จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 861
‘ยอดเยี่ยมมาก’
ผลลัพธ์ของมงกุฏราชาโอเวอร์เกียร์เหนือกว่าที่กริดคาดไว้ค่อข้างมาก
ชายหนุ่มประหลาดใจที่ผลงานของตนออกมายอดเยี่ยมกว่าไอเท็มเซ็ตเกรดเลเจนดารีอย่าง ‘มงกุฏแสงศักดิ์สิทธิ์’ ที่แพ็กม่าสร้างขึ้น
‘น่าเสียดายที่ค่าสติปัญญาค่อนข้างต่ำ’
มงกุฏราชาโอเวอร์เกียร์ถูกสร้างโดยเน้นสนับสนุนพลังต่อสู้ด้านกายภาพ ค่าสถานะจึงเน้นหนักไปในด้านพลังป้องกันมากกว่าสติปัญญา
แต้มค่าสติปัญญามิได้มาจากตัวมงกุฏ แต่มาจากอัญมณีบีเลียลทั้งสิบเม็ด
‘พลังทำลายลดลงเล็กน้อย…’
กระนั้น กริดกลับรู้สึกอุ่นใจในออปชั่นสร้างอาการ ‘สับสน’ แก่ศัตรูทุกคนที่เฝ้ามอง
อาการสับสนจะลดพลังป้องกันและพลังโจมตีชั่วคราว ออปชั่นนี้จึงเป็นสิ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กริดหลายด้าน
ศัตรูทุกคนที่จ้องมองมีโอกาสเล็กน้อยที่จะตกอยู่ในอาการสับสน เป็นทักษะติดตัวแสนสะดวกสบายที่ไม่ต้องใช้มานาหรือกังวลด้านระยะหน่วง
จะบอกว่าเป็นออร่าสร้าง CC แบบหมู่ก็ไม่ผิดนัก
ไม่ใช่แค่ขี้โกง แต่เข้าขั้นอาชญากรรม
“หืม…ว่าแต่”
กริดครุ่นคิดพลางจ้องมองภาพลักษณ์ ‘พอดูได้’ ของตัวเองในกระจก
ตัวตนร่างแฝดที่ยูร่ารายงานยังคงวนเวียนหลอกหลอนในหัว
สิ่งเดียวที่กริดนึกออกคือร่างโคลนที่ตนเคยพบบนหมู่เกาะเบเฮ็น โคลนตัวนั้นมีความเข้าใจในคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าอย่างถ่องแท้
เป็นศัตรูที่สร้างความสิ้นหวังให้กริดด้วยการแสดงทักษะแปลกใหม่ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยใช้งานมาก่อน ทักษะผสานที่กริดต้องใช้เวลาหลายวันเพื่อทำความเข้าใจ
ก่อนจะได้พบร่างโคลน กริดเป็นเพียงช่างตีเหล็กในตำนานตัวน้อย
ยิ่งการดวลดำเนินผ่านไป ช่องว่างระหว่างกริดและโคลนกลับยิ่งกว้างมากขึ้น
ไม่ใช่กริดเพียงคนเดียวที่เริ่มเข้าใจถึงแก่นผู้สืบทอดแพ็กม่า แต่ร่างโคลนก็ยังพัฒนาตัวเองในทุกวินาทีไม่ต่างจากกริด
จนกระทั่งถึงจุดที่กริดมั่นใจว่าตนไม่มีทางเอาชนะได้
ลงเอยด้วย เขาสร้างพลวงมั่วซั่วขึ้นและสวดภาวนาให้โชคเข้าข้าง…
‘เจ้านั่นตายตอนร่างมืดสินะ’
กริดเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ความตายในร่างมืดจะนำไปสู่ขุมนรกชั่วคราว
ร่างโคลนก็เหมือนกันงั้นหรือ?
