จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,458



สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย เทคโนโลยีขั้นสูง เศรษฐกิจมั่นคง ความปลอดภัยสูง ภารกิจที่ทำแล้วได้รับเซตกริดรุ่นผลิตจำนวนมาก และอีกมากมาย


ในสายตาผู้เล่น อาณาจักรโอเวอร์เกียร์น่าดึงดูดใจอย่างมาก


ประวัติศาสตร์อันยาวนานและทรัพยากรที่มั่งคั่งของจักรวรรดิซาฮารัน ไม่หอมหวานเท่ากับสิ่งอำนวยความสะดวกอันครบครันภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ออกแบบโดยผู้เล่นยุคใหม่


นั่นทำให้มีคนอพยพย้ายไปอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี


อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้เล่นทุกคนที่จะขอสัญชาติโอเวอร์เกียร์ผ่าน


เนื่องจากมีระดับความปลอดภัยสูง ผู้เล่นประเภททหารรับจ้างจึงไม่ที่เป็นต้อนรับ เนื่องจากการผูกขาดบอสแม็ปและบอสดันเจี้ยนที่สำคัญโดยรัฐบาล ผู้เล่นระดับสูงที่แสวงหาความมั่งคั่งจึงมองว่าถูกเอาเปรียบ และเนื่องจากตลาดภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ถูกดูแลโดยกลุ่มการค้ามุโต้ กลุ่มการค้าอื่นๆ จึงปฏิเสธที่จะเข้าร่วม


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ปลอดภัยและสงบสุข อาจเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการ ‘พักอาศัย’ มากกว่าผู้ที่จะมาเติมเต็มความฝัน


“แร่เหล็กมีราคาสูงขึ้นจากเดิมห้าเหรียญทอง? ควรซื้อเก็บไว้ดีไหม?”


“ราคาขึ้นเร็วชะมัด… อา… ฉันจะซื้อในราคาเก้าเหรียญทอง ไม่สิ สิบสามเหรียญทองไปเลย”


“ได้ยินมาว่า จักรวรรดิเริ่มสร้างป้อมปราการใหม่แล้ว”


“งานประกวดราคาที่นั่นดุเดือดมาก… ไปทางตะวันออกกันไหม? ราคาหินของที่นั่นแพงขึ้นเป็นที่แรก อาณาจักรในละแวกใกล้เคียงอาจเริ่มสร้างป้อมปราการเร็วๆ นี้”


สำหรับพ่อค้าและวิศวกร มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรคือโอกาสทอง


โดยเฉพาะพวกพ่อค้าและวิศวกรที่ไม่ได้อาศัยในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


พ่อค้าและวิศวกรของโอเวอร์เกียร์ล้วนได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ผลิตสินค้าหรือดำเนินการก่อสร้าง การจะตั้งงบโครงการแต่ละครั้งจึงค่อนข้างเกรงใจรัฐบาลของอาณาจักร


แต่ในทางกลับกัน พ่อค้าและวิศวกรของอาณาจักรอื่น สามารถกำหนดราคาได้อย่างอิสระ


ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน ทรัพยากรทางด้านหินและโลหะกำลังขาดแคลน


นั่นเพราะสงครามกำลังจะเกิด


ภายในสี่วันหลังจากที่มีข่าวมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร ราคาตลาดของทรัพยากรเหล่านี้ก็ปรับสูงขึ้นถึงยี่สิบเท่า อย่างไรก็ตาม พ่อค้าและวิศวกรของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังสามารถส่งสินค้าให้กับอาณาจักรได้ตามปรกติโดยไม่ต้องสนใจความผันผวนของราคา


เพราะนี่คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้ในสัญญา: อาณาจักรโอเวอร์เกียร์อนุญาตให้พ่อค้าและวิศวกรใช้งานเหมืองหินและเหมืองแร่ เป็นการรับประกันว่าราคาต้นทุนจะคงที่ และทางอาณาจักรโอเวอร์เกียร์รับประกันว่าจะจ่ายค่าจ้างที่ตายตัวซึ่งหักออกจากค่าวัสดุ สิ่งนี้ทำให้บรรดาพ่อค้าและวิศวกรเกิดความยินดีปรีดา


การไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงในด้านต้นทุน เพียงตั้งใจลงแรงและมันสมอง ส่งงานให้ทันเวลาโดยแทบไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงที่ไม่คาดฝัน มีนักธุรกิจคนใดบ้างที่ไม่ชอบ?


