จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,459



ตลอดสามวันที่ผ่านมา รถม้าคันแล้วคันเล่าที่บรรจุวัสดุจนเต็มคัน ทยอยแล่นเข้ามาในไรน์ฮาร์ท


ฉากสุดแสนอลังการของขบวนรถม้าได้สร้างข่าวลือว่า ‘แท้จริงแล้ว กริดคือคนที่กว้านซื้อวัสดุในตลาด’


กริดไม่ปฏิเสธ ดีเสียอีกที่ถูกมองว่าเป็นคนร่ำรวย


และอันที่จริง ผลลัพธ์จากข่าวลือดังกล่าวยอดเยี่ยมกว่าที่คิด


บรรดาพ่อค้าที่พยายามจะโขกสับราคาวัสดุให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ต่างถูกไฟลนก้นจนนั่งไม่ติด


พวกมันเคยเย่อหยิ่งเมื่ออยู่บนโต๊ะเจรจา แต่ปัจจุบัน แต่ละคนกำลังหมอบคลานราวกับเต่า


ไม่มีใครคาดคิดว่า กริดจะเป็นคนที่กวาดแร่เหล็กราคาสองร้อยเหรียญทองไปจนหมดตลาด


นี่มันบ้ามาก


เหล่าพ่อค้าต่างหวาดกลัวในความดุดันและแข็งกร้าวของกริด


พวกมันสัมผัสได้ถือความบ้าคลั่งอย่างเลือนราง


พ่อค้าเริ่มตระหนักว่า ไม่ว่าพวกตนจะใช้กลยุทธ์ใด การเอาชนะกริดคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย


พวกมันไม่มีทางรู้เลยว่า กริดพยายามปกป้องทุกคนมากแค่ไหน


กว่าจะรู้ความจริง ก็คงต้องรอให้จบมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเสียก่อน


***


“เอ่อ…?”


ณ โรงตีเหล็กภายในวังที่ถูกสร้างจากการดัดแปลงเค้าโครงปราสาท


ลอเอลที่มาเยี่ยมกริด ผงะไปพักหนึ่ง


ลิชอมตะ หรือราชาแห่งความตาย กำลังยืนอยู่หน้าทั่งเหล็กและใช้ค้อนทุบโลหะ


คนแคระ เผ่าพันธุ์อันสูงส่งสำหรับช่างตีเหล็ก กำลังวิ่งวุ่นไปมาเพื่อคอยช่วยทำงานจิปาถะ


ไม่ว่าจะมองมุมใด ภาพตรงหน้าก็น่าเหลือเชื่อเกินไป


“มาแล้วหรือ?”


ลิชและคนแคระที่กำลังช่วยกริด คือโครงกระดูกหมายเลขสองและคนแคระเคย์


โรงเหล็กแห่งนี้มีขนาดเล็กกว่าย่านอุตสาหกรรมตีเหล็กใจกลางกรุงไรน์ฮาร์ท แต่เหตุผลที่กริดเลือกจะหมกตัวในปราสาท เป็นเพราะที่นั่นวุ่นวายและได้รับความสนใจมากเกินไป


หากจับได้ว่ากำลังทำงานกับลิช ผู้คนจะมัวแต่ฮือฮาและสร้างความน่ารำคาญ


“ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันได้ลิชกำลังตีเหล็ก… ความเท่ระดับนี้… เป็นเพราะในตัวข้ามีมังกรเพลิงทมิฬอย่างั้นหรือ?”


“พล่ามเหลวไหลอะไรของนาย? โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ของฉันเท่มานานแล้ว”


พลังมนต์ดำที่โอบล้อมร่างกายคล้ายผ้าคลุม จะทิ้งภาพตกค้างในทุกการกระทำ


แม้แต่มอนสเตอร์บอสก็ยังไม่มีของแบบนี้


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเต้นแท็ปไปพลางตีเหล็ก


“แล้วหนังสือที่มันกำลังอ่านคืออะไร? เวทต้องห้ามที่ทำให้ข้าจบชีวิตลงในชาติก่อนหรือ?”


“…ไดอารีของมาดรา ลายมือค่อนข้างเพี้ยน เลยเสียเวลาตีความนานหน่อย… สีหน้าของนายไม่เลวเลย การเจรจาเป็นไปด้วยดีใช่ไหม?”


“คุคุคุ… ภาพรวมถือว่าดี แต่ดูเหมือนว่าพวกพ่อค้าจะหมกมุ่นอยู่กับราคาวัสดุ พวกเขายืนกรานจะขายแร่เหล็กในราคาต่ำกว่าสองเหรียญทองให้ได้… แต่ฉันบอกว่าทางเราพอแล้ว”


“ราคาปัจจุบันก็สมเหตุสมผลมากแล้วนี่? ทำไมพ่อค้าถึงยอมเสียสละมากขนาดนั้น?”


