จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 861



‘ยอดเยี่ยมมาก’

ผลลัพธ์ของมงกุฏราชาโอเวอร์เกียร์เหนือกว่าที่กริดคาดไว้ค่อข้างมาก

ชายหนุ่มประหลาดใจที่ผลงานของตนออกมายอดเยี่ยมกว่าไอเท็มเซ็ตเกรดเลเจนดารีอย่าง ‘มงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์’ ที่แพ็กม่าสร้างขึ้น

‘น่าเสียดายที่ค่าสติปัญญาค่อนข้างต่ำ’

มงกุฏราชาโอเวอร์เกียร์ถูกสร้างโดยเน้นสนับสนุนพลังต่อสู้ด้านกายภาพ  ค่าสถานะจึงเน้นหนักไปในด้านพลังป้องกันมากกว่าสติปัญญา

แต้มค่าสติปัญญามิได้มาจากตัวมงกุฏ  แต่มาจากอัญมณีบีเลียลทั้งสิบเม็ด

‘พลังทำลายลดลงเล็กน้อย…’

กระนั้น  กริดกลับรู้สึกอุ่นใจในออปชั่นสร้างอาการ ‘สับสน’ แก่ศัตรูทุกคนที่เฝ้ามอง

อาการสับสนจะลดพลังป้องกันและพลังโจมตีชั่วคราว  ออปชั่นนี้จึงเป็นสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กริดหลายด้าน  

ศัตรูทุกคนที่จ้องมองมีโอกาสเล็กน้อยที่จะตกอยู่ในอาการสับสน  เป็นทักษะติดตัวแสนสะดวกสบายที่ไม่ต้องใช้มานาหรือกังวลด้านระยะหน่วง  

จะบอกว่าเป็นออร่าสร้าง CC แบบหมู่ก็ไม่ผิดนัก

ไม่ใช่แค่ขี้โกง  แต่เข้าขั้นอาชญากรรม

“หืม…ว่าแต่”

กริดครุ่นคิดพลางจ้องมองภาพลักษณ์ ‘พอดูได้’ ของตัวเองในกระจก

ตัวตนร่างแฝดที่ยูร่ารายงานยังคงวนเวียนหลอกหลอนในหัว

สิ่งเดียวที่กริดนึกออกคือร่างโคลนที่ตนเคยพบบนหมู่เกาะเบเฮ็น  โคลนตัวนั้นมีความเข้าใจในคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าอย่างถ่องแท้ 

เป็นศัตรูที่สร้างความสิ้นหวังให้กริดด้วยการแสดงทักษะแปลกใหม่ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยใช้งานมาก่อน  ทักษะผสานที่กริดต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อทำความเข้าใจ  

ก่อนจะได้พบร่างโคลน  กริดเป็นเพียงช่างตีเหล็กในตำนานตัวน้อย

ยิ่งการดวลดำเนินผ่านไป  ช่องว่างระหว่างกริดและโคลนกลับยิ่งกว้างมากขึ้น  
ไม่ใช่กริดเพียงคนเดียวที่เริ่มเข้าใจถึงแก่นผู้สืบทอดแพ็กม่า  แต่ร่างโคลนก็ยังพัฒนาตัวเองในทุกวินาทีไม่ต่างจากกริด  

จนกระทั่งถึงจุดที่กริดมั่นใจว่าตนไม่มีทางเอาชนะได้

ลงเอยด้วย  เขาสร้างพลวงมั่วซั่วขึ้นและสวดภาวนาให้โชคเข้าข้าง… 

‘เจ้านั่นตายตอนร่างมืดสินะ’

กริดเคยมีประสบการณ์มาแล้ว  ความตายในร่างมืดจะนำไปสู่ขุมนรกชั่วคราว  

ร่างโคลนก็เหมือนกันงั้นหรือ?