‘แต่ด้วยบั๊กบางอย่าง โคลนจึงติดอยู่ในขุมนรกถาวร’
ยูร่าระบุชัดเจนว่า แฝดของกริดมีรูปลักษณ์ในโหมดร่างมืด
‘ไม่ผิดแน่ ตัวเราถูกส่งออกจากนรกในตอนที่บัฟร่างมืดหมดเวลา แต่เป็นเพราะโคลนไม่กลับร่างปรกติ มันจึงต้องอยู่ในขุมนรกถาวร’
กริดเริ่มขมวดคิ้ว
เขากังวลว่า ศัตรูที่ตัวเองในอดีตเอาชนะไม่ได้ ปัจจุบันกำลังวนเวียนในนรกเพื่อรอโอกาสฆ่าตน
หลังจากการเอาชนะโคลนบนหมู่เกาะเบเฮ็น กริดครอบครองทักษะวิชาดาบทัพหนึ่งแสน อัพเกรดไอเท็มอีกหลายชิ้น ได้รับพลังจอมอสูรสลักในอักขระ และอีกหลายสิ่งที่ส่งเสริมให้ตัวละครแข็งแกร่ง
เช่นนั้นแล้ว เหตุใดกริดถึงต้องกังวลกับร่างโคลนในอดีตที่สวมใสไอเท็มตกยุค?
คำตอบคือ เพราะอีกฝ่ายเองสามารถพัฒนาได้เช่นกัน
ยูร่ารายงานชัดเจน ร่างโคลนของกริดใช้วิชาดาบผสาน ‘ห้า’ ทักษะ แถมยังมีวิชาดาบชิดใหม่อย่าง ‘สะพรั่ง’
กริดไม่ประหลาดใจกับสะพรั่งมานัก มันคงเป็นหนึ่งในทักษะลับของแพ็กม่าที่ตัวเขาจะได้ครอบครองสักวันในอนาคต
แต่ที่น่าห่วงคือ
‘วิชาดาบผสานห้าทักษะ…’
คลื่นทำลายล้างร่ายรำสังหาร—เหตุผลเดียวที่กริดมีโอกาสครอบครองมัน เพราะเทพธิดารีเบคก้าเห็นใจและอวยพร
เป็นความช่วยเหลือจากเทพ กริดจึงเอื้อมถึงวิชาดาบผสานสี่ชนิดซึ่งสามารถคุกคามได้แม้กระทั่งเทพ และการครอบครองทักษะนี้ส่งผลให้เทพตนเกิดความอื่นริษยา
‘ทักษะที่ทรงพลังขนาดนั้นยังเกิดจากการผสานวิชาดาบเพียงสี่ชนิด…’
แต่ร่างโคลนกลับผสานได้มากถึงห้า
กริดมิอาจทำความเข้าใจได้ด้วยสติปัญญาในปัจจุบัน เขาอดเคลือบแคลงไม่ได้ว่า ยูร่าอาจเห็นหรือได้ยินมาผิดเพี้ยน
หากปักใจเชื่อคำพูดยูร่า สมมติฐานเดียวที่สามารถอธิบายเหตุการณ์นี้ได้ก็คือ…
‘หรือร่างโคลนได้รับพรจากยาธาน? หากเป็นเช่นนั้น การผสานห้าทักษะอาจไม่ใช่เรื่องเกือบเอื้อม…’
ไม่ว่าจะครุ่นคิดสักเพียงใด กริดก็ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดออกมา
เขายิ่งพบความประหลาดเมื่อพยายามขบคิดให้ซับซ้อนมากขึ้น
“แล้วพวกจอมอสูรมัวทำอะไรกันอยู่…? อ๊ะ!”
ชายหนุ่มฉุกคิดบางสิง
เขาหวนนึกถึงบทสนทนาประหลาดระหว่างตนและ ‘บีเลียล’ จอมอสูรลำดับสามสิบสองเมื่อครั้งสู้กันหน้าวังหลวงไรนฮาร์ท
หากจำไม่ผิด บีเลียลเรียกขานกริดอย่างมั่นใจว่า ‘ชายไร้วิญญาณ’
‘หรือหล่อนจะหมายถึงร่างโคลน?’