“ไม่ใช่แค่เสียสละ… พวกนั้นถึงขั้นอ้อนวอนให้เราซื้อ… แต่ก็นั่นแหละ จากมุมมองของพวกเขา แต่เดิมที่ควรจะขายขาดทุนจากปรกติสิบถึงยี่สิบเท่า การขายให้เราราคานี้ จะดีใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก… น่าเสียดายที่วัสดุของเราค่อนข้างเพียงพอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องหมกมุ่นกับสินค้าราคาสูง”


“แต่พวกเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย… หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างการผลิตไอเท็ม วัสดุที่ต้องใช้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม… และไม่ใช่แค่เรา อาณาจักรอื่นรวมถึงจักรวรรดิ ต่างก็พยายามกักตุนวัสดุไว้เป็นจำนวนมาก… ก่อนราคาตลาดจะสูงกว่านี้ ทำไมเราไม่ซื้อเก็บไว้อีกสักหน่อย?”


“ไม่เป็นไร… ทางเราทำสัญญาซื้อกับพันธมิตรในราคาคงที่ไว้แล้ว”


“…นายเป็นคนของพรรคคอมมิวนิสต์รึไง?”


“ฮะฮะ! ตลาดเสรีไม่มีอยู่จริงหรือนะ… อาณาจักรมีหน้าที่คอยสั่งสอนพวกพ่อค้าโฉดที่พยายามหาผลประโยชน์จากตลาดด้วยหลักทุนนิยม… ว่าแต่… โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ผลิตไอเท็มสำเร็จรูปได้ด้วยหรือ?”


ลอเอลเผยสีหน้าประหลาดใจ


มันสังเกตเห็นว่า ไอเท็มที่ผลิตโดยจอมเวท ไม่ว่าจะคทา ลูกแก้ว หรือเสื้อคลุม ล้วนถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือโครงกระดูกหมายเลขสอง ไม่ใช่กริด


มันทราบดี โครงกระดูกหมายเลขสองมีทักษะที่สมบูรณ์ของช่างตีเหล็ก แต่มันเก่งพอที่จะผลิตอุปกรณ์สำหรับเหล่าจอมเวทในอาณาจักรจริงหรือ? เพราะถึงหมายเลขสองจะ ‘ตีเหล็กได้’ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะตีเหล็กเก่งกว่าช่างตีเหล็กระดับช่างฝีมือ


กริดคลายความกังวลให้อีกฝ่าย


“สบายมาก… ไอเท็มที่หมายเลขสองสร้างขึ้น อยู่ในระดับเดียวกับช่างฝีมือ”


เมื่อลิชมีความเข้าใจเวทมนตร์อย่างลึกซึ้ง เทคนิคการสร้างไอเท็มเวทมนตร์ก็ยิ่งพัฒนาขึ้น


ในทำนองเดียวกัน ยิ่งเลเวลทักษะตีเหล็กของกริดพัฒนา เลเวลทักษะตีเหล็กของลิชก็ยิ่งพัฒนา


สำหรับปัจจุบัน หมายเลขสองจะรับผิดชอบในการผลิตไอเท็มเวทมนตร์ ส่วนหมายเลขหนึ่ง คนแคระเคย์ และหัตถ์เทวะ คอยทำงานจิปาถะและผลิตไอเท็มให้ทหารเลว


ต้องขอบคุณพวกมัน กริดจึงมีเวลาว่างพอจะซ่อมแซมไอเท็มของตน


‘จะทำให้ของเก่ากลับมาเหมือนใหม่… ไอเท็มฝังลมหายใจเทพผู้พิเศษ รวมถึงดาบศักดิ์สิทธิ์ สามารถใช้พลังดัดแปลงเพื่อพัฒนาการได้’


<นวัตกรรมของเทพโอเวอร์เกียร์กริด>


เดิมที ทักษะชนิดนี้มีชื่อว่า <การดัดแปลงของช่างตีเหล็กในตำนาน>


ทุกไอเท็มที่มีค่าความเข้าใจ 100% ช่างตีเหล็กในตำนานสามารถดัดแปลง หรือเสริมประสิทธิภาพให้ไอเท็มชิ้นนั้นได้


