จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,179



“ฮะฮะ! คึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”


เมื่อได้เห็นสถานการณ์ตรงหน้า การัมระเบิดเสียงหัวเราะราวกับคนบ้า


สืบเนื่องมาจาก กำลังเสริมของฝ่ายกริดซึ่งรับบทบาทขัดขวางฮารัง ล้วนเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดากว่าสิบคนเท่านั้น


“หากเป็นมนุษย์ต่ำต้อย แม้จะมีจำนวนนับหมื่นนับแสนก็ไม่ต่างอะไรกับฝุ่นผง! แต่เจ้ากลับหวังพึ่งพาพวกกระจอกเพียงไม่กี่สิบชีวิตเนี่ยนะ! คึฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างน่าสมเพช!”


การัมเย้ยหยันเสียเต็มประดา


“ถ้ารู้สึกตื่นเต้นยินดีเพียงเพราะมีพวกกระจอกสิบคนมาช่วย แปลว่าสามัญสำนึกของเจ้าคงถูกทำลายเรียบร้อยแล้ว จะบอกอะไรให้ ไม่มีสิ่งใดสามารถพลิกผันกระแสสงครามในปัจจุบันได้อีก จงยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี!”


ผู้ตอบโต้วาจาเหยียดหยันของการัมมิใช่กริด แต่เป็นบราฮัมซึ่งกำลังฉีกยิ้มกว้าง


“ถ้าไม่มีมนุษย์ พวกเจ้าก็ไม่มีตัวตน”


“…อะไรนะ?”


บราฮัมยังคงแสยะยิ้ม


ในสายตาของยังบันผู้ดูแคลนมนุษย์สามัญชนเหนือสิ่งอื่นใด รอยยิ้มของบราฮัมไม่ต่างอะไรกับการล่วงเกินอำนาจแห่งเทพ


“ไม่มีสิ่งใดน่าขันไปกว่านี้แล้ว ปรสิตซึ่งหากินและเติบโตได้จากศรัทธาของมนุษย์ กลับเอาแต่ดูถูกและเหยียดมนุษย์เป็นเพียงมดปลวก”


“คำยั่วยุไร้สาระ ผู้สร้างพวกเราคือฮานึล และผู้ทำให้เรากลายเป็นเทพก็คือฮานึลเช่นกัน ศรัทธาของมนุษย์เป็นแค่ส่วนเติมเต็มความสมบูรณ์…”


การัมพลันชะงัก มันเริ่มตระหนักว่าถ้อยคำของบราฮัมยากจะโต้แย้ง


บราฮัมยักไหล่ด้วยสีหน้ายียวน


“หากศรัทธาของมนุษย์เป็นสิ่งไม่มีค่า ตัวเจ้าผู้สั่งสมบารมีเทพจากศรัทธาก็คงไม่มีค่าอันใดเช่นกัน จริงด้วยสินะ ชักเริ่มสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้างแล้ว… เจ้าคนไม่มีค่า”


“สามหาว!! เป็นแค่สามัญชนอย่าริอ่านลามปามเทพ!”


เมื่อพูดถึงศรัทธาของมนุษย์ การัมเริ่มตระหนักว่าตนถูกอีกฝ่ายล่อลวงให้ติดกับดักทางวาจา จึงแผดเสียงตะโกนอย่างหัวเสีย


แน่นอน การกระทำเช่นนี้นับว่างี่เง่า


รอยยิ้มบราฮัมเย้ยหยันยิ่งกว่าเก่า


“เมื่อเริ่มเถียงสู้ไม่ได้ จึงใช้วิธีตวาดเสียงดังกลบเกลื่อนแทนสินะ ทำตัวสมกับพวกโง่เขลา”


“…!”


“ช่างน่าขัน พวกเจ้าซึ่งแข็งแกร่งกว่ามนุษย์เพียงเล็กน้อย กลับริอ่านเรียกตัวเองว่าเทพอย่างไม่ละอายปาก”


สายตาบราฮัมเพ่งมองผ่านเส้นผมกระเซอะกระเซิงของการัม มันจ้องไปยังใบหูซึ่งถูกกริดสะบั้นจนขาด


“รูปลักษณ์ของเทพนั้นถาวร”


การสร้างรูปปั้นนั้นเป็นอุปนิสัยติดตัวของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร เพราะหากมีรูปปั้น มนุษย์ก็จะจดจำใบหน้าของเทพได้ชัดเจนกว่าเดิม


