จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,460



“นึกแล้วเชียว แม้แต่ครอเกลเองก็เตรียมพร้อมสำหรับมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร”


“รู้สึกเหมือนได้คนเพิ่มนับพัน”


มีผู้เล่นคนใดไม่ยกย่องฟ้าเหนือฟ้าบ้าง?


หลังจากงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติเมื่อปีก่อน มันหายตัวไปในทวีปตะวันออกเป็นเวลานาน จนกระทั่งมาปรากฏตัวในวันนี้ จึงไม่แปลกที่จะได้รับเสียงชื่นชม


เรื่องนั้นมิได้เปลี่ยนไปแม้ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นผู้เล่นระดับสูง


ต่อหน้าครอเกล แม้แต่อัจฉริยะเหนืออัจฉริยะหรือผู้นำกิลด์ใหญ่มากมายยังต้องถ่อมตน


ชายคนนี้คือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของเกม เป็นรองเพียงกริดเท่านั้น


“จ…จริงหรือ?”


โทบันพึมพำด้วยสีหน้าเหม่อลอย ส่วนเหล่าหัวกะทิของกองทัพอาเรสต่างรีบเบือนหน้าหนีอย่างเคอะเขิน


รอยยิ้มบนใบหน้าโทบันกำลังบอกทุกสิ่ง


ครอเกล


อาจไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกิลด์โอเวอร์เกียร์ แต่ก็เป็นมิตรสหายที่ไว้ใจได้


ไม่ใช่แค่ฝีมือ แต่ยังรวมถึงอุปนิสัย


ครอเกลไม่เคยมีข่าวลือเสียหาย ไม่แม้แต่ในตอนที่ดำรงตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลก แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกนินทาด้วยข่าวลือต่างๆ นานา


เมื่อชายคนนี้กลายเป็นพวกพ้อง มันก็กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไว้วางใจได้มากที่สุด


ทันใดนั้น ข้อความจากลอเอลปรากฏขึ้นในแชตกิลด์


> ครอเกลสมัครเข้าร่วมการสำรวจนรกกับพวกเรา และฉันตอบตกลงไปแล้วโดยผ่านการไตร่ตรอง… นับแต่นี้ไป อำนาจสั่งการจะเป็นของยูร่า


“…”


“…”


ครอเกลเดินผ่านรูบี้ ขยับเข้าไปใกล้ยูร่า


เมื่อทั้งสองยืนเคียงข้างกัน ผู้คนต่างผุดถ้อยคำมากในหัว ไม่ว่าจำเป็น ‘บุพเพสันนิวาส’ ‘วาสนา’ ‘สายสัมพันธ์’ และ ‘คู่รัก’


ลำพังรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว สองคนนี้เหมาะสมกันประหนึ่งกิ่งทองใบหยก


‘ขอโทษด้วยนะพี่…’


รูบี้อดไม่ได้ที่จะกล่าวขอโทษกริดในใจ


อึก!


เสียงกลืนน้ำลายดังกังวานมาจากทุกทิศ


ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ครอเกลสนิทกับกริดมากเพียงใด และเคยมีความสัมพันธ์ที่ระหองระแหงกับยูร่ามากแค่ไหนในอดีต


ในฐานะข้ารับใช้แห่งยาธานและแรงเกอร์แถวหน้า ยูร่าเคยถูกครอเกลขัดจังหวะหลายครั้ง และเธอก็เคยทำให้ครอเกลลำบากใจในงานแข่งนานาชาติเช่นกัน


ทั้งสองแทบไม่มีความสัมพันธ์ใดให้ไปต่อยอด นอกจากความสัมพันธ์ที่ครอเกลมีให้กับกิลด์โอเวอร์เกียร์


ผู้คนต่างสงสัยว่า ยูร่าจะอนุญาตให้ครอเกลรับบทเด่นในการสำรวจคราวนี้จริงหรือ


“ตกลง นายจะได้เข้าไปชุดแรก”


ยูร่าเอ่ยปากในจังหวะที่ช้าไปเล็กน้อย


ตรงข้ามกับความกังวลของผู้คน เธอยินยอมแต่โดยดี


“ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจ… รูบี้ เธอคัดค้านไหม?”


