จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 854



    เวทมนตร์ระดับสูงเกือบทั้งหมดของลิชมูมัดจะประกอบด้วยสองถึงสามธาตุ  กับดักระเบิดก็ไม่ต่างกัน

    มูมัดผสานเวทมนตร์ธาตุลมที่ทรงพลังเข้ากับการจุดระเบิดเปลวเพลิง  ส่งผลให้เพลิงมีความรุนแรงและแม่นยำกว่าเวทมนตร์ธาตุไฟธรรมดา

    จากประสบการณ์ของแอ็กนัส  แม้แต่พาลาดินระดับสามที่มีค่าต้านทานเวทมนตร์สูงก็ยังบาดเจ็บเกินกว่าครึ่งหลอดในการโจมตีเดียว

    ‘แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย?’

    ยูร่าปรากฏกายจากกลุ่มควันโดยปราศจากรอยขีดข่วน  หลอดพลังชีวิตมิได้ลดลงมากอย่างที่ควร

    “น่าสนใจดีนี่!  คิคิก!”

    ดวงตาแอ็กนัสเริ่มส่องประกายความสุขอีกครั้ง  มันหลงลืมเจตนาดั้งเดิมจนหมดสิ้น

    ตึกตัก!

    หัวใจของมันกำลังเต้นโครมคราม 

    สิ่งเดียวที่ทำให้มันรู้สึกถึงการมีชีวิต  คือการได้เผชิญสถานการณ์บีบเค้นกดดันจนแทบลืมหายใจ
    
    “ยูร่าาาา!!”

    “แอ็กนัส!”

    คงเป็นการโกหกหากบอกว่าทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน

    ก่อนอุกบากาตที่ชื่อกริดจะปรากฏตัวบนโลกและทำให้ตารางอันดับปั่นป่วน  ยูร่าและแอ็กนัสรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี

    ข้ารับใช้แห่งยาธานและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล—คนทั้งสองเคยเดินบนเส้นทางเดียวกัน  และมีชะตาต้องทำภารกิจร่วมกันในบางครั้ง 

    แต่นั่นเป็นเรื่องราวสมัยอดีต

    ความชั่วช้าที่วิหารยาธานก่อขึ้น  มากมายเกิดกว่าที่ยูร่าจะยอมร่วมมือต่อไป  ขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับกริด  ลงเอยด้วยการหันหลังให้วิหารยาธานและกลายเป็นศัตรูกับแอ็กนัส  สุดยอดตัวตนแสนชั่วร้าย
    
    แอ็กนัสเลือกเดินบนเส้นทางชั่วช้าเพราะมันหนักแน่นในสิ่งที่ตนปรารถนา  มันมิได้ชื่นชอบความชั่วร้ายและบ้าคลั่ง  แต่หากสิ่งนี้นำพาให้ไปถึงปลายทาง  มันจะยอมทำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว  

    โชคชะตาจึงนำพาให้คนทั้งสองกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตซึี่งกันและกัน  ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องล้มลงในวันนี้  ทั้งสองมีชะตากรรมต้องกลืนกินอีกฝ่ายเพื่อให้ตนเองพัฒนาต่อไป  

    การอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่มีในตัวเลือก

    ยูร่าและแอ็กนัสดวลกันเต็มฝีมือท่ามกลางดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกและแรงระเบิดจากเวทมนตร์

    ทุกครั้งที่แสงสีฟ้าพุ่งจากปลายกระบอกปืนสั้น  อสูรหนึ่งตนต้องจบชีวิตลง  และทุกครั้งที่อสูรถูกอัญเชิญออกมาใหม่  แสงสีฟ้าจะพุ่งจากปลายกระบอกแทบทันที

    ผนังหินด้านในของภูเขาเจรัดจะพังครืนทุกครั้งเมื่อมูมัดร่ายเวทสำเร็จ  ส่วนแอ็กนัสจะได้รับบาดเจ็บเสมอเมื่อยูร่าสับเปลี่ยนรูปทรงอาวุธในมือ

    “คิคิก!  คิคิคิก!  คุฮ่าฮ่าฮ่า!  น่าสนใจมาก!  เธอเก่งขึ้นเยอะเลยนี่?”

    “อั่ก…!”

    แรงกระแทกจากระเบิดเวทมนตร์มิใช่สิ่งที่ดูแคลนได้

    ภูเขาเจรัดมีความสูงเป็นอันดับ 23 ของทวีป  แต่มันกลับเล็กเกินกว่าจะรองรับแรงปะทะจากสองตำนานไหว  พลังปะทะที่เหนือจินตนาการส่งผลให้ยอดเข้าทั้งลูกเริ่มถล่มจนมิอาจกลับสู่สภาพเดิม

    “บ๊กจา!  รีบหนีไป!”