ทว่า ด้วยเหตุนั้น พวกมันต้องอดมีส่วนร่วมในอีเวนต์ใหญ่คราวนี้


แต่มนุษย์เราจะมองเห็นอนาคตได้ยังไง?


เมื่อคำนึงถึงผลประโยชน์และความสบายใจในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกมันไม่ผิดหวังมากนัก


“ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเก็บวัสดุไว้ในคลังสินค้าเรียบร้อยแล้ว… อย่าเพิ่งปล่อยของออกสู่ตลอด โดยเฉพาะของที่เกี่ยวกับการตีเหล็ก จนกว่าราคาตลาดจะพุ่งสูงถึงขีดสุด”


จวบจนปัจจุบัน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ยังคงเป็นเจ้าตลาด


นั่นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะช่างตีเหล็กส่วนใหญ่มารวมตัวกันที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


สำหรับพ่อค้านอกโอเวอร์เกียร์ การนำทรัพยากรไปขายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ทำได้ยากมาก


แต่ปัจจุบัน สถานการณ์กลับกันแล้ว


ด้วยกำลังคนที่เพิ่มขึ้น ทรัพยากรเริ่มมีไม่เพียงพอต่อการผลิต


อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ดำเนินมาถึงจุดที่ช่างตีเหล็กว่างเพราะไม่มีวัสดุ


ถึงเวลาพวกตนเอาคืนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เสียที


เหล่าพ่อค้ากำลังดีใจจนเนื้อเต้น


***


“วันนี้ได้วัสดุมาแค่นี้?”


“เห็นว่าเหมืองกำลังติดระยะหน่วง”


“ถ้าน้อยจนไม่พอต่อการผลิต เห็นทีต้องซื้อจากตลาดกลาง”


“ไม่มีวัสดุขายในตลาดกลางเลย… ทันทีที่ข่าวคราวเกี่ยวกับมหาสงครามมนุษย์และอสูรถูกประกาศ บรรดาพ่อค้าและนายทุนจำนวนมากเริ่มกว้านซื้อและกักตุน…”


“แล้วพวกเรามัวแต่นั่งอมนิ้วกันอยู่?”


“ต้องไม่ใช่อยู่แล้ว ลอเอลสั่งให้กักตุนตั้งแต่เนิ่นๆ แต่นายก็รู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยพวกนิ้วเร็ว เป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งทั้งหมดมาครอง… แต่ระหว่างนี้ มีพวกเศรษฐีบ้าๆ กลุ่มหนึ่งเริ่ม ‘เรียงจากราคาแพง’ และกว้านซื้อจากบนลงล่าง… ว่ากันว่า พวกมันซื้อแร่เหล็กไปในราคาสองร้อยเหรียญทอง… สำหรับตอนนั้น พวกเราอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าต้องซื้อด้วยราคาดังกล่าว การกักตุนจะมีความหมายจริงหรือ…”


“เฮ้อ… เกมนี้เป็นของพวกแชโบลไปแล้วรึไง? ช่างเถอะ ยังไงวันนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว”


แพนเมียร์


ผู้เล่นคลาสช่างตีเหล็กอันดับหนึ่งของโลก และรองประธานสมาคมช่างตีเหล็กโอเวอร์เกียร์ (กริดเป็นประธาน แต่ก็แค่ในนาม)


สี่วันที่ผ่านมา แพนเมียร์มิได้ก้าวออกจากโรงตีเหล็กแม้แต่ก้าวเดียว


แต่ปัจจุบัน มันต้องวางค้อนเป็นครั้งแรก


มันมิอาจทำงานได้ต่อไป เพราะขาดแคลนวัสดุที่จำเป็น


“ไม่ใช่ว่าพวกเรายังเหลือวัสดุคุณภาพสูงสุดอีกมากหรอกหรือ?”


