จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,172



“กุญแจสำคัญในการคืนชีพเทพแท้จริง…”


สำหรับอาณาจักรโช ลมหายใจฟินิกซ์แดงถือเป็นวัตถุล้ำค่าภายในคลังสมบัติหลวง


ขณะมือข้างหนึ่งถือวัตถุทรงกลมซึ่งกำลังแผ่เปลวเพลิงไม่มีวันดับมอด สีหน้าแววตากษัตริย์โชเริ่มอึมครึมโดยไม่ปิดบัง


“พวกเราถูกสอนมาว่า ลมหายใจสัตว์เทพคือพรจากสี่สัตว์เทพ เนื่องในวาระการขึ้นสู่สวรรค์ของเซียนบางคน… แต่เราทราบดีว่าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น”


กษัตริย์โชเคยพบเซียนคนหนึ่ง


ในเวลานั้น เซียนมิได้ยำเกรงยังบัน แต่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของห้าอาวุโสอย่างเคร่งครัด


ในเมื่อเซียนเป็นบริการของห้าอาวุโส ดังนั้น สัตว์เทพย่อมไม่มีทางอวยพรให้ลูกน้องห้าอาวุโสแน่นอน


“ลมหายใจในมือเราอาจดูเหมือนกับสามเม็ดในแพงเจีย แต่ความจริงแล้วแตกต่าง”


“เหมือนกัน… แต่แตกต่าง?”


“ลมหายใจในแพงเจียมีไว้สำหรับควบคุมคันศรฟินิกซ์แดง แต่เม็ดในมือเราคือสมบัติแห่งชาติ มีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งอาณาจักร หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้คอยปกป้องคุ้มครองอาณาจักรมาตลอด”


“…สมัยเริ่มก่อตั้งอาณาจักร?”


“เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีคันศรฟินิกซ์แดงด้วยซ้ำ”


“สมัยฟินิกซ์แดงยังเป็นเทพ? เขามอบลมหายใจตัวเองให้บรรพบุรุษโดยตรงเลยหรือ?”


“ถูกต้อง… เราเพิ่งมั่นใจหลังจากได้ฟังความจริงจากปากท่าน”


พงศาวดารกล่าวไว้ว่า เพลิงศักดิ์สิทธิ์ของฟินิกซ์แดงส่งผลให้ดินแดนอุดมสมบูรณ์


ขณะเดียวกัน ฟินิกซ์แดงได้ทำการแบ่งปันลมหายใจให้มนุษย์มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล


เขามอบความรักให้ดินแดนและประชาชนมากมายขนาดไหนกัน?


‘และคงเจ็บปวดมากเมื่อทราบว่า ตนถูกประชาชนเหล่านั้นทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี’


ขณะถือลมหายใจฟินิกซ์แดงในมือข้างหนึ่ง กษัตริย์โชแสดงสีหน้าหนักใจเป็นล้นพ้น


ลมหายใจฟินิกซ์แดงสามารถผนึกพลังของฟินิกซ์แดงได้ฉันใด ก็สามารถปลดปล่อยให้เป็นอิสระได้ฉันนั้น


“ได้โปรด… รบกวนช่วยคืนชีพท่านเทพฟินิกซ์แดงด้วย”


“…”


กริดก้มมองลมหายใจสัตว์เทพในมือกษัตริย์โชอย่างเงียบงัน


วัตถุคล้ายไข่มุกเม็ดนี้มิได้พิเศษไปกว่าลมหายใจฟินิกซ์แดงอื่นแต่อย่างใด กริดเคยสัมผัสด้วยมือมาแล้วหลายหน มันย่อมจำแนกได้


อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มีคุณค่าทางใจต่อประชาชนและราชวงศ์อาณาจักรโชอย่างมหาศาล


ใครหลายคนเชื่อว่า อาณาจักรโชมีอายุยืนยาวจนถึงปัจจุบันก็เพราะลมหายใจฟินิกซ์แดงเม็ดนี้


ดังนั้น


“ฉันจะดูแลแกอย่างดี…”


กริดสาบาน


“หือ…”


กษัตริย์โชพลันประหลาดใจ


มันอ่านความจริงใจและซื่อตรงจากประกายแววตาของกริดได้


“ซอกบงเอ๋ย… เจ้าของคนไม่ผิด ชาวเมืองแพงเจียจะต้องมีความสุขมากแน่”


“เรื่องนั้น… ไม่ขอรับปากก็แล้วกัน”


กษัตริย์จากสองทวีปกำลังส่งรอยยิ้มให้กันอย่างชื่นมื่น


แต่ในความเป็นจริง ภาพดังกล่าวเกือบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น


หากไม่เพราะกริดแทรกแซง ป่านนี้จักรวรรดิซาฮารันคงข้ามทะเลแดงและยกพลขึ้นบกเพื่อทำสงครามกับอาณาจักรโชไปนานแล้ว


***


[อาณาจักรเก๊าส์ ดินแดนซึ่งถูกกล่าวขานว่ามีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ถึงคราวล่มสลาย!]


[อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือผู้ปกครองคนใหม่ของดินแดนเก๊าส์อย่างชอบธรรม]


ข้อความโลกปรากฏสู่สายตาทุกคน


กองทัพโอเวอร์เกียร์ซึ่งนำโดยปิอาโร่ ลอเอล และออร์คของเทรูชาน ประสบความสำเร็จในการยึดครองอาณาจักรเก๊าส์อย่างราบรื่น


ผู้คนต่างพากันประหลาดใจ


= ยังไม่ถึงสองสัปดาห์เลยไม่ใช่หรือ แถมไม่มีกริดด้วยซ้ำ!


= แล้วทำไมกริดถึงไม่อยู่


= คงปล่อยให้ลอเอลจัดการสงครามไป ส่วนตัวเองไปแอบซุ่มเขียนบทกวีคนเดียว


= ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ๋ง…!


= สำหรับปัจจุบัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งกว่าจักรวรรดิหรือยัง


= ไม่มีทาง ถึงจะนับดินแดนของเก๊าส์เข้าไปด้วย แต่อาณาเขตก็ยังน้อยกว่าจักรวรรดิราวสิบเท่า


= มีดินแดนกับประชากรมากมายไปเพื่อสิ่งใด ในเมื่อบุคคลพรสวรรค์สำคัญกว่าหลายเท่า โอเวอร์เกียร์ชนะขาดในจุดนี้


= ไม่มีทาง~ คิดผิดคิดใหม่ได้ จักรวรรดิเต็มไปด้วยบุคคลพรสวรรค์


= แต่จักรวรรดิยังไม่มีตำนานสักคน…


= ㅋㅋㅋ และโอเวอร์เกียร์มีถึงสี่ตำนาน!


= กริด ยูร่า ปิอาโร่ เมอร์เซเดส?


= ปัจจุบัน โอเวอร์เกียร์มีตำนานเพียงสาม


= เพราะอะไร? ไม่นับยูร่าหรือ


= ผิดแล้ว เพราะกริดกลายเป็นเทวตำนานแล้วต่างหาก ตำนานธรรมดาจึงเหลือเพียงสาม


การยึดครองดินแดนในคราวนี้ได้สร้างหัวข้อสนทนาใหม่ๆ ไปทั่วโลก


ย้อนกลับไปในอดีต หลังจากกิลด์โอเวอร์ทำการล้ม “เจ็ดกิลด์ใหญ่” ในสงครามเรย์ดัน และกลายเป็นกิลด์อันดับหนึ่งของโลกเต็มตัว หลายฝ่ายต่างเป็นกังวลว่า การปล่อยให้กิลด์หนึ่งกิลด์มีอำนาจมากเกินไปจะใช่เรื่องดีแน่หรือ


หากวันใดโอเวอร์เกียร์เกิดคลั่งขึ้นมา ทั่วโลกอาจได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง


แต่ปัจจุบัน ไม่มีใครคิดแบบนั้นอีกแล้ว


ไม่มีใครกังวลว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์จะกระทำสิ่งชั่วร้ายต่อสังคมภาพรวม


ผ่านมานานหลายปี โอเวอร์เกียร์ไม่เคยก่อเรื่องอื้อฉาว พวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่า องค์กรของตนบริหารโดยตั้งอยู่บนจริยธรรมพื้นฐาน


พวกมันเคยไม่ทำสงครามส่งเดช


และแม้จะมีอำนาจล้นพ้นในมือ แต่ก็มิได้กดขี่ข่มเหงคนอ่อนแอกว่าเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ในลักษณะน่ารังเกียจ


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า กิลด์โอเวอร์เกียร์กลายเป็น ‘องค์กรต้นแบบ’ ของยุคสมัยใหม่


ในยุคสตีมเมอร์เฟื่องฟูเช่นนี้ สตีมเมอร์ชื่อดังหลายคนกลับเลือกเส้นทางผิดมโนธรรม อาศัยจำนวนแฟนคลับและอำนาจเงิน คอยกลั่นแกล้งและทำนายสตีมเมอร์ชื่อเสียงด้อยกว่าด้วยทุกวิถีทาง เพื่อหวังกำจัดคู่แข่งในอนาคต


กระแสสังคมถือเป็นสิ่งสำคัญ


= ในเมื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยึดครองดินแดนเพิ่มเติมสำเร็จ หมายความว่าค่า ‘จำนวนประชากรสูงสุด’ ก็ต้องเพิ่มด้วยเช่นกัน ถือเป็นโอกาสอันดีให้ผู้เล่นย้ายสัญชาติ!