    “ต…แต่ว่า!”

    สวาปามจกบัลเผ็ดไม่สนใจความดื้นรั้นของหลานสาวอีก  เขารีบคว้าร่างเธอพร้อมกับวิ่งหนีออกลงจากยอดเขาโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง  สวาปามจกบัลไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ต่อจนถูกเพดานหินถล่มทับตาย
    
    ‘ยูร่าแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?’

    สวาปามจกบัลเผ็ดสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างยูร่าในงานแข่งนานาชาติและปัจจุบัน

    การรับมือแอ็กนัสร่างตำนานได้ถึงสิบนาทีเต็ม  ไม่ใช่ว่าเธอเก่งกาจระดับเดียวกับกริดเลยหรือ?  สวาปามจกบัลเผ็ดได้แต่นึกสงสัยว่า  เธอทำยังไงถึงพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน

    ‘หรือเราเข้าใจผิดไป?’

    แอ็กนัสอาจไม่ได้เก่งเท่ากริดตั้งแต่แรก?  

    ไม่สิ  นั่นไม่ใช่แน่  

    เมื่อนำกริดกับแอ็กนัสมาเทียบกัน  คงเป็นการยากที่จะให้บอกว่าใครเหนือกว่า

    ‘อาจเป็นเพราะเธอชนะทางแอ็กนัส…’

    แสงสีฟ้าจากปลายกระบอกปืน  สิ่งนี้สร้างความเจ็บปวดให้แอ็กนัสได้เสมอ  รวมถึงอันเดดและจอมอสูรของมันด้วย

    เดาได้ไม่ยากว่าคลาสนักล่าอสูรคงโจมตีใส่แอ็กนัสด้วยธาตุที่ชนะทาง  แต่ถึงอย่างนั้น  แอ็กนัสกลับรับมือได้สูสีจนน่าทึ่ง

    ‘ทำไมถึงมีพวกสัตว์ประหลาดเต็มไปหมด…’

    แอ็กนัสคือระดับที่แตกต่างทุกคนอย่างชัดเจน

    สวาปามจกบัลเผ็ดเกิดแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาตัวเองเมื่อได้เห็นความทรงพลังของแอ็กนัส  เป็นความรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งที่ได้พบกริด  ไม่ว่าอย่างไร  ตนต้องยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนกลุ่มนี้ให้ได้

    แต่เพียงไม่นาน…   

    ความฮึกเฮิมพลันดับมอด

    ร่างของคนผู้หนึ่งร่วงหล่นจากด้านบนขณะสวาปามจกบัลเผ็ดกำลังพาอลิซาเบธวิ่งหนีสุดชีวิต

    เป็นร่างใครไปไม่ได้นอกจากยูร่า

    คนทั้งสองชะงักฝีเท้าทันที

    “พ…พี่สาว!”

    “อึก…!”

    หลอดพลังชีวิตของยูร่าแทบไม่หลงเหลืออีกแล้ว

    ที่ยังหายใจอยู่ได้เพราะมีประกันชีวิตอมตะห้าวินาทีของตำนานคอยพยุงชีพ

    เสียงหนึ่งดังแว่วจากท้องฟ้าด้านบน

    “จบแล้วหรือ?”

    “แอ็กนัส…!”

    สวาปามจกบัลเผ็ดเริ่มเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นเจ้าของเสียงพูด

    เทียบกับยูร่าที่ใกล้ตาย  หลอดพลังชีวิตแอ็กนัสยังคงเต็มเปี่ยม  สิ่งนี้หมายความว่า  ตลอดสิบนาทีที่ผ่านมา  การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมิได้สูสี  หากแต่ยูร่าถูกย่ำยีฝ่ายเดียว  

    สวาปามจกบัลเผ็ดรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าชื่นชมนับถือ  ไฟแห่งความมุ่งมั่นที่ต้องการยืนเคียงบ่าเคียงไหล่แอ็กนัสพลันต้องมอดสนิท

    ท่ามกลางความเงียบงันของทุกฝ่าย… 

    หมับ!

