จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 854
เวทมนตร์ระดับสูงเกือบทั้งหมดของลิชมูมัดจะประกอบด้วยสองถึงสามธาตุ กับดักระเบิดก็ไม่ต่างกัน
มูมัดผสานเวทมนตร์ธาตุลมที่ทรงพลังเข้ากับการจุดระเบิดเปลวเพลิง ส่งผลให้เพลิงมีความรุนแรงและแม่นยำกว่าเวทมนตร์ธาตุไฟธรรมดา
จากประสบการณ์ของแอ็กนัส แม้แต่พาลาดินระดับสามที่มีค่าต้านทานเวทมนตร์สูงก็ยังบาดเจ็บเกินกว่าครึ่งหลอดในการโจมตีเดียว
‘แต่เธอกลับไม่เป็นอะไรเลย?’
ยูร่าปรากฏกายจากกลุ่มควันโดยปราศจากรอยขีดข่วน หลอดพลังชีวิตมิได้ลดลงมากอย่างที่ควร
“น่าสนใจดีนี่! คิคิก!”
ดวงตาแอ็กนัสเริ่มส่องประกายความสุขอีกครั้ง มันหลงลืมเจตนาดั้งเดิมจนหมดสิ้น
ตึกตัก!
หัวใจของมันกำลังเต้นโครมคราม
สิ่งเดียวที่ทำให้มันรู้สึกถึงการมีชีวิต คือการได้เผชิญสถานการณ์บีบเค้นกดดันจนแทบลืมหายใจ
“ยูร่าาาา!!”
“แอ็กนัส!”
คงเป็นการโกหกหากบอกว่าทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน
ก่อนอุกบากาตที่ชื่อกริดจะปรากฏตัวบนโลกและทำให้ตารางอันดับปั่นป่วน ยูร่าและแอ็กนัสรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี
ข้ารับใช้แห่งยาธานและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล—คนทั้งสองเคยเดินบนเส้นทางเดียวกัน และมีชะตาต้องทำภารกิจร่วมกันในบางครั้ง
แต่นั่นเป็นเรื่องราวสมัยอดีต
ความชั่วช้าที่วิหารยาธานก่อขึ้น มากมายเกิดกว่าที่ยูร่าจะยอมร่วมมือต่อไป ขณะเดียวกันเธอก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับกริด ลงเอยด้วยการหันหลังให้วิหารยาธานและกลายเป็นศัตรูกับแอ็กนัส สุดยอดตัวตนแสนชั่วร้าย
แอ็กนัสเลือกเดินบนเส้นทางชั่วช้าเพราะมันหนักแน่นในสิ่งที่ตนปรารถนา มันมิได้ชื่นชอบความชั่วร้ายและบ้าคลั่ง แต่หากสิ่งนี้นำพาให้ไปถึงปลายทาง มันจะยอมทำโดยไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
โชคชะตาจึงนำพาให้คนทั้งสองกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตซึี่งกันและกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องล้มลงในวันนี้ ทั้งสองมีชะตากรรมต้องกลืนกินอีกฝ่ายเพื่อให้ตนเองพัฒนาต่อไป
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่มีในตัวเลือก
ยูร่าและแอ็กนัสดวลกันเต็มฝีมือท่ามกลางดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกและแรงระเบิดจากเวทมนตร์
ทุกครั้งที่แสงสีฟ้าพุ่งจากปลายกระบอกปืนสั้น อสูรหนึ่งตนต้องจบชีวิตลง และทุกครั้งที่อสูรถูกอัญเชิญออกมาใหม่ แสงสีฟ้าจะพุ่งจากปลายกระบอกแทบทันที
ผนังหินด้านในของภูเขาเจรัดจะพังครืนทุกครั้งเมื่อมูมัดร่ายเวทสำเร็จ ส่วนแอ็กนัสจะได้รับบาดเจ็บเสมอเมื่อยูร่าสับเปลี่ยนรูปทรงอาวุธในมือ
“คิคิก! คิคิคิก! คุฮ่าฮ่าฮ่า! น่าสนใจมาก! เธอเก่งขึ้นเยอะเลยนี่?”
“อั่ก…!”
แรงกระแทกจากระเบิดเวทมนตร์มิใช่สิ่งที่ดูแคลนได้
ภูเขาเจรัดมีความสูงเป็นอันดับ 23 ของทวีป แต่มันกลับเล็กเกินกว่าจะรองรับแรงปะทะจากสองตำนานไหว พลังปะทะที่เหนือจินตนาการส่งผลให้ยอดเข้าทั้งลูกเริ่มถล่มจนมิอาจกลับสู่สภาพเดิม
“บ๊กจา! รีบหนีไป!”