‘แต่ด้วยบั๊กบางอย่าง  โคลนจึงติดอยู่ในขุมนรกถาวร’

ยูร่าระบุชัดเจนว่า  แฝดของกริดมีรูปลักษณ์ในโหมดร่างมืด

‘ไม่ผิดแน่  ตัวเราถูกส่งออกจากนรกในตอนที่บัฟร่างมืดหมดเวลา  แต่เป็นเพราะโคลนไม่กลับร่างปรกติ  มันจึงต้องอยู่ในขุมนรกถาวร’

กริดเริ่มขมวดคิ้ว

เขากังวลว่า  ศัตรูที่ตัวเองในอดีตเอาชนะไม่ได้  ปัจจุบันกำลังวนเวียนในนรกเพื่อรอโอกาสฆ่าตน

หลังจากการเอาชนะโคลนบนหมู่เกาะเบเฮ็น  กริดครอบครองทักษะวิชาดาบทัพหนึ่งแสน  อัพเกรดไอเท็มอีกหลายชิ้น  ได้รับพลังจอมอสูรสลักในอักขระ  และอีกหลายสิ่งที่ส่งเสริมให้ตัวละครแข็งแกร่ง

เช่นนั้นแล้ว  เหตุใดกริดถึงต้องกังวลกับร่างโคลนในอดีตที่สวมใสไอเท็มตกยุค?  

คำตอบคือ  เพราะอีกฝ่ายเองสามารถพัฒนาได้เช่นกัน

ยูร่ารายงานชัดเจน  ร่างโคลนของกริดใช้วิชาดาบผสาน ‘ห้า’ ทักษะ  แถมยังมีวิชาดาบชิดใหม่อย่าง ‘สะพรั่ง’

กริดไม่ประหลาดใจกับสะพรั่งมานัก   มันคงเป็นหนึ่งในทักษะลับของแพ็กม่าที่ตัวเขาจะได้ครอบครองสักวันในอนาคต

แต่ที่น่าห่วงคือ

‘วิชาดาบผสานห้าทักษะ…’

คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร—เหตุผลเดียวที่กริดมีโอกาสครอบครองมัน  เพราะเทพธิดารีเบคก้าเห็นใจและอวยพร

เป็นความช่วยเหลือจากเทพ  กริดจึงเอื้อมถึงวิชาดาบผสานสี่ชนิดซึ่งสามารถคุกคามได้แม้กระทั่งเทพ  และการครอบครองทักษะนี้ส่งผลให้เทพตนเกิดความอื่นริษยา

‘ทักษะที่ทรงพลังขนาดนั้นยังเกิดจากการผสานวิชาดาบเพียงสี่ชนิด…’

แต่ร่างโคลนกลับผสานได้มากถึงห้า

กริดมิอาจทำความเข้าใจได้ด้วยสติปัญญาในปัจจุบัน  เขาอดเคลือบแคลงไม่ได้ว่า  ยูร่าอาจเห็นหรือได้ยินมาผิดเพี้ยน

หากปักใจเชื่อคำพูดยูร่า  สมมติฐานเดียวที่สามารถอธิบายเหตุการณ์นี้ได้ก็คือ… 

‘หรือร่างโคลนได้รับพรจากยาธาน?  หากเป็นเช่นนั้น  การผสานห้าทักษะอาจไม่ใช่เรื่องเกือบเอื้อม…’

ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักเพียงใด  กริดก็ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดออกมา

เขายิ่งพบความประหลาดเมื่อพยายามขบคิดให้ซับซ้อนมากขึ้น

“แล้วพวกจอมอสูรมัวทำอะไรกันอยู่…? อ๊ะ!”

ชายหนุ่มฉุกคิดบางสิง

เขาหวนนึกถึงบทสนทนาประหลาดระหว่างตนและ ‘บีเลียล’ จอมอสูรลำดับสามสิบสองเมื่อครั้งสู้กันหน้าวังหลวงไรนฮาร์ท

หากจำไม่ผิด  บีเลียลเรียกขานกริดอย่างมั่นใจว่า ‘ชายไร้วิญญาณ’

‘หรือหล่อนจะหมายถึงร่างโคลน?’