แปลว่าบีเลียลรับรู้การมีตัวตนของร่างโคลน
ในครั้งนั้น สีหน้าของบีเลียลแสดงถึงความหวาดหวั่นกริดชัดเจน หากให้เดา ความสัมพันธ์ระหว่างร่างโคลนและบีเลียลคงไม่ใช่มิตรภาพ
ในเมื่อไม่ใช่มิตร เหตุผลเดียวที่ร่างโคลนยังไม่ถูกกำจัดในขุมนรกก็คือ…
มันหนีรอดการคุกคามจากจอมอสูรมาได้ และถึงขั้นทำให้จอมอสูรหวาดกลัว
“ให้ตายสิ…”
ร่างโคลนตัวนั้นถูกป้อนคำสั่งให้ฆ่ากริดตั้งแต่เกิด หากมันยังมีชีวิตอยู่ กริดไม่มีวันได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแน่
ชายหนุ่มไม่อยากจินตนาการว่า ร่างโคลนตัวนั้นจะพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหนแล้ว
กริดก้มหน้าขมวดคิ้วอย่างกระวนกระวายใจ จนกระทั่ง…
“ท่านพ่อ”
เด็กหนุ่มแสนสดใสร่าเริงเดินเข้ามาใกล้
นัยน์ตาสีฟ้าครามที่กลมโตและลุ่มลึกราวผืนสมุทร
ผิวหนังเรียนเนียนขาวนวลได้จากแม่ เส้นผมสีดำขลับเงางามและดวงตาเรียวคมได้จากพ่อ
เด็กหนุ่มอนาคตไกลผู้นี้เป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากลอร์ด องค์ชายลำดับหนึ่งและรัชทายาทแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
“มีอะไรงั้นหรือ? ลอร์ดลูกพ่อ ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องรีบนอนเพราะตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเดินทางไปวาติกันพรุ่งนี้หรือ?”
สำหรับกริด ลอร์ดคือเลือดเนื้อเชื้อไขคนเดียวในโลก เขารักและเอ็นดูเด็กคนนี้จากก้นบึ้งหัวใจ
ชายหนุ่มโอบกอดบุตรชายด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ลอร์ดหัวเราะคิกคักเมื่อถูกบิดาใช้ท่อนแขนแสนอบอุ่นกอดรัดแน่น
เขาอมยิ้มหน้าแดง
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่คิดถึงพ่อ”
“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจ ลอร์ดของพ่อ ลูกสามารถมาหาพ่อได้ทุกเมื่อ พ่อยินดีต้อนรับเสมอ”
“ม…ไม่! ผมจะไม่ใช้ความเห็นแก่ตัวรบกวนเวลาทำงานท่านพ่อเด็ดขาด ท่านพ่อมีหน้าที่ต้องปกป้องทุกคนในอาณาจักร ผมจะหาโอกาสเป็นครั้งคราวเท่านั้น”
“ลูกพ่อ…”
กริดลูบศีรษะลอร์ดอย่างทะนุถนอม ดวงตาของชายหนุ่มพร่ามัวเมื่อบุตรชายตัวน้อยเป็นกังวลเกี่ยวกับอาณาจักร
สิ่งนี้ทำให้กริดอบอุ่นหัวใจ
ใช่แล้ว ลอร์ดมีตัวตนอยู่จริงบนโลก อย่างน้อยก็บนโลกใบนี้ ลอร์คคือมนุษย์ที่มีโลหิตของตนไหลเวียน
