จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 869



    “กัดกร่อนวิญญาณ!”

    “เสียกเพรียกต้องสาป!”

    “ธรณีแห่งเมลเพีย!”
    
    “แรงปรารถนาต้องห้าม!”

    สันตะปาปาดาเมี่ยนถูกต้อนรับอย่างหนักหน่วงจากกลุ่มจอมเวทมืด  

    มนตร์ดำนานาชนิดพุ่งกระจายโอบล้อมร่างกาย  จิตใจ  และดวงวิญญาณดาเมี่ยนไว้  

    แต่พวกมันทำได้เพียงเพ้อฝัน

[ สันตะปาปามิอาจถูกความมืดกัดกร่อน ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘ถูกกัดกร่อน’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘สับสน’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘หิวกระหาย’ ]
[ ท่านต้านทานอาการ ‘คลุ้มคลั่ง’ ]

    สันตะปาปามีพลังต้านทานมนตร์ดำเกือบทุกชนิด  

    ในฐานะพาลาดิน  ดาเมี่ยนมีค่าต้านทานเวทมืด 80% และต้านทาน CC มนตร์ดำ 100% ฉากตรงหน้าสร้างความประหลาดใจแก่จอมเวทมืดนับพันมาก  

    เวทมนตร์ของพวกมันไม่ส่งผลใดต่อดาเมี่ยนเลยหรือ?  

    สาวกยาธานต่างพากันทึ่งเมื่อตัวตนพวกมันกลายเป็นสิ่งไร้ค่า  ผลลัพธ์นี้สร้างปรากฏการณ์เชิงบวกแก่ฝ่ายรีเบคก้าอย่างมาก

[ การปรากฏตัวของสันตะปาปารีเบคก้าทำให้สาวกยาธานเสียขวัญ ]
[ ค่าต้านทานเวทมนตร์และพลังป้องกันของสาวกยาธานลดลง 60% ]

[ ข้ารับใช้ยาธานมีหน้าที่ขับเคลื่อนมวลชน ]
[ ข้ารับใช้ยาธานต้านทานอาการเสียขวัญ ]

    “อะไรกัน…”

    ดาเมี่ยนทำให้สาวกยาธานหลายพันคนอ่อนแอลงเพียงแค่ปรากฏตัว?  

    อัศวินจากอาณาจักรกำลังไล่สังหารจอมเวทมืดทีละคนสองคน  ฉากตรงหน้าทำให้โรสถึงกับหมดคำพูด

    ‘พวกเขาต้องสู้ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาตลอด…’

    ดาเมี่ยนยังคงถูกรุมโจมตีจากมนตร์ดำนานาชนิด  เขาเริ่มตระหนักว่าสมากชิกโบถส์และอัศวินแต่ละอาณาจักต้องต่อสู้อย่างยากลำบากเพียงใดในช่วงที่ตนถูกขังอยู่ด้านใน  

    ทุกคนสู้โดยที่มีคำสาปจำนวนมากคอยกัดกร่อนร่างกาย  จิตใจ  และดวงวิญญาณ… 

    ขณะชื่นชมจิตใจที่ไม่ย่อท้อของทุกคน  ดาเมี่ยนร่ายเวทมนตร์สนับสนุนแก่สาวกรีเบคก้าพร้อมกับเหล่าอัศวินทุกคนด้วยบัฟ ‘ฝนแสง’   

    เวทบัฟสุดทรงพลังที่เขาได้รับหลังจากกลายเป็นสันตะปาปาสมัยที่สอง

[ ฝนแสง Lv.1 ]
    ท่านอ้อนวอนขอฝนแห่งแสงจากเทพธิดารีเบคก้า
* ฝนแสงจะตกโปรยลงจากฟากฟ้าภายในรัศมี 300 เมตรรอบตัวท่าน
* ทุกเป้าหมายที่ไม่ใช่ ‘มาร’ จะถูกฝนชำระล้าง  มีโอกาส 50% ที่จะขจัดอาการผิดปรกติในปัจจุบันพร้อมกับฟื้นฟูพลังชีวิต 10%
* ทุกเป้าหมายที่เป็น ‘มาร’ จะถูกฝนแผดเผา  มีโอกาส 50% ที่อาการผิดปรกติในปัจจุบันจะเพิ่มระยะเวลาขึ้นสองเท่าพร้อมกับลดพลังชีวิตลง 10%
มานาที่ใช้ : 5,000
ระยะหน่วงหลังใช้ : 50 นาที