แปลว่าบีเลียลรับรู้การมีตัวตนของร่างโคลน

ในครั้งนั้น  สีหน้าของบีเลียลแสดงถึงความหวาดหวั่นกริดชัดเจน  หากให้เดา  ความสัมพันธ์ระหว่างร่างโคลนและบีเลียลคงไม่ใช่มิตรภาพ

ในเมื่อไม่ใช่มิตร  เหตุผลเดียวที่ร่างโคลนยังไม่ถูกกำจัดในขุมนรกก็คือ…

มันหนีรอดการคุกคามจากจอมอสูรมาได้  และถึงขั้นทำให้จอมอสูรหวาดกลัว

“ให้ตายสิ…”

ร่างโคลนตัวนั้นถูกป้อนคำสั่งให้ฆ่ากริดตั้งแต่เกิด  หากมันยังมีชีวิตอยู่  กริดไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่

ชายหนุ่มไม่อยากจินตนาการว่า  ร่างโคลนตัวนั้นจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว  

กริดก้มหน้าขมวดคิ้วอย่างกระวนกระวายใจ  จนกระทั่ง… 

“ท่านพ่อ”

เด็กหนุ่มแสนสดใสร่าเริงเดินเข้ามาใกล้

นัยน์ตาสีฟ้าครามที่กลมโตและลุ่มลึกราวผืนสมุทร

ผิวหนังเรียนเนียนขาวนวลได้จากแม่  เส้นผมสีดำขลับเงางามและดวงตาเรียวคมได้จากพ่อ

เด็กหนุ่มอนาคตไกลผู้นี้เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากลอร์ด  องค์ชายลำดับหนึ่งและรัชทายาทแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์

“มีอะไรงั้นหรือ?  ลอร์ดลูกพ่อ  ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องรีบนอนเพราะตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเดินทางไปวาติกันพรุ่งนี้หรือ?”

สำหรับกริด  ลอร์ดคือเลือดเนื้อเชื้อไขคนเดียวในโลก  เขารักและเอ็นดูเด็กคนนี้จากก้นบึ้งหัวใจ

ชายหนุ่มโอบกอดบุตรชายด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ลอร์ดหัวเราะคิกคักเมื่อถูกบิดาใช้ท่อนแขนแสนอบอุ่นกอดรัดแน่น  

เขาอมยิ้มหน้าแดง

“ไม่มีอะไรครับ  ผมแค่คิดถึงพ่อ”

“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจ  ลอร์ดของพ่อ  ลูกสามารถมาหาพ่อได้ทุกเมื่อ  พ่อยินดีต้อนรับเสมอ”

“ม…ไม่!  ผมจะไม่ใช้ความเห็นแก่ตัวรบกวนเวลาทำงานท่านพ่อเด็ดขาด  ท่านพ่อมีหน้าที่ต้องปกป้องทุกคนในอาณาจักร  ผมจะหาโอกาสเป็นครั้งคราวเท่านั้น”

“ลูกพ่อ…”

กริดลูบศีรษะลอร์ดอย่างทะนุถนอม  ดวงตาของชายหนุ่มพร่ามัวเมื่อบุตรชายตัวน้อยเป็นกังวลเกี่ยวกับอาณาจักร

สิ่งนี้ทำให้กริดอบอุ่นหัวใจ

ใช่แล้ว  ลอร์ดมีตัวตนอยู่จริงบนโลก  อย่างน้อยก็บนโลกใบนี้  ลอร์คคือมนุษย์ที่มีโลหิตของตนไหลเวียน

จุ้บ

คงดีไม่น้อยหากทั้งสองได้อยู่ด้วยกันในโลกแห่งความจริง

กริดสลัดความเสียดายทิ้งไป  เขาจุมพิตท้ายทอยลอร์ดอย่างทะนุถนอม

“ท่านพ่อ  ถ้าท่านพบเจออุปสรรคที่ยากลำบาก  ท่านพ่อไม่ต้องฝืนตัวเอง  ผมจะรีบเติบโตขึ้นเพื่อเป็นพลังให้ท่านพ่อ”

