จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,461



      ‘ได้โปรด! เร็วเข้า!’


[กำลังอยู่ระหว่างการประกาศเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ความคืบหน้า 42%…]


      เขตแดนที่นักบุญหญิงจะกลายเป็น ‘ผู้กุมอำนาจสูงสุด’


      พลังที่รูบี้ได้รับมาเมื่อถึงเลเวลสามร้อย ประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมจนไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มากความ เพราะสิ่งใดที่นักบุญหญิงไม่อนุญาต จะมิอาจทำได้โดยเด็ดขาด


      ทว่า มันมิได้ครอบจักรวาลขนาดนั้น


      กว่าจะใช้ได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต้องรอให้ถึงเลเวล 380 เสียก่อน แถมยังต้องเสียเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์เสร็จ


      โดยระหว่างนั้น ตัวละครรูบี้จะตกอยู่ในสถานะ ‘ห้ามขยับ’


      ข้อเสียใหญ่หลวงก็คือ การใช้ทักษะจะถูกจำกัดปริมาณ


      ขณะกำลังสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ระบบจะอนุญาตให้ใช้ได้เพียงหนึ่งทักษะในทุกๆ สามนาที แถมยังถูกจำกัดให้ใช้ได้เฉพาะทักษะพื้นฐาน


      อีกหนึ่งจุดอ่อนร้ายแรงก็คือ หลังจากประกาศสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ มานาและพลังศักดิ์สิทธิ์จะถูกเผาผลาญอย่างต่อเนื่อง


      ด้วยภาระทางทรัพยากรที่มหาศาลเช่นนี้ กว่ารูบี้จะมีอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติมากพอจะประกอบพิธีกรรม ก็ต้องรอจนถึงเลเวล 380 เสียก่อน


      ทว่า ข้อจำกัดเหล่านั้นบรรเทาลงมากในปัจจุบัน


      เพราะเธอตัดสินใจ ‘พัฒนาทักษะ’ ก่อนที่มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะเริ่มขึ้น


      รูบี้ยอมเสียละ ‘จำนวนครั้ง’ ที่ได้รับจากการทำลายดวงวิญญาณจอมอสูรอย่างยากลำบาก เพื่อเสริมแกร่งให้กับทักษะการสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์


      แต้มที่เธอเก็บสะสมมานาน ถูกเสี่ยงใช้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นใจในประสิทธิภาพแน่ชัด


      เธอต้องการเป็นพลังให้กิลด์


      รูบี้มองว่า หากต้องการให้ฝ่ายมนุษย์ถือครองความได้เปรียบในสงคราม สิ่งแรกที่ต้องทำคือการกวาดล้างขุมนรก


      พิจารณาจากแนวคิดและทัศนคติของพี่ชาย กิลด์โอเวอร์เกียร์คงตั้งทีมสำรวจขุมนรกระลอกใหม่


      เพื่อการนั้น รูบี้ตัดสินใจเพิ่มเลเวลของทักษะเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ล่วงหน้า


      ข้อดีแรกก็คือ ระยะเวลาของพิธีกรรมลดลงอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีความช่วยเหลือจาก ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’


      ยี่สิบห้านาที


      ในทางทฤษฎีคือยี่สิบห้านาที แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นเวลาที่ยาวนาน


      จิตใจรูบี้เจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นบาดแผลบนร่างกายครอเกล


      คล้ายกับมันอ่านใจเธอออก


      > เธอทำได้ดีแล้ว… เป็นเพราะเธอ ผลข้างเคียงที่ฉันได้รับจึงลดลงมาก ตอนนี้อาการกำลังดีขึ้น… ห้ามหยุดใช้เสริมพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์… ทางนี้จะหาทางเอาตัวรอดเอง