    แม้อาจไม่ใช่ทักษะล้างบัฟที่หวังผลได้ 100%  แต่ก็เป็นบัฟหมู่ที่มีข้อดีอยู่มาก  
    
    สิ่งเด่นชัดที่สุดคงหนีไม่พ้นการฮีลหมู่ 10% เป็นวงกว้างซึ่งแม้แต่นักบุญหญิงรูบี้ก็มิอาจทัดเทียม  ยิ่งไปกว่านั้น  ระยะแสดงผลของทักษะยังกว้างไกลถึงสามร้อยเมตร  

    ฝนสีทองสาดส่องทั่วฝืนฟ้าสีดำมืด

    “อ๊ากกกก!”

    สาวกยาธานส่งเสียงกรีดร้องดุจดั่งไฟนรกแผดเผา

    “อา…”

    “ร่างกายเบาลง…”

    “หลวงพ่อจงเจริญ!”

    สาวกรีเบคก้า  ตระกูลราชวงศ์  รวมถึงเหล่าอัศวิน  ทุกคนต่างดื่มด่ำบรรยากาศแสนสดชื่นที่ดาเมี่ยนมอบให้  

    พวกเขาเริ่มได้รับค่าพละกำลังที่สูญเสียไปกลับคืน  ขวัญกำลังใจกองทัพเพิ่มขึ้นทันตาเห็น  สถานการณ์สงครามเริ่มพลิกผัน  

    โรสพยายามข่มความเจ็บปวด  ภายในใจหล่อนเต็มไปด้วยคำถามมากมาย

    ‘หมอนี่หลุดจากม่านทมิฬได้ยังไง?’

    ในสายตาสาวกยาธาน  ‘แก่นยาธาน’ คือน้ำยาครอบจักรวาลที่สามารถทำได้ทุกสิ่ง  

    ตั้งแต่คำสาปเรียบง่ายไปจนถึงการอัญเชิญจอมอสูร… 

    ไม่มีสิ่งใดชั่วร้ายไปกว่าการนำแก่นยาธานผสมผสานกับมนตร์ดำอีกแล้ว  ผลของมันสามารถล้างสมองและกัดกร่อนจิตใจอดีตหนึ่งในสองเสาหลักจักรวรรดิ—อัสโมเฟล  

    ว่ากันว่า  แม้แต่อดีตสันตะปาปาเดรวิโก้ยังต้องการครอบครองแก่นยาธานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  

    แถมยังมีข้อสันนิษฐานว่า  แก่นยาธานสามารถใช้สร้างความผิดปรกติแก่ต้นไม้โลกได้  

    แก่นยาธานทำได้ทุกสิ่ง—คำกล่าวนี้มิได้เกินจริง 

    ม่านทมิฬถูกสร้างจากสุดยอดมนตร์ดำผสานกับแก่นยาธานปริมาณมาก  เป็นเวทมนตร์ที่ข้ารับใช้ยาธานทุกคนมั่นใจว่าสามารถผนึกสันตะปาปาได้ตลอดรอดฝั่ง

    เช่นนั้นแล้ว  ดาเมี่ยนหลุดพ้นจากม่านทมิฬได้อย่างไร?

    ขณะโรสขมวดคิ้วครุ่นคิด  อลิเบิร์นแผดเสียงตะโกน

    “ไอ้สุนัขรีเบคก้า!  หยุดฝนบัดซบเดี๋ยวนี้!”