เทวรูปนั้นถาวร แต่นามธรรมจะเลือนหายไปตามกาลเวลา


หากไม่มีรูปปั้น มนุษย์จะสวดภาวนา และอ้อนวอนผ่านเทวรูปในความทรงจำแทน


ทำอย่างไรก็ได้ให้เห็น ‘ภาพ’ ของเทพในความศรัทธาตน ไม่ใช่ความล่องลอยหรือเคว้งคว้างว่างเปล่า ถัดจากนั้น ความศรัทธาปริมาณมหาศาลก็จะหลั่งไหลไปหาเจ้าของ ‘รูปลักษณ์’ ดังกล่าวพร้อมกับเปลี่ยนให้เป็นพลัง


ฉะนั้น รูปโฉมของเทพจะไม่แปรเปลี่ยน


“ถ้าพวกเจ้าเป็นเทพจริง…”


บราฮัมขยับสายตาไปมองสองยังบันซึ่งคนหนึ่งสูญเสียข้อเท้า ส่วนอีกคนสูญเสียแขนข้างขวาจากการถูกพิษไฮดร้าเล่นงานจนต้องตัดทิ้ง


“หากมนุษย์คิดว่าพวกเจ้าเป็นเทพจากก้นบึ้งจิตใจ ความศรัทธาของพวกเขาจะเยียวยาบาดแผลให้กลับมาเป็นเหมือนดัง ‘รูปลักษณ์’ ในความทรงจำของพวกเขา”


แต่สิ่งนั้นกลับไม่เกิดขึ้น


หมายความว่า ศรัทธาจากมนุษย์เกิดจากความหวาดกลัวหรือไม่เต็มใจ เป็นศรัทธาเทียมซึ่งแสดงมีพลังด้อยกว่าศรัทธาแท้อย่างมาก


แล้วทำไมยังบันถึงได้ปล่อยให้เป็นเช่นนี้?


เพียงแค่พวกมันกุเรื่องขึ้นมา ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาใด แต่ถ้ามนุษย์หลงเชื่อและเกิดความศรัทธาจากก้นบึ้ง ศรัทธาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นศรัทธาแท้ได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?


แล้วทำไมยังบันถึงไม่ทำ?


บราฮัมพบคำตอบในทันที


‘พวกมันคงเคยทำแล้ว แต่ไม่ได้ผล’


อาจเป็นเพราะความโง่เขลา หรืออาจเรียกว่าการไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง ความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นหนแล้วหนเล่า ทำให้มนุษย์หมดศรัทธาในตัวพวกมันไปนานแล้ว เหลือเพียงศรัทธาจอมปลอมจากความหวาดกลัว


“…”


การัมยังคงเงียบงัน มิได้โต้แย้งหรือพยายามคัดค้านคำพูดของบราฮัม สมาธิทั้งหมดกำลังเพ่งอยู่กับภาพรวมของสนามรบ


มันเริ่มตระหนักว่า หากตนตกหลุมพรางถ้อยคำของชายผมเงินและปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ สถานการณ์ทั้งหมดจะพังครืนในทันที


“คูลู นาอึน*”


“อือ”


“ว่ามา”


สองยังบันผู้ลงทุนตัดอวัยวะตัวเองเพื่อให้รอดชีวิตจากพิษร้าย พวกมันย่อมต้องเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่การัมมานาน แต่ก็ไม่มีครั้งใดแสดงท่าทีอ่อนน้อมต่อการัมเช่นนี้


สืบเนื่องมาจาก ทั้งสองประเมินแล้วว่า หากพวกตนต้องการมีชีวิตรอดกลับไป จำเป็นต้องให้การัมรับบทบาทแม่ทัพบงการศึกปัจจุบันไปก่อน จึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเชื่อฟัง


“ข้าจะรับมือชายผมเงินให้เอง พวกเจ้าไปรับมือกับกริดจนกว่าฮารังจะเข้ามาช่วย”


ตามนิสัยแล้ว การัมไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงคู่ต่อสู้กลางคัน หากเป็นให้สถานการณ์ปรกติ มันจะปล่อยให้คูลูและนาอึนรับมือกับสัตว์ประหลาดผมเงินต่อไป ส่วนตัวเองก็คอยรับมือกับกริดจนกระทั่งฮารังตามมาสมทบ


