพลังในการดูดซึมพลังของจอมอสูร ย่อมถือเป็นอักขระระดับท็อปอย่างไร้ข้อกังขา


แต่ปัจจุบัน มันกลับถูกยกระดับไปอีกหนึ่งขั้น สามารถช่วงชิงพลังเทวทูต ครึ่งเทพ และเทพ


อักขระแห่งความตะกละ


อักขระชนิดใหม่ ราวกับเกิดจากความตั้งใจและอุปนิสัยของกริด ได้สร้างไฟแห่งความมุ่งมั่นอันร้อนแรงให้ชายหนุ่มทันที


“ฉันสัญญา… แกจะได้กินแต่ของอร่อย”


หลังจากยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่นาน มันตัดสินใจเปิดหน้าภารกิจเพื่อยืนยันความคืบหน้าของภารกิจลับ <ผู้พิทักษ์ฟีนิกซ์แดง>


เงื่อนไขการบรรลุภารกิจแจ้งว่า ปัจจุบัน กริดได้บรรจุลมหายใจฟีนิกซ์แดงลงไปแล้ว 11 ครั้ง


สิ่งนี้หมายความว่า ลมหายใจเกรดเสริมแกร่งจำนวนหนึ่งเม็ด จะมีค่าเทียบเท่าลมหายใจธรรมดามากถึงสิบเม็ดถ้วน


‘อีกแค่เม็ดเดียว’


กริดหันหน้าไปทางเมืองคาราสึ


ณ ดินแดนดังกล่าว ผู้คนมากมายกำลังพยายามยื่นมือช่วยเหลือตน


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,558
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. น้ำตาซึมๆ😢
    ความรัก ความศรัทธา​
    และการพัฒนา​ตน
    ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. ไหลเปนสายน้ำเลย😭😭

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00