จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 866
‘อะไรกัน?’
เป็นการโจมตีที่คาดไม่ถึงในสายตาซิลเวนัส ใครจะไปคิดว่าองค์ชายตัวน้อยจะชักดาบออกมากวัดแกว่ง?
ไม่สิ เรียกกวัดแกว่งคงไม่ถูกนัก การฟันของเด็กคนนี้มีท่วงท่าดาบที่งดงามและเฉียบคมราวกับถูกฝึกฝนอย่างหนัก
ทั้งทรงพลัง เกรี้ยวกราด และไร้ความสั่นคลอนในจิตใจ
ดาบพายุมีคุณสมบัติพิเศษในการระงับวงจรเวทมนตร์ของเหยื่อชั่วคราว
“อึก…!”
ซิลเวนัสถูกขังอยู่ในพายุรัศมีดาบที่ไร้ทางหนี อสูรธาตุมืดจะมีลักษณะพิเศษเป็นการ ‘หลอมรวมเป็นหนึ่งกับความมืด’ และ ‘ไหลไปตามสายลม’ ก็จริง แต่ทั้งสองทักษะจำเป็นต้องใช้วงจรมานาในการร่าย
พายุดาบทำให้วงจรมานาเป็นหมันชั่วคราว ส่งผลให้ซิลเวนัสมิอาจแสดงพลังที่แท้จริงและถูกลดความเร็วลงหลายระดับ
น่าเสียดายที่ลอร์ดยังเด็กและอ่อนล้าได้ง่าย
“ย๊ากกก!”
แต่อย่างน้อยก็มากพอจะยื้อเวลาให้อัศวินหนุ่มสาว รวมถึงรอยแมนและโค้ก เข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้ทันท่วงที
พวกเขาตีฝ่ากลุ่มจอมเวทมืดเข้ามาพร้อมกับรุมโจมตีใส่ซิสเวนัสที่ถูกขังในพายุ
โดยเฉพาะรอยแมน วิชาดาบของเธอทั้งเฉียบขาดและทรงพลัง ด้วยเทคนิคพิเศษที่รอยแมนใช้ การโจมตีจากเธอได้สะกดให้ซิลเวนัสตกอยู่ในอาการถูกแช่แข็งและล้มเป็นคอมโบต่อเนื่อง
“อึก…!”
CC ที่รอยแมนสำแดงออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้ซิลเวนัสเริ่มหวั่นวิตก
ท้ายที่สุด มันจำเป็นต้องงัดไพ่ตายออกมาใช้ ไพ่ตายดังกล่าวคือการสยายปีกที่อัดแน่นด้วยพลังอสูรปริมาณมาก
เมื่ออสูรกลับร่างที่แท้จริง พลังอสูรจะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันชั่วขณะ ซิลเวนัสได้เข้าสู่ภาวะ ‘บาเรียคุ้มกายพิเศษ’ ชั่วคราวที่ทำให้หลุดพ้นจาก CC ทั้งหมด
มันได้รับอิสระกลับมาอีกครั้ง วงจรมานาเริ่มไหลเวียน ดาบในมือสะบัดกวัดแกว่งอย่างเกรี้ยวกราด รัศมีดาบสีแดงส่องประกายวูบวาบเต็มห้องโถง
เป้าหมายหลักคือกลุ่มอัศวินหนุ่มสาวโอเวอร์เกียร์รอบตัว
“หลบเร็ว!”