จุ้บ
คงดีไม่น้อยหากทั้งสองได้อยู่ด้วยกันในโลกแห่งความจริง
กริดสลัดความเสียดายทิ้งไป เขาจุมพิตท้ายทอยลอร์ดอย่างทะนุถนอม
“ท่านพ่อ ถ้าท่านพบเจออุปสรรคที่ยากลำบาก ท่านพ่อไม่ต้องฝืนตัวเอง ผมจะรีบเติบโตขึ้นเพื่อเป็นพลังให้ท่านพ่อ”
“…อา”
ในวินาทีนี้ กริดตัดสินใจหนักแน่นว่า เขาจะนำพาความสงบสุขมาสู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก่อนที่ลอร์ดจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ต้องให้มั่นใจว่า บุตรชายคนสำคัญของตนจะไม่พบเจอเหตุการณ์เลวร้ายหรือหดหู่ให้กระทบกระเทือนจิตใจ
‘ร่างโคลนเอ๋ย…แกเป็นได้แค่เศษเสี้ยวของฉันเท่านั้น’
ทุกสิ่งที่บังอาจคุกคามตน กริดจะทำลายทิ้งให้ไม่เหลือซาก
ขณะครุ่นคิดเช่นนี้ สายตาของเขาเย็นชายิ่งกว่าแสงจันทร์เต็มดวงยามค่ำคืน
***
“ไปดีมาดีนะ”
แสงแดดรุ่งอรุนของไรนฮาร์ทกำลังส่องประกายสีทองเจิดจ้า
ยามนี้ยังเช้าตรู่ ท้องถนนจึงเงียบสงบและเปี่ยมด้วยวิวทิวทัศน์งดงาม ไม่ใช่ทุกเมืองบนทวีปจะงดงามได้ถึงเพียงนี้
“เดินทางปลอดภัยนะ”
ในสายตากริด ไอรีนคือสตรีผู้งดงามอันดับหนึ่งของโลก เขามิอาจเก็บซ่อนสายตาหวนแหนขณะจุมพิตแก้มของหล่อน
กริดทั้งดีใจและภูมิใจที่ตนมีภรรยายอดเยี่ยมและเลอโฉมเช่นนี้
“ท่านพ่อ! ผมด้วย!”
ลอร์ดตัวน้อยอาแขนรอจุมพิตจากกริด
ชายหนุ่มมอบจุมพิตอันอบอุ่นจากบิดาพลางส่งเสียงกล่าวกับคาซิม
“ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใด ความปลอดภัยของสองคนนี้สำคัญที่สุดเสมอ”
“ขอรับ”
สุ้มเสียงหนักแน่นจากเงามืดได้มอบความมั่นใจให้กริด
ไอรีนและลอร์ดได้รับจดหมายเชิญให้เป็นแขกพิเศษของวาติกัน
จุดหมายปลายทางคือหนึ่งในสถานที่ปลอดภัยที่สุดของทวีป และขบวนคุ้มกันในคราวนี้ล้วนเปี่ยมด้วยบุคคลแข็งแกร่ง
ราชันย์เงา คาซิม
มหาจอมดาบ หัวหน้าอัศวินองรักษ์หลวง ชักสเล่ย์
อัศวินอนาคตไกล รอยแมน
รวมถึงเด็กสาวที่ถูกเลือกแห่งรีเบคก้าอีกสองร้อยคน ทั้งหมดคือขบวนคุ้มกันไอรีนและลอร์ดให้ถึงวาติกันอย่างปลอดภัย
แม้แต่แอ็กนัสก็มิอาจทำลายขบวนรบนี้ง่ายนัก
‘เพียงพอรึเปล่านะ…?’
กริดส่งสายตาชำเลืองมองเมอร์เซเดสที่ยืนอยู่ข้างตน
เมอร์เซเดสอ่านสีหน้าออก เธอไต่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ให้ฉันร่วมขบวนคุ้มกันไหม?”