อย่างไรก็ตาม ที่เลเวลสูงสุด มันสามารถใช้ได้เพียงสิบครั้งตลอดชีวิต


และไอเท็มหนึ่งชนิด สามารถดัดแปลงได้เพียงครั้งเดียว


นั่นคือเหตุผลที่กริดเก็บทักษะนี้ไว้ใช้ในครึ่งหลังของเกม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น


มันผนึกทักษะชนิดนี้ไว้เป็นเวลานาน และตั้งใจจะใช้กับสุดยอดไอเท็มที่ตนมองว่าดีที่สุด


ทว่า หลังจากได้ทักษะวิวัฒนาการกลายเป็นเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด มันก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกแล้ว


ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งอีกต่อไป


แถมการจำกัดจำนวนครั้งของแต่ละไอเท็ม ก็เพิ่มจากหนึ่งเป็นสามครั้ง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทักษะสามารถนำมาใช้ได้อย่างอิสระมากขึ้น


‘ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ คงรีบใช้พวกมันไปนานแล้ว…’


ปัจจุบัน ทักษะการดัดแปลงของช่างตีเหล็กในตำนาน ได้อันตรธานหายไปพร้อมกับการมาถึงของเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด


มันกลายเป็นทักษะที่ทำให้กริดนึกถึงภาษิต ‘ทะนุถนอมมาตั้งนาน สุดท้ายกลายเป็นขี้หมา’


แน่นอน เรื่องนี้ทำใจได้ยาก แต่กริดก็คืนความเยือกเย็นกลับมาได้เร็ว


‘มัวเสียใจไปก็ไม่เกิดประโยชน์ เรื่องราวมันผ่านไปแล้ว’


‘ปัจจุบัน’ คือผลของการตัดสินใจในอดีต และตนทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว


ลอเอลกลับไปแล้ว เพราะมันต้องไปคุยกับซือหม่าเชียนต่อ


กริดที่มองแผ่นหลังอีกฝ่ายลับตา กลับมามีสมาธิกับงานอีกครั้ง


“นวัตกรรม”


[กรุณาเลือกไอเท็มที่จะทำการปรับปรุง]


ต้องขอบคุณเรื่องที่ทักษะตีเหล็กวิวัฒนาการกลายเป็นเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด ไอเท็มที่กริดผลิตขึ้นจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมหลายเท่า


นอกจากนั้น คำว่า ‘นวัตกรรม’ ก็ยังหมายถึง ‘การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น’


กล่าวอีกนัยหนึ่ง การปรับปรุงไอเท็มของกริด จะมีค่าเท่ากับการสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิม


พลังแห่งนวัตกรรมกำลังจะครองโลก


***


“ฮิวรอยแทรกซึมในฐานะสายลับและทำการปลอมแปลงเอกสาร? อีกฝ่ายคือกลุ่มการค้าที่สามารถกักตุนวัสดุไว้เป็นจำนวนมากเชียวนะ ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆ สักหน่อย! เป็นไปได้จริงหรือ? ฉันว่าแม้แต่เฟคเกอร์ก็ไม่น่าจะทำสำเร็จ”


“ในตอนที่มีข่าวนี้ออกมา เฟคเกอร์จิตตกทันที… หากฮิวรอยเลือกเดินบนเส้นทางนักลอบสังหาร อันดับหนึ่งของคลาสจะเป็นฮิวรอย ไม่ใช่เฟคเกอร์”


“วะฮ่าฮ่า! เจ้าเฟคเกอร์ก็ชอบเอาชนะเหมือนกันนี่นา… ช่างเถอะ ไม่ว่าจะมองมุมใด ความสำเร็จของฮิวรอยนับว่ายิ่งใหญ่และสำคัญมาก”


“วีรบุรุษชะมัด… ไม่ว่าจะเป็นการลอบแทรกซึมในฐานะสายลับ หรือการปลอมแปลงเอกสารจนเอื้อประโยชน์ให้พวกเรา ทั้งหมดประสบความสำเร็จโดยใช้แค่ปากเปล่า… หรือหมอนั่นจะไปถึงระดับที่สามารถล้างสมองคนด้วยคำพูดแล้ว?”