    ข้ารับใช้ยาธานลำดับสามกล่าวข่มขู่สันตะปาปาอย่างไม่เกรงกลัว  มันชี้นิ้วไปยังดาบที่ถูกปักในหินพลางเปล่งเสียงคำราม

    “ถ้าแกไม่หยุด!  สัญลักษณ์ของพวกแกจะถูกทำลาย!”

    “…!”

    สาวกรีเบคก้าที่เริ่มได้รับความมั่นใจกลับคืนมา  ยามนี้ต้องหน้าถอดสีอีกครั้ง     

    พวกเขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสัญลักษณ์ของฝ่ายตนกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือศัตรู

    “พวกเราจะทำยังไงกันดี…?”

    ยิ่งเป็นสาวกยาวนาน  คนเหล่านี้ก็ยิ่งยึดติดกับสัญลักษณ์  

    คนสูงอายุมักภาคภูมิใจกับหน่วยงานหรือองค์กรที่สังกัด  เนื่องจากมีประวัติศาสตร์และสิ่งยึดเหนี่ยวที่ศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม  

    เป็นสาเหตุที่หลายประเทศทั่วโลกนิยาม ‘สมบัติแห่งชาติ’

    เหล่าอาวุโสทุกคนล้วนออกอาการลนลาน  แต่ดาเมี่ยนตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “อยากทำอะไรกับดาบเล่มนั้นก็เชิญ”        

    “…?”

    ข้ารับใช้ยาธาน  สาวกยาธาน  สภาอาวุโสรีเบคก้า  สาวกรีเบคก้า  ทุกคนต่างขมวดคิ้วในสิ่งที่ได้ยิน  

    ทุกฝ่ายถึงขั้นชะงักการต่อสู้กลางคัน  พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าสันตะปาปาดาเมี่ยนจะละทิ้งสัญลักษณ์ของรีเบคก้าง่ายดายขนาดนี้ 

    ดาเมี่ยนย่อมทราบถึงบรรยากาศหม่นหมอง

    “ฉันหมายความอย่างที่พูด  ดาบเล่มนั้นเป็นเพียงสมบัติเก่าแก่ไร้ค่า”  

    “…”

    “สัญลักษณ์อะไรกัน?  องค์เทพธิดารีเบคก้าต่างหากที่เป็นสัญลักษณ์ของโบสถ์!  การไม่มีดาบเล่มนั้นจะทำให้สันตะปาปามิใช่สันตะปาปาหรืออย่างไร?  ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของโบสถ์รีเบคก้าถูกจารึกได้นานหลายร้อยปีโดยไม่ต้องพึ่งพาดาบเล่มนั้น!!  ไม่มีเหตุผลให้ต้องยึดติดกับสมบัติเก่าแก่ที่หาประโยชน์มิได้”

    “เหลวไหลสิ้นดี!  แกกำลังกำลังบอกว่าของวิเศษทั่งทั้งทวีปคือสมบัติไร้ค่างั้นหรือ?”

    “แล้วแกคิดว่าดาบเล่มนี้มีคุณค่ารึไง?”

    “…”

    “พวกแกคือกลุ่มสาวกที่อุทิศตนให้กับจอมอสูร  มีเป้าหมายแปรเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นปศุสัตว์ของเผ่าอสูร  ในสายตาพวกแก  ดาบเล่มนี้จะมีคุณค่าสักเท่าไรกันเชียว?  เช่นนั้นแล้ว  ทำไมแกต้องยัดเยียดให้ฉันเห็นคุณค่าของมัน?”