“ต…แต่ว่า!”
สวาปามจกบัลเผ็ดไม่สนใจความดื้นรั้นของหลานสาวอีก เขารีบคว้าร่างเธอพร้อมกับวิ่งหนีออกลงจากยอดเขาโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมอง สวาปามจกบัลไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นี่ต่อจนถูกเพดานหินถล่มทับตาย
‘ยูร่าแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?’
สวาปามจกบัลเผ็ดสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างยูร่าในงานแข่งนานาชาติและปัจจุบัน
การรับมือแอ็กนัสร่างตำนานได้ถึงสิบนาทีเต็ม ไม่ใช่ว่าเธอเก่งกาจระดับเดียวกับกริดเลยหรือ? สวาปามจกบัลเผ็ดได้แต่นึกสงสัยว่า เธอทำยังไงถึงพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน
‘หรือเราเข้าใจผิดไป?’
แอ็กนัสอาจไม่ได้เก่งเท่ากริดตั้งแต่แรก?
ไม่สิ นั่นไม่ใช่แน่
เมื่อนำกริดกับแอ็กนัสมาเทียบกัน คงเป็นการยากที่จะให้บอกว่าใครเหนือกว่า
‘อาจเป็นเพราะเธอชนะทางแอ็กนัส…’
แสงสีฟ้าจากปลายกระบอกปืน สิ่งนี้สร้างความเจ็บปวดให้แอ็กนัสได้เสมอ รวมถึงอันเดดและจอมอสูรของมันด้วย
เดาได้ไม่ยากว่าคลาสนักล่าอสูรคงโจมตีใส่แอ็กนัสด้วยธาตุที่ชนะทาง แต่ถึงอย่างนั้น แอ็กนัสกลับรับมือได้สูสีจนน่าทึ่ง
‘ทำไมถึงมีพวกสัตว์ประหลาดเต็มไปหมด…’
แอ็กนัสคือระดับที่แตกต่างทุกคนอย่างชัดเจน
สวาปามจกบัลเผ็ดเกิดแรงกระตุ้นที่จะพัฒนาตัวเองเมื่อได้เห็นความทรงพลังของแอ็กนัส เป็นความรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งที่ได้พบกริด ไม่ว่าอย่างไร ตนต้องยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับคนกลุ่มนี้ให้ได้
แต่เพียงไม่นาน…
ความฮึกเฮิมพลันดับมอด
ร่างของคนผู้หนึ่งร่วงหล่นจากด้านบนขณะสวาปามจกบัลเผ็ดกำลังพาอลิซาเบธวิ่งหนีสุดชีวิต
เป็นร่างใครไปไม่ได้นอกจากยูร่า
คนทั้งสองชะงักฝีเท้าทันที
“พ…พี่สาว!”
“อึก…!”
หลอดพลังชีวิตของยูร่าแทบไม่หลงเหลืออีกแล้ว
ที่ยังหายใจอยู่ได้เพราะมีประกันชีวิตอมตะห้าวินาทีของตำนานคอยพยุงชีพ
เสียงหนึ่งดังแว่วจากท้องฟ้าด้านบน
“จบแล้วหรือ?”
“แอ็กนัส…!”
สวาปามจกบัลเผ็ดเริ่มเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นไปเห็นเจ้าของเสียงพูด
เทียบกับยูร่าที่ใกล้ตาย หลอดพลังชีวิตแอ็กนัสยังคงเต็มเปี่ยม สิ่งนี้หมายความว่า ตลอดสิบนาทีที่ผ่านมา การต่อสู้ที่เกิดขึ้นมิได้สูสี หากแต่ยูร่าถูกย่ำยีฝ่ายเดียว
สวาปามจกบัลเผ็ดรู้สึกหวาดกลัวมากกว่าชื่นชมนับถือ ไฟแห่งความมุ่งมั่นที่ต้องการยืนเคียงบ่าเคียงไหล่แอ็กนัสพลันต้องมอดสนิท
ท่ามกลางความเงียบงันของทุกฝ่าย…
หมับ!
