จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 869
“กัดกร่อนวิญญาณ!”
“เสียกเพรียกต้องสาป!”
“ธรณีแห่งเมลเพีย!”
“แรงปรารถนาต้องห้าม!”
สันตะปาปาดาเมี่ยนถูกต้อนรับอย่างหนักหน่วงจากกลุ่มจอมเวทมืด
มนตร์ดำนานาชนิดพุ่งกระจายโอบล้อมร่างกาย จิตใจ และดวงวิญญาณดาเมี่ยนไว้
แต่พวกมันทำได้เพียงเพ้อฝัน
[ สันตะปาปามิอาจถูกความมืดกัดกร่อน ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘ถูกกัดกร่อน’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘สับสน’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘หิวกระหาย’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘คลุ้มคลั่ง’ ]
สันตะปาปามีพลังต้านทานมนตร์ดำเกือบทุกชนิด
ในฐานะพาลาดิน ดาเมี่ยนมีค่าต้านทานเวทมืด 80% และต้านทาน CC มนตร์ดำ 100% ฉากตรงหน้าสร้างความประหลาดใจแก่จอมเวทมืดนับพันมาก
เวทมนตร์ของพวกมันไม่ส่งผลใดต่อดาเมี่ยนเลยหรือ?
สาวกยาธานต่างพากันทึ่งเมื่อตัวตนพวกมันกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ผลลัพธ์นี้สร้างปรากฏการณ์เชิงบวกแก่ฝ่ายรีเบคก้าอย่างมาก
[ การปรากฏตัวของสันตะปาปารีเบคก้าทำให้สาวกยาธานเสียขวัญ ]
[ ค่าต้านทานเวทมนตร์และพลังป้องกันของสาวกยาธานลดลง 60% ]
[ ข้ารับใช้ยาธานมีหน้าที่ขับเคลื่อนมวลชน ]
[ ข้ารับใช้ยาธานต้านทานอาการเสียขวัญ ]
“อะไรกัน…”
ดาเมี่ยนทำให้สาวกยาธานหลายพันคนอ่อนแอลงเพียงแค่ปรากฏตัว?
อัศวินจากอาณาจักรกำลังไล่สังหารจอมเวทมืดทีละคนสองคน ฉากตรงหน้าทำให้โรสถึงกับหมดคำพูด
‘พวกเขาต้องสู้ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาตลอด…’
ดาเมี่ยนยังคงถูกรุมโจมตีจากมนตร์ดำนานาชนิด เขาเริ่มตระหนักว่าสมากชิกโบถส์และอัศวินแต่ละอาณาจักต้องต่อสู้อย่างยากลำบากเพียงใดในช่วงที่ตนถูกขังอยู่ด้านใน
ทุกคนสู้โดยที่มีคำสาปจำนวนมากคอยกัดกร่อนร่างกาย จิตใจ และดวงวิญญาณ…
ขณะชื่นชมจิตใจที่ไม่ย่อท้อของทุกคน ดาเมี่ยนร่ายเวทมนตร์สนับสนุนแก่สาวกรีเบคก้าพร้อมกับเหล่าอัศวินทุกคนด้วยบัฟ ‘ฝนแสง’
เวทบัฟสุดทรงพลังที่เขาได้รับหลังจากกลายเป็นสันตะปาปาสมัยที่สอง
[ ฝนแสง Lv.1 ]
ท่านอ้อนวอนขอฝนแห่งแสงจากเทพธิดารีเบคก้า
* ฝนแสงจะตกโปรยลงจากฟากฟ้าภายในรัศมี 300 เมตรรอบตัวท่าน
* ทุกเป้าหมายที่ไม่ใช่ ‘มาร’ จะถูกฝนชำระล้าง มีโอกาส 50% ที่จะขจัดอาการผิดปรกติในปัจจุบันพร้อมกับฟื้นฟูพลังชีวิต 10%
* ทุกเป้าหมายที่เป็น ‘มาร’ จะถูกฝนแผดเผา มีโอกาส 50% ที่อาการผิดปรกติในปัจจุบันจะเพิ่มระยะเวลาขึ้นสองเท่าพร้อมกับลดพลังชีวิตลง 10%
มานาที่ใช้ : 5,000
ระยะหน่วงหลังใช้ : 50 นาที
แม้อาจไม่ใช่ทักษะล้างบัฟที่หวังผลได้ 100% แต่ก็เป็นบัฟหมู่ที่มีข้อดีอยู่มาก
สิ่งเด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นการฮีลหมู่ 10% เป็นวงกว้างซึ่งแม้แต่นักบุญหญิงรูบี้ก็มิอาจทัดเทียม ยิ่งไปกว่านั้น ระยะแสดงผลของทักษะยังกว้างไกลถึงสามร้อยเมตร
ฝนสีทองสาดส่องทั่วฝืนฟ้าสีดำมืด
“อ๊ากกกก!”