“…อา”

ในวินาทีนี้  กริดตัดสินใจหนักแน่นว่า  เขาจะนำพาความสงบสุขมาสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก่อนที่ลอร์ดจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่

ต้องให้มั่นใจว่า  บุตรชายคนสำคัญของตนจะไม่พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายหรือหดหู่ให้กระทบกระเทือนจิตใจ

‘ร่างโคลนเอ๋ย…แกเป็นได้แค่เศษเสี้ยวของฉันเท่านั้น’

ทุกสิ่งที่บังอาจคุกคามตน  กริดจะทำลายทิ้งให้ไม่เหลือซาก

ขณะครุ่นคิดเช่นนี้  สายตาของเขาเย็นชายิ่งกว่าแสงจันทร์เต็มดวงยามค่ำคืน

*** 

“ไปดีมาดีนะ”

แสงแดดรุ่งอรุนของไรนฮาร์ทกำลังส่องประกายสีทองเจิดจ้า

ยามนี้ยังเช้าตรู่  ท้องถนนจึงเงียบสงบและเปี่ยมด้วยวิวทิวทัศน์งดงาม  ไม่ใช่ทุกเมืองบนทวีปจะงดงามได้ถึงเพียงนี้

“เดินทางปลอดภัยนะ”

ในสายตากริด  ไอรีนคือสตรีผู้งดงามอันดับหนึ่งของโลก  เขามิอาจเก็บซ่อนสายตาหวนแหนขณะจุมพิตแก้มของหล่อน

กริดทั้งดีใจและภูมิใจที่ตนมีภรรยายอดเยี่ยมและเลอโฉมเช่นนี้

“ท่านพ่อ!  ผมด้วย!”

ลอร์ดตัวน้อยอาแขนรอจุมพิตจากกริด

ชายหนุ่มมอบจุมพิตอันอบอุ่นจากบิดาพลางส่งเสียงกล่าวกับคาซิม

“ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใด  ความปลอดภัยของสองคนนี้สำคัญที่สุดเสมอ”

“ขอรับ”

สุ้มเสียงหนักแน่นจากเงามืดได้มอบความมั่นใจให้กริด

ไอรีนและลอร์ดได้รับจดหมายเชิญให้เป็นแขกพิเศษของวาติกัน

จุดหมายปลายทางคือหนึ่งในสถานที่ปลอดภัยที่สุดของทวีป  และขบวนคุ้มกันในคราวนี้ล้วนเปี่ยมด้วยบุคคลแข็งแกร่ง

ราชันย์เงา  คาซิม  
มหาจอมดาบ  หัวหน้าอัศวินองรักษ์หลวง  ชักสเล่ย์
อัศวินอนาคตไกล  รอยแมน
รวมถึงเด็กสาวที่ถูกเลือกแห่งรีเบคก้าอีกสองร้อยคน  ทั้งหมดคือขบวนคุ้มกันไอรีนและลอร์ดให้ถึงวาติกันอย่างปลอดภัย

แม้แต่แอ็กนัสก็มิอาจทำลายขบวนรบนี้ง่ายนัก

‘เพียงพอรึเปล่านะ…?’

กริดส่งสายตาชำเลืองมองเมอร์เซเดสที่ยืนอยู่ข้างตน

เมอร์เซเดสอ่านสีหน้าออก  เธอไต่ถามด้วยความเป็นห่วง

“ให้ฉันร่วมขบวนคุ้มกันไหม?”