แอ็กนัสร่อนลงและคว้าใบหน้ายูร่าไว้ด้วยมือข้างเดียว
“เธอทำให้ฉันสนุกมาก”
การต่อสู้เมื่อครู่มิใช่เรื่องง่ายสำหรับแอ็กนัส
อสูรสามตนที่ทำสัญญาต้องถูกส่งกลับขุมนรก แถมมันยังสิ้นเปลืองพลังอย่างมากเพื่อฝืนอัญเชิญมูมัดเป็นเวลานาน และถึงขั้นต้องงัดไพ่เด็ด ‘เสียงเย้ยหยันจากเบนทาโอ’ ในการสับเปลี่ยนพลังชีวิตระหว่างมันและยูร่า
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การต่อสู้ยากลำบาก มันต้องสิ้นเปลืองเนตรบาเอลไปกับสวาปามจกบัลเผ็ด ส่งผลให้พลังถูกใช้ออกไปมากกว่าที่ควร
“ถ้าเธอยอมมอบตัวตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่องแล้ว…”
แอ็กนัสชำเลืองสายตามองอีกฝั่งขณะใช้มือคว้าใบหน้ายูร่าไว้
สวาปามจกบัลเผ็ดพลันผงะถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ นี่เป็นพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ เขากำลังหวาดกลัวแอ็กนัสที่เอาชนะตนและยูร่าได้ติดต่อกัน
‘ใครจะปราบสัตว์ประหลาดตัวนี้ลง?’
กริด? ครอเกล? อาเรส?
นั่นเป็นไปได้จริงหรือ?
ลำพังกริดอาจทำลายหนึ่งเมืองได้ในพริบตา แต่แอ็กนัสก็ทำได้เช่นกัน
แอ็กนัสยังมีพลังสลายการโจมตีศัตรูแบบเดียวกับพรสวรรค์ของครอเกล ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการอัญเชิญโครงกระดูกเพื่อเป็นกำบังกระสุนจากยูร่า
เช่นนั้นแล้ว กองทัพของอาเรสล่ะ? แอ็กนัสเองก็มีกองทัพอันเดดและอสูรอัญเชิญที่ทรงพลังไม่แพ้กัน
‘ขี้โกงฉิบ…ไม่ว่าจะมองมุมไหน’
สวาปามจกบัลเผ็ดกลืนน้ำลายขณะแข้งขาสั่นระริก เขาถูกจิตคุกคามจากแอ็กนัสสะกดข่มจนก้าวขาไม่ออก
ขณะแอ็กนัสง้างดาบเตรียมแทงใส่หัวใจยูร่าด้วยมืออีกข้าง…
“เดี๋ยวก่อน!”
อลิซาเบธตะโกนขึ้น
“พอได้แล้ว! ฉันจะเจียระไนศิลาแห่งชีวิตให้นาย!”
“…”
แอ็กนัส ยูร่า และสวาปามจกบัลเผ็ด ทุกคนหันมองอลิซาเบธเป็นตาเดียว
เธอยืนยันอีกครั้งอย่างหนักแน่น
“ฉันจะฟังคำสั่งของนาย ได้โปรดไว้ชีวิตยูร่าและคุณลุงด้วย”
“ไม่มีปัญหา”
แอ็กนัสไม่ลังเลที่จะตอบรับคำขอ
มันมั่นใจ ต่อให้ยูร่าและสวาปามจกบัลเผ็ดฟื้นฟูพลังชีวิตและร่วมมือกันในภายหลัง แต่สองคนนี้ก็ไม่มีทางโค่นตนได้
ขณะศักดิ์ศรีของยูร่าถูกป่นจนไม่เหลือชิ้นดี เสียงหนึ่งที่เปี่ยมด้วยโทสะดังแว่วขึ้น
“ชีวิตพวกพ้องฉันไม่ใช่เครื่องมือต่อรองของใคร”
ยูร่า สวาปามจกบัลเผ็ด รวมถึงแอ็กนัส ดวงตาทุกคนพลันเบิกโพลง พวกเขาหันไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง
ชายผมดำกำลังย่างกรายเข้าใกล้ ดวงตาเรียวแหลมดุจดั่งพญาเหยี่ยว ร่างกายบึกบึนกำยำสมส่วน
เป็นใครไปไม่ได้นอกจากกริด
‘ทำไมเจ้าบ้านี่ถึงต้องโผล่ขัดขวางเราทุกครั้ง?’