    แอ็กนัสร่อนลงและคว้าใบหน้ายูร่าไว้ด้วยมือข้างเดียว

    “เธอทำให้ฉันสนุกมาก”

    การต่อสู้เมื่อครู่มิใช่เรื่องง่ายสำหรับแอ็กนัส

    อสูรสามตนที่ทำสัญญาต้องถูกส่งกลับขุมนรก  แถมมันยังสิ้นเปลืองพลังอย่างมากเพื่อฝืนอัญเชิญมูมัดเป็นเวลานาน  และถึงขั้นต้องงัดไพ่เด็ด ‘เสียงเย้ยหยันจากเบนทาโอ’ ในการสับเปลี่ยนพลังชีวิตระหว่างมันและยูร่า

    อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การต่อสู้ยากลำบาก  มันต้องสิ้นเปลืองเนตรบาเอลไปกับสวาปามจกบัลเผ็ด  ส่งผลให้พลังถูกใช้ออกไปมากกว่าที่ควร

    “ถ้าเธอยอมมอบตัวตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว…”

    แอ็กนัสชำเลืองสายตามองอีกฝั่งขณะใช้มือคว้าใบหน้ายูร่าไว้

    สวาปามจกบัลเผ็ดพลันผงะถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ  นี่เป็นพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ  เขากำลังหวาดกลัวแอ็กนัสที่เอาชนะตนและยูร่าได้ติดต่อกัน

    ‘ใครจะปราบสัตว์ประหลาดตัวนี้ลง?’

    กริด?  ครอเกล?  อาเรส?  

    นั่นเป็นไปได้จริงหรือ? 

    ลำพังกริดอาจทำลายหนึ่งเมืองได้ในพริบตา  แต่แอ็กนัสก็ทำได้เช่นกัน  

    แอ็กนัสยังมีพลังสลายการโจมตีศัตรูแบบเดียวกับพรสวรรค์ของครอเกล  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการอัญเชิญโครงกระดูกเพื่อเป็นกำบังกระสุนจากยูร่า

    เช่นนั้นแล้ว  กองทัพของอาเรสล่ะ?  แอ็กนัสเองก็มีกองทัพอันเดดและอสูรอัญเชิญที่ทรงพลังไม่แพ้กัน

    ‘ขี้โกงฉิบ…ไม่ว่าจะมองมุมไหน’

    สวาปามจกบัลเผ็ดกลืนน้ำลายขณะแข้งขาสั่นระริก  เขาถูกจิตคุกคามจากแอ็กนัสสะกดข่มจนก้าวขาไม่ออก

    ขณะแอ็กนัสง้างดาบเตรียมแทงใส่หัวใจยูร่าด้วยมืออีกข้าง… 

    “เดี๋ยวก่อน!”

    อลิซาเบธตะโกนขึ้น

    “พอได้แล้ว!  ฉันจะเจียระไนศิลาแห่งชีวิตให้นาย!”

    “…”

    แอ็กนัส  ยูร่า  และสวาปามจกบัลเผ็ด  ทุกคนหันมองอลิซาเบธเป็นตาเดียว

    เธอยืนยันอีกครั้งอย่างหนักแน่น

    “ฉันจะฟังคำสั่งของนาย  ได้โปรดไว้ชีวิตยูร่าและคุณลุงด้วย”

    “ไม่มีปัญหา”

    แอ็กนัสไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอ

    มันมั่นใจ  ต่อให้ยูร่าและสวาปามจกบัลเผ็ดฟื้นฟูพลังชีวิตและร่วมมือกันในภายหลัง  แต่สองคนนี้ก็ไม่มีทางโค่นตนได้

    ขณะศักดิ์ศรีของยูร่าถูกป่นจนไม่เหลือชิ้นดี  เสียงหนึ่งที่เปี่ยมด้วยโทสะดังแว่วขึ้น

    “ชีวิตพวกพ้องฉันไม่ใช่เครื่องมือต่อรองของใคร”

    ยูร่า  สวาปามจกบัลเผ็ด  รวมถึงแอ็กนัส  ดวงตาทุกคนพลันเบิกโพลง  พวกเขาหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง  

    ชายผมดำกำลังย่างกรายเข้าใกล้  ดวงตาเรียวแหลมดุจดั่งพญาเหยี่ยว  ร่างกายบึกบึนกำยำสมส่วน  

    เป็นใครไปไม่ได้นอกจากกริด

    ‘ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงต้องโผล่ขัดขวางเราทุกครั้ง?’