รอยแมนรีบตะโกนขณะพยายามปัดป้องรัศมีดาบสีแดง
แน่นอน เป้าหมายหลักของซิลเวนัสย่อมเป็นโค้กที่มีสภาพร่อแร่ การปกป้องไอรีนและลอร์ดตามลำพังทำให้ร่างกายโค้กสะบักสะบอมไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว
ชายคนนี้ใกล้ตายเต็มที รอยแมนย่อมเป็นกังวลถึงโค้ก
ปัจจุบัน โค้กไม่มีทางป้องกันการโจมตีจากซิลเวรัสได้หมดจดทุกดาบ เขาคงเสียชีวิตทันทีหากถูกเศษเสี้ยวรัศมีดาบแดงกระทบเข้าสักครั้ง
และสิ่งที่รอยแมนคิดนั้นถูกต้อง
‘จบสิ้นแล้ว’
พลังชีวิตโค้กเหลือเพียง 5%
การดื่มโพชั่นชดเชยไม่เพียงพอเมื่อยังถูกจอมเวทมืดรุมกระหน่ำโจมตีจากรอบทิศ
เมื่อไม่หลงเหลือทางรอด โค้กอ้าแขนรอรับความตายแต่โดยดี เขาไม่มั่นใจว่าจะปัดป้องรัศมีดาบสีแดงของซิลเวนัสได้หมด
ไม่มีอัศวินคนใดนอกจากรอยแมนที่ทำเช่นนั้นได้
เมื่อซิลเวนัสโบยบินกลางอากาศด้วยปีกอสูร ความเร็วของมันเพิ่มมากยิ่งกว่าที่โค้กคาดเดาไว้ เส้นขนทั่วร่างอัศวินหนุ่มเริ่มตั้งชันเมื่อมนตร์ดำเริ่มโอบล้อมร่างกายไว้รอบด้าน
เขาหันไปกล่าวกับรอยแมนด้วยรอยยิ้มขื่นขม
“ได้โปรด…ได้โปรดปกป้องราชินีและองค์ชายให้ได้”
“เซอร์โค้ก!”
รอยแมนรีบงัดหนึ่งในไพ่ตายของตน ‘ย่างก้าวชาวนา’ ที่ร่ำเรียนจากปิอาโร่
เธอย่อมทราบ โค้กคือบุคคลที่ถูกเทพอวยพรและสามารถคืนชีพใหม่ได้ แต่เธอไม่ต้องการสูญเสียพวกพ้องที่สำคัญในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้ หากขาดอัศวินโอเวอร์เกียร์เพียงหนึ่งคน รูปแบบการรบที่ถูกฝึกฝนจะพังครืนลงทันที
ยิ่งไปกว่านั้น รอยแมนยังทราบว่าบุคคลที่ถูกอวยพรจะพบความสูญเสียมหาศาลเมื่อต้องตายหนึ่งครั้ง
ย่างก้าวชาวนาช่วยให้รอยแมนเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด ประสิทธิภาพของมันใกล้เคียงกับ ‘ชุนโป’ ของยังบันเลยทีเดียว
ระยะห่างระหว่างตนและโค้กราวสิบสามเมตรถูกย่นระยะในพริบตา
“ฮิฮิ!”
กระนั้นก็ยังช้าเกินไป ซิลเวนัสอยู่ในท่วงท่าพร้อมสังหารโค้กแล้ว
[ องค์ชาย ‘ลอร์ด’ แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ต้องการแต่งตั้งท่านเป็นอัศวินประจำตัว]
[ กรุณายืนยัน ]
ขณะภาพการมองเห็นกลายเป็นแสงกระพริบสีแดง ข้อความระบบที่ไม่คุ้นชินได้แสดงขึ้นเบื้องหน้าโค้ก
ด้วยความเป็นแรงเกอร์ โค้กสามารถควบคุมสติได้อย่างน่าทึ่ง เขาไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว
“กระหม่อมขอรับใช้องค์ชายแต่เพียงผู้เดียว!”
[ ท่านกลายเป็นอัศวินประจำตัวองค์ชาย ‘ลอร์ด’ แห่งจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์ ]
[ ลอร์ดอัญเชิญท่าน ]
[ กรุณายืนยัน ]
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
วินาทีที่คมดาบซิลเวนัสสัมผัสกับแผ่นหลังโค้ก อัศวินหนุ่มตอบรับคำอัญเชิญและหายไปปรากฏตัวข้างกายลอร์ด
ดวงตาซิลเวนัสเปี่ยมด้วยความฉงนเมื่อดาบในมือฟาดฟันโดนเพียงความว่างเปล่า
“เหลวไหลสิ้นดี!”