= ฉันขอตัวไปนอนก่อนก็แล้วกัน ยังถูกจำกัดการออนไลน์อีกสามชั่วโมง ตื่นมาคงทันพอดี


= สามชั่วโมงเองหรือ พยายามสวดมนต์ให้มากเข้าไว้ เพราะมีคนไม่น้อยต้องการย้ายมาสังกัดโอเวอร์เกียร์


= ตำแหน่งว่างถึงสิบล้านคน จะไปเต็มได้ยังไง?


***


ประชากรโอเวอร์เกียร์เต็มภายใน 2 ชั่วโมง


= ㅠㅠㅠ (อีโมติค่อนร้องไห้)


= ไม่ต้องเสียใจไป ลอเอลจะคัดกรองคนเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่งผลให้ประชากรบางคนเสียสิทธิ์และมีตำแหน่งว่างมาถึงพวกเรา


= ลอเอลจะคัดกรองคนจากอะไร?


= ประวัติอาชญากรรมในเกม


= เยส! ก็อดลอเอล!


= ก็อดบ้านเอ็งสิ!! บางคนอาจเคยก่ออาชญากรรมโดยไม่ตั้งใจก็ได้! สารเลว! ไอ้ขยะลอเอล!


= หมอนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ไม่ใช่กริดสักหน่อย! คิดว่าเป็นกษัตริย์อยู่หรือไง หัวค*ย!


= อา… เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกนายถึงกลายเป็นอาชญากร


เพียงพริบตา จำนวนประชากรโอเวอร์เกียร์เพิ่มขึ้นราวสองเท่า


ข่าวดีถูกส่งไปถึงหูจักรวรรดิซาฮารันภายในเวลาไม่นาน


“อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ทำได้ดีมาก เราถึงกับนอนไม่หลับมาหลายวัน ค่อยโล่งใจหน่อย”


จักรพรรดินีบาซาร่าฉีกยิ้มกว้าง


สามดยุคต่างผ่อนคลายเมื่อเห็นผู้นำของตนมีความสุขได้อีกครั้ง เพราะหลังจากได้ครองบัลลังก์ เธอก็เอาแต่ทรงงานอย่างหนักมาตลอด


เกล็นฮาล ราชันอมตะ ยิ้มรับ


“ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด คือผู้กำราบทั้งสาวกเทพสงครามและจอมอสูร ยังต้องมีอะไรให้ฝ่าบาทเป็นกังวลอีกหรือ การบุกโจมตีของโอเวอร์เกียร์ในคราวนี้ ผลลัพธ์แทบไม่ต้องคาดเดา ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”


อริยหอก เรเชล ขมวดคิ้ว


“กริดมิได้เข้าร่วมสงครามแม้แต่น้อย ไม่ทราบว่าท่านดยุคเกล็นฮาลได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองบ้างหรือไม่ หรือช่วงนี้เอาแต่เกียจคร้านสันหลังยาวไปวันๆ?


“ระวังคำพูดหน่อย ท่านไม่รู้หรือว่าดยุคเกล็นฮาลต้องคอยจับตามององค์ชายดูรันดัลโดยไม่ให้คลาดสายตา”


ราชันสัตว์ป่า มอริส ตอบอย่างเย็นชา


แต่เรเชลยังคงแสดงพฤติกรรมแข็งกร้าว


“แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เขากระฉับกระเฉงน้อยกว่าปีก่อนมาก… เรื่องนั้นช่างมันก่อน สำหรับปัจจุบัน ดิฉันเข้าใจว่าการเป็นพันธมิตรกับโอเวอร์เกียร์ไม่ใช่เรื่องเสียดาย แต่พวกเราควรระวังตัวไว้สักหน่อย กษัตริย์เนเมซิสได้ก่อเรื่องน่าหนักใจไว้มากทีเดียว หากเราเดินหมากพลาดเพียงเล็กน้อย จักรวรรดิอาจถึงคราวลำบาก”