    “…”

    “ถึงจะเคยมีมูลค่ามากเพียงใดในอดีต  แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผ่านมานานแล้ว  ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ!  สำคัญกว่าสมบัติเก่าแก่อย่างเทียบไม่ติด!  พวกแกเข้าใจรึเปล่า?  ไอ้พวกขยะ”

    ดาเมี่ยนร่ายยาวในสิ่งที่เคยอ่านในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น  โอตาคุตัวยงอย่างเขาย่อมได้ยินคำพูดคมคายเช่นนี้ผ่านหูผ่านตานับครั้งไม่ถ้วน  โดยเฉพาะหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นและอนิเมะ  สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อความคิดและการปฏิบัติตัวของดาเมี่ยนมาก  

    อลิเบิร์นยากจะปฏิเสธถ้อยคำข้างต้นด้วยเหตุและผลที่มันมี  

    อันที่จริง  อลิเบิร์นค่อนข้างเสียเปรียบในหัวข้อการโต้เถียงครั้งนี้  ความเงียบงันของมันส่งผลให้เหล่าสาวกยาธานเสียขวัญยิ่งกว่าเก่า

    ทว่า  กำลังใจฝ่ายรีเบคก้าก็ไม่สู้ดีนัก  เหล่าสาวกผิดหวังในคำประกาศกร้าวจากสันตะปาปาดาเมี่ยน  สถานการณ์เริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

     โดยเฉพาะตัวดาเมี่ยนเอง  เขาได้รับภารกิจที่ต้องทวงดาบศักดิ์สิทธิ์กลับคืน  หากภารกิจนี้ล้มเหลว  คนที่เสียหายที่สุดคงหนีไม่พ้นดาเมี่ยน  

    แม้ว่าปากจะกล่าวเช่นไร  แต่จุดประสงค์ดาเมี่ยนในการนำดาบศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาก็ไม่เปลี่ยนไป

    แล้วเหตุใดดาเมี่ยนถึงประกาศว่าไม่สนใจดาบศักดิ์สิทธิ์?  

    ลองนึกดูให้ดี  หากดาเมี่ยนมีสีหน้าลังเลหรือแสดงอากัปกริยายึดติดกับดาบอย่างเห็นได้ชัด  อลิเบิร์นจะฉวยโอกาสดังกล่าวข่มขู่สารพัดโดยมีดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นตัวประกัน  สถานการณ์ฝั่งดาเมี่ยนและสาวกรีเบคก้าจะตกเป็นรองอย่างไม่ต้องสงสัย
    
    ลงเอยด้วย… 

    “ชิ…!”

    อลิเบิร์นกำดาบที่ปักในหินด้วยฝ่ามือสั่นระริก  เมื่อสันตะปาปาไม่แยแสดาบเล่มนี้  มันจึงมิอาจใช้เป็นตัวประกันได้อีก

    ‘ฟู่ว!’

    ดาเมี่ยนยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย  แม้ภายในใจจะโล่งไปหลายส่วน

    “คงต้องจัดการด้วยตัวเองสินะ  จงออกมา!  ผู้เฝ้าประตูนรก!”

    อลิเบิร์นอัญเชิญเซอร์เบอรัสจำนวนมาก  สุนัขสามหัวหลายตัวพุ่งกระโจนเข้าหาดาเมี่ยนพลางอ้าปากกว้างพ่นไฟโจมตี

    แม้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมร่างกาย  แต่ดาเมี่ยนก็มิอาจทนความร้อนจากขุมนรกไหว  เขารีบก้าวขาถอยหลัง

    ทันใดนั้น  ถึงคราวข้ารับใช้ยาธานลำดับเจ็ดอย่างฮิลล์เริ่มลงมือ  

    แทบไม่น่าเชื่อว่า  ด้วยร่างกายชายวัยกลางคนที่อ้วนท้วม  ฮิลล์สามารถขยับร่างกายได้คล่องแคล่วเหนือความคาดหมายทุกคน  ดวงตาดาเมี่ยนพลันเบิกโพลงขณะโยกตัวหลบกลุ่มก้อนเปลวเพลิงหลายสิบที่พุ่งเข้าใส่

    “กำปั้นหินของฉันชกได้เร็วถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที!  ย๊ากกก!”