แม้สิ่งที่เมอร์เซเดสเป็นห่วงที่สุดคือความปลอดภัยกริด แต่เหตุการณ์กับราชาพ่อค้าเคียร์ได้มอบบทเรียนให้เธอ
กษัตริย์กริดต้องการให้ตนปฏิบัติหน้าที่อย่างยืนหยุ่นตามสถานการณ์
ด้วยเหตุนี้ เมอร์เซเเดสจึงไม่ลังเลหากกริดจะสั่งให้เธอแยกจากเขาสักพัก
ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงส่ายศีรษะ
“ไม่เป็นไร ไม่จำเป็น”
ขบวนคุ้มกันแข็งแกร่งมากพอแล้ว แถมดาเมี่ยนยังส่งหน่วยพาลาดินคอยต้อนรับระหว่างทาง
ไอรีนกับลอร์ดอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย การสิ้นเปลืองกำลังคนโดยใช่เหตุไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดนัก
กริดเป็นกษัตริย์ ถึงจะรักครอบครัวเหนือชีวิต แต่ก็ต้องรู้จักแยกแยะอย่างมีขอบเขต
การต้องสละเมอร์เซเดสอีกคนไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก
“เดินทางปลอดภัย”
กริดฉีกยิ้มกว้างพลางโบกมืออำลา
เขาเฝ้ามองจนกระทั่งรถม้าของไอรีนและลอร์ดลับสายตาไป
***
“คิคิก? อะไรนะ?”
ชายผู้มีเส้นผมสีเขียวเข้มกำลังส่งเสียงหัวเราะประหลาด ปากของมันอ้ากว้างจากซ้ายไปขวา เผยให้เห็นเขียวสีขาวแหลมคม
แอ็กนัสจมอยู่ในภวังค์คลุ้มคลั่งชั่วครู่ก่อนสงบสติอารมณ์ ลง
“ขอทวนสัญญาอีกครั้ง พวกแกต้องการยืมพลังของฉันเพื่อถล่มวาติกันใช่ไหม?”
วิหารยาธานและแอ็กนัสลอบทำสัญญากันอย่างลับ
แอ็กนัสไม่มีทางเลือกมากนัก มันต้องการเจียระไนศิลาแห่งชีวิตโดยเร็ว และภารกิจจากวิหารยาธานคือทางลัด
เมื่อเล็งเห็นจุดนี้ ฝั่งวิหารจึงหวังพึ่งพาพลังของแอ็กนัสอย่างเต็มที่
และอันที่จริง ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลต้องมีความสัมพันธ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับวิหารยาธานอยู่แล้ว
“หืม…”
รอยยิ้มเริ่มจางหายจากใบหน้าแอ็กนัส
มันขมวดคิ้วอ่านรายละเอียดภารกิจพลางลุกขึ้นยืน
“ช่วยไม่ได้ละนะ”
สำหรับแอ็กนัส พลังของวิหารยาธานคือสิ่งจำเป็น มันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสานสัมพันธ์อันดีไว้
ใบหน้าของโรสเริ่มส่องประกายเมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพึงพอใจ
เธอไม่วันรู้เลยว่า บุคคลที่ตนคิดว่าเป็นไพ่ตายในตอนนี้ ภายหลังจะเป็นอุปสรรคตัวฉกาจของแผนการใหญ่ทั้งหมด
เหตุการณ์จะดำเนินไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด
***
วาติกันกำลังยุ่งวุ่นวาย
คนของโบสถ์ต้องเตรียมการมากมายหลังจากทราบว่า ราชินีไอรีน และองค์ชายลอร์ด แห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับโบสถ์รีเบคก้า จะเสร็จมาเยือนวาติกันด้วยตัวเองในครั้งนี้
ดาเมี่ยนเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
เขาจินตนาการไม่ออกว่า ปัจจุบันลอร์ดตัวน้อยจะมีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในระดับใดแล้วหลังจากไม่ได้พบกันแสนนาน
อิสซาเบล หนึ่งในสามบุตรีแห่งรีเบคก้า เธอกล่าวตำหนิดาเมี่ยน
“ได้โปรดสำรวจด้วย”
“อะแฮ่ม! ถ้าอิสซาเบลจังต้องการแบบนั้นล่ะก็…”
ห่างไกลออกไป ขบวนรถม้ากำลังเคลื่อนผ่านขึ้นตีนเขาซึ่งเป็นทางเข้าเดียวของโบสถ์หลัก
จนกระทั่งขบวนเคลื่อนถึงหน้าเทวรูปใหญ่รีเบคก้าใจกลางวาติกัน ทุกคนได้เห็นขบวนรถม้าที่หรูหราอลังการสมฐานะกษัตริย์แห่งอาณาจักรเต็มสองตา
พวกเขาพลันตระหนักถึงความมั่งคั่งร่ำรวยที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สั่งสมไว้
“โอ้…!”