แต่ไม่ใช่กับหนนี้ มันไม่คิดประมาทอีกฝ่าย


การัมเลือกทำงานยากอย่างการเผชิญหน้าบราฮัมด้วยตัวเอง เพราะหากต้องเสียคูลูหรือนาอึนไปก่อน สถานการณ์ฝังยังบันจะเลวร้ายลงทันที ต่อให้ฮารังมาสมทบในภายหลังก็ตาม


“…เข้าใจแล้ว”


“…ตกลง”


คูลูและนาอึนตอบอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะเดิมที พวกมันคิดว่าการัมจะสั่งให้ทั้งสามคนรุมโจมตีชายผมเงินพร้อมกัน ชายผมเงินเป็นสัตว์ประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยปริศนา แตกต่างจากชายผมดำสภาพปางตายโดยชิ้นเชิง อย่างน้อยในสายตาพวกมันซึ่งเพิ่งมาถึงก็รู้สึกเช่นนั้น


‘…กริดเองสินะ ผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดงและเป็นประเด็นสนทนาในหมู่พวกเราเมื่อคราวก่อน ได้พบตัวจริงสักที’


‘การัมอยากฆ่ามันมานานแล้ว ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็หมายความว่า เจ้านี่คงไม่ธรรมดา’


คูลูกับนาอึนเพิ่งมาถึงสนามรบได้ไม่นาน แต่ก็ทันเห็นการัมหมดสภาพหลังจากดวลกับกริดโดยยังไม่มีชายผมขาวโผล่ออกมาช่วย


กริดเป็นแค่มนุษย์ ไม่ว่าอาณาจักรโชจะเตรียมกับดักไว้รับมือการคืนชีพของเทพฟินิกซ์แดงได้ดีสักเพียงใด ไม่ว่าการัมจะถูกคำสาปฟินิกซ์แดงปั่นป่วนลมหายใจมากแค่ไหน แต่ถ้าทำให้การัมตกอยู่ในสภาพดังกล่าวได้ หมายความว่าฝีมือย่อมไม่ธรรมดา


แต่นั่นคือในกรณีกริดมีสภาพสมบูรณ์!


ชิ้ง—!


ทัั้งนาอึนกับคูลูต่างก็ชักกระบี่อ่อนลักษณะคล้ายเข็มขัดออกจากเอวพร้อมกับตั้งท่าสุดน่าเกรงขามโดยไม่เสียสมดุล แม้ว่าร่างกายจะขาดอวัยวะไปบางส่วนก็ตาม


คูลูเสียแขนขวาตั้งแต่หัวไหล่ ส่วนนาอึนต้องตัดข้อเท้าซ้ายของตนทิ้ง


“รีบฆ่าเจ้านี่ให้เสร็จก่อนฮารังมาถึงดีกว่า”


“จงกลับไปแบบไม่มีชีวิตก็แล้วกัน ผู้สร้างคันศรฟินิกซ์แดงเอ๋ย!”


หมับ!


ทั้งสองปรี่เข้าหากริดโดยไม่รีรอ คูลูโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ส่วนนาอึนผู้ปราศจากฝ่าเท้าหนึ่งข้างได้เลือกจะขี่หลังคูลูเพื่อไม่ให้ตนสูญเสียความเร็ว


ชิ้ง—


สุดยอดเพลงดาบซึ่งว่องไวจนสายตาของมนุษย์มิอาจมองตามทัน หรือจะให้มนุษย์ฝึกอีกสักพันปีก็ไม่มีวันได้ครอบครองสิ่งนี้ เมื่อเห็นช่องว่างบนตัวกริด กระบี่อ่อนในมือคูลูพลันแหวกอากาศพุ่งเสียบใส่หัวใจชายหนุ่ม


ฟ้าววว!


ทันใดนั้น ก้อนกรวดและหินใต้ฝ่าเท้ากริดพลันปลิวกระจัดกระจายอย่างไร้ทิศทาง


ฉึก—!


หัวใจกริดถูกเสียบทะลวงเนื่องจากทัศนวิสัยถูกบดบังด้วยเศษหินจำนวนมาก ไม่ใช่แค่นั้น ชายหนุ่มยังหมดสภาพหลังจากผ่านการต่อสู้กับการัมมาอย่างหนักหน่วง ถึงจะไม่มีก้อนหินก็ไม่แน่ว่าจะหลบพ้น


“ย่าห์!”