แม้สิ่งที่เมอร์เซเดสเป็นห่วงที่สุดคือความปลอดภัยกริด  แต่เหตุการณ์กับราชาพ่อค้าเคียร์ได้มอบบทเรียนให้เธอ

กษัตริย์กริดต้องการให้ตนปฏิบัติหน้าที่อย่างยืนหยุ่นตามสถานการณ์  

ด้วยเหตุนี้  เมอร์เซเเดสจึงไม่ลังเลหากกริดจะสั่งให้เธอแยกจากเขาสักพัก

ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย  จากนั้นจึงส่ายศีรษะ

“ไม่เป็นไร  ไม่จำเป็น”

ขบวนคุ้มกันแข็งแกร่งมากพอแล้ว  แถมดาเมี่ยนยังส่งหน่วยพาลาดินคอยต้อนรับระหว่างทาง

ไอรีนกับลอร์ดอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย  การสิ้นเปลืองกำลังคนโดยใช่เหตุไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก

กริดเป็นกษัตริย์  ถึงจะรักครอบครัวเหนือชีวิต  แต่ก็ต้องรู้จักแยกแยะอย่างมีขอบเขต

การต้องสละเมอร์เซเดสอีกคนไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก

“เดินทางปลอดภัย”

กริดฉีกยิ้มกว้างพลางโบกมืออำลา

เขาเฝ้ามองจนกระทั่งรถม้าของไอรีนและลอร์ดลับสายตาไป

*** 

“คิคิก?  อะไรนะ?”

ชายผู้มีเส้นผมสีเขียวเข้มกำลังส่งเสียงหัวเราะประหลาด  ปากของมันอ้ากว้างจากซ้ายไปขวา  เผยให้เห็นเขียวสีขาวแหลมคม

แอ็กนัสจมอยู่ในภวังค์คลุ้มคลั่งชั่วครู่ก่อนสงบสติอารมณ์ ลง

“ขอทวนสัญญาอีกครั้ง  พวกแกต้องการยืมพลังของฉันเพื่อถล่มวาติกันใช่ไหม?”

วิหารยาธานและแอ็กนัสลอบทำสัญญากันอย่างลับ

แอ็กนัสไม่มีทางเลือกมากนัก  มันต้องการเจียระไนศิลาแห่งชีวิตโดยเร็ว  และภารกิจจากวิหารยาธานคือทางลัด  

เมื่อเล็งเห็นจุดนี้  ฝั่งวิหารจึงหวังพึ่งพาพลังของแอ็กนัสอย่างเต็มที่

และอันที่จริง  ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลต้องมีความสัมพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับวิหารยาธานอยู่แล้ว

“หืม…”

รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้าแอ็กนัส

มันขมวดคิ้วอ่านรายละเอียดภารกิจพลางลุกขึ้นยืน

“ช่วยไม่ได้ละนะ”

สำหรับแอ็กนัส  พลังของวิหารยาธานคือสิ่งจำเป็น  มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสานสัมพันธ์อันดีไว้

ใบหน้าของโรสเริ่มส่องประกายเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจ

เธอไม่วันรู้เลยว่า  บุคคลที่ตนคิดว่าเป็นไพ่ตายในตอนนี้  ภายหลังจะเป็นอุปสรรคตัวฉกาจของแผนการใหญ่ทั้งหมด

เหตุการณ์จะดำเนินไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด

*** 

วาติกันกำลังยุ่งวุ่นวาย

คนของโบสถ์ต้องเตรียมการมากมายหลังจากทราบว่า  ราชินีไอรีน  และองค์ชายลอร์ด  แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับโบสถ์รีเบคก้า  จะเสร็จมาเยือนวาติกันด้วยตัวเองในครั้งนี้

ดาเมี่ยนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

เขาจินตนาการไม่ออกว่า  ปัจจุบันลอร์ดตัวน้อยจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับใดแล้วหลังจากไม่ได้พบกันแสนนาน

อิสซาเบล  หนึ่งในสามบุตรีแห่งรีเบคก้า  เธอกล่าวตำหนิดาเมี่ยน

“ได้โปรดสำรวจด้วย”

“อะแฮ่ม!  ถ้าอิสซาเบลจังต้องการแบบนั้นล่ะก็…”

ห่างไกลออกไป  ขบวนรถม้ากำลังเคลื่อนผ่านขึ้นตีนเขาซึ่งเป็นทางเข้าเดียวของโบสถ์หลัก

จนกระทั่งขบวนเคลื่อนถึงหน้าเทวรูปใหญ่รีเบคก้าใจกลางวาติกัน  ทุกคนได้เห็นขบวนรถม้าที่หรูหราอลังการสมฐานะกษัตริย์แห่งอาณาจักรเต็มสองตา

พวกเขาพลันตระหนักถึงความมั่งคั่งร่ำรวยที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สั่งสมไว้

“โอ้…!”