เมื่อกษัตริย์เนเมซิสทำนายล่วงหน้าว่าจะเกิดสงครามกับโอเวอร์เกียร์ มันฉวยโอกาสเขียนจดหมายเปิดผนึกถึงจักรวรรดิซาฮารัน


ใจความระบุว่า ให้จักรพรรดินีบาซาร่า ผู้สาบานว่าจะทำให้ยุคสมัยปัจจุบันกลายเป็นยุคสมัยแห่งสันติภาพ ช่วยห้ามศึกระหว่างโอเวอร์เกียร์และเก๊าส์เพื่อดำรงคติพจน์ดังกล่าวเอาไว้


ถ้าจักรวรรดิไม่ยอมห้ามปรามโอเวอร์เกียร์ ก็จะเท่ากับเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองคำโต


และนี่เป็นการเปิดช่องว่างให้หลายอาณาจักรมุ่งประเด็นโจมตีเรื่อง จักรวรรดิคอยหนุนหลังโอเวอร์เกียร์อย่างออกนอกหน้าจนไม่ยอมปฏิบัติตัวตามครรลอง


จดหมายเพียงฉบับเดียวของเนเมซิสได้ส่งผลเสียหายใหญ่หลวง


ไม่ว่าจะมองมุมใด เนเมซิสเตรียมสร้างความเสื่อมเสียให้จักรวรรดิอย่างรุนแรงหากอีกฝ่ายไม่คิดช่วยห้ามศึก


ถ้าบาซาร่าเดินหมากผิดพลาดเพียงก้าวเดียว ฝ่ายกบฏในจักรวรรดิก็จะฉวยโอกาสและความชอบทำเพื่อเคลื่อนทัพทันที


“จริงอยู่ เนเมซิสอาจเป็นอัจฉริยะชนิดหาตัวจับยาก แต่การปล่อยให้บุคคลเพียงผู้เดียวสร้างความเสียหายต่อจักรวรรดิได้… บางที จักรวรรดิในปัจจุบันอาจเปราะบางมากกว่ายุคสมัยใดทั้งหมดในอดีต…”


ขณะกำลังกล่าว เรเชลพลันชะงัก


เนื่องจากเธอเหลือบเห็นมอริสและเกล็นฮาลกำลังจ้องตนด้วยใบหน้าไม่พึงพอใจ


คล้ายกับกำลังสื่อเป็นนัยว่า :


เรื่องแค่นี้ถึงกับโยงไปเป็นความเปราะบางของจักรวรรดิเชียวหรือ คิดจะทำให้ฝ่าบาททรงงานจนตายเลยหรือไง


ขณะเรเชลเตรียมโต้เถียงกลับ


“ดยุคเรเชล ลองคิดตามเราให้ดี”


บาซาร่าตัดสินใจราดน้ำเย็นลงบนตัวอีกฝ่าย


“จักรวรรดิเคยเกือบถูกทำลายด้วยฝีมือคนคนเดียวมาแล้ว ในคราวนั้น พวกเราต้องเสียปิอาโร่ไปพร้อมกับอัศวินสีชาดผู้จงรักภักดีมากมาย แต่ในทางกลับกัน จักรวรรดิก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างใหญ่หลวงจากฝีมือบุรุษเพียงหนึ่งคนเช่นกันไม่ใช่หรือ? จักรวรรดิไม่เคยสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะอดีตกาลหรือทุกวันนี้ มีเรื่องน่ายินดีมากมาย พอกันกับเรื่องน่าเศร้า”


“…”


เรเชลหุบปากด้วยใบหน้าแดงก่ำ


เป็นดังคำบาซาร่า เมื่อลองพิจารณาย้อนกลับอย่างถี่ถ้วน จักรวรรดิไม่เคยสมบูรณ์แบบ


แต่เรากลับทำตัวโอหังประหนึ่งจักรวรรดิไม่เคยมีข้อบกพร่อง…


เมื่อเห็นเรเชลก้มหน้าสำนึกผิด บาซาร่าฉีกยิ้มอ่อนโยน


“คำกล่าวของดยุคเรเชลไม่มีส่วนใดผิด พวกเราต้องช่วยกันทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาจักรวรรดิให้ดียิ่งขึ้น และก้าวไปยังจุดสมบูรณ์แบบในอุดมคติโดยเร็ว”


จักรวรรดิจะต้องมีรากฐานมั่นคง


จะต้องปกครองทวีปอย่างสันติสุขและเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรือง


ขณะบาซาร่ากำลังยืนยันเจตนารมณ์


ครืนนนนนนนนนนนน!!