      เป็นข้อความเสียงจากครอเกล


      มันกำลังสุขุมเยือกเย็น ทั้งที่เสื้อผ้าขาดวิ่นไปแล้วหลายจุด


      ***


      โบเลรอนคือศัตรูที่แข็งแกร่ง


      แม้จะไม่ได้เป็นแม่ทัพของกองทัพอสูร แต่ก็เป็นสมาชิกระดับสูงในครอบครัวของบาร์บาทอส


      โบเลรอนอ้างตัวว่าแข็งแกร่งกว่าครูชาหนึ่งขั้น – ครูชาที่เป็นรองแม่ทัพซึ่งเคยพยายามท้าทายเลอราเฆ่อย่างโง่เขลา รวมถึงพยายามจะแย่งชิงบัลลังก์ของเฮลกาโอที่ว่างอยู่


      สมรรถภาพทางร่างกายและฝีมือการต่อสู้ของโบเลรอนมิได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก แต่พรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แข็งแกร่งพอจะมองข้ามจุดอ่อนเหล่านั้น


      แค่นี้ก็เหลือเฟือ


      พลังในการช่วงชิงและควบคุมอาวุธเป้าหมาย – สิ่งนี้ช่วยให้โบเลรอนถือครองความได้เปรียบเหนือศัตรูมาโดยตลอด และยิ่งไปกว่านั้น โบเลรอนเป็นหนึ่งในลูกน้องที่มีความสำเร็จโดดเด่นที่สุดจากบรรดาสมาชิกครอบครัวของบาร์บาทอส


      แน่นอน พลังดังกล่าวมิได้ครอบจักรวาล


      สาเหตุที่โบเลรอนเป็นแม่ทัพไม่ได้ เพราะพลังช่วงชิงอาวุธไม่แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู แถมยังต้องมีเงื่อนไขในการใช้งาน


      และเมื่อไม่ได้เป็นแม่ทัพ ก็ยากที่จะกุมอำนาจและไต่เต้าไปจนถึงระดับสูง


      ช่างน่าขัน พรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของมันกลับกลายมาเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้า


      แต่กระนั้น โบเลรอนมิได้นึกเสียใจ มันยังทระนงตนว่าเป็นผู้แข็งแกร่ง ตราบใดที่ตนยังมีพลังในการช่วงชิงและควบคุมอาวุธของศัตรู


      มันยังคงหยิ่งทระนงในฐานะบริวารใกล้ชิดของบาร์บาทอส


      ทว่า


      ‘ไม่ได้ผล…’


      โบเลรอนกำลังสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่


      มันพบว่าตัวเองมิอาจควบคุมดาบของมนุษย์ที่อ่อนแอตรงหน้า


      เรื่องแบบนี้ ตามสามัญสำนึกแล้วไม่ควรเกิดขึ้นได้


      ยิ่งเผชิญหน้ากับอาการตาบอดที่ไม่คาดคิด มันก็ยิ่งเผชิญความสับสน


      ความทระนงตนที่มันโอ้อวดเริ่มสั่นคลอน


      แน่นอน โบเลรอนมิได้แสดงออกทางสีหน้า


      หากมันมิอาจจัดการกับมนุษย์หนึ่งคนเพียงเพราะพลังกลายเป็นหมัน มันจะเสียหน้าอย่างมากในฐานะครอบครัวของบาร์บาทอส จอมอสูรลำดับแปด


      ‘ไม่จำเป็นต้องร้อนรน… ถึงจะสูญเสียการมองเห็นและไม่สามารถช่วงชิงอาวุธ แต่เราก็ยังแข็งแกร่งกว่าเจ้านั่น… ใช่แล้ว แข็งแกร่งกว่ามาก’


      แม้สมรรถภาพทางร่างกายและฝีมือของโบเลรอนจะไม่สูงเท่าสมาชิกคนอื่นในครอบครัว แต่ก็ยังเหนือกว่าขีดจำกัดของมนุษย์หลายขุม