“อ…เอ๋? น…แน่นอน ไม่คัดค้านค่ะ”


รูบี้ตอบตะกุกตะกัก


เธอมิได้ตอบด้วยความรู้สึกส่วนตัว แต่ครอเกลนั้นเป็นอริยดาบ


แม้จะไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์เลย แต่ก็สามารถเอาชนะอสูรได้ตราบเท่าที่มัน ‘ถือดาบ’


สำหรับครอเกล ‘คอมโบระหว่างอาชีพ’ กลายเป็นแนวคิดที่ไม่มีสาระสำคัญทันที


อริยดาบสามารถแหกทุกกฎระเบียบได้ด้วยดาบในมือ


ดาบที่สะบั้นได้ทุกสิ่ง


นั่นคือสาเหตุที่ครอเกลถูกกิลด์โอเวอร์เกียร์ประเมินไว้ว่าเป็น ‘พลังที่ไม่มีใครทดแทนได้’


“ฉันคิดว่า พี่ครอเกลกับฉันสามารถรับหน้าที่ทีมแรกได้อย่างไร้ปัญหา”


รูบี้คิดเช่นเดียวกับคนอื่น


แม้กระทั่งโทบันยังมองว่าดี


‘แล้วทำไม… ถึงเราเสียใจนิดๆ?’


โทบันที่โล่งใจกว่าใคร สัมผัสถึงความหดหู่จากก้นบึ้ง


อย่างไรก็ตาม อารมณ์ส่วนตัวของมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ


โทบันกระแอมแห้ง ยื่นอาวุธให้ครอเกล


ชื่อของมันคือ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์ของเทพเหนือมนุษย์’ ที่เคยเป็นเทวภัณฑ์ของโบสถ์ยูดาห์


เฉกเช่นเซตเกราะแสงศักดิ์สิทธิ์ที่กริดได้รับจากโบสถ์รีเบคก้า ไอเท็มชิ้นนี้ถูกทิ้งไว้ในโบสถ์ยูดาห์โดยที่ไม่มีใครใช้งานมันได้


โทบันคืออดีตผู้เล่นอันดับหนึ่งของโบสถ์ มันสร้างคุณงามความดีมากมายจนมี ‘คุณสมบัติ’ ที่จะใช้งานดาบ และนั่นคือเหตุผลที่โทบันถูกมอบหมายให้เป็นทีมแรกของการสำรวจ


“เงื่อนไขการสวมใส่อาจเป็น ‘ฉัน’ แต่ว่า… ตราบใดที่เป็นดาบ นายคงใช้มันได้สินะ? อาวุธชิ้นนี้จะช่วยให้รูบี้สามารถสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์”


เฉกเช่นที่กริดสามารถสวมใส่ไอเท็มได้ทุกชิ้นบนโลก ครอเกลเองก็สามารถถือดาบได้ทุกเล่ม


แถมยังถือได้เก่งกาจกว่าใครๆ นั่นเพราะวิชาดาบของอริยดาบ มีพื้นฐานมาจากวิสัยทัศน์และการสื่อใจกับดาบ


ครอเกลพยักหน้ารับ ตามด้วยยื่นมือออกไปจับดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์


“ฉันจะตอบแทนความไว้วางใจของนาย”


“ตกลง… แล้วฉันจะตามไปเอาคืน ฝากดูแลมันด้วย”


โทบันยิ้ม


ในอดีต มีอยู่วันหนึ่งที่มันยอมเชื่อใจครอเกลโดยไม่เคลือบแคลง ครอเกลผู้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไฮแรงเกอร์ต่างหวาดหวั่นในฐานะคู่แข่ง


ต้องขอบคุณกริดที่พยายามสานสัมพันธ์กับครอเกล รวมถึงลอเอลที่พยายามช่วยรักษาแม่ให้มัน


“เวลากระชั้นชิดเข้ามาแล้ว… ฉันขอเริ่มเลยก็แล้วกัน”


มีผู้เข้าร่วมการสำรวจเกือบสามร้อยชีวิต ยูร่าจำเป็นต้องส่งทุกคนลงไปในนรกอย่างทั่วถึง จึงจำเป็นต้องเร่งมืออย่างมิอาจเลี่ยง


นอกจากนั้น เธอได้ฟังวีรกรรมของครอเกลในทวีปตะวันออกมาจากกริด จึงมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องมัวรีรอสิ่งใด


ห้วงมิติข้างๆ ยูร่าเริ่มบิดเบี้ยวและก่อตัวกลายเป็นทางเดินสีดำ


ประตูนรก


ครอเกลที่เคยปะทะกับยูร่าบ่อยครั้งในอดีต ย่อมสังเกตเห็นอารมณ์ที่ซับซ้อนจากอีกฝ่าย


“จะเข้าไปละนะ”


ครอเกลนำไปเป็นคนแรก


ยูร่ากล่าวรูบี้ที่กำลังสูดลมหายใจและเตรียมก้าวตามเจ้าไป


“มิสรูบี้ คุณต้องเป็นผู้นำของทุกคนจนกว่าฉันจะเข้าไป… ไม่ว่ายังไงก็ห้ามสูญเสียความเยือกเย็น”


“ค่ะ! ฉันจะจำใส่ใจไว้!”