สาวกยาธานส่งเสียงกรีดร้องดุจดั่งไฟนรกแผดเผา
“อา…”
“ร่างกายเบาลง…”
“หลวงพ่อจงเจริญ!”
สาวกรีเบคก้า ตระกูลราชวงศ์ รวมถึงเหล่าอัศวิน ทุกคนต่างดื่มด่ำบรรยากาศแสนสดชื่นที่ดาเมี่ยนมอบให้
พวกเขาเริ่มได้รับค่าพละกำลังที่สูญเสียไปกลับคืน ขวัญกำลังใจกองทัพเพิ่มขึ้นทันตาเห็น สถานการณ์สงครามเริ่มพลิกผัน
โรสพยายามข่มความเจ็บปวด ภายในใจหล่อนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
‘หมอนี่หลุดจากม่านทมิฬได้ยังไง?’
ในสายตาสาวกยาธาน ‘แก่นยาธาน’ คือน้ำยาครอบจักรวาลที่สามารถทำได้ทุกสิ่ง
ตั้งแต่คำสาปเรียบง่ายไปจนถึงการอัญเชิญจอมอสูร…
ไม่มีสิ่งใดชั่วร้ายไปกว่าการนำแก่นยาธานผสมผสานกับมนตร์ดำอีกแล้ว ผลของมันสามารถล้างสมองและกัดกร่อนจิตใจอดีตหนึ่งในสองเสาหลักจักรวรรดิ—อัสโมเฟล
ว่ากันว่า แม้แต่อดีตสันตะปาปาเดรวิโก้ยังต้องการครอบครองแก่นยาธานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
แถมยังมีข้อสันนิษฐานว่า แก่นยาธานสามารถใช้สร้างความผิดปรกติแก่ต้นไม้โลกได้
แก่นยาธานทำได้ทุกสิ่ง—คำกล่าวนี้มิได้เกินจริง
ม่านทมิฬถูกสร้างจากสุดยอดมนตร์ดำผสานกับแก่นยาธานปริมาณมาก เป็นเวทมนตร์ที่ข้ารับใช้ยาธานทุกคนมั่นใจว่าสามารถผนึกสันตะปาปาได้ตลอดรอดฝั่ง
เช่นนั้นแล้ว ดาเมี่ยนหลุดพ้นจากม่านทมิฬได้อย่างไร?
ขณะโรสขมวดคิ้วครุ่นคิด อลิเบิร์นแผดเสียงตะโกน
“ไอ้สุนัขรีเบคก้า! หยุดฝนบัดซบเดี๋ยวนี้!”
ข้ารับใช้ยาธานลำดับสามกล่าวข่มขู่สันตะปาปาอย่างไม่เกรงกลัว มันชี้นิ้วไปยังดาบที่ถูกปักในหินพลางเปล่งเสียงคำราม
“ถ้าแกไม่หยุด! สัญลักษณ์ของพวกแกจะถูกทำลาย!”
“…!”
สาวกรีเบคก้าที่เริ่มได้รับความมั่นใจกลับคืนมา ยามนี้ต้องหน้าถอดสีอีกครั้ง
พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญลักษณ์ของฝ่ายตนกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรู
“พวกเราจะทำยังไงกันดี…?”
ยิ่งเป็นสาวกยาวนาน คนเหล่านี้ก็ยิ่งยึดติดกับสัญลักษณ์
คนสูงอายุมักภาคภูมิใจกับหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัด เนื่องจากมีประวัติศาสตร์และสิ่งยึดเหนี่ยวที่ศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม
เป็นสาเหตุที่หลายประเทศทั่วโลกนิยาม ‘สมบัติแห่งชาติ’
เหล่าอาวุโสทุกคนล้วนออกอาการลนลาน แต่ดาเมี่ยนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อยากทำอะไรกับดาบเล่มนั้นก็เชิญ”
“…?”