วัสดุคุณภาพสูงสุด สิ่งนี้จะถูกส่งมอบให้กริด


นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะไอเท็มที่กริดผลิต ย่อมมีคุณภาพสูงกว่าผลงานของช่างตีเหล็กทั่วไป


“ก็ใช่”


“นั่นสินะ… อยู่กับกริดถูกต้องแล้ว”


“ได้ยินว่าวัลฮัลล่าจะส่งทหารมาช่วยแสนนาย แถมห้าพันในนั้นยังเป็นหัวกะทิ… อย่างน้อยพวกเราก็ต้องจัดหาอุปกรณ์ให้ห้าพันคนนั้น… เหนื่อยหนักแน่”


“ลอเอลกับท่านแรบบิทคงลำบากกว่าใคร”


***


ณ หอประชุมโอเวอร์เกียร์


แม่ทัพระดับสูงจากทั้งโอเวอร์เกียร์และวัลฮัลล่ากำลังรวมตัวประชุม


ในยามปรกติ แรบบิทคงข่มขู่ต่อหน้าขุนพลระดับสูงเหล่านี้ไปแล้ว แต่ปัจจุบัน มันทำเพียงกล่าวด้วยมาดสง่างามและน่าเกรงขาม


“ไม่… นั่นเป็นไปไม่ได้”


มันคัดค้านอย่างแข็งกร้าว เกี่ยวกับการชดเชยวัสดุที่ขาดไปด้วยการซื้อในราคาสูง


“ทำไมเราต้องจ่ายแพงๆ เพื่อซื้อวัสดุ? ผมไม่เห็นด้วย”


“ไม่ใช่ว่าคุณต้องการติดอาวุธใหม่ให้กับเหล่าทหารกล้าหรอกหรือ? ถ้าไม่มีวัสดุแล้วจะผลิตอาวุธใหม่ได้อย่างไร? อย่าบอกนะว่าจะซื้อสำเร็จรูป?”


มุมปากหญิงสาวกระตุกแผ่วเบาราวกับกำลังกลั้นยิ้ม


เธอมองว่าเป็นเรื่องตลก


ณ ปัจจุบัน อาณาจักรส่วนใหญ่ในทวีปต่างจับมือกันเพื่อหาวิธีป้องกันตัวเองและช่วยกอบกู้โลก


หากไม่นับอาณาจักรเล็กๆ หรือกลุ่มชนเผ่าตามชายขอบ ทุกคนต่างเคยประจักษ์ความน่าสะพรึงกลัวของจอมอสูร และย่อมเล็งเห็นถึงความเร่งด่วนของวิกฤติที่กำลังจะมาถึง


ทว่า หนึ่งในผู้บริหารของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของพันธมิตรปกป้องโลก กำลังนำความรู้สึกส่วนตัวมากำหนดนโยบาย


จะไม่ซื้อวัสดุที่จำเป็นเพียงเพราะราคาพุ่งสูงขึ้น?


จริงอยู่ พฤติกรรมการกว้านซื้อของพ่อค้าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แต่การเพิ่มขึ้นของราคาคือเรื่องที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างเลี่ยงไม่ได้


ในยามศึกสงครามเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีพ่อค้ากักตุน แต่ราคาวัสดุก็ไม่มีทางเท่าเดิม


ชายคนนี้คิดจะต่อสู้กับกฎแห่งธรรมชาติ?


ช่างน่าขันประหนึ่งเสียงแหกปากร้องของเด็กเล็ก


ขณะนายทหารหญิงสมเพชในใจ แรบบิทที่สวมแว่นแสดงทรรศนะ


“การซื้อของสำเร็จรูปจะไม่มีประโยชน์ คุณภาพของพวกมันต่ำกว่าอาวุธเดิมที่กำลังติดตั้งอยู่… คิดว่ายุทโธปกรณ์ปัจจุบันของกองทัพวัลฮัลล่า ด้อยกว่าสิ่งที่ขายตามท้องตลาดหรือไง?”