      มันอาจสูญเสียการมองเห็น แต่ก็ยังสามารถอ่านวิถีการโจมตีและเจตนาของอีกฝ่ายผ่าน ‘สัมผัส’


      ‘เจ้านั่นคงคิดว่า การทำให้เราตาบอด จะช่วยผนึกการซุ่มยิง’


      ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลา…


      โบเลรอนกลับมาเพ่งสมาธิอีกครั้ง


      มันพบว่าดวงตาที่ถูกฟันทำลายไปแล้วสามหน ปัจจุบันกำลังฟื้นฟูด้วยความเร็วสูง


      เพื่อที่จะทำลายดวงตาครั้งที่สี่ มนุษย์คนนี้ต้องโจมตีเข้ามาในอนาคตอันใกล้


      เมื่อถึงตอนนั้น โบเลรอนจะทำการตอบโต้


      ‘ตอนนี้แหละ!’


      พิกัดที่โบเลรอน ‘คาดเดา’ ถูกส่งไปยังบาร์บาทอสซึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ในดินแดนของตน


      พิกัดดังกล่าวเกิดจากการ ‘ทำนาย’ ความเคลื่อนไหวล่วงหน้าของครอเกล


      ขณะเดียวกัน มันทำการปลดปล่อยหมัดคลื่นความมืด


      เป็นวิชาต่อสู้ระดับสูงที่จะโจมตีหลายจุดในเวลาเดียวกัน เกิดจากการยิงคลื่นปราณอสูรหลายสิบเส้นออกไปยังจุดที่กำหนด


      ทว่า การโจมตีดังกล่าวไม่สะท้อนความรู้สึก ‘โดน’ กลับมา


      ปราศจากเสียงร้องหรือกลิ่นคาวเลือดโดยสิ้นเชิง


      ขณะที่ดวงตาใกล้ฟื้นฟูเสร็จและเริ่มเห็นรางๆ แสงเส้นหนึ่งสว่างวาบขึ้น ส่งผลให้โลกของมันกลับไปมืดมนอีกครั้ง


      “เจ้า!”


      โบเลรอนมิอาจเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริง


      มันคำรามประหนึ่งสัตว์ร้ายพร้อมกับเหวี่ยงกำปั้นและเท้าไปยังทิศทางของดาบ


      คลื่นปราณอสูรอันเกรี้ยวกราดหมุนวนราวกับพายุ ฉีกทำลายทุกสิ่งรอบๆ ตัวอย่างฉุนเฉียว


      ทว่า เป็นอีกครั้งที่มันไม่เกิดความรู้สึก ‘โดน’


      ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


      ครอเกลดวลกับมีร์มาตลอดหนึ่งปี


      มันอาจเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทุกครั้ง แต่ทุกความพ่ายแพ้จะมอบบทเรียนเสมอ บทเรียนที่ช่วยขัดเกลาความเฉียบแหลมของดาบให้ถึงขีดจำกัด


      ประสาทสัมผัสของอสูร – สิ่งนี้เป็นได้แค่ ‘การรับรู้’ ระดับต่ำเมื่อเทียบกับความว่องไวถึงขีดสุดของอริยดาบครอเกล


      “อริยดาบคนปัจจุบันช่างไร้เกียรติและไร้ยางอาย! ถ้าเจ้าเป็นอริยดาบตัวจริง อย่าเอาแต่หนีและมาสู้กับข้าซึ่งๆ หน้า!”


      โบเลรอนตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของครอเกลนับตั้งแต่ตอนที่มันมิอาจชิงดาบ และปัจจุบันก็ยิ่งมั่นใจเมื่อการต่อสู้ดำเนินไป


      เป็นอีกครั้งที่มันควบแน่นปราณอสูรและยิงออกไปในรูปแบบรังสีหลายสิบเส้น แต่คราวนี้ทุกเส้นพุ่งไปยังจุดเดียวกัน เตรียมสร้างแรงระเบิดอันหนักหน่วง


      มันจงใจล่อให้อริยดาบบัดซบตรงหน้าชะงักเพื่อตอบคำถาม


      ทว่า


      “…”


      แน่นอน ครอเกลไม่ตอบ


      สมาธิของมันสนใจอยู่กับปราณอสูรที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ ในบริเวณใกล้เคียง พลางตรวจสอบสภาพปัจจุบันของตน


      ‘ในอนาคต เราต้องตัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นออก’


      ผ่านไปแล้วสิบนาทีหลังจากโบเลรอนปรากฏตัว


      ครอเกลยังไม่ได้ใช้ ‘ทักษะ’ เลยแม้แต่ครั้งเดียว


      มันยอมสละพลังชีวิต มานา และปราณดาบ เพื่อเร่งความเร็วร่างกายสำหรับการยื้อเวลา


      ทว่า ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ ที่กำลังช่วยสร้างเขตแดน ยังคงสูบมานาของมันออกไปเรื่อยๆ เมื่อผนวกกับผลข้างเคียงจากนรก ทรัพยากรของครอเกลหายไปมากกว่าที่เจ้าตัวคาดคิด


      หากต้องการยื้อเวลาไปจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง มันต้องมีทรัพยากรเหลือมากกว่านี้


      ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ง่ายเสียแล้ว


      ทันใดนั้น ครอเกลเห็นการโจมตีพรั่งพรูลงจากท้องฟ้าในปริมาณมหาศาล


      “คึ่ก…!”


      กระสุนหลายร้อยนัด กระหน่ำโปรยปรายลงมาราวกับเม็ดฝน


      เมื่อแต่ละนัดสัมผัสพื้นดิน แรงระเบิดอันทรงพลังพลันปะทุ ก่อให้เกิดทะเลเพลิงเป็นวงกว้าง


      ออกซิเจนถูกเผาอย่างรวดเร็ว หมอกพิษกระจายตัวหนาแน่น


      พิษกรด


      ทุกครั้งที่สูดลมหายใจ คล้ายกับอวัยวะภายในถูกแผดเผา มันต้องเจ็บปวดอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง


      นี่คืออาการผิดปรกติเชิงกายภาพที่มิอาจต้านทานด้วยคุณสมบัติของตำนาน


      สถานการณ์ปัจจุบัน ย่ำแย่มากพอจะทำให้ครอเกลโอดครวญ


      “มุดหัวอยู่ตรงนี้นี่เอง!”


      ท่ามกลางกระสุนที่ยังคงโปรยปรายจนพื้นดินพังพินาศ ประสาทสัมผัสการได้ยินอันเป็นเลิศของโบเลรอนช่วยให้มันทราบตำแหน่งของครอเกล


      มันควบแน่นปราณอสูรอีกครั้ง ตามด้วยการยิงใส่ช่องท้องครอเกล


      “คึฮ่าฮ่า! คึฮะฮะฮะ!”


      โบเลรอนหัวเราะด้วยร่างกายที่กำลังละลายคล้ายเทียนไข


      มันเองก็ได้รับอันตรายจากการระดมยิงจากท้องฟ้าและทะเลเพลิง


      แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังระเบิดเสียงหัวเราะ คล้ายกับมีความสุขมากกว่าเจ็บปวด


      “เกมซ่อนหาจบลงแล้ว!”