รูบี้ขานรับขึงขังประหนึ่งทหารเกณฑ์ ตามด้วยย่างกรายเข้าไปในประตูนรก


“เซฮี! ยั่วให้สำเร็จน๊า~”


รูบี้เมินเฉยเสียงตะโกนอันเหลวไหลจากเยริมที่ด้านหลัง


***


[ท่านเข้าสู่นรก]


[ปราณอสูรอันเข้มข้นที่พยายามทะลวงเข้าไปในปอดของท่าน สลายตัวไปโดยที่มิอาจบุกรุกร่างกายท่าน]


[พลังงานที่ชั่วร้ายซึ่งจะคอยสยบวิญญาณ สูญเสียความเข้มข้นก่อนจะสัมผัสร่างกายท่าน]


“อะ…!”


รูบี้พลันสะดุ้ง


ฉากตรงหน้าคือปราสาทแก้วใสหลังใหญ่


แม้วิวทิวทัศน์รอบตัวจะงดงาม แต่ก็ยังมีอสูรอีกมากถึงเจ็ดตน


พวกมันคือกลุ่มอสูรที่มีร่างกายใหญ่โตและน่าสะพรึง


นักบุญหญิงสามารถตรวจจับปราณอสูรของเป้าหมายและคาดเดาเลเวลอย่างคร่าวๆ ในสายตารูบี้ อสูรเหล่านี้จึงมีระดับค่อนข้างสูง


“อ…อันตราย!”


รูบี้ตะโกนใส่ครอเกลที่กำลังยืนรอต้อนรับเธอ


ทว่า สายเกินไปเสียแล้ว


อสูรกลุ่มใหญ่เข้าประชิดด้านหลังครอเกลในพริบตา


ครอเกลที่ถูกลดทอนค่าสถานะไปส่วนใหญ่ แถมยังมัวแต่เป็นห่วงรูบี้มากเกินไป ดูเหมือนจะไม่ทันสังเกตเห็นอสูรเหล่านี้


ครอเกลกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น


“ไม่ต้องกังวล”


พร้อมกันนั้น บรรดาอสูรที่พยายามใช้กรงเล็บตะปบครอเกล ร่างกายพวกมันถูกหั่นเป็นหลายสิบชิ้นในพริบตา พร้อมกับโลหิตที่สาดกระจายไปทุกทิศ


โดยไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้องเดียวดังขึ้น อสูรเหล่านี้กลายเป็นแสงสีเทา


ยังไม่ทันที่รูบี้จะจดจำหน้าตาของพวกมัน ทุกตัวได้สลายหายไปในอากาศ


แตกต่างจากวิชา ‘ชักดาบฟัน’ ที่อาศัยความเร่งจากการใช้ใบมีดเสียดสีกับปลอกดาบ


หากบุคคลที่คอยปกป้องรูบี้เป็นพีคซอร์ด เสียงเสียดสีกับปลอกดาบจะดังขึ้นตามมาทีหลัง


แต่ในทางกลับกัน วิชาดาบของครอเกลกลับเงียบเชียบโดยสมบูรณ์


ไม่มีแม้แต่สุ้มเสียงเดียว


ร่างกายในอุดมคติที่ถูกขัดเกลาให้กลายเป็นสุดยอดนักดาบ รวมถึงวิชาดาบที่แข็งแกร่งที่สุดอันเกิดจากการผสานระหว่างวิชาดาบที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ


“ฉันจะปกป้องเธอเอง… เริ่มได้เลย”


ท่ามกลางแสงระยิบระยับรอบตัว ครอเกลส่งสายตาแสนอบอุ่นไปหาหญิงสาว


รูบี้คุ้นเคยกับสายตาเช่นนี้


เพราะมันคือสายตาแบบเดียวกับพี่ชายของเธอ


เป็นความรู้สึกราวกับ เธอมีพี่ชายเพิ่มอีกหนึ่งคน


พี่ชายที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองของโลกใบนี้


“ต…ตกลงค่ะ!”