    แอ็กนัสขมวดคิ้วสับสน  มันไม่ดีใจเลยสักนิด  การปรากฏตัวของกริดคือสถานการณ์วิกฤติอย่างแท้จริง

    เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นสีหน้าหวั่นวิตกจากแอ็กนัส  ไม่เว้นแม้กระทั่งบุลเล็ตที่เคยอยู่อิมมอทัลมาตั้งแต่ต้น

    “แอ็กนัส…”

    บุลเล็ตทำได้เพียงอ้าปากค้างเมื่อพบบุคคลไม่คาดฝันในสถานที่ไม่คาดคิด

    แอ็กนัสผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้เห็นบุลเล็ตยืนข้างกริด  แต่ไม่มีใครเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเสียววินาที

    ทันใดนั้น  ดาบแห่งแสงหันคมแหลมพลางพุ่งเข้าหาใบหน้าแอ็กนัสอย่างฉับพลัน ท่ามกลางความตื่นตระหนก  แอ็กนัสรีบอัญเชิญโครงกระดูกเพื่อเป็นกำบัง  

    มันต้องปล่อยมือจากยูร่าอย่างไม่มีทางเลือก

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”

    กริดรีบพุ่งไปคว้าตัวยูร่าที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไว้

    “…”

    ยูร่ามิได้ยินดีนัก  กลับกัน  เธอก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง  แต่ผิวแก้มออกอาการแดงระเรื่อเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วกริดสัมผัสเรือนร่าง

    ยูร่ากัดริมฝีปากอย่างเจ็บแค้น

    “ฉันมัน…”

    ‘อ่อนแอ’

    ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลยสักนิด  ทั้งที่เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนักในนรกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา

    เธอมิอาจเป็นพลังให้กริดได้เลย  มิอาจยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับชายคนนี้ได้  

    ยูร่ากลืนคำพูดทั้งหมดลงคอพร้อมกับปิดปากเงียบด้วยสีหน้าหดหู่

    “เธอเก่งขึ้นมาก…”

    กริดมิได้กล่าวเช่นนี้เพราะหลับหูหลับตาปลอบประโลมเธอ

    “เพียงแต่ขาดไอเท็มที่ดี”

    ปืนสไนเปอร์ซึ่งเป็นไพ่ตายในปัจจุบันสิ่งนี้กลับไร้ค่าในการดวลกับแอ็กนัส  มันไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสซุ่มยิงอยู่แล้ว  และถึงจะมีโอกาส  แต่ก็คงถูกโครงกระดูกบดบังวิถีกระสุนเหมือนเช่นทุกครั้ง  

    กริดจึงเดาออกว่ายูร่าดวลกับแอ็กนัสด้วยปืนสั้นและดาบที่คล่องตัวกว่า

    “เธอไม่มีอักขระเหมือนฉันกับมัน  และเหนือสิ่งอื่นใด  แอ็กนัสครอบครองปัจจัยสุดโกงไว้มากมาย”

    กริดย่อมทราบ  เพราะเขาเคยดวลกับแอ็กนัสมาแล้วหนหนึ่ง

    ชายหนุ่มยังจดจำความน่าสะพรึงกลัวของ ‘เสียงเย้ยหยันจากเบนทาโอ’ ได้ดี  และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน  กริดไม่แปลกใจเลยสักนิดหากแอ็กนัสจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสักสิบเท่าหลังจากกลายเป็นตำนาน

    เมื่อเทียบกับแอ็กนัส  ยูร่ามีพรสวรรค์และสติปัญญาเหนือกว่ามาก  แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้สู้ในเวทีถนัด  และยังมีไอเท็มกับทักษะที่ด้อยกว่าแอ็กนัสหลายเท่า  

    นี่คือการคาดเดาจากกริดที่มองด้วยภาพรวมเพียงผิวเผิน

    “สู้กับมันอีกครั้ง”

    ยูร่ามิได้อ่อนแอ  กริดต้องการให้เธอตระหนักถึงความจริงข้อนี้  ก่อนที่ศักดิ์ศรีของยูร่าจะถูกทำลายจนมิอาจลุกขึ้นยืนหยัดได้อีก

    ชายหนุ่มเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เหมอลอยราวกับสติหลุดออกจากร่าง

    เขาต้องการยูร่าในอดีตผู้เย่อหยิ่งและทระนงตนกลับคืนมา  ยูร่าที่เคยจ้องมองกริดด้วยสายตาดูแคลนประหนึ่งมดปลวก

    ในฐานะเพื่อนสนิท  พวกพ้อง  และผู้มีพระคุณ  กริดต้องการดึงความมั่นใจของเธอคืนมา

[ ผู้เล่น ‘กริด’ ขอแลกเปลี่ยน ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังค์ปรารถนาแรงกล้า’ กับท่าน  ]
[ กรุณายืนยัน ]

    “นี่นาย…”

    ถัดจากปืนวิศวกรรมเวทมนตร์อเล็กที่สร้างโดยแพ็กม่า  กริดคิดมอบดาบเกรดมิธแสนล้ำค่าให้เธออีกหรือ?