เธอเมินเฉยรอยแมนที่พุ่งมาดักหน้า
ปัจจุบัน เป้าหมายหนึ่งเดียวคือองค์ชายตัวน้อยที่คอยแทรกแซงการต่อสู้หลายครั้งหลายหน
ซิลเวนัสพุ่งตัวเข้าหาองค์ชายวัยหกขวบด้วยความเร็วสูงสุด ลอร์ดมีสภาพอิดโรยหลังจากสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงมหาศาลในการใช้ดาบพายุ
แต่กระนั้น…
“ดาบกรีดนภา”
ลอร์ดใช้ดาบไม้ที่สร้างโดยช่างตีเหล็กในตำนานกวัดแกว่งสวนกลับการโจมตีที่พุ่งเข้าหาจากด้านบน
ดาบกรีดนภา—หนึ่งในทักษะที่ครอเกลรักที่สุดก่อนจะกลายเป็นอริยดาบ
เขาถ่ายทอดเคล็ดลับให้ลอร์ดมากมายสมัยพักอยู่ในเรย์ดัน สิ่งนี้คือหนึ่งในทักษะโจมตีสวนกลับที่ดีที่สุดของทวีป พลังของอาจารย์ผู้เป็นอัจฉริยะแห่งดาบถูกส่งผ่านมายังศิษย์เพียงคนเดียว
กรงเล็บสัตว์ป่าพุ่งสวนกลับเข้าหาซิลเวนัสหมายฉีกกระชากร่าง ปราณดาบปริมาณมหาศาลเชือดเฉือนร่างซิลเวนัสจนโลหิตสาดกระเซ็นเป็นฝอยทั่วโถงจัดงาน
“แค่ก!”
ซิลเวนัสบาดเจ็บหนักเป็นหนแรกนับตั้งแต่เข้าร่วมศึก หยดเลือดไหลซึมมุมปากเล็กน้อย
ดาบกรีดนภาแตกต่างจากพายุดาบมากในแง่พลังทำลาย ทักษะโจมตีสวนกลับชนิดนี้จะคำนวนความเสียหายแปรผันตามพลังโจมตีศัตรู และเสริมพลังโจมตีของผู้ใช้เข้าไปอีกเล็กน้อย
แม้ลอร์ดจะมีเลเวลเพียงหกสิบ แต่ความเสียหายที่สร้างแก่ซิลเวนัสกลับมหาศาล
“แค่ก…! แกนะแก! ไอ้เด็กนรก!!”
พลังชีวิตซิลเวนัสลดลงมากถึงหนึ่งในสิบส่วน ความเจ็บปวดอาจไม่มาก แต่โทสะย่อมเดือดดาลเป็นเท่าทวีเพราะอีกฝ่ายคือเด็ก เล็ก
มันต้องอับอายต่อหน้าสาวกรีเบคก้า สาวากยาธาน ตระกูลราชวงศ์ และผู้คนจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์
ซิลเวนัสไม่เคยรู้สึกอับอายเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่เกิด
ลงเอยด้วย…
“ตายไปซะ!! พลังสังหาร!!”
ซิลเวรัสถอดหน้ากากหญิงงามที่มันสวมใส่เป็นเวลานาน ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นอสูรเผ่ามืดที่ถูกยกให้เป็นเผ่าพันธุ์อัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
“อี๋ย!”
“น…นั่นอะไร?”
ผิวหนังมนุษย์ลอกออกและถูกแผดเผา ดวงตา จมูก และปาก ผสมปนเปมั่วซั่วด้วยรูปลักษณ์อสูร
ความอัปลักษณ์ของซิลเวนัสทำให้ทุกคนในโถงหลักถึงกับตะลึง ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวกยาธานด้วยกันเอง หลายคนถึงกับแสดงสีหน้าผิดหวัง
ขณะเดียวกันที่มุมหนึ่งของห้อง ข้ารับใช้ลำดับหก คาดิโอร่า มันกำลังแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ไม่มีใครรอดชีวิตกลับไปแน่”
นี่มิใช่คำกล่าวเกินจริง การที่ซิลเวนัสยอมแสดงใบหน้าอัปลักษณ์ หมายความว่ามันคิดสังหารทุกสรรพสิ่งรอบตัวจนหมดสิ้น ไม่สนว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
บุคคลที่เห็นร่างนี้ไม่เคยมีชีวิตรอด
“เคี๊ยกกกก!”