อาศัยช่องว่างซึ่งคูลูสร้างไว้ นาอึนเล็งแทงกระบี่อ่อนซ้ำเข้าไปโดยไม่ลังเล ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า พวกทำการโจมตีประสานสอดคล้องได้อย่างสมบูรณ์


ไม่มีใครในสองคนเคลือบแคลงว่าการโจมตีนี้จะทำให้ทุกสิ่งจบลง


แต่กลับกลายเป็น คูลูส่งเสียงร้องทุรนทุรายจนสีหน้าของนาอึนพลันเปลี่ยนสี


“อ๊ากกกกก!”


“…!?”


ขณะปลายกระบี่อ่อนของนาอึนกำลังพุ่งใส่ศีรษะกริดในระยะประชิด เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากคูลูพลันทำให้นาอึนออกอาการผงะ กว่าจะรู้ตัวอีกที กริดก็หายไปจากการมองเห็นเสียแล้ว


‘ชุนโป?’


ทันใดนั้น นาอึนพลันเย็นสันหลังวาบเมื่อหันไปมองตามต้นเสียงร้องของคูลู


กริดกำลังกระหน่ำโจมตีใส่คูลูโดยใช้มือข้างหนึ่งจับคมดาบศัตรูไว้แน่น และด้วยความกลัวว่าคูลูจะดึงดาบกลับ กริดยิ่งวิ่งเข้าหาเพื่อให้กระบี่อ่อนแทงลึกลงไปในบาดแผล


“ย๊ากกกกก!!”


เมื่อเห็นคูลูพยายามถอยหนีด้วยการก้าว กริดย่นระยะด้วยทักษะประกายอัสนีจากรองเท้ามังกรคราม ขณะเดียวกันก็สร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้อีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ฉากการต่อสู้ตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าซึ่งถูกต้อนจนตรอก


“เลิกสามหาวได้แล้ว!”


นาอึนรีบใช้พลังเสือขาวห้ามเลือดบริเวณข้อเท้าซ้าย ใช้พลังมังกรครามเพิ่มความเร็ว และใช้พลังเต่าดำเสริมแกร่งการโจมตี


มันกระโจนเข้าหากริดโดยใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งแอบล้วงดาบสั้นออกมาจากแผ่นหลัง


ฉึก!


คมดาบสั้นทะลวงเข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านข้อต่อลักษณะคล้ายเกล็ดมังกรบนชุดเกราะตัวหนาของกริด บุกทะลวงเข้าไปสร้างความเสียหายรุนแรงให้แก่กระดูกและอวัยวะภายใน


ถึงจะไม่ตายในทันที แต่ผลข้างเคียงต้องมหาศาลเหนือคำบรรยายแน่นอน!


ทว่า


“ย๊ากกกก!!”


กริดยังคงไม่หยุดการกระทำ ออกจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ชายหนุ่มยิ่งโหมโจมตีด้วยการสั่งให้ฝ่ามือสีทองเข้มจำนวนสี่ข้าง กระหน่ำแทงใส่คูลูด้วยอาวุธหลากหลายชนิด


คูลูไม่คิดเสี่ยง มันรีบปล่อยมือจากกระบี่อ่อนและเตรียมถอยหลังไปตั้งหลัก


“ร่ายรำ!”


“เมี๊ยว!”


การหลบหนีเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากถูกหนึ่งแมวและอีกหนึ่งคนหน้าคล้ายกริดกีดขวางเส้นทางหลบหนี


“น…นาอึน!”


“…!”


นาอึน ผู้เหม่อลอยไปชั่วขณะหลังจากแทงดาบสั้นใส่กริดเข้าอย่างจังแต่ไม่เกิดผล พลันได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากพวกพ้อง


หลังจากคูลูประสานสายตาอ้อนวอนให้พวกพ้องช่วยเหลือ นาอึนตระหนักได้ทันทีว่าสถานการณ์ปัจจุบันเข้าขั้นวิกฤติแล้ว


“ไสหัวไปซะ!”


นาอึนเริ่มเอาจริงขึ้นมาอีกระดับ มันเสกสายลมพัดใส่กริดพร้อมกับโยนยันต์ระเบิดหลายสิบหลายร้อยใบ


แต่ยัน์ระเบิดทั้งหมดกลับ


ฉึบ. ฉึบ. ฉึบ. ฉึบ. ฉึบ…


พวกมันถูกใบมีดล่องหนตัดชนวนจนขาดและไม่สำแดงประสิทธิภาพ


‘อะไรกัน!?’


เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนของคูลูยิ่งทำให้นาอึนไม่สามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าได้เลย


พร้อมกันนั้น อาวุธในมือกริดยังคงเสียดแทงหัวใจคูลูโดยปราศจากความปรานี


‘มันทำแบบนั้นได้ยังไง!’


กายาแห่งเทพทนทานมาตั้งแต่เกิด แข็งแกร่งยิ่งกว่าภูผา แล้วเหตุใดศาสตราของมนุษย์แสนต่ำต้อยถึงได้…?


นาอึนไม่อยากจะเชื่อว่า ตนกำลังได้เห็นคูลูพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากกริดอย่างน่าสมเพชเวทนา


พร้อมกันนั้น


ตุ้บ!


ร่างของคูลูซึ่งถูกดาบอัสนีฯ แทงทะลวงอย่างอำมหิต ล้มหงายหลังกระแทกพื้นราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาชำรุดตัวหนึ่ง


ตาดำขาดประกายแวววาว ใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง


“เจ้านั่นตายแล้ว…?”


ด้วยฝีมือมนุษย์เนี่ยนะ?


ทันใดนั้น สองฝ่ามือของนาอึนผู้มีหัวใจเด็ดเดี่ยวถึงขั้นกล้าตัดข้อเท้าตัวเองโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ยามนี้กลับกำลังสั่นเทาอย่างห้ามไม่อยู่


หวาดกลัว


ความรู้สึกหวาดกลัวหนแรกและหนสุดท้ายในชีวิตนาอึน คือเมื่อครั้งได้เฝ้ามองห้าอาวุโสใช้พลังทั้งหมดเพื่อผนึกเหล่าสัตว์เทพ


มันยืนห่างจากกริดเพียงหนึ่งก้าว มองเห็นชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังหอบและพ่นลมหายใจออกมาเป็นฝอยโลหิต แต่กลับไม่กล้าลงมือกระทำสิ่งใดมากกว่านี้ นาอึนตัดสินใจหันไปตรวจสอบสถานการณ์ทางฝั่งการัมบ้าง


การัมซึ่งกำลังโบยบินไปบนท้องฟ้าสีเหลืองนวล วัดพลังอย่างดุเดือดด้วยการสลับรับรุกกับชายผมขาวได้อย่างสูสี ทั้งคู่กำลังเพ่งสมาธิในระดับเหนือมนุษย์ จนไม่มีใครสังเกตเห็นว่าคูลูได้เสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว


ถัดมา นาอึนหันไปมองทางกำแพงชั้นนอกของเมืองคาราสึ เฉกเช่นการัม ฮารังผ่านการทดสอบซือโหยวด้วยคะแนนเป็นเลิศ แต่กลับไม่มีปัญญาตีฝ่าคนธรรมดาหลักสิบเข้ามาในเมืองได้


มนุษย์สิบว่าคนล้วนมีทักษะไม่ซ้ำกัน แถมยังสอดประสานได้อย่างสมบูรณ์แบบจนแทบไม่เปิดช่องว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคใหญ่หลวงอย่างคันศรฟินิกซ์แดง


หรืออาวุธชิ้นนี้จะได้พรจากฟินิกซ์แดง?


คล้ายกับเสาเพลิงภายในวังหลวงตอบสนองกับคันศร ทุกครั้งเมื่อหญิงสาวง้างสายไปด้านหลังจนตึง เปลวไฟรอบคันธนูจะลุกโชนโชติช่วงอย่างมีชีวิตชีวา


ฟุ่บ!


บึ้มมมมมมมม!!


แต่ละนัดเปรียบดังอุกกาบาต ไม่ว่าจะเป็นแง่ของพลังทำลายหรือระยะส่งผล


‘นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น…’


สิ้นหวังแล้ว


ถูกต้อง นาอึนกำลังพูดถึงความหวัง


แน่นอน ยังบันอย่างพวกมันไม่เคยรู้จักความหวังเลยสักครั้งในชีวิต เพราะทุกสิ่งมีแค่สองตัวเลือก คือมีสิทธิ์ครอบครองและไม่มีสิทธิ์ นาอึนไม่อยากจะเชื่อว่าตนต้องยืมคำหยิบพูดเหล่านั้นมาใช้เสียเอง


ทันใดนั้น สิ่งหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัวนาอึน


มันเกิดความอับอายสุดขีด ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ


‘ไอ้สารเลวการัม! มันเจาะจงเลือกสู้กับคนอ่อนแอกว่า!’