    ในฐานะ NPC คลาส ‘มังก์’ อันดับหนึ่งของวิหารยาธาน  ฮิลล์สามารถปลดปล่อยกำปั้นได้ถึงสิบสองครั้งในหนึ่งวินาที  ฉากตรงหน้าดาเมี่ยนรวดเร็วราวกับขาคู่หน้าของแมวที่รัวข่วนตบใส่เหยื่อ  

    ทว่า  ฮิลล์แตกต่างจากแมวตรงที่มันมิได้น่ารักขนาดนั้น  กำปั้นของมันแข็งแกร่งราวกับศิลาพันปี

    ชุดเกราะดาเมี่ยนถูกรัวชกใส่ถึงสิบสองครั้งซ้อน

    “คุฮ่าฮ่าฮ่า!  เป็นยังไงบ้าง?  แกไม่มีทางรับมือสิบสองกำปั้นต่อหนึ่งวินาทีของฮิลล์ได้แน่”

    ตัวตนสันตะปาปาผู้ยิ่งใหญ่ที่สยบสาวกยาธานนับพันเพียงการปรากฏตัว  ยามนี้เริ่มตกที่นั่งลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้าข้ารับใช้ยาธานลำดับเจ็ดอย่างฮิลล์

    ฮิลล์กำลังฮึกเหิมได้ใจ  มันหมายปลิดชีพดาเมี่ยนให้ตายคาที่  

    แต่หารู้ไม่ว่า  ดาเมี่ยนเคยต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่โจมตีได้สามสิบครั้งในหนึ่งวินาทีมาแล้ว  สำหรับเขา  สิบสองกับปั้นจากฮิลล์แสนเชื่องช้าเมื่อเทียบกับวิชาดาบแพ็กม่า·ร่ายรำ 

    ยิ่งเวลาผ่านไป  ดาเมี่ยนเริ่มทำความเคยชินและตั้งรับอย่างมีระบบแบบแผน

    เขาเสกเวทมนตร์บาเรียเพื่อสลายหมัดจากฮิลล์  เป็นบาเรียสีเหลี่ยมจัตุรัสที่มองเห็นด้วยตาเปล่า  สลับกับการยกโล่ป้องกัน

    ทุกครั้งที่ฮิลล์ชกครบสิบสองหมัด  มันจะโยกตัวถอยหลังไปหนึ่งก้าว  และใช้เวลาอีกราวหนึ่งวินาทีเพื่อเริ่มโจมตีครั้งใหม่  

    ดาเมี่ยนไม่พลาดช่องว่างแสนมีค่านี้

    “แค่ก!”

    ดวงตาของฮิลล์เริ่มมีความสับสนเจือปน  มันส่งเสียงครวญครางเล็กน้อย  

    ดาเมี่ยนพ่นลมหายใจเหยียดหยัน

    “ฉันเคยสู้กับสัตว์ประหลาดที่เร็วกว่าแกมาแล้ว”

    ปัจจุบัน  สมรรถภาพร่างกายของดาเมี่ยนเพิ่มขึ้นหลายระดับจากบัฟแสงศักดิ์สิทธิ์ที่โอบล้อม

    … 

    ขณะเดียวกัน… 

[ อสูร ‘ดิวเลบุล’ บาดเจ็บสาหัสและหนีกลับขุมนรก ]
[ อัศวินความตาย ‘คาโฮ’ ได้รับความเสียหายเกินขีดจำกัดและถูกส่งกลับผืนปฐพี ]
[ ลิชูมูมัดเหลือพลังชีวิตต่ำกว่า 20%  กรุณาใช้งานอย่างระมัดระวัง ] 

    ‘ไอ้บัดซบนี่!’

    ฝนแสงของดาเมี่ยนสร้างหายนะแก่แอ็กนัสที่บาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้ว  

    ด้วยความสัตย์จริง  แอ็กนัสรู้สึกราวกับถูกทรยศ  มันถูกทุบเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง  

    แอ็กนัสเคยคิดว่าดาเมี่ยนจะยื่นมือช่วยเหลือ  แต่กลับกลายเป็นว่า  อีกฝ่ายลงมือโจมตีใส่ตนและบริวารแทน  

    แอ็กนัสหันไปจ้องมองซิลเวนัสด้วยสายตาอาฆาตแค้น  และเฉกเช่นแอ็กนัส  ซิลเวนัสมีสภาพย่ำแย่ไม่ต่างกันเมื่อหล่อนถูกฝนแสงเข้าอย่างจัง

    “ฉันจะฆ่าแกก่อน…!”