เสียงหวีดแหลมของซิลเวนัสทำให้ทุกคนในห้องโถงเริ่มปวดแก้วหู นี่คือเสียงกรีดร้องของอสูรมืดที่ตัดพ้อในความอัปลักษณ์
ทุกคนที่ได้ยินจะรู้สึกอึดอัด วงจรมานาปั่นป่วนกระทันหัน
สรุปโดยสั้นคือ มันคือทักษะที่อันตรายสำหรับทุกคน ถึงจะไม่สร้างความเสียหายทางกายภาพ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ธรรมดาจะทนไหว
“องค์ราชินี!”
ชักสเล่ย์รีบวิ่งเข้ามาปกป้องไอรีน
“แกคิดจะไปไหน?”
โรสไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เธอขัดขวางชักสเล่ย์ด้วยการยิงเวทมนตร์จากไม้เท้าบีเลียล (จำลอง) ที่ได้รับหลังจากสำเร็จภารกิจอัญเชิญ ‘บีเลียล’ จอมอสูรลำดับสามสิบสอง
“บ้าจริง…!”
ชักสเล่ย์ตะโกนขึ้นขณะเสียหลักล้ม เขาโมโหตัวเองที่มิอาจปกป้องราชินีได้ในยามคับขัน
อันที่จริง ชักสเล่ย์ไม่จำเป็นต้องกล่าวโทษตัวเอง การตรึงข้ารับใช้ลำดับแปดของยาธานไว้นานขนาดนี้นับเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมอย่างมาก
ผลงานของคาซิมและอิสซาเบลก็น่ายกย่องไม่แพ้กัน
“คิคิคิก!”
แอ็กนัส ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล มันจำต้องสลายอันเดดจำนวนมากรอบโถงใหญ่อย่างไม่มีทางเลือก
ลำพังตัวมันมิอาจรับมือคาซิมกับอิสซาเบลพร้อมกันไหวหากไม่ได้เอาจริง อัศวินความตายและอสูรจากขุมนรกคือตัวช่วยสำคัญในเวลาเช่นนี้
แต่ผลการต่อสู้กลับไม่เป็นไปตามที่แอ็กนัสคาดคิด ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลอาจแข็งแกร่งกับผู้เล่นก็จริง แต่ไม่ใช่กับ NPC พิเศษเลเวลมากกว่าสี่ร้อยจำนวนสองคน
จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลเป็น NPC เฉกเช่นแพ็กม่าในอดีต?
คำตอบคือ จะไม่ใช้คาซิมและอิสซาเบลที่เป็นอันตราย แต่ทั้งวาติกันรวมถึงดาเมี่ยนจะถูกทำลายราบคาบในพริบตา
ในฐานะผู้เล่น แอ็กนัสถูกพันธนาการความเก่งกาจไว้หลายด้านจนกว่าภารกิจคลาสของมันจะเสร็จสิ้นทั้งหมด
“กองทัพเงา!”
ในยามค่ำคืน คาซิมอัญเชิญกองทัพเงาที่แข็งแกร่งเพื่อสะกดการเคลื่อนไหวของแอ็กนัสให้ตกอยู่ในสภาพตั้งรับ ส่วนอิสซาเบลคอยใช้หอกไลฟาเอลจู่โจมใส่อสูรที่ถูกอัญเชิญจากขุมนรก
“คิคิก…! มากกว่านี้อีก! มากกว่านี้! คิฮ่าฮ่าฮ่า!”
แอ็กนัสคลุ้มคลั่งจนเกินเยียวยา สำหรับมัน วินาทีนี้ถือเป็นความสุขสุดยอดที่มันถวิลหามาแสนนาน
“หลวงพ่อ!”
“องค์ชายลอร์ด!”
“องค์ชายดูรันดัล!”