“เฮ้ เฮ้… ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง? แค่คิดก็ขนลุกแล้ว”


ขุนพลโอเวอร์เกียร์กำลังมารวมตัวกันที่กรุงไรน์ฮาร์ท


จุดประสงค์เพื่อเข้าร่วมทีมสำรวจขุมนรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น


นอกจากคนของโอเวอร์เกียร์ ท็อปแรงเกอร์จากองค์กรต่างๆ ยังสมัครเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้


รวมไปถึงไฮแรงเกอร์อิสระบางคนที่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อคว้าโอกาส


เหตุผลที่ทุกคนอยากลงไปในนรก ส่วนหนึ่งก็เพื่อสัมผัสถึงความยาก และคิดหาวิธีรับมือในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ในนรกจะมีผลข้างเคียงรุนแรงมาก แถมพลังบางชนิดของอสูรและสัตว์อสูร ก็ยังรุนแรงเกินกว่ามนุษย์จะรับไหว


หรือหากโชคร้าย พวกมันอาจต้องเผชิญหน้ากับจอมอสูร


กล่าวอีกนัยหนึ่ง โอกาสเสียชีวิตมีสูงมาก


แน่นอน อาณาจักรโอเวอร์เกียร์คอยย้ำเตือนเรื่องนี้หลายสิบหลายร้อยรอบ


แต่กระนั้น จำนวนผู้สมัครเข้าร่วมก็ยังมากถึงหลายพัน


สิ่งที่คนเหล่านี้มีร่วมกันก็คือ พวกมันตระหนักถึงภัยอันตรายจากมหาสงครามมนุษย์และอสูร


เพียงเพราะเป็นผู้เล่น แต่ไม่ได้แปลว่าพวกมันโง่


มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตระหนักถึงภัยคุกคามและหายนะ และไม่พลาดที่จะสมัครเข้าร่วมเดินทาง


แน่นอน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะน่าไว้วางใจ โลกนี้เต็มไปด้วยคนร้ายในคราบต่างๆ นานา


ลอเอลตัดสินใจกำหนดกรอบคุณสมบัติผู้สมัคร โดยเรียกมันว่าเป็น ‘กระบวนการเฟ้นหาดวงวิญญาณที่มีกลุ่มดาวแห่งโชคชะตาร่วมกัน’


ใช่แล้ว เหลวไหลสิ้นดี


แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มีเพียง 27% ของผู้สมัครที่ได้รับคัดเลือกให้ร่วมเดินทางในนรก


“เมื่อทุกคนเข้าสู่นรก ผลข้างเคียงจะเริ่มขึ้นทันที… ดีบัฟดังกล่าวจะทำให้ใครหลายคนไม่สามารถหายใจหรือโคจรพลังมานา เป็นผลมาจากการสูดดมปราณอสูรเข้าไปและร่างกายมีค่าสถานะไม่พอที่จะรองรับ.. หากเกิดความรู้สึกดังกล่าว อย่าได้อายที่จะแจ้งให้ฉันทราบโดยเร็ว… นักบุญหญิงรูบี้สามารถช่วยเหลือได้”


“ตะ… ตกลง!”


เหล่าแรงเกอร์ที่สติหลุดลอยหลังจากได้เห็นยูร่าในระยะใกล้ พลันดึงสติกลับมาเมื่อได้ยินคำเตือนที่น่าหวาดกลัว


ผลข้างเคียงต้องรุนแรงขนาดไหนกัน ถึงไม่สามารถหายใจหรือโคจรพลังมานา?


สมกับเป็นนรกในจินตนาการ นรกที่มักถูกเรียกขานว่าเนื้อหาบทสุดท้าย


นักล่าอสูรที่จะยิ่งแข็งแกร่งในสถานที่ดังกล่าว ไม่ว่าจะมองมุมใดก็น่าอิจฉา


“โทบัน มิสรูบี้ พวกคุณพร้อมไหม?”


“พร้อมค่ะ!”


“สักครู่”


นักบุญหญิงรูบี้ขานรับอย่างกระตือรือร้น แต่โทบันยกมือขอเวลาตรวจสองอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย


มันค่อนข้างประหม่า เนื่องจากรับหน้าที่เป็นคนแรกที่ต้องเข้าไปในเกต


“ให้ฉันเข้าไปก่อนไหม?”


“ไม่ต้อง”


เรกัสยกมืออาสา มันกังวลเมื่อเห็นว่าโทบันไม่ค่อยพร้อม แต่เป็นยูร่าที่ห้ามไว้


ในการสำรวจคราวก่อน ยูร่ามีโอกาสครอบครองปราสาทผลึกดำ จึงสามารถกำหนดมันเป็นพิกัดปลายทางให้กับประตูนรก


แม้ทักษะในปัจจุบันจะยังมีเลเวลต่ำ แต่อย่างน้อยก็สามารถระบุพิกัดปลายทาง แตกต่างจากเมื่อก่อนที่จะถูกส่งเข้าไปแบบสุ่ม


ต้องขอบคุณระบบการเป็นเจ้าของ


อย่างไรก็ตาม พิกัดปลายทางไม่ใช่ภายในตัวปราสาท แต่เป