รูบี้ขานรับด้วยรอยยิ้มสดใส ตามด้วยการร่ายมนต์


เป็นการประกาศเขตแดนศักดิ์สิทธิ์


เกิดจากการใช้ออร่าและเอกลักษณ์ของนักบุญหญิงเพื่อ ‘ห้าม’ มิให้สิ่งใดบุกรุกเข้ามาในเขตแดนแห่งนี้


นักบุญหญิงรูบี้กลายเป็น ‘กฎ’ อันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงหนึ่งเดียวของเขตแดน


ขณะเดียวกัน ครอเกลชักดาบศักดิ์สิทธิ์ของเทพเหนือมนุษย์ออกมา


จากนั้น มานาของมันถูกสูบ ส่งผลให้วงแหวนเวทที่รูบี้สร้างขึ้น ก่อตัวเป็นรูปร่างด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า


นั่นเพราะ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ มีคุณสมบัติในการ ‘เสริมพลังศักดิ์สิทธิ์จากภายนอกและยกระดับเวทศักดิ์สิทธิ์หรือพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์’ ส่งผลให้การสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องสิ้นเปลืองพลังใจ สมาธิ และทรัพยากรมหาศาล กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นหลายเท่า


ครอเกลจ้องมองกลไกของ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ ด้วยสีหน้าฉงน


‘เคยได้ยินมาว่า เหล่าเทพต่างระแวงนักบุญหญิง’


แต่เท่าที่ครอเกลทราบ รูบี้ไม่เคยถูกสาวกของสามเทพใหญ่คุกคามแม้แต่ครั้งเดียว


แถม ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ ก็ยังช่วยรูบี้ประกอบพิธีกรรม


มันตรวจสอบรายละเอียดที่เขียนไว้ในดาบ และยิ่งเกิดคำถามเมื่อเห็นประโยค ‘ดาบที่สร้างจากวิวรณ์ของยูดาห์’


‘ยูดาห์ไม่ระแวงนักบุญหญิงเหมือนคนอื่น? หรือมีเหตุผลอะไรที่เจ้านั่นเอาแต่จ้องมองโดยไม่ขัดขวาง?’


แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่พบคำตอบ


ใช่ว่าแรงเกอร์ทุกคนจะชำนาญเรื่องราวของโลกซาทิสฟายไปเสียทั้งหมด


เฉกเช่นกริดที่ชำนาญเนื้อเรื่องเกี่ยวกับนรกและสวรรค์ บราฮัมและแพ็กม่า ทวีปตะวันออกและจักรวรรดิซาฮารัน ทาลิม่าและหมู่เกาะเบเฮ็น รวมถึงอีกหลายสิ่ง ครอเกลเองก็มีเรื่องที่มันชำนาญ


แต่ศาสนาไม่ได้อยู่ในนั้น


ขณะเดียวกัน สัตว์อสูรกลุ่มใหม่เริ่มกรูเข้ามาโจมตี


พวกมันปรากฏตัวและโจมตีใส่ครอเกลกับรูบี้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ


คล้ายกับว่า พวกมันระแวงพิกัดตรงนี้มาตั้งแต่แรก


‘ศัตรูกับพิกัดของประตูนรกได้แล้ว’


กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันต้องรับมือกับคลื่นระลอกใหญ่อีกหลายชุด


ครอเกลตัดสินใจตรวจสอบ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ อีกครั้ง


คุณสมบัติส่วนใหญ่มิอาจใช้การได้ หรือไม่ก็เสื่อมลง เนื่องจากกำลังช่วยรูบี้ประกอบพิธีกรรม


พลังโจมตีก็ลดลงมากเช่นกัน


คล้ายกับดาบทั้งเล่มแบ่งพลังไปช่วยรูบี้จนเกือบหมด


นั่นคือเหตุผลที่โทบันสั่นกลัวในตอนแรก


หากตกอยู่ในสถานการณ์ปัจจุบัน โทบันคงทำได้เพียงใช้โล่ป้องกันตัวเอง


แต่กลับกัน ครอเกลสามารถตอบโต้


มันถือดาบเล่มใหม่ในมืออีกข้าง


สำหรับอริยดาบ การถือดาบสองเล่มนั้นไม่มีผลข้างเคียง


และด้วยความที่เป็นครอเกล ดาบทั้งสองจึงถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ


เหนือสิ่งอื่นใด


‘ผลข้างเคียงในนรก สามารถลบได้ด้วยการใช้บทกวีสรรเสริญดาบ’


บทกวีสรรเสริญดาบคือพลังที่หลอมรวมครอเกลและดาบให้เป็นหนึ่งเดียว


ค่าความคงทนและพลังโจมตีของดาบที่เลือก จะกลายมาเป็นพลังชีวิตและพลังป้องกันของครอเกลชั่วคราว แถมยังช่วยลบล้างและต้านทาน ‘ดีบัฟ’ ทั้งหมดขณะใช้งาน


นอกจากนั้น ทักษะถัดไปจะมีพลังทำลายสูงขึ้นสิบสี่เท่า (ของเดิมสิบเอ็ดเท่า แต่เลเวลของบทกวีสรรเสริญดาบเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน)


เป็นหนึ่งในท่าไม้ตายที่ครอเกลใช้งานบ่อยครั้ง


สิ่งนี้ทำให้มันสามารถ ‘ควบคุม’ ตัวแปรที่ไม่คาดฝันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แต่ปัญหาคือ ตัวแปรมีจำนวนมากเกินไป


“…?”


ท่วงท่าการฟันดาบของครอเกลเริ่มผิดธรรมชาติ


ราวกับดาบของมันกำลังตอบสนองต่อคนอื่นมากกว่า


[อาวุธของท่านตกอยู่ในอำนาจการควบคุมของอสูร ‘โบเลรอน’]


[ท่านต้านทาน]


ครอเกลเริ่มประหม่า


หากไม่ใช่เพราะอริยดาบสามารถบงการดาบได้อย่างสมบูรณ์ กว่ามันจะสังเกตเห็นพลังนี้ ก็คงเป็นตอนที่ถูกขโมยไปแล้ว


‘พลังระดับเดียวกับจอมอสูร… คงเป็นอสูรอาวุโส’


ครอเกลหันไปมองอสูรที่แข็งแกร่งตนนั้นทันที


แต่ขณะเดียวกัน ผืนดินในจุดที่ครอเกลยืนเกิดระเบิด


คล้ายกับผู้โจมตีเล็งจังหวะเมื่อครู่เอาไว้


“หลบการโจมตีของท่านบาร์บาทอสได้… ไม่เลวทีเดียว”


หมอกสีดำที่ขยับตัวไปมาอย่างรวดเร็ว เริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง


อีกฝ่ายไม่ใช่ใครนอกจากโบเลรอน อสูรที่มีคำนำหน้าว่า ‘ครอบครัวบาร์บาทอส’


ต้องไม่ลืมว่า บาร์บาทอสจะแบ่งปันการมองเห็นภายในครอบครัวของมัน


นั่นเพื่อก็ให้สามารถ ‘ซุ่มยิง’ จากระยะที่ห่างออกไปหลายร้อยหรือหลายพันกิโลเมตร


แน่นอนว่า มีข้อจำกัดเกี่ยวกับการยิงข้ามโลก


หากไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว มนุษย์บนโลกกึ่งกลางคงถูกบาร์บาทอสซุ่มโจมตีเป็นว่าเล่น


นัดที่สองถูกยิงมาอีกครั้ง


สำหรับนัดแรก ครอเกลสามารถหลบหลีกได้อย่างฉิวเฉียดด้วย ‘อ่านใจขั้นสูง’ แต่สำหรับนัดนี้คงยากที่จะหลบให้พ้น


นั่นเพราะฝ่ามือขนาดมหึมาของโบเลรอนกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง เป้าหมายคือบริเวณใบหน้าและดวงตาครอเกล


เป็นการลงมือในจังหวะเดียวกับการซุ่มยิง


แสดงให้เห็นว่า บาร์บาทอสและโบเลรอน เคยร่วมมือกันมาแล้วหลายหน


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น โบเลรอนเป็นครอบครัวเดียวกับบาร์บาทอสมานานแล้ว แตกต่างจากครูชาที่แต่เดิมเป็นลูกน้องเฮลกาโอ ก่อนจะย้ายมาสังกัดบาร์บาทอส


นับตั้งแต่เกิด โบเลรอนก็กลายเป็นลูกน้องบาร์บาทอสมาตลอด


‘ยอมโดนคนเดียวดีกว่าโดนสอง…’


ด้วยค่าวิสัยทัศน์ระดับสูง ผนวกกับสัญชาตญาณและประสบการณ์ ครอเกลเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นได้ในทันที


มันยอมเสียศักดิ์ศรีจากการถูกยิง มากกว่าจะหลบการซุ่มยิง


ร่างครอเกลล้มลงกระแทกพื้น


จากนั้น เขาแหลมบนหน้าผากโบเลรอนเสียบทะลุหัวใจครอเกลทันที


ขณะเดียวกัน ดาบในมือครอเกลฟันผ่านดวงตาทั้งสองข้างของโบเลรอนอย่างแม่นยำ


ครอเกลยอมถูกโจมตี เพื่อแลกกับการตอบโต้เช่นนี้


“คึ่ก?!”