      โบเลรอนลุกพรวดจากพื้นพร้อมกับลอยไปด้านหน้า


      มันสัมผัสถึงกลิ่นเลือดของครอเกล และพุ่งตัวไปหาด้วยระยะทางที่สั้นที่สุด


      มันฝ่าดงเปลวไฟที่แผดเผาเนื้อหนังและกระดูก ฝ่าดงอากาศพิษที่ทำให้อาเจียนเป็นเลือดหากสูดดม เป้าหมายเพียงเพื่อเข้าประชิดตัวครอเกล


      มันกล้าทำเช่นนี้เพราะเห็นครอเกลเอาแต่หนีมาตลอดการต่อสู้


      เป็นความเชื่อที่ว่า อริยดาบในปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับหนูในรู


      เป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและกระจอก แตกต่างจากตนมาก


      หากครอเกลถูกตรึงไว้ครู่หนึ่ง โบเลรอนเชื่อว่าตนสามารถเชือดอีกฝ่ายได้ในพริบตา


      ด้วย ‘มายาคติ’ นี้ โบเลรอนจึงขอให้บาร์บาทอสระดมยิงทะเลเพลิงลงมาจากฟ้า ยอมเสียสละเนื้อหนังและกระดูกของตนบางส่วน เพื่อจับครอเกลให้อยู่หมัดและเตรียมจัดการ


      แน่นอน นี่เป็นความคิดที่โง่เขลา


      โง่เขลาอย่างมาก


      เหตุผลหลักๆ ที่ครอเกลเอาแต่หลบหนี เพราะหน้าที่ของมันมีเพียงการ ‘ปกป้องรูบี้’ ไปพร้อมกับการถนอมทรัพยากร รอคอยให้กำลังเสริมมาถึงและเริ่มลงมือตอบโต้ในภายหลัง ครอเกลไม่ได้หลบหน้าโบเลรอนเพราะหวาดกลัวหรือเพราะอ่อนแอกว่า


      ออกจะตรงกันข้าม เป็นครอเกลเสียเองที่คอยระงับ ‘ความอยากฆ่า’ โบเลรอนอย่างยากลำบาก


<การซุ่มยิงจากบาร์บาทอส>

ระดับความยาก: SSS

จอมอสูรลำดับแปด บาร์บาทอส กำลังโจมตีท่าน

การซุ่มยิงของบาร์บาทอสจะไม่หยุดลงตราบเท่าที่โบเลรอนยังมีชีวิตอยู่

จงเอาชนะโบเลรอนเพื่อให้มีชีวิตรอด

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ: โบเลรอนตาย

รางวัลสำเร็จภารกิจ: เนตรบาร์บาทอส (4)

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: เลเวล -5


      ภารกิจที่ผุดขึ้นขณะเผชิญหน้าโบเลรอน กระตุ้นความอยากฆ่าภายในใจครอเกลอย่างแรงกล้า


      ตั้งแต่ต้นจนจบ เหยื่อคือโบเลรอน หาใช่ครอเกล


      “ข้ากระจ่างหลังจากสรรเสริญ”


[บทกวีสรรเสริญดาบถูกขับขาน]


      นับตั้งแต่ที่แหงนหน้าไปเห็นการระดมยิงจากท้องฟ้า ครอเกลก็ทราบถึงเจตนาของโบเลรอนทันที


      เจตนาที่ว่า โบเลรอนยอมสละร่างกายบางส่วนเพื่อหวังตรึงและจัดการตน


      “ข้ากลายเป็นหนึ่งหลังจากกระจ่าง”


      ด้วยเหตุนี้ มันตัดสินใจล่อลวงโบเลรอนให้ถลำลึกยิ่งกว่าเก่า


      แม้ว่าครอเกลสามารถหลบหลีกความเสียหายส่วนมากได้ด้วย ‘อสนีบาต’ แต่มันก็ไม่ทำ


      แถมยังปล่อยให้โบเลรอนยิงลำแสงปราณอสูรใส่ขา


      นอกจากนั้นยังบอกให้รูบี้ไม่ต้อง ‘ฮีล’ แต่คอยเสริมธาตุศักดิ์สิทธิ์อย่าให้ขาด


      “ตัวข้า… กลายเป็นดาบ”


