จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 851
[มีผู้บุกรุกปรากฏตัวใน ‘ดันเจี้ยนเจรัดที่หนึ่ง’]
ข้อความระบบที่น่ากังวลแสดงขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
[ ห้องที่หนึ่งของดันเจี้ยนเจรัดที่หนึ่งถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ]
[ ห้องที่สองของดันเจี้ยนเจรัดที่หนึ่งถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ]
[ ห้องที่สาม… ]
[ ดันเจี้ยนเจรัดที่หนึ่งถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ]
“อะไรกัน?”
ภูเขาเจรัดมีทั้งหมดหกดันเจี้ยน ทุกดันเจี้ยนถูกติดติ้งเพื่อคุ้มครอง ‘องค์หญิง’ โดยจุดประสงค์หลักของดันเจี้ยนคือการขับไล่หรือกักขังผู้บุกรุกไว้
แต่กลับกลายเป็น ดันเจี้ยนหนึ่งแห่งใหญ่ได้ถูกทำลายในเวลาแทบจะพริบตา
“ฝีมือใครกัน…?”
ไม่น่าจะเป็นผู้เล่นได้ แม้แต่กริดในอดีตก็มิอาจทำลายได้เร็วขนาดนี้ แถมดันเจี้ยนเจรัดยังถือเป็นระดับสูงสุดของสวาปามจกบัลเผ็ด มีความยากมากกว่าดันเจี้ยนระวังสุนัขดุหลายเท่า
มันถูกทำลายเร็วเกินไป ในทางสามัญสำนึก นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
“หรือจะเป็นมังกร?”
ฉากความโหดเหี้ยมของมังกรบันเฮเลียยังคงตราตรึงในใจสวาปามจกบัลเผ็ดไม่เสื่อมคลาย เหตุการณ์ครั้งนี้อาจเป็นฝีมือมังกรที่ร่อนลงตีนเขาเจรัดและทำลายดันเจี้ยนปากทางเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
[ ผู้บุกรุกปรากฏตัวใน ‘ดันเจี้ยนเจรัดที่สอง’ ]
“ไม่ใช่มังกรแล้ว!”
บุคคลปริศนากำลังเล็งทำลายดันเจี้ยนตนไปทีละแห่ง สวาปามจกบัลเผ็ดรีบมุ่งหน้าไปยังภูเขาเจรัดพลางเตรียมโพชั่นมากมายพร้อมทำศึก
***
[ ท่านเข้าสู่ดันเจี้ยนเจรัดที่สี่ ]
[ กับดักทำงาน ]
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อมันเดินผ่านประตูดันเจี้ยนที่สี่ คมหอกจำนวนมหาศาลพุ่งออกจากรูกำแพงทั้งสองฝั่ง ลูกตุ้มเหล็กหนักร้อยกิโลกรัมหลายก้อนถูกโปรยลงจาก กับดักเหล่านี้สามารถคร่าชีวิตกองทัพทหารได้นับร้อยได้สบาย
“หึ…”
แอ็กนัสทำเพียงพ่นลมหายใจเหยียดหยันพลางอองคำสั่งลิชมูมัด
มูมัดพยุงร่างแอ็กนัสให้ลอยขึ้นอากาศไปพร้อมกับตัวเอง จากนั้นก็เสกบาเรียคุ้มกายทรงพลังหลากสีสัน
คมหอกพลันแหลกละเอียดทันทีที่สัมผัสเข้ากับบาเรีย ส่วนลูกตุ้มเล็กก็มิอาจทะลวงผ่านบาเรียได้ เพียงกระเด็นร่วงโรยสู่พื้นหินด้านล่าง
แอ็กนัสร่อนลงพื้นและใช้ขาเหยียบลูกเหล็กไว้ มันเงยหน้าขึ้นมองภาพเบื้องหน้า
มีเพียงโถงทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตาและคับแคบ
“ผ่านไปได้ทีละคนสินะ คิคิก!”
ระดับความยากของดันเจี้ยนเพิ่มขึ้นทุกขณะ
ไม่เหมือนกับดันเจี้ยนที่หนึ่งและสองซึ่งมันอาศัยอันเดดปริมาณมากช่วยทำลาย ดันเจี้ยนที่สามเริ่มแคบลงและมีระดับความยากมากขึ้น
จนมาถึงดันเจี้ยนที่สี่ มันยิ่งแคบลงจนผ่านได้เพียงทีละคน แถมกับดักยังทรงพลังมากขึ้นจนน่าเหลือเชื่อ
แอ็กนัสเคยผ่านประสบการณ์ผจญภัยหลากหลายรูปแบบ แต่มันต้องยอมรับว่าดันเจี้ยนเจรัดมีระดับความยากสูงกว่าปรกติ
‘เราไม่ควรใช้งานมูมัดหนักเกินไป’
แอ็กนัสครุ่นคิดพลางกระดิกปลายนิ้ว
โครงกระดูกตนหนึ่งผุดขึ้นจากพื้นหิน มันเคลื่อนไหวตามความนึกคิดแอ็กนัสโดยเดินตรงไปยังทางเดินยาวและคับแคบเบื้องหน้า เมื่อครบสี่ก้าว เปลวเพลิงร้อนระอุลุกโชนจากพื้นอย่างไร้สุ้มเสียง แผดเผาโครงกระดูกให้กลายเป็นซากขี้เถ้า
‘มีกับดักเปลวเพลิงทุกสี่ช่อง…’
แอ็กนัสโบกมืออีกครั้ง โครงกระดูกตัวใหม่เกิดขึ้นจากกองซากขี้เถ้าเดิม จากนั้นก็เดินต่อไปด้านหน้าอีกสี่ก้าว
นี่คือทักษะ ‘ความตายต่อเนื่อง’—ทักษะเกรดยูนีคซึ่งมีเฉพาะผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล สามารถสร้างอันเดดซ้ำทันทีในจุดที่ตัวเก่าถูกทำลาย
โครงกระดูกตัวที่สองหายไปทันทีเมื่อเหยียบกับดักในช่องที่แปด แอ็กนัสทำซ้ำเดิมอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโครงกระดูกตัวล่าสุดเดินไปถึงช่องที่สิบสอง
ช่องสิบสองเกิดระเบิดโดยปราศจากเปลวเพลิง
[ โครงกระดูกของท่านได้รับความเสียหาย 20,000 หน่วยและถูกทำลาย ]
ทางเดินในดันเจียนพลันแหลกละเอียดด้วยผลแรงระเบิด กับดักเปลวเพลิงที่เหลือทั้งหมดเริ่มทำงานพร้อมกันเป็นลูกโซ่ ส่งผลให้ดันเจี้ยนที่สี่สั่นสะเทือนรุนแรง
แอ็กนัสยืนห่างออกไปในจุดปลอดภัยก่อนเข้าทางเดินแคบ มันจึงไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่หน่วยเดียว
“คิคิก!”
แอ็กนัสหัวเราะคิกคักพลางเดินผ่านเศษซากดันเจี้ยนที่พังพินาศ
โครงกระดูกตัวใหม่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหนูทดลองกับดักถัดไป
***
ณ จุดเหนือสุดของยอดเขาเจรัด
เด็กสาวผู้หนึ่ง—ไม่สิ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าใช้สมาธิภายในดันเจี้ยนขนาดเล็ก เธออาศัยอยู่ตามลำพัง
นัยน์ตาสีดำกลมโตใต้ผมหน้าม้า ใบหน้าเรียวเล็กขาวนวลราวกับตุ๊กตา
สวาปามจกบัลเผ็ด >> ศัตรูบุก! รีบล็อกเอาต์เร็วเข้า!
“…”
หญิงสาวปริศนาเมินเฉยเสียงข้อความส่วนตัวจากสวาปามจกบัลเผ็ด
สถานที่แห่งนี้คือห้องทำงานของเธอ ไอเท็มและอุปกรณ์สำหรับผลิตเครื่องประดับถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบที่นี่
เธอมิอาจจากไปไหนได้
สวาปามจกบัลเผ็ด >> นี่! บ๊กจา!
เส้นเลือดพลันปูดโปนขึ้นที่ขมับสาวน้อย ดวงตาเปี่ยมด้วยจิตสังหารหลังจากได้ยินเสียงข้อความจากสวาปามจกบัลเผ็ด
อลิซาเบธ >> ไอ้ลุงบ้า! บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าห้ามเรียกชื่อจริง!
สวาปามจกบัลเผ็ด >> เพราะเธอไม่ยอมขานตอบยังไงล่ะ! ทำไมถึงทำเป็นหูทวนลม?
น้ำเสียงสวาปามจกบัลเผ็ดแฝงไว้ด้วยความกระวนกระวาย
สวาปามจกบัลเผ็ด >> ดันเจี้ยนที่ห้ากำลังจะถูกทำลาย! รีบล็อกเอาต์เร็วเข้า!
เขาเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่มันสูญเปล่า
อลิซาเบธ >> หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น!
บ๊กจา—ไม่สิ ‘อลิซาเบธ’ เธอมีความทระนงตนในฐานะช่างทำอัญมณีฝีมือเยี่ยม ตัวเธอแตกต่างจากใครบางคนที่สร้างไอเท็มเกรดสูงเพียงเพราะมีคลาสระดับตำนาน
อลิซาเบธเคยมีฝีมืออ่อนหัดขนาดที่สร้างเครื่องประดับเกรดแรร์ได้เพียงไม่กี่สิบชิ้นจากโอกาสหลายพันครั้ง แต่ปัจจุบัน ฝีมือของเธอพัฒนาขึ้นมาก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด เธอสร้างเครื่องประดับเกรดแรร์มาแล้วนับพันชิ้น และเกรดอีปิกอีกหลักหลายสิบชิ้น
อลิธซาเบธต้องการให้ลูกค้าพึงพอใจกับผลงานและความเร็วที่เธอใช้ ห้องทำงานแห่งนี้คือสถานที่เดียวบนโลกที่เธอสามารถผลิตเครื่องประดับ
อลิซาเบธ >> ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เขาคือลูกค้าที่เห็นค่าในฝีมือหนูไม่ใช่หรือ? อาจเข้ามาโดยไม่ได้รับอนญาตก็จริง แต่คนแบบนั้นไม่มีทางทำอันตรายหนูแน่ ไม่มีความจำเป็นต้องหนีเลยสักนิด
สวาปามจกบัลเผ็ด >> ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้เล่นมันก็ดี แต่ว่า…!
มันผู้นั้นเป็นใครกัน?
มอนสเตอร์หรือ NPC พิเศษกันแน่?
คงยากที่สวาปามจกบัลเผ็ดจะได้รับคำตอบ แต่มีหนึ่งสิ่งที่เขามั่นใจ
สิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ผู้เล่น ย่อมไม่มีทางรู้ถึงคุณค่าของหลานสาวตนแน่ และมีโอกาสสูงมากที่มันจะสังหารเธอทิ้งโดยปราศจากความลังเล
สวาปามจกบัลเผ็ด >> บ๊กจา!
ไม่ว่าจะอย่างไหน แต่สวาปามจกบัลเผ็ดก็ไม่ต้องการให้หลานสาวของตนได้รับอันตราย เขารู้ซึ้งถึงความยากลำบากในการเก็บเลเวลคลาสสายผลิตเป็นอย่างดี
แต่นั่นเป็นเพียงเหตุผลรอง
เหนือสิ่งอื่นใด ในฐานะลุงบังเกิดเกล้า เขาย่อมไม่ต้องการให้เธอเผชิญประสบการณ์ความตายเสมือนจริง สวาปามจกบัลเผ็ดรีบมุ่งหน้าไปยังเขาเจรัดด้วยความเร็วสูงสุดพลางตะโกนโหวกแหวกแหกปากชื่อหลานสาว
อลิซาเบธ >> คุณลุง…ผู้บุกรุกเป็นผู้เล่น
สวาปามจกบัลเผ็ดได้รับข้อความส่วนตัวที่คาดไม่ถึง
สวาปามจกบัลเผ็ด >> อะไรนะ? ผู้เล่น? มากันกี่ร้อยคน?
เขามั่นใจมาก หากดันเจียนของตนพังทลายรวดเร็วขนาดนี้ กลุ่มผู้เล่นต้องประกอบด้วยแรงเกอร์ระดับท็อปหมื่นรวมตัวกันหลายร้อยคนแน่นอน
อลิซาเบธตอบกลับเพื่อคลายความสงสัย
อลิซาเบธ >> ไม่เลย มาแค่คนเดียว
สวาปามจกบัลเผ็ด >> ไม่ใช่เวลามัวล้อเล่นนะ!
อลิซาเบธ >> แอ็กนัส
สวาปามจกบัลเผ็ด >> อะไรนะ?
สวาปามจกบัลเผ็ดเริ่มขนลุกไปทั่วร่าง
ปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องประหลาดอีกแล้วที่ผู้เล่นคนเดียวสามารถพังดันเจี้ยนได้ไวขนาดนี้ แต่สวาปามจกบัลเผ็ดไม่ต้องการให้หลานสาวของเขาต้องเผชิญหน้ากับชายเสียสติ
สวาปามจกบัลเผ็ด >> หลับตาพร้อมกับอุดหูไว้! อย่าไปสนทนากับไอ้บ้านั่น!
เขาตะโกนสุดแรงจนหน้าซีด แต่น่าเสียดายที่มันเปล่าประโยชน์
อาจเป็นเพราะถึงวัยต่อต้านหรือไม่ก็วัยเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย แต่ความดื้อรั้นของหลานสาวได้ทำให้เขาต้องปวดหัวมาแล้วหลายหน
[ เป้าหมายปิดกั้นข้อความเสียงส่วนตัว ]
“ไอ้บัดซบแอ็กนัส! ฉันจะฆ่าแกถ้าบังอาจแตะต้องหลานสาวฉัน!”
ใบหน้าสวาปามจกบัลเผ็ดบิดเบี้ยวราวปีศาจ โทสะปริมาณมหาศาลกำลังสุมในอก เป็นความเดือดดาลที่รุนแรงยิ่งกว่าเมื่อครั้งสูญเสียบลัดคาร์นิวัลและไข่มังกรคลั่งเสียอีก
***
“นายบุกรุกห้องทำงานคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือจองคิวไว้ล่วงหน้า ทำไมผู้เล่นที่มีชื่อเสียงแบบนายถึงต้องทำลายข้าวของขนาดนี้ด้วย?”
อลิซาเบธไต่ถามด้วยฝ่ามือที่ชุ่มเหงื่อ คงเป็นการโกหกหากบอกว่าเธอไม่กลัว
แต่การแสร้งไม่วิตกคือสิ่งจำเป็น
เหนือสิ่งอื่นใด สถานที่แห่งนี้คือห้องทำงาน การจะพิสูจน์ตัวตนในฐานะช่างอัญมณีลือชื่อ เธอจำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่นี่
“การจองคิวมันเสียเวลาเกินไป”
แอ็กนัสย่างกรายเข้าหาทีละนิด
ตรงข้ามกับข่าวลือ มันมิได้แสดงท่าทีของชายเสียสติหรือคลุ้มคลั่ง สิ่งเดียวที่แสดงออกคือสายตาสงบนิ่งดุจดั่งพญาเหยี่ยวจดจ้องเหยื่อ
“จ…จะทำอะไร!”
อลิซาเบธเริ่มกังวลเมื่อแอ็กนัสเข้าใกล้ทุกขณะ เธอก้าวถอยหลังด้วยแข้งขาที่สั่นระริก
“เอ้านี่…”
แอ็กนัสยื่นหินก้อนหนึ่งให้ มันคือหินสีแดงที่งดงามยิ่งกว่าอัณมณีทับทิม
อลิซาเบธทราบได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร เธอทึ่งไปกับประกายระยิบระยับของมันอยู่พักใหญ่
“ศิลาแห่งชีวิต…!”
ศิลาแห่งชีวิต—ชื่ออาจฟังดูดี แต่เบื้องหลังนั้นตรงข้าม
ที่มาของหินเม็ดนี้ได้ซ่อนความจริงอันน่าหดหู่ไว้ มันคือหินซึ่งเกิดจากการสังหารสาวพรมจรรย์ 666 คนและผนึกดวงวิญญาณพวกเธอไว้ด้านใน
“รู้จักด้วยสินะ…เธอเจียระไนมันได้ใช่ไหม?”
แววตาแอ็กนัสเปี่ยมด้วยความคาดหวังทันที เป็นสีหน้าที่อ่อนโยน ตรงข้ามกับภาพลักษณ์ที่ทุกคนเคยรู้จัก
อลิซาเบธเอ่ยปากถามอย่างระมัดระวัง
“นายจะใช้มันทำอะไรกันแน่? คิดจะอัญเชิญจอมอสูรโดยใช้ควบคู่กับโล่อะมิทิสต์และกระจกสีชาดงั้นหรือ?”
“เปล่าเลย ฉันไม่ได้กระเสือกกระสนอย่างยากลำบากเพื่อทำเรื่องสูญเปล่าแบบนั้น”
แอ็กนัสตอบปฏิเสธทันควัน แต่อลิซาเบธยังไม่ปักใจเชื่อ
“แล้วมันใช้ทำอะไรได้อีก?”
เป็นความผิดพลาดที่เธอไม่สมควรก่อ
การเซ้าซี้ถามแอ็กนัสไม่ใช่เรื่องฉลาดนัก
หมับ!
สติของมันขาดผึ่ง ดวงตาเริ่มแผ่จิตสังหาร ฝ่ามือของมันคว้าคอเสื้ออลิซาเบธไว้
“ทำตามที่ฉันบอกก็พอ! เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ! ฉันจะตามล่าเธอจนกว่าจะยอมรับเจียระไน!”
“เสียมารยาท!”
ขณะโมโหในความเอาแต่ใจของแอ็กนัส อลิซาเบธเริ่มใจเย็นลงเมื่อสัมผัสได้ว่า ฝ่ามือของแอ็กนัสแทบมิได้ออกแรงดึงคอเสื้อเธอ
“นี่นาย…”
มนุษย์สามารถแสดงสีหน้าเศร้าหมองขนาดนี้ได้ด้วยหรือ?
ในวินาทีที่เธอคิดไต่ถามแอ็กนัสถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา…
“ไอ้เวรตะไล!!”
เสียงคำรามดังก้องจากทางเข้าดันเจี้ยนเจรัดที่หก
เป็นสวาปามจกบัลเผ็ด
“ปล่อยมือจากเด็กคนนั้นซะ!”
[ ท่านแข็งแกร่งขึ้นในดันเจี้ยนของตัวเอง ]
สวาปามจกบัลเผ็ดชักดาบฟันใส่แอ็กนัสอย่างคลุ้มคลั่ง
***
ในช่วงเวลาเดียวกัน กริดกำลังเดินทางโดยมีบุลเล็ตคอยนำ
จนกระทั่ง เหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่เขามิอาจนิ่งเฉยได้อีก ชายหนุ่มเอ่ยปากถาม
“นี่…”
วิวทิวทัศน์รอบข้างไม่เปลี่ยนแปลงนานหลายชั่วโมงแล้ว และในบริเวณนี้ไม่มีเสาเวทมนตร์ลวงตาแน่นอน
“นายไม่ได้หลงใช่ไหม?”
“…ฉันขอโทษ”
“…”
“แต่ไม่ต้องห่วง พวกเราจะถึงในอีกไม่ช้าแน่…น่าจะใช่”
“…”
กริดประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าบุลเล็ตรักษาตำแหน่งหมอผีอันดับสองของโลกได้อย่างไร ในเมื่อเจ้านี่ไม่น่าจะหาจุดเก็บเลเวลพบด้วยเซนส์ด้านทิศทางสุดห่วยแตก
เดี๋ยวก่อน…
หากไม่มีความงี่เง่านี้คอยพันธนาการไว้ บางทีบุลเล็ตอาจกลายเป็นหมอผีอันดับหนึ่งของโลกแล้วก็ได้!
กริดคิดครุ่นเป็นจริงเป็นจริงขณะเดินทาง เขาไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
...
จนกระทั่งทั้งสองเดินวนกลับมาที่เก่า
“…”
ข่าวดีเพียงเรื่องเดียวคือ อย่างน้อยกริดก็มิได้สูญเวลาเปล่า มือของเขาขยุกขยิกเย็บกางเกงในตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
เม้นแรก ได้อ่านต่อเนื่องเลย สองตอน ขอบคุณครับแอด🙏🙏😊😊😘😘
ReplyDeleteอ่านไม่ทัน😂
Deleteว่าจะจองเม้นแรกสักหน่อย🤭
Deleteขอบคุณมากครับ😁
ReplyDeleteมีคนใหม่เข้ากิลด์ก็ยังไม่ปกติอยู่ดี
ReplyDeleteกิลโอเวอร์เกียหรือกิลคนไม่สมประกอบครับ
ReplyDelete