สาวกรีเบคก้าต่างส่งเสียงฮือฮาเมื่อเด็กหนุ่มผู้หนึ่งก้าวขาลงจากรถม้า
โดยเฉพาะเหล่าอาวุโส คนกลุ่มนี้แสดงสีหน้าชื่นชมเป็นพิเศษ
อาวุโสรีเบคก้าเคยคาดหวังกับลอร์ดไม่มาก แต่ความคิดนั้นต้องเปลี่ยนไป ทุกคนกุลีกุจอเดินลงจากบันไดพลางกล่าวทักทายลอร์ดด้วยตัวเอง
และสิ่งที่พวกเขาคิดในหัวคือ…
“สันตะปาปาที่แท้จริง!”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมสันตะปาปาถึงเป็นคนจากอาณาจักรโอเวอร์เกียร์?”
ดาเมี่ยนมีท่าทีกระอักกระอ่วนไม่น้อย
เหล่าอาวุโสต่างรุมล้อมลอร์ดโดยไม่สนใจดาเมี่ยนที่ยืนเหงาหงอยข้างกายอิสซาเบลด้านหลัง
เมื่อลอร์ดหันไปเห็นดาเมี่ยน เด็กน้อยส่งเสียงตะโกน
“ท่านอาจารย์ดาเมี่ยน!”
“มาแล้วหรือ? ลอร์ดจังตัวน้อยของอา”
เด็กหนุ่มผู้กุมหัวใจ ‘เด็กสาวที่ถูกเลือกของรีเบคก้า’ ปัจจุบันได้หวนกลับมาพบบุตรีแห่งรีเบคก้าที่แท้จริงอีกครั้ง
ทว่า…
เหตุใดใบหน้าของเทวรูปรีเบคก้าใหญ่ถึงจ้องมองลงมาอย่างหม่นหมองนัก?
อิสซาเบลมิอาจสลัดความกังวลออกไปจากใจได้เลย
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ขอขอบพระคุณผู้แปลเป็นอย่างยิ่ง
ReplyDeleteที่เสียสละทั้งแรงและเวลาเพื่อแปลให้พวกเราได้ติดตามอ่าน
ขอบคุณมากครับ🙏
ขอบคุณเช่นกันครับ จะรอติดตามและเป็นกำลังใจให้เสมอครับ
Delete👍
Deleteไม่นะ ขอล่ะแค่ตอนที่ข่านตายเราก็ช้ำใจมากเกินพอแล้ว ถ้าเป็นอยากที่เราคิดผู้เราคิด คนแต่งเรื่องจะใจร้ายกับกริดมากไปนะ
ReplyDeleteถ้าเป็นแบบนั้น
Deleteมันจะเศร้าเกินไปนะ
อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
ไม่ที่จริงแล้วมันเป็นเวทีสำหรับลอร์ดให้โชวเทพ(เดานะ)
Deleteเราก็คิดเช่นนั้น มีทั้งคาซิม มีทั้งคนคุมครอง แต่แน่นอนว่ามันไม่ง่ายที่จะต่อสู้ เพราะเป็นพลังมืด แต่ถ้าไอรีนตายนี้งานงอกเลยกริด คิดว่าตัวละครของลอร์ดยังสามารถพัฒนาได้อีกถ้าไอรีนตาย เพราะลอร์ดและกริดจะต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องคนในครอบครัวที่ตนเองรัก แม้แต่ NCP ก็ตาม .....แค่แสดงความคิดเห็น[เดาล้วนๆ]
Delete🤔😄
Deleteรอดครับ!!สปอยนิดหน่อย555
Deleteคิดถึงนะครับ☺️
ReplyDelete🔎🤔
ReplyDelete