“อุปกรณ์ที่เราใช้ส่วนใหญ่เป็นของเก่า… ก็อย่างที่ทราบ ทางเราขาดช่างตีเหล็ก…”


“เงียบ”


นายทหารอาวุโสรายหนึ่งขัดจังหวะคำพูดนายทหารหญิงของวัลฮัลล่า


สถานที่แห่งนี้รวบรวมบุคคลสำคัญของทั้งสองอาณาจักรเอาไว้ พฤติกรรมของเธอถือเป็นการเสียมารยาท


มันถอนหายใจ ก่อนจะหันไปพูดกับเสนาธิการระดับสูงของกองทัพ ซือหม่าเชียน ที่เงียบมาตลอด


“ผมแน่ใจว่า การที่นายกเทศมนตรีแรบบิทคัดค้านการซื้อวัสดุ เป็นเพราะเขาตระหนักถึงธรรมชาติของสถานการณ์ปัจจุบัน… เพราะผมเองก็คิดแบบเดียวกัน”


“ธรรม… ชาติ?”


นายทหารหญิงโพล่งด้วยความประหลาดใจ


นายทหารอาวุโสของวัลฮัลล่าส่ายหน้าพลางอธิบาย


“พวกเราคือวีรบุรุษแห่งยุคที่มารวมตัวกันภายใต้ภารกิจปกป้องมนุษยชาติ… พ่อค้าเองก็เป็นหนึ่งในมนุษยชาติที่เราพยายามปกป้อง ดังนั้น พวกเขาควรร่วมมือกับเรา ไม่ใช่เก็งกำไรและหาผลประโยชน์”


“แต่แนวคิดนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า พวกเขาต้องการร่วมมือกับเรา… เราจะทำยังไงหากคนเหล่านั้นไม่ยอมร่วมมือ? พวกเขาจะยอมฟังคำโน้มน้าวของพวกเราหรือ?”


“ไม่จำเป็นต้องโน้มน้าว… เมื่อถึงเวลาที่ภัยพิบัติเกิดขึ้น พวกเขาจะเป็นฝ่ายเสนอตัวร่วมมือเอง… นั่นคือสิ่งที่ท่านแรบบิทต้องการจะบอก”


“ถูกต้อง”


‘เยี่ยม’ ลอเอลนั่งที่นั่งชมการประชุม กล่าวชมเชยภายในใจ


นายทหารอาวุโสของวัลฮัลล่า


เฉกเช่นซือหม่าเชียน ชื่อของมันเป็นสีทองอร่าม


ชายคนนี้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจนน่าชื่นชม สามารถอ่านความคิดเชิงพาณิชย์ของแรบบิท หนึ่งในสองสุดยอดมันสมองแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


‘ชายคนนี้เก่งกาจด้านคำนวณ…’


ขณะลอเอลกำลังประเมิน นายทหารอาวุโสกล่าวต่อ


“แต่มันคงสายเกินไปหากจะรอรับวัสดุหลังจากภัยพิบัติเริ่มต้นขึ้นแล้ว… อาจฟังดูโหดร้ายไปสักนิด แต่ผมคิดว่าเราต้องเตือนให้โลกเห็นถึงความอันตรายของภัยพิบัติ”


“ด้วยวิธีใด?”


“นักล่าอสูรเป็นคนของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ใช่หรือไม่? หากให้เธอตระเวนทั่วทวีปและเปิดเกตอัญเชิญอสูรกลุ่มเล็กๆ ออกมา… เหยื่อของเหตุการณ์จะต้องตื่นตัว และเห็นถึงความน่ากลัวของมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร โดยไม่มองว่ามันเป็นเพียงงานเทศกาล”


สีหน้าสติกส์พลันเคร่งขรึม


“เจ้ากำลังเสนอให้พวกเราปล่อยสัตว์อสูรออกมาทำร้ายคนบริสุทธิ์? ฟ้าดินต้องลงโทษแน่! ข้าไม่เห็นด้วย!”