    ยูร่ารีบตอบปฏิเสธอย่างหวาดกลัว  

    แต่กริดยังดึงดันยื่นดาบให้อีกครั้ง

    “ฉันแค่ให้เธอยืม  ไม่คิดจะให้เธอติดหนี้สินจนหมดตัวแบบจิสึกะหรอกนะ”

    “…”

    สายตาของกริดแฝงความนัยไว้มากมาย  เป็นความนัยที่คนทั้งสองเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด

    หลังจากต่อต้านครู่หนึ่ง  ยูร่ายอมรับดาบสีดำจากกริดแต่โดยดี  จากนั้นก็หันไปจ้องมองแอ็กนัสด้วยสายตาอาฆาต

    แอ็กนัสพ่นลมหายใจเหยียดหยัน

    “สุนัขที่หมดสภาพไปแล้วคิดสู้อีกรอบงั้นหรือ?”

    โทสะของมันพลันปะทุทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ากริด

    กริดเองก็เป็นเหมือนมันไม่ใช่รึไง?  ถูกผู้คนกลั่นแกล้งอย่างล้ำเส้น  ชีวิตต้องตกต่ำจากความมักง่ายและต่ำทรามของผู้อื่น  

    แล้วเหตุใด  กริดถึงไม่คิดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าแบบตน?  เหตุใดกริดถึงไม่เสียสติและคลุ้มคลั่งไป?  

    ทำไมถึงยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้?

    “ทำไมแกถึง…”

    ไม่มอบความสิ้นหวังให้โลกใบนี้

    “น่ารำคาญชะมัด…คิคิคิก!  แกมันขวางหูขัดตาชะมัด!!”

    โลกนี้มีช่างทำอัญมณีแค่คนเดียวรึไง?  ทำไมตัวตนน่าคำราญถึงกองรวมกันที่นี่  

    ทำไมการเจียระไนศิลาแห่งชีวิตถึงมีอุปสรรคขัดขวางมากมายขนาดนี้?

    สติแอ็กนัสขาดผึ่งโดยสมบูรณ์  สติที่มันพยายามรักษาไว้อย่างยากลำบากตลอดหลายสิบนาทีที่ผ่านมา

    มันคำรามกึกก้อง

    “ไปตายซะ!!”

    พลังอสูรปริมาณมหาศาลระเบิดพวยพุ่งออกจากร่าง

    กริดปกป้องสวาปามจกบัลเผ็ดที่บาดเจ็บและอลิซาเบธด้วยหัตถ์เทวะ  จากนั้นรีบย้ายคนทั้งสองให้พ้นจากระยะอันตราย

    วาบ!

    ยูร่าพุ่งฝ่าพลังอสูรเบื้องหน้าเข้าประชิดแอ็กนัสด้วยความเร็วสูง

    เธอเปิดฉากด้วยการยิงปืนสั้นทำลายโครงกระดูกที่เป็นกำบัง  ถัดมาเป็นดาบอัสนีฯ ในมืออีกข้างที่ฟันซ้ำตามไปไม่ห่าง

    “…!!”     

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. 5555 เยี่ยม คิดว่าอีกไม่นาน กริดจะได้สมาชิกใหม่ สวาปามกับองค์หญิงและสมาชิกของสวาปามอีกสองคน จะมาอยู่ในโอเวอร์เกียร์ในเร็วๆนี้แน่ คุณรู้จักก็อดกริดไหม? พระเอกของเรามักจะมาในเวลาสำคัญเสมอ ขอบคุณที่แปลครับ

    ReplyDelete
  2. มันส์​~พะยะ​ค่ะ
    😁👍
    ขอบคุณ​ครับ​

    ReplyDelete
  3. ตอนนี้แปลได้มันสุดๆ

    ReplyDelete
  4. แอ็คนัสสู้ๆ

    ReplyDelete
  5. สงสารแอ็กนัส แต่ก็น่ะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ต้องเรียกว่า "เห็น❤️" คับ ..แต่ ไปตตายยยซ๊าาาา

      Delete
  6. ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแอ็กนัสไม่ยอมพูดดีๆแบบคนทั่วไปแค่บอกไปว่าจะไปใช้ทำอะไรแค่นั้นก็พอแล้วมันไม่อัญเชิญจอมอสูรสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจถึงที่มาของนิสัย

    ReplyDelete
  7. องหญิงเหี้ยอะไร ดื้อด้านชิบหาย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00