ข้ารับใช้ยาธาน สาวกยาธาน สภาอาวุโสรีเบคก้า สาวกรีเบคก้า ทุกคนต่างขมวดคิ้วในสิ่งที่ได้ยิน
ทุกฝ่ายถึงขั้นชะงักการต่อสู้กลางคัน พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าสันตะปาปาดาเมี่ยนจะละทิ้งสัญลักษณ์ของรีเบคก้าง่ายดายขนาดนี้
ดาเมี่ยนย่อมทราบถึงบรรยากาศหม่นหมอง
“ฉันหมายความอย่างที่พูด ดาบเล่มนั้นเป็นเพียงสมบัติเก่าแก่ไร้ค่า”
“…”
“สัญลักษณ์อะไรกัน? องค์เทพธิดารีเบคก้าต่างหากที่เป็นสัญลักษณ์ของโบสถ์! การไม่มีดาบเล่มนั้นจะทำให้สันตะปาปามิใช่สันตะปาปาหรืออย่างไร? ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของโบสถ์รีเบคก้าถูกจารึกได้นานหลายร้อยปีโดยไม่ต้องพึ่งพาดาบเล่มนั้น!! ไม่มีเหตุผลให้ต้องยึดติดกับสมบัติเก่าแก่ที่หาประโยชน์มิได้”
“เหลวไหลสิ้นดี! แกกำลังกำลังบอกว่าของวิเศษทั่งทั้งทวีปคือสมบัติไร้ค่างั้นหรือ?”
“แล้วแกคิดว่าดาบเล่มนี้มีคุณค่ารึไง?”
“…”
“พวกแกคือกลุ่มสาวกที่อุทิศตนให้กับจอมอสูร มีเป้าหมายแปรเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นปศุสัตว์ของเผ่าอสูร ในสายตาพวกแก ดาบเล่มนี้จะมีคุณค่าสักเท่าไรกันเชียว? เช่นนั้นแล้ว ทำไมแกต้องยัดเยียดให้ฉันเห็นคุณค่าของมัน?”
“…”
“ถึงจะเคยมีมูลค่ามากเพียงใดในอดีต แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ! สำคัญกว่าสมบัติเก่าแก่อย่างเทียบไม่ติด! พวกแกเข้าใจรึเปล่า? ไอ้พวกขยะ”
ดาเมี่ยนร่ายยาวในสิ่งที่เคยอ่านในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น โอตาคุตัวยงอย่างเขาย่อมได้ยินคำพูดคมคายเช่นนี้ผ่านหูผ่านตานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและอนิเมะ สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อความคิดและการปฏิบัติตัวของดาเมี่ยนมาก
อลิเบิร์นยากจะปฏิเสธถ้อยคำข้างต้นด้วยเหตุและผลที่มันมี
อันที่จริง อลิเบิร์นค่อนข้างเสียเปรียบในหัวข้อการโต้เถียงครั้งนี้ ความเงียบงันของมันส่งผลให้เหล่าสาวกยาธานเสียขวัญยิ่งกว่าเก่า
ทว่า กำลังใจฝ่ายรีเบคก้าก็ไม่สู้ดีนัก เหล่าสาวกผิดหวังในคำประกาศกร้าวจากสันตะปาปาดาเมี่ยน สถานการณ์เริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะตัวดาเมี่ยนเอง เขาได้รับภารกิจที่ต้องทวงดาบศักดิ์สิทธิ์กลับคืน หากภารกิจนี้ล้มเหลว คนที่เสียหายที่สุดคงหนีไม่พ้นดาเมี่ยน
แม้ว่าปากจะกล่าวเช่นไร แต่จุดประสงค์ดาเมี่ยนในการนำดาบศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาก็ไม่เปลี่ยนไป
แล้วเหตุใดดาเมี่ยนถึงประกาศว่าไม่สนใจดาบศักดิ์สิทธิ์?
ลองนึกดูให้ดี หากดาเมี่ยนมีสีหน้าลังเลหรือแสดงอากัปกริยายึดติดกับดาบอย่างเห็นได้ชัด อลิเบิร์นจะฉวยโอกาสดังกล่าวข่มขู่สารพัดโดยมีดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวประกัน สถานการณ์ฝั่งดาเมี่ยนและสาวกรีเบคก้าจะตกเป็นรองอย่างไม่ต้องสงสัย
ลงเอยด้วย…
“ชิ…!”
อลิเบิร์นกำดาบที่ปักในหินด้วยฝ่ามือสั่นระริก เมื่อสันตะปาปาไม่แยแสดาบเล่มนี้ มันจึงมิอาจใช้เป็นตัวประกันได้อีก
‘ฟู่ว!’