สาวกรีเบคก้าต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อเด็กหนุ่มผู้หนึ่งก้าวขาลงจากรถม้า

โดยเฉพาะเหล่าอาวุโส  คนกลุ่มนี้แสดงสีหน้าชื่นชมเป็นพิเศษ

อาวุโสรีเบคก้าเคยคาดหวังกับลอร์ดไม่มาก  แต่ความคิดนั้นต้องเปลี่ยนไป  ทุกคนกุลีกุจอเดินลงจากบันไดพลางกล่าวทักทายลอร์ดด้วยตัวเอง
 
และสิ่งที่พวกเขาคิดในหัวคือ… 

“สันตะปาปาที่แท้จริง!”

“เดี๋ยวสิ!  ทำไมสันตะปาปาถึงเป็นคนจากอาณาจักรโอเวอร์เกียร์?”

ดาเมี่ยนมีท่าทีกระอักกระอ่วนไม่น้อย

เหล่าอาวุโสต่างรุมล้อมลอร์ดโดยไม่สนใจดาเมี่ยนที่ยืนเหงาหงอยข้างกายอิสซาเบลด้านหลัง

เมื่อลอร์ดหันไปเห็นดาเมี่ยน  เด็กน้อยส่งเสียงตะโกน

“ท่านอาจารย์ดาเมี่ยน!”

“มาแล้วหรือ?  ลอร์ดจังตัวน้อยของอา”

เด็กหนุ่มผู้กุมหัวใจ ‘เด็กสาวที่ถูกเลือกของรีเบคก้า’  ปัจจุบันได้หวนกลับมาพบบุตรีแห่งรีเบคก้าที่แท้จริงอีกครั้ง

ทว่า…  

เหตุใดใบหน้าของเทวรูปรีเบคก้าใหญ่ถึงจ้องมองลงมาอย่างหม่นหมองนัก?  

อิสซาเบลมิอาจสลัดความกังวลออกไปจากใจได้เลย

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ขอขอบพระคุณ​ผู้แปลเป็นอย่างยิ่ง
    ที่เสียสละทั้ง​แรงและเวลาเพื่อแปลให้พวกเราได้ติดตามอ่าน

    ขอบคุณ​มาก​ครับ​🙏

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณเช่นกันครับ จะรอติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ

      Delete
  2. ไม่นะ ขอล่ะแค่ตอนที่ข่านตายเราก็ช้ำใจมากเกินพอแล้ว ถ้าเป็นอยากที่เราคิดผู้เราคิด คนแต่งเรื่องจะใจร้ายกับกริดมากไปนะ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ถ้าเป็นแบบนั้น
      มันจะเศร้า​เกินไปนะ
      อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย

      Delete
    2. ไม่ที่จริงแล้วมันเป็นเวทีสำหรับลอร์ดให้โชวเทพ(เดานะ)

      Delete
    3. เราก็คิดเช่นนั้น มีทั้งคาซิม มีทั้งคนคุมครอง แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะต่อสู้ เพราะเป็นพลังมืด แต่ถ้าไอรีนตายนี้งานงอกเลยกริด คิดว่าตัวละครของลอร์ดยังสามารถพัฒนาได้อีกถ้าไอรีนตาย เพราะลอร์ดและกริดจะต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องคนในครอบครัวที่ตนเองรัก แม้แต่ NCP ก็ตาม .....แค่แสดงความคิดเห็น[เดาล้วนๆ]

      Delete
    4. รอดครับ!!สปอยนิดหน่อย555

      Delete
  3. คิดถึง​นะครับ☺️

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00