ไม่ผิดแน่ กริดแข็งแกร่งกว่าชายผมขาว บุรุษผู้มิใช่สามัญชน แต่เป็นกลุ่มเหนือมนุษย์


เมื่อยืนยันสถานการณ์ นาอึนรีบถ่ายพลังเข้าไปในลมหายใจมังกรครามเพื่อเตรียมตัวหลบหนีไปให้ไกล


‘ถ้ารีบกลับไปแจ้งข่าวให้อาณาจักรฮวานทราบตั้งแต่ตอนนี้…’


ขณะนาอึนกำลังเหม่อกึ่งครุ่นคิด


“สร้าง…”


เพื่อจะดับลมหายใจคูลูให้จงได้ กริดทุ่มใช้ทุกสิ่งทุกอย่างของตนไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะประกันชีวิตอมตะหรือทักษะสุดทรงพลัง


ภาพหน้าจอชายหนุ่มกำลังเป็นสีแดงฉาน มุมสายตามีข้อความระบบเขียนว่า


[บัฟอมตะหมดลงแล้ว สมญานาม <ตัวเอกสองยุค> แสดงผล พลังชีวิตและมานาในปัจจุบันของท่านเพิ่มขึ้น 20% จากค่าพลังชีวิตสูงสุด]


“…ทักษะ”


ในมุมมองกริด สถานการณ์ของตนกำลังแย่


แม้จะมีหัวใจลำดับเก้าของเทพฟินิกซ์แดงมาช่วยฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงตามธรรมชาติ แต่ทักษะทั้งหมดในตัวกริดได้ถูกกระหน่ำใช้ไปอย่างส่งเดชจนหมดตัว


ชายหนุ่มต้องการเพิ่มอีกแค่ทักษะเดียว


แม้ว่าอาจเป็นการโจมตีหนสุดท้ายและตนต้องล้มฟุบลงไปเลยก็ตาม


[ท่านใช้งานทักษะ ‘สร้างทักษะ’ กรุณายืนยัน]


ขณะกริดเตรียมกดนิ้วลงบนปุ่ม ‘ยืนยัน’


“อัญเชิญขุมนรก”


ครืนนนนนนน!!


ห้วงมิติรอบตัวกริดพลันถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ แสงอาทิตย์สีเหลืองนวลเริ่มกลายเป็นบรรยากาศมืดสนิท


สายตานับหมื่นคู่บนดวงจันทร์รูปทรงสุดพิสดารพลันหันมาจ้องกริดและผู้มาเยือนอย่างเป็นกันเอง


ฉัวะ!


ฉึก!


ขุมนรก ดินแดนต้องสาปซึ่งไม่ต้อนรับการมีตัวตนของเหล่าเทพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ร่างกายของนาอึนอ่อนแอลงอย่างกะทันหันมากเพียงใด คลื่นดาบสีเขียวมรกตฉีกทำลายร่างกายอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย


ท่ามกลางความมืดมิด โลหิตสาดกระเด็นเป็นฝอยไปรอบบริเวณ ช่างงดงามราวกับดอกกุหลาบแดงฉานผลิบานภายในดินแดนอสูร


“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”


การได้เจอใครสักคน มันทำให้เรารู้สึกได้ขนาดนี้เลยหรือ…?


รอยยิ้มแสนสดใสของยูร่า ช่วยเปลี่ยนให้จิตใจอันห่อเหี่ยวของกริดกลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,568
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ทักษะ "สร้างทักษะ" กริดได้มาจากไหนครับลืมไปแล้ว

    ReplyDelete
    Replies
    1. ได้มาหลังจากการพัฒนาคลาส(วิชาดาบแพ็กม่า+เวทบราฮัม=วิชาดาบกริด)ครับ ถ้าจำไม่ผิดตอนสู้กับจอมอสูรที่เป็นบทกวีมหากาพย์ครั้งแรก

      Delete
  2. ขอบคุณ​ครับ​😊🙏

    ReplyDelete
  3. ด่าแบบผู้ดียังไง ให้ไม่มีคำหยาบ แต่เจ็บลึก ให้ดูบราฮัมเป็นตัวอย่าง เครื่องด่าแบบฮิวรอยเทียบไม่ติดเลย 555555

    ReplyDelete
  4. บราฮัมปากโครตแซ่บอะ555555555

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00