ดาเมี่ยนยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย แม้ภายในใจจะโล่งไปหลายส่วน
“คงต้องจัดการด้วยตัวเองสินะ จงออกมา! ผู้เฝ้าประตูนรก!”
อลิเบิร์นอัญเชิญเซอร์เบอรัสจำนวนมาก สุนัขสามหัวหลายตัวพุ่งกระโจนเข้าหาดาเมี่ยนพลางอ้าปากกว้างพ่นไฟโจมตี
แม้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมร่างกาย แต่ดาเมี่ยนก็มิอาจทนความร้อนจากขุมนรกไหว เขารีบก้าวขาถอยหลัง
ทันใดนั้น ถึงคราวข้ารับใช้ยาธานลำดับเจ็ดอย่างฮิลล์เริ่มลงมือ
แทบไม่น่าเชื่อว่า ด้วยร่างกายชายวัยกลางคนที่อ้วนท้วม ฮิลล์สามารถขยับร่างกายได้คล่องแคล่วเหนือความคาดหมายทุกคน ดวงตาดาเมี่ยนพลันเบิกโพลงขณะโยกตัวหลบกลุ่มก้อนเปลวเพลิงหลายสิบที่พุ่งเข้าใส่
“กำปั้นหินของฉันชกได้เร็วถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที! ย๊ากกก!”
ในฐานะ NPC คลาส ‘มังก์’ อันดับหนึ่งของวิหารยาธาน ฮิลล์สามารถปลดปล่อยกำปั้นได้ถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที ฉากตรงหน้าดาเมี่ยนรวดเร็วราวกับขาคู่หน้าของแมวที่รัวข่วนตบใส่เหยื่อ
ทว่า ฮิลล์แตกต่างจากแมวตรงที่มันมิได้น่ารักขนาดนั้น กำปั้นของมันแข็งแกร่งราวกับศิลาพันปี
ชุดเกราะดาเมี่ยนถูกรัวชกใส่ถึงสิบสองครั้งซ้อน
“คุฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นยังไงบ้าง? แกไม่มีทางรับมือสิบสองกำปั้นต่อหนึ่งวินาทีของฮิลล์ได้แน่”
ตัวตนสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ที่สยบสาวกยาธานนับพันเพียงการปรากฏตัว ยามนี้เริ่มตกที่นั่งลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้าข้ารับใช้ยาธานลำดับเจ็ดอย่างฮิลล์
ฮิลล์กำลังฮึกเหิมได้ใจ มันหมายปลิดชีพดาเมี่ยนให้ตายคาที่
แต่หารู้ไม่ว่า ดาเมี่ยนเคยต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่โจมตีได้สามสิบครั้งในหนึ่งวินาทีมาแล้ว สำหรับเขา สิบสองกับปั้นจากฮิลล์แสนเชื่องช้าเมื่อเทียบกับวิชาดาบแพ็กม่า·ร่ายรำ
ยิ่งเวลาผ่านไป ดาเมี่ยนเริ่มทำความเคยชินและตั้งรับอย่างมีระบบแบบแผน
เขาเสกเวทมนตร์บาเรียเพื่อสลายหมัดจากฮิลล์ เป็นบาเรียสีเหลี่ยมจัตุรัสที่มองเห็นด้วยตาเปล่า สลับกับการยกโล่ป้องกัน
ทุกครั้งที่ฮิลล์ชกครบสิบสองหมัด มันจะโยกตัวถอยหลังไปหนึ่งก้าว และใช้เวลาอีกราวหนึ่งวินาทีเพื่อเริ่มโจมตีครั้งใหม่
ดาเมี่ยนไม่พลาดช่องว่างแสนมีค่านี้
“แค่ก!”
ดวงตาของฮิลล์เริ่มมีความสับสนเจือปน มันส่งเสียงครวญครางเล็กน้อย
ดาเมี่ยนพ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“ฉันเคยสู้กับสัตว์ประหลาดที่เร็วกว่าแกมาแล้ว”
ปัจจุบัน สมรรถภาพร่างกายของดาเมี่ยนเพิ่มขึ้นหลายระดับจากบัฟแสงศักดิ์สิทธิ์ที่โอบล้อม
…
ขณะเดียวกัน…
[ อสูร ‘ดิวเลบุล’ บาดเจ็บสาหัสและหนีกลับขุมนรก ]
[ อัศวินความตาย ‘คาโฮ’ ได้รับความเสียหายเกินขีดจำกัดและถูกส่งกลับผืนปฐพี ]
[ ลิชูมูมัดเหลือพลังชีวิตต่ำกว่า 20% กรุณาใช้งานอย่างระมัดระวัง ]
‘ไอ้บัดซบนี่!’