ในทางกลับกัน ลอเอลกลับคิดต่าง


‘แถมยังเด็ดขาด… อาเรสมีอัจฉริยะอยู่ในครอบครองมากแค่ไหนกัน’


จากมุมมองของลอเอล ข้อเสนอของนายทหารอาวุโสฟังดูสมเหตุสมผลอย่างมาก


หากสัตว์อสูรเริ่มทำลายเมืองเล็กๆ ทั่วทวีป ผู้เล่นจะค่อยๆ เล็งเห็นถึงความน่ากลัวของสงคราม และปฏิบัติกับมันประหนึ่งหายนะ มิใช่อีเวนต์


และเหนือสิ่งอื่นใด พวกมันจะเล็งเห็นว่า สงครามนี้ขาดอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไปไม่ได้ และเหล่าพ่อค้าก็จะยอมผ่อนปรนการกักตุนวัสดุให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


หากเป็นพ่อค้าคนดังมากเท่าไร ก็ยิ่งยอมลดราคามากเท่านั้น เพื่อเป็นการปกป้องจุดยืนของตัวเอง


‘เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่คงไม่ฟังและไม่ยอมเชื่อ ทั้งที่พยายามเกลี้ยกล่อมแทบตาย แต่ถึงอย่างั้น…’


หากทุกคนทราบว่ายูร่าเป็นคนปล่อยสัตว์อสูร ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆ


ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สั่งสมมานานก็จะพังลงทันที…


และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ กริดไม่น่าจะอนุญาต


การ ‘ข่มขู่’ ด้วยวิธีนี้จะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมิอาจเลี่ยง


กริดจะยอมให้เกิดสิ่งนั้น?


ขณะลอเอลกำลังไตร่ตรอง มันสัมผัสถึงการจ้องมองจากซือหม่าเชียน


ลอเอลยิ้มตอบ


‘เขาเองก็มองว่าข้อเสนอนายทหารอาวุโสเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว? ถ้ามีวิธีที่ดีกว่าจริง ชายหัวแหลมคนนี้คงทราบวิธีนั้นก่อนเรา…’


อีกฝ่ายคือเสนาธิการระดับสูงของกองทัพ และระดับสติปัญญาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลอเอล ทางนั้นจึงควรคิดกลยุทธ์ได้เก่งกาจกว่า


เมื่อถึงตรงนี้ ลอเอลค่อนข้างกังวล แต่ก็มิได้เผยออกมาทางสีหน้า มันทราบดีว่า การวางตัวในการประชุมทางการเมืองต้องทำอย่างไร


ขณะขุนพลของทั้งสองอาณาจักรกำลังแลกเปลี่ยนข้อมูล


“ขอโทษที่มาสาย”


ประตูห้องประชุมที่ปิดสนิท เปิดออกโดยไม่มีลางบอกเหตุล่วงหน้า


ไม่ใช่ใครนอกจากกริด


ทุกคนรีบลุกขึ้นจากที่นั่ง เช่นเดียวกันกับขุนพลของวัลฮัลล่า


“ถวายบังคมฝ่าบาทราชาโอเวอร์เกียร์”


ขุนพลทุกนายของวัลฮัลล่าโค้งคำนับ แน่นอน รวมถึงซือหม่าเชียน


นายทหารหญิงที่เผยสีหน้าอึดอัดระหว่างการประชุม พลันหน้าแดงและอ้าปากค้างราวกับสติหลุด


นี่คือพลังแห่งค่าความน่าหลงใหลและความน่าเกรงขาม


คนของโอเวอร์เกียร์คุ้นชินกับรูปลักษณ์ของกริด จนหลายๆ ครั้งลืมไปแล้ว แท้จริงแล้วกริดช่างสง่างามและเปี่ยมไปด้วยบารมี


จากบรรดาผู้เล่นคลาสนักแสดงที่เน้นเพิ่มค่าความน่าหลงใหล อาจมีหลายคนที่โดดเด่นกว่าคนอื่นและชอบทำตัวเป็นดาราเจ้าเสน่ห์ ทว่า พวกหล่อนก็ยังมีความน่าหลงใหลไม่ได้ครึ่งของกริด


รูปลักษณ์แทบไม่มีผล แก่นสำคัญคือออร่า


“ยินดีที่ได้รู้จัก ท่านเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพวัลฮัลล่า ซือหม่าเชียน… ไว้เราค่อยคุยเรื่องส่วนตัวในภายหลัง ตอนนี้ขอแจ้งให้ทุกคนทราบข่าวใหม่เป็นอันดับแรก… ในอีกสามวันข้างหน้า วัสดุจำนวนมากจะถูกส่งมาถึงกรุงไรน์ฮาร์ท… ปริมาณของพวกมันเพียงพอที่จะใช้ทำสงคราม… ตามที่ตกลงกันไว้ในตอนต้น พวกเราจะเป็นฝ่ายจัดหาวัสดุ ส่วนวัลฮัลล่าจะจ่ายค่าอุปกรณ์ในราคาที่เหมาะสม”


“…?”