แอ็กนัสขมวดคิ้วสับสน มันไม่ดีใจเลยสักนิด การปรากฏตัวของกริดคือสถานการณ์วิกฤติอย่างแท้จริง
เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นสีหน้าหวั่นวิตกจากแอ็กนัส ไม่เว้นแม้กระทั่งบุลเล็ตที่เคยอยู่อิมมอทัลมาตั้งแต่ต้น
“แอ็กนัส…”
บุลเล็ตทำได้เพียงอ้าปากค้างเมื่อพบบุคคลไม่คาดฝันในสถานที่ไม่คาดคิด
แอ็กนัสผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้เห็นบุลเล็ตยืนข้างกริด แต่ไม่มีใครเห็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเสียววินาที
ทันใดนั้น ดาบแห่งแสงหันคมแหลมพลางพุ่งเข้าหาใบหน้าแอ็กนัสอย่างฉับพลัน ท่ามกลางความตื่นตระหนก แอ็กนัสรีบอัญเชิญโครงกระดูกเพื่อเป็นกำบัง
มันต้องปล่อยมือจากยูร่าอย่างไม่มีทางเลือก
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”
กริดรีบพุ่งไปคว้าตัวยูร่าที่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงไว้
“…”
ยูร่ามิได้ยินดีนัก กลับกัน เธอก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง แต่ผิวแก้มออกอาการแดงระเรื่อเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วกริดสัมผัสเรือนร่าง
ยูร่ากัดริมฝีปากอย่างเจ็บแค้น
“ฉันมัน…”
‘อ่อนแอ’
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลยสักนิด ทั้งที่เธอฝึกฝนตัวเองอย่างหนักในนรกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
เธอมิอาจเป็นพลังให้กริดได้เลย มิอาจยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับชายคนนี้ได้
ยูร่ากลืนคำพูดทั้งหมดลงคอพร้อมกับปิดปากเงียบด้วยสีหน้าหดหู่
“เธอเก่งขึ้นมาก…”
กริดมิได้กล่าวเช่นนี้เพราะหลับหูหลับตาปลอบประโลมเธอ
“เพียงแต่ขาดไอเท็มที่ดี”
ปืนสไนเปอร์ซึ่งเป็นไพ่ตายในปัจจุบันสิ่งนี้กลับไร้ค่าในการดวลกับแอ็กนัส มันไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสซุ่มยิงอยู่แล้ว และถึงจะมีโอกาส แต่ก็คงถูกโครงกระดูกบดบังวิถีกระสุนเหมือนเช่นทุกครั้ง
กริดจึงเดาออกว่ายูร่าดวลกับแอ็กนัสด้วยปืนสั้นและดาบที่คล่องตัวกว่า
“เธอไม่มีอักขระเหมือนฉันกับมัน และเหนือสิ่งอื่นใด แอ็กนัสครอบครองปัจจัยสุดโกงไว้มากมาย”
กริดย่อมทราบ เพราะเขาเคยดวลกับแอ็กนัสมาแล้วหนหนึ่ง
ชายหนุ่มยังจดจำความน่าสะพรึงกลัวของ ‘เสียงเย้ยหยันจากเบนทาโอ’ ได้ดี และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน กริดไม่แปลกใจเลยสักนิดหากแอ็กนัสจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสักสิบเท่าหลังจากกลายเป็นตำนาน
เมื่อเทียบกับแอ็กนัส ยูร่ามีพรสวรรค์และสติปัญญาเหนือกว่ามาก แต่เป็นเพราะเธอไม่ได้สู้ในเวทีถนัด และยังมีไอเท็มกับทักษะที่ด้อยกว่าแอ็กนัสหลายเท่า
นี่คือการคาดเดาจากกริดที่มองด้วยภาพรวมเพียงผิวเผิน
“สู้กับมันอีกครั้ง”
ยูร่ามิได้อ่อนแอ กริดต้องการให้เธอตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ก่อนที่ศักดิ์ศรีของยูร่าจะถูกทำลายจนมิอาจลุกขึ้นยืนหยัดได้อีก
ชายหนุ่มเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เหมอลอยราวกับสติหลุดออกจากร่าง
เขาต้องการยูร่าในอดีตผู้เย่อหยิ่งและทระนงตนกลับคืนมา ยูร่าที่เคยจ้องมองกริดด้วยสายตาดูแคลนประหนึ่งมดปลวก
ในฐานะเพื่อนสนิท พวกพ้อง และผู้มีพระคุณ กริดต้องการดึงความมั่นใจของเธอคืนมา
[ ผู้เล่น ‘กริด’ ขอแลกเปลี่ยน ‘ดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมจนก่อเกิดภวังค์ปรารถนาแรงกล้า’ กับท่าน ]
[ กรุณายืนยัน ]
“นี่นาย…”
ถัดจากปืนวิศวกรรมเวทมนตร์อเล็กที่สร้างโดยแพ็กม่า กริดคิดมอบดาบเกรดมิธแสนล้ำค่าให้เธออีกหรือ?