    “ไอ้คนทรยศ…!  ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!”

    “จากนั้นก็จะตัดหัวไอ้สันตะปาปาบัดซบนั่น!”

    “จากนั้นก็จะสาปใส่ไอ้สันตะปาปาสุนัขรีเบคก้านั่น…หือ?”

    ตกลงว่าแอ็กนัสเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่?  แล้วเหตุใดพวกมันต้องสู้กันเอง?  

    ซิลเวนัสขมวดคิ้วฉงน  เธอไม่พอใจเลยสักนิดที่ถูกชายเสียสติผู้นี้คอยพันแข้งพันขาไว้
    
    … 

    ในเวลาเดียวกัน… 

    “เกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย”

    ณ หมู่บ้านเล็กใต้เชิงเขาที่วาติกันตั้งอยู่  จอมปราชญ์สติกส์กำลังขมวดคิ้วมึนงงเมื่อตนและกริดถูกส่งตัวมายังถนนในหมู่บ้านแทนที่จะเป็นใจกลางวาติกัน

    “บาเรียปริศนาได้ขัดขวางเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติไว้  พวกเราจึงถูกส่งมาที่นี่แทน  ผมขอวิเคราะห์บาเรียนี้อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะหาทางสลายมัน…”

    “…”

    สิ่งนี้คือบาเรียทรงพลังที่ยินยอมให้เฉพาะสิ่งมีชีวิตประเภท ‘มาร’ ผ่านเข้าออก  

    ท่ามกลางหน่วยพาลาดินในหมู่บ้านที่รายล้อมอารักขากริด  ชายหนุ่มเงยหน้าจ้องมองม่านบาเรียด้วยสีหน้าหวั่นวิตก 

    จนะกระทั่งผุดความคิดหนึ่งขึ้น

    “ร่างมืด”

    “ฝ่าบาท!!”

    หนทางที่เร็วที่สุดในตอนนี้คือการบุกตะลุยเข้าไปตามลำพัง  สติกส์พยายามห้ามปรามเมื่อกริดคิดฝ่าวงล้อมศัตรูอย่างบ้าบิ่น  

    ทว่า  เมอร์เซเดสรีบห้ามสติกส์ไว้

    “องค์ราชาจะต้องช่วยราชินีกับองค์ชายได้แน่”

    เธอเป็นอัศวินประจำตัวราชาไม่ใช่รึไง?  เหตุใดถึงยอมปล่อยราชาเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนี้?  

    สติกส์หันมาขมวดคิ้วให้เมอร์เซเดส  เขามองว่าคำกล่าวของเธอเหลวไหลสิ้นดี  

    กริดฉีกยิ้มอย่างชอบใจ

    “เธอพูดถูก  ฉันจะรุดหน้าไปก่อน  ทันทีที่ทำลายม่านบาเรียสำเร็จ  รีบตามมาสมทบให้เร็วที่สุด  ฉันจะปกป้องไอรีนและลอร์ดไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น”

    ชายหนุ่มพุ่งตัวหายเข้าไปในความมืดมิดยามค่ำคื่น

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,266
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. มาแล้ว
    มาช้าแต่มานะ😁
    สนุก​มาก​ครับ👍

    นายคิดว่าสันตะปาปาจะบัฟให้ธาตุมืดได้หรือยังไง😆



    ReplyDelete
    Replies
    1. 555 สนุกมากครับ ขอบคุณ🙏😂ดีใจมากทีอัพให้อ่าน

      Delete
  2. เปลี่ยนมาอัพทุกวันเหมือนเดิมแล้วสินะ

    ReplyDelete
  3. อัพทุกวัน​สุดยอด

    ReplyDelete
  4. วันนี้ยังไม่มากรอครับ?

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00