โบเลรอนที่กำลังสับสนเพราะสูญเสียการมองเห็น ถูกจาจินโมริถีบซ้ำจนกระเด็น


ครอเกลพยุงตัวลุกขึ้นยืน ดื่มโพชั่นและกล่าว


“แกเสียดวงตาไปแล้ว คงไม่มีการยิงสนับสนุนมาอีกสักพักสินะ”


เฉกเช่นที่ครอเกลแบ่งปันข้อมูลมากมายให้กริด มันก็ได้รับข้อมูลจากกริดไม่น้อย


ชายหนุ่มกล่าวว่า หนึ่งในศัตรูที่ต้องระวังในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร คือจอมอสูรลำดับแปด บาร์บาทอส จากนั้นก็อธิบายเอกลักษณ์อย่างละเอียด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ครอเกลมีข้อมูลว่าบาร์บาทอสจะยิงจากจุดที่มองไม่เห็น และทราบวิธีการรับมือ


‘แต่ไม่คิดว่าครอบครัวของบาร์บาทอสจะโผล่ออกมา’


กริดเคยกล่าวว่า ในพักหลัง บาร์บาทอสหมกมุ่นอยู่กับกริด


ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า มันยังคงโกรธเคืองในเรื่องที่ ‘เนตร’ ส่วนหนึ่งถูกพรากไป


อาจเป็นเพราะเหตุนี้ มันจึงคอยจับตามองประตูนรกทุกบาน เผื่อว่าหนึ่งในนั้นอาจเป็นกริด


‘ว่าแต่… สมแล้วที่เป็นน้องสาวของกริด’


ครอเกลจ้องไปยังบัฟ ‘เสริมธาตุศักดิ์สิทธิ์’ ที่กำลังโอบล้อมดาบเสือขาว


มันคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะร่ายบัฟเสริมประสิทธิภาพให้อาวุธ แทนที่จะเป็นบัฟป้องกันหรือเวทรักษา


เป็นแนวทางการเล่นที่แตกต่างจากนักบวชทั่วไปโดยสิ้นเชิง และนั่นทำให้ครอเกลยิ้มชอบใจ


นิสัยของเธอ… เกรี้ยวกราดเหมือนกับกริดไม่มีผิด…


‘เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก’


ดวงตาของโบเลรอนไม่ฟื้นฟูหลังจากถูกฟันด้วยดาบเคลือบธาตุศักดิ์สิทธิ์


แน่นอน ผลลัพธ์เช่นนี้มิได้คงอยู่ตลอดไป แต่ตราบใดที่มีบัฟเสริมธาตุศักดิ์สิทธิ์ ครอเกลมั่นใจว่าตนสามารถฟันดวงตาของโบเลรอนได้เรื่อยๆ


‘คงอีกสักพักกว่าทีมที่สองจะมาถึง’


หากเป็นคนฉลาดอย่างยูร่า… หนึ่งในสองสมาชิกของทีมถัดไปต้องเป็นคริส…


พลังทำลายของคริสนั้นยอดเยี่ยมเสียจนถูกยกย่องให้ ‘เป็นรองเพียงกริด’ จึงไม่มีไพ่ตายใดเหมาะแก่การส่งมายึด ‘ฐาน’ ไปมากกว่านี้


‘และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราก็จะสบาย’


กึก


ครอเกลย่างกรายเข้าหาโบเลรอน


เพียงหนึ่งก้าว ครอเกลมีโอกาสมากมายที่จะลงมือ


และการลงมือแต่ละครั้ง ครอเกลจะยืนยันให้มั่นใจว่า ดวงตาของโบเลรอนจะไม่ฟื้นฟูกลับมาอีก


ยิ่งเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของรูบี้ทวีความแข็งแกร่ง บทลงโทษในนรกของครอเกลก็ยิ่งบรรเทา

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,977
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00