“…!?”


แผ่นดินไหวขนาดใหญ่?


ท้องพระโรงสั่นสะเทือนจนโคมเทียนระย้าด้านบนโยกคลอน


“เกิดอะไรขึ้น…!”


เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติภายในวังหลวงได้อย่างไร? เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่จักรวรรดิถูกก่อตั้ง


ลางร้าย!


ขณะสามดยุคและบาซาร่ากำลังทำสีหน้าเคร่งเครียด


“ห…หอแห่งนิรันดร์ขอรับ!”


อัศวินนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานในท้องพระโรงด้วยใบหน้าขาวซีด


“มีอุกกาบาตลูกใหญ่มากพุ่งใส่หอแห่งนิรันดรขอรับ!!”


“…!?”


***


“ท…ทำไมถึงทำแบบนี้…”


ราชาจอมเวท โกลด์ฮิต


ในสงครามระหว่างเก๊าส์กับโอเวอร์เกียร์ มันต้องตกอยู่ในสภาพปางตายเมื่อแอบมาพบบราฮัมตามลำพัง


ไม่มีสิ ความจริงก็คือ มันตายไปแล้ว


เหลือเพียงศีรษะและสตินึกคิดเลือนราง


“บราฮัม… ทำไมต้องเป็นข้า!”


ผู้อยู่เหนือความตาย


ขณะกำลังจะถูกเปลี่ยนให้เป็นลิช โกลฮิตตะโกนร้องขอชีวิตอย่างน่าสมเพช มันพยายามเล่าถึงความยากลำบากในการทดลองเด็ก, ฆ่าคนมากมาย จนกระทั่งตามหาร่างเด็กเพื่อสิงสำเร็จ


แต่บราฮัมกลับมิได้แยแส เพียงใช้มือบีบศีรษะของอีกฝ่ายแน่นถนัด


ชายเสียสติ ผู้เสกเวทมนตร์ในตำนานอย่างอุกกาบาตลงมาทำลายหอแห่งนิรันดรซึ่งเก็บรวบรวมความรู้มานานกว่าร้อยปี ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา


“เล่าเรื่องไร้สาระให้ข้าฟังทำไม”


“จะให้ข้าพูดอีกกี่รอบกัน! ข้าคือศิษย์ลิลิธ และนางเป็นศิษย์ของท่าน ข้าจึงเป็นศิษย์ของศิษย์ท่านด้วย!”


หลักฐานพิสูจน์มีมากมาย


แต่บราฮัมกลับเลือกสังหารตนและคิดทำให้เป็นอันเดดเนี่ยนะ?


แถมยังทำลายหอแห่งนิรันดร์ทิ้ง?


เหลวไหลสิ้นดี!


เราไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ในปัจจุบันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไมถึงต้องพบเจออะไรเช่นนี้


ขณะสติโกลด์ฮิตกำลังเลือนรางเต็มที บราฮัมทะลวงปลายนิ้วเข้าไปในขมับ


เมื่อเห็นโกลด์ฮิตได้สติอีกครั้ง บราฮัมกล่าวด้วยน้ำเสียงแสนเยือกเย็น


“ไม่ว่าใครก็ตาม หากกล้าเรียกตัวเองว่าราชาจอมเวทต่อหน้าข้า มันผู้นั้นต้องได้รับโทษตายสถานเดียว เหนือสิ่งอื่นใด เจ้าควรยินดี มิใช่โอดครวญ เจ้าปรารถนาการเป็นอมตะไม่ใช่หรือ”


“แกมันบ้า! อึก! อึก! อุก!”


“หึ”


บราฮัมพ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางบรรจุพลังมานาจำนวนมากเข้าไปทางปากโกลด์ฮิต


ขณะเดียวกัน มันสัมผัสเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลได้จากด้านล่าง


“คุกนรก.. เส้นทางเชื่อมระหว่างสองทวีป”


แต่ไหนแต่ไร ชีวิตบราฮัมมักขับเคลื่อนด้วยความใฝ่รู้อยู่เสมอ คราวนี้ก็เช่นกัน


…ความฉิบหายคืบคลานเข้าใกล้เต็มที


ร่างบราฮัมเลือนหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงประกายแสง และแน่นอน ร่างโกลด์ฮิตก็ด้วย


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,561
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. สนุกมากครับ

    ReplyDelete
  2. ขอบพระคุณ​เป็น​อย่างสูง
    😊🙏

    ReplyDelete
  3. เอ้า ค้างไปอีกก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00