การสลายกองทัพอันเดดของแอ็กนัสได้เปิดทางให้หน่วยพาลาดิน กลุ่มเด็กสาวที่ถูกเลือกของรีเบคก้า รวมถึงทหารจากแต่ละอาณาจักรกรูเข้าไปในโถงหลักจัดงานเลี้ยง
เหล่าสาวกยาธานเริ่มถูกกวาดต้อน ความหวังเริ่มปรากฏในดวงตาสันตะปาปาดาเมี่ยนและตระกูลราชวงศ์ทุกอาณาจักร
แต่น่าเสียดาย…
ความหวังครั้งนี้อายุสั้นนัก
“พวกมดปลวก”
ข้ารับใช้ยาธานลำดับสาม อลิเบิร์น ในช่วงก่อนหน้า มันคอยแผดเผามานาของนักบวชและพาลาดินในโถงหลักเพื่อสะกดการกระทำของหน่วยองครักษ์วาติกัน
แต่ปัจจุบัน ถึงคราวที่มันเริ่มแสดงฝีมือที่แท้จริงบ้างแล้ว มานาที่ขโมยจากนักบวชและพาลาดินถูกแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนมนตร์ดำขนาดมหึมา
จากนั้น มนตร์ดำถูกยิงกระจายออกไปทุกทิศทางทั่วห้องโถง นักบวชและพาลาดินหลายคนต้องจบชีวิตในพริบตาเพราะมิอาจเค้นมานาใช้ทักษะป้องกัน
และโชคร้าย เหยื่อของมนตร์ดำครั้งนี้ยังรวมถึงกลุ่มเด็กสาวที่ถูกเลือกแห่งรีเบคก้า ใครบางคนในพวกเธอใช้ร่ายกายเป็นกำบังให้ที่เหลือจนต้องกลายเป็นแสงสีเทา
“เลอา!! แอนนี่!!”
โทสะของลอร์ดปะทุถึงขีดสุดเมื่อกลุ่มแฟนสาวคนสำคัญล้มตายไป เขาต้องการวิ่งเข้าไปฉีกอลิเบิร์นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่นั่นย่อมทำไม่ได้
ปัจจุบัน ลอร์ดกำลังอ่อนล้าสุดขีดหลังจากใช้สองทักษะดาบ และมารดาของตนกำลังตกอยู่ในอัตรายจากเงื้อมมือซิลเวนัส
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการปกป้องท่านแม่ บุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับตนและบิดา
“เคี๊ยกกกกก!”
เสียงกรีดร้องจากซิลเวนัสดังขึ้นอีกระลอก
“อึก!”
สีหน้าไอรีนกำลังบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด ลอร์ดพยายามใช้ร่างกายพยุงร่างเธอไว้ ส่วนโค้กใช้มือทั้งสองข้างคอยปิดหูไอรีนแน่น
แม้ร่างกายของตนกำลังมีเลือดไหลซึมจากรูหู โค้กมิได้แยแส
“ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่!”
“ชิ!”
จากคำสั่งของกริด ชีวิตของไอรีนและลอร์ดสำคัญที่สุด เขาจำต้องปล่อยมือจากแอ็กนัสอย่างไม่มีทางเลือก
เป้าหมายใหม่คือซิลเวนัส
ด้วยเหตุนี้ แอ็กนัสที่ตกเป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอดเริ่มได้รับอิสระกลับคืนมา
มันเงยหน้าขึ้น
…และได้พบไอรีนกับลอร์ด
“หือ?”
นั่นคือภรรยาและบุตรชายของกริดที่ตนเคยเห็นในทีวีก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?
ไม่ผิดแน่ ทั้งสองคือคนสำคัญของกริด
แอ็กนัสเริ่มขมวดคิ้ว ความทรงจำที่มันอยากลืมเลือนมากที่สุดพลันถูกกระตุ้น
สิ่งนี้ยังคงตามหลอกหลอนแม้จะผ่านมานานหลายปี ภาพของหญิงสาวที่ตนรักที่สุดถูกกำลังกลุ่มชายโฉดรุมย่ำยี…
“…เจ้าบ้ากริด”
กริดไม่เหมือนกับแอ็กนัสในอดีตที่อ่อนแอและไรพลัง กริดในปัจจุบันคือผู้ครอบครองพลังอำนาจมหาศาล
แล้วเหตุใดถึงปล่อยให้ภรรยาและบุตรชายคนสำคัญตกที่นั่งลำบาก? หรือต้องให้เกิดความสูญเสียก่อน? ถึงจะตาสว่างในภายหลัง
โทสะของแอ็กนัสปะทุขึ้นทันที
ดวงตาของมันเบิกโพลง ไพ่ตายที่เก็บงำมานานถูกงัดออกมาใช้
ลิชมูมัด
เวทมนตร์ผสานธาตุจากมูมัดพุ่งปะทะร่างซิลเวนัสที่กำลังจะจบชีวิตไอรีน
“แอ็กนัส! นายทำบ้าอะไรลงไป!”