“…?”


ผู้คนส่วนมากที่มารวมตัวในวันนี้ เกือบทั้งหมดคืออัจฉริยะ


แต่ไม่มีใครเลยที่เข้าใจคำพูดกริด


วัสดุเพียงพอสำหรับทำสงครามใหญ่?


ท่ามกลางความสับสน ซือหม่าเชียนตัดสินใจเปิดปาก


“ฝ่าบาท ขอทราบแหล่งที่มาของวัสดุได้หรือไม่?”


“กลุ่มพ่อค้าไลออน… มีสายลับของเราแฝงตัวอยู่ที่นั่น”


“…!”


ดวงตาของสมาชิกโอเวอร์เกียร์พลันเบิกกว้าง บ้างสั่นระริก


ซือหม่าเชียนถามอีกครั้ง


“ราคาซื้อขายเป็นอย่างไร?”


“ราคาเดิมก่อนผันผวน… คนของฉันทำงานได้ยอดเยี่ยม”


“…!!”


“…!!”


ในคราวนี้ แม้แต่ซือหม่าเชียนก็เริ่มสั่นเทา


มันประหลาดใจเสียจน ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเกือบขาวโพลน


ทุกคนต่างคาดเดากันว่า ราคาที่กริดจัดหามาได้ คงสูงกว่าท้องตลาดในปัจจุบันเล็กน้อย


ชายคนนี้ส่งสายลับเข้าไปในกลุ่มการค้านอกอาณาจักรก่อนที่ราคาจะผันผวน จากนั้นก็สั่งให้แทรกแซงการซื้อขายจนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นธรรม…


ความสามารถในการมองการณ์ไกลระดับนี้ คนธรรมดาไม่มีวันเข้าถึงแน่


ยากจะให้เชื่อว่าเป็นสติปัญญาของมนุษย์


‘กระทั่งความเฉลียวฉลาด… ก็ยังพัฒนาจนถึงขอบเขตของเทพหรือนี่!’


[ความสัมพันธ์กับ ‘ซือหม่าเชียน’ เสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพวัลฮัลล่า เพิ่มขึ้น 20 หน่วย]


“…?”


ขณะกริดสับสน ซือหม่าเชียนมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความอิจฉา


ท่ามกลางความโกลาหล ลอเอลส่งข้อความส่วนตัวไปถึงฮิวรอย


มันทราบดี สถานการณ์ปัจจุบันไม่มีทางเกิดจาก ‘กลยุทธ์’ ของกริด


> เกิดอะไรขึ้น? ทำไมกลุ่มการค้าไลออนถึงยอมขายในราคาเดิม?


> ฉันขโมยตราประทับของพวกมันและปลอมแปลงเอกสารจำนวนหนึ่ง


> …?


ฮิวรอยเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?


ไม่สิ นี่ไม่เกี่ยวกับความเก่ง


เขาใช้วิธีใดปลอมแปลงเอกสารจำนวนหนึ่ง?


ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้น เขาทำยังไงถึงขโมยตราประทับสำคัญของกลุ่มการค้ามาได้?


ไม่ใช่ว่าของแบบนี้ต้องถูกเก็บไว้ในคลังสัมภาระหรือ?


ขณะลอเอลขมวดคิ้วด้วยความสับสน เลือดกำเดาไหลออกจากจมูกของมัน


‘สกิน’ ของมันถูกพัฒนาขึ้นในทุกๆ วัน


ไม่ว่าจะมองมุมใด ลอเอลก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์เกี่ยวกับฮิวรอย


แน่นอน เพราะมันขบคิดในกรอบที่ผิดมาตลอด


ฮิวรอยมิได้แทรกซึมเข้าไปในฐานะสายลับ


แต่มันถูก ‘ปรนนิบัติ’ ในฐานะแขกคนสำคัญ


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,973
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00