ฝนแสงของดาเมี่ยนสร้างหายนะแก่แอ็กนัสที่บาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว
ด้วยความสัตย์จริง แอ็กนัสรู้สึกราวกับถูกทรยศ มันถูกทุบเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง
แอ็กนัสเคยคิดว่าดาเมี่ยนจะยื่นมือช่วยเหลือ แต่กลับกลายเป็นว่า อีกฝ่ายลงมือโจมตีใส่ตนและบริวารแทน
แอ็กนัสหันไปจ้องมองซิลเวนัสด้วยสายตาอาฆาตแค้น และเฉกเช่นแอ็กนัส ซิลเวนัสมีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันเมื่อหล่อนถูกฝนแสงเข้าอย่างจัง
“ฉันจะฆ่าแกก่อน…!”
“ไอ้คนทรยศ…! ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”
“จากนั้นก็จะตัดหัวไอ้สันตะปาปาบัดซบนั่น!”
“จากนั้นก็จะสาปใส่ไอ้สันตะปาปาสุนัขรีเบคก้านั่น…หือ?”
ตกลงว่าแอ็กนัสเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่? แล้วเหตุใดพวกมันต้องสู้กันเอง?
ซิลเวนัสขมวดคิ้วฉงน เธอไม่พอใจเลยสักนิดที่ถูกชายเสียสติผู้นี้คอยพันแข้งพันขาไว้
…
ในเวลาเดียวกัน…
“เกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย”
ณ หมู่บ้านเล็กใต้เชิงเขาที่วาติกันตั้งอยู่ จอมปราชญ์สติกส์กำลังขมวดคิ้วมึนงงเมื่อตนและกริดถูกส่งตัวมายังถนนในหมู่บ้านแทนที่จะเป็นใจกลางวาติกัน
“บาเรียปริศนาได้ขัดขวางเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติไว้ พวกเราจึงถูกส่งมาที่นี่แทน ผมขอวิเคราะห์บาเรียนี้อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะหาทางสลายมัน…”
“…”
สิ่งนี้คือบาเรียทรงพลังที่ยินยอมให้เฉพาะสิ่งมีชีวิตประเภท ‘มาร’ ผ่านเข้าออก
ท่ามกลางหน่วยพาลาดินในหมู่บ้านที่รายล้อมอารักขากริด ชายหนุ่มเงยหน้าจ้องมองม่านบาเรียด้วยสีหน้าหวั่นวิตก
จนะกระทั่งผุดความคิดหนึ่งขึ้น
“ร่างมืด”
“ฝ่าบาท!!”
หนทางที่เร็วที่สุดในตอนนี้คือการบุกตะลุยเข้าไปตามลำพัง สติกส์พยายามห้ามปรามเมื่อกริดคิดฝ่าวงล้อมศัตรูอย่างบ้าบิ่น
ทว่า เมอร์เซเดสรีบห้ามสติกส์ไว้
“องค์ราชาจะต้องช่วยราชินีกับองค์ชายได้แน่”
เธอเป็นอัศวินประจำตัวราชาไม่ใช่รึไง? เหตุใดถึงยอมปล่อยราชาเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนี้?
สติกส์หันมาขมวดคิ้วให้เมอร์เซเดส เขามองว่าคำกล่าวของเธอเหลวไหลสิ้นดี
กริดฉีกยิ้มอย่างชอบใจ
“เธอพูดถูก ฉันจะรุดหน้าไปก่อน ทันทีที่ทำลายม่านบาเรียสำเร็จ รีบตามมาสมทบให้เร็วที่สุด ฉันจะปกป้องไอรีนและลอร์ดไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น”
ชายหนุ่มพุ่งตัวหายเข้าไปในความมืดมิดยามค่ำคื่น
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,266
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มาแล้ว
ReplyDeleteมาช้าแต่มานะ😁
สนุกมากครับ👍
นายคิดว่าสันตะปาปาจะบัฟให้ธาตุมืดได้หรือยังไง😆
555 สนุกมากครับ ขอบคุณ🙏😂ดีใจมากทีอัพให้อ่าน
Deleteเปลี่ยนมาอัพทุกวันเหมือนเดิมแล้วสินะ
ReplyDeleteอัพทุกวันสุดยอด
ReplyDeleteวันนี้ยังไม่มากรอครับ?
ReplyDelete😊😁😄😆😂
ReplyDelete