โรสขมวดคิ้วพลางหันไปตวาด
“คิคิก! ใครจะสน? การปล่อยให้หญิงสาวที่อ่อนแอถูกทำร้ายต่อหน้า สิ่งนี้ใช่เรื่องที่เหมาะสมแล้วหรือ?”
แอ็กนัสตัดสินใจละทิ้งภารกิจ ‘กวาดล้างวาติกัน’ ลงกลางคัน
“หมาบ้าอย่างแก…ฉันอยากฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆ!”
“นายต้องเสียสติไปแล้วแน่!!”
ขณะเดียวกัน โถงหลังวาติกันกำลังเกิดเสียงระเบิดอย่างต่อเนื่อง อาคารเริ่มพังถล่ม แอ็กนัสฉวยโอกาสนี้เคลื่อนที่ไปหยุดเบื้องหน้าไอรีนและลอร์ด
…
ในช่วงเวลาเดียวกัน
ณ กรุงไรนฮาร์ท
เมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
“เร็วเข้า!”
กริดเร่งมือจอมปราชสติกส์
หลังจากได้รับข้อความส่วนตัวจากโค้กเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เขาต้องการเหาะไปให้ถึงวาติกันเสียประเดี๋ยวนี้
แต่เรื่องราวมิได้ง่ายดายขนาดนั้น
“อีกสักครู่…”
สติกส์เหน็ดเหนื่อยจากการสอนในโรงเรียนตลอดทั้งวัน เขาแทบไม่หลงเหลือมานาในช่วงค่ำคืน
การจะใช้งานเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม สติกส์จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ดูดซับมานาจากบรรยากาศนานถึงห้านาที ร่วมกับการดื่มโพชั่นมานาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกริด ห้านาทีช่างยาวนานราวกับสิบปี
ไม่สิ…
หนึ่งร้อยปี…
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
คุณสติ๊กทำไมเรายังไม่วาป
ReplyDelete😁
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง😆
ใช่ ยิ่งเวลามีเรื่องร้อนใจ เวลาเหมือนผ่านไปนานมาก ....พระเอกมักออกโรงที่หลังเสมอ ดีที่แอ็กนัสนึกถึงเมียที่ตายไป อย่างน้อยก็ปกป้องไอรีนและลอร์ดให้กริด แอบซึ่งตอนนี้เหมือนกัน ถึงจะบ้าและเหมือนคนเสียสติยังไง ในส่วนลึกของหัวใจก็ยังทำไม่ลง 🙏ขอบคุณแอดมากครับ สนุกมาก ๆ
ReplyDelete👍
Deleteแอ๊ดนัสฉันรักนาย
Deleteแอ๊กนัส👍
Deleteคิดถึงนะครับแอด😊
ReplyDeleteช่างยาวนานราวกับสิบปี🕙
ReplyDeleteก็อดกริด+แอ็กนัส พินาศ ยาธาน
ReplyDeleteเซงลุ้นให้ไอรีนกับลอดตายจะได้สนุกบ้างฝั่งพระเอกชนะจนเอียน
ReplyDeleteคิดอยู่แล้วว่ายังไงแอกนัสต้องช่วยไอรีนกับลอร์ด เพราะเกริ่นๆมาแล้วว่าแอกนัสจะทำแผนยาธานเสีย ต่อให้แย่จริงๆ แอกนัสก็จะปล่อยให้ไอรีนกับลอร์ดจนกว่ากริดจะมาถึง
ReplyDelete