ยูร่ารีบตอบปฏิเสธอย่างหวาดกลัว
แต่กริดยังดึงดันยื่นดาบให้อีกครั้ง
“ฉันแค่ให้เธอยืม ไม่คิดจะให้เธอติดหนี้สินจนหมดตัวแบบจิสึกะหรอกนะ”
“…”
สายตาของกริดแฝงความนัยไว้มากมาย เป็นความนัยที่คนทั้งสองเข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
หลังจากต่อต้านครู่หนึ่ง ยูร่ายอมรับดาบสีดำจากกริดแต่โดยดี จากนั้นก็หันไปจ้องมองแอ็กนัสด้วยสายตาอาฆาต
แอ็กนัสพ่นลมหายใจเหยียดหยัน
“สุนัขที่หมดสภาพไปแล้วคิดสู้อีกรอบงั้นหรือ?”
โทสะของมันพลันปะทุทุกครั้งที่ได้เห็นหน้ากริด
กริดเองก็เป็นเหมือนมันไม่ใช่รึไง? ถูกผู้คนกลั่นแกล้งอย่างล้ำเส้น ชีวิตต้องตกต่ำจากความมักง่ายและต่ำทรามของผู้อื่น
แล้วเหตุใด กริดถึงไม่คิดทำลายทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าแบบตน? เหตุใดกริดถึงไม่เสียสติและคลุ้มคลั่งไป?
ทำไมถึงยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้?
“ทำไมแกถึง…”
ไม่มอบความสิ้นหวังให้โลกใบนี้
“น่ารำคาญชะมัด…คิคิคิก! แกมันขวางหูขัดตาชะมัด!!”
โลกนี้มีช่างทำอัญมณีแค่คนเดียวรึไง? ทำไมตัวตนน่าคำราญถึงกองรวมกันที่นี่
ทำไมการเจียระไนศิลาแห่งชีวิตถึงมีอุปสรรคขัดขวางมากมายขนาดนี้?
สติแอ็กนัสขาดผึ่งโดยสมบูรณ์ สติที่มันพยายามรักษาไว้อย่างยากลำบากตลอดหลายสิบนาทีที่ผ่านมา
มันคำรามกึกก้อง
“ไปตายซะ!!”
พลังอสูรปริมาณมหาศาลระเบิดพวยพุ่งออกจากร่าง
กริดปกป้องสวาปามจกบัลเผ็ดที่บาดเจ็บและอลิซาเบธด้วยหัตถ์เทวะ จากนั้นรีบย้ายคนทั้งสองให้พ้นจากระยะอันตราย
วาบ!
ยูร่าพุ่งฝ่าพลังอสูรเบื้องหน้าเข้าประชิดแอ็กนัสด้วยความเร็วสูง
เธอเปิดฉากด้วยการยิงปืนสั้นทำลายโครงกระดูกที่เป็นกำบัง ถัดมาเป็นดาบอัสนีฯ ในมืออีกข้างที่ฟันซ้ำตามไปไม่ห่าง
“…!!”
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,263
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
5555 เยี่ยม คิดว่าอีกไม่นาน กริดจะได้สมาชิกใหม่ สวาปามกับองค์หญิงและสมาชิกของสวาปามอีกสองคน จะมาอยู่ในโอเวอร์เกียร์ในเร็วๆนี้แน่ คุณรู้จักก็อดกริดไหม? พระเอกของเรามักจะมาในเวลาสำคัญเสมอ ขอบคุณที่แปลครับ
ReplyDeleteมันส์~พะยะค่ะ
ReplyDelete😁👍
ขอบคุณครับ
ตอนนี้แปลได้มันสุดๆ
ReplyDeleteแอ็คนัสสู้ๆ
ReplyDeleteสงสารแอ็กนัส แต่ก็น่ะ
ReplyDeleteต้องเรียกว่า "เห็น❤️" คับ ..แต่ ไปตตายยยซ๊าาาา
Deleteทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะแอ็กนัสไม่ยอมพูดดีๆแบบคนทั่วไปแค่บอกไปว่าจะไปใช้ทำอะไรแค่นั้นก็พอแล้วมันไม่อัญเชิญจอมอสูรสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจถึงที่มาของนิสัย
ReplyDeleteองหญิงเหี้ยอะไร ดื้อด้านชิบหาย
ReplyDelete