      เขาแหลมของโบเลรอนกระแทกใส่ใบหน้าครอเกล


      ทว่า อริยดาบยังคงสบายดี โดยที่ดาบเกรดอีปิกสองเล่มในช่องสัมภาระถูกทำลายแทน


      กรงเล็บของโบเลรอนทะลวงผ่านช่องท้องที่เต็มไปด้วยบาดแผลของครอเกล


      ทว่า สิ่งที่เสียหายคือดาบในช่องสัมภาระ หาใช่ตัวครอเกล


      พฤติกรรมทั้งหมดของโบเลรอนได้สร้างพายุปราณอสูรอันเกรี้ยวกราดที่ราวกับจะบดขยี้ทุกสิ่งรวมถึงครอเกลให้สิ้นซาก


      ทว่า ภัยคุกคามจากมันก็มิได้มากมายอะไร


      อาจมีเลือดไหลออกจากรูหูและดวงตาครอเกล แต่ร่างกายยังรักษาสมดุลไว้ได้


      เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งครอเกลสูญเสียอาวุธสำรองในคลังไปเกือบหมด


      ทว่า ในวินาทีปัจจุบัน ‘เวลา’ กำลังเข้าข้างมัน


      พื้นดินในจุดที่มันยืน แปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองสว่าง


[สมาชิกปาร์ตี้ของท่าน ‘รูบี้’ เสร็จสิ้นการสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์]


[เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ทำการสลายผลข้างเคียงทั้งหมด แต่สภาวะนี้จะหายไปหากออกจากเขตแดน และสถานะ ‘การต้านทานสมบูรณ์’ จะหายไปหลังจากครบสิบวินาที]


[อีกสิบวินาทีหลังจากนี้ สถานะ ‘การต้านทานสมบูรณ์’ จะหายไปและถูกแทนที่ด้วย ‘การต้านทานไม่สมบูรณ์’ การต้านทานไม่สมบูรณ์จะลดผลข้างเคียงด้านลบทั้งหมดลง 50%]


      “คลื่นศักดิ์สิทธิ์ถาโถม!”


[สมาชิกปาร์ตี้ของท่าน ‘รูบี้’ ทำการบัฟท่าน]


[บัฟธาตุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกยกระดับ ค่าสถานะทุกชนิดของท่านเพิ่มขึ้นอย่างมาก]


      “ดาบผ่ามิติ”


      นรก—


[ด้วยผลของบทกวีสรรเสริญดาบ ดาบผ่ามิติของท่านรุนแรงขึ้นจากปรกติ 14 เท่า!]


      “…!”


      —กำลังแยกออกจากกัน


      ณ กึ่งกลางรอยแยก ร่างของโบเลรอนถูกผ่าเป็นสองซีก


      วังอีกหลายแห่งในปราสาทของบาร์บาทอสที่อยู่อีกฝั่งของสุดขอบนรก ล้วนถูกตัดครึ่งประหนึ่งเต้าหู้


      เป็นบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือน


      เป็นความอัปยศและขายขี้หน้าไปตลอดกาล


      คาริออน เทพธรณี ไม่มีหน้าที่เฝ้ามองนรก


[ท่านสร้างความสำเร็จที่น่าทึ่ง!]


[ท่านทำลายส่วนหนึ่งของนรก!]


[ท่านได้รับสมญานาม ‘ผ่านรกเป็นสองซีก’ !]


[รางวัลภารกิจ ‘การซุ่มยิงของบาร์บาทอส’ : ท่านได้รับ ‘เนตรบาร์บาทอส (4) ’]


[ในฐานะที่ท่านจำกัดศัตรูร่วมกับนักบุญหญิง ตำนานจากอดีตกาลที่ถูกหลงลืมไปแล้ว ‘อริยดาบและนักบุญหญิง’ ได้ถูกปลุกขึ้นมาใหม่และช่วยเพิ่มค่าสถานะทั้งหมด 5%]


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,979
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. ต้องเรียกกริดว่าพี่ชายแล้วมั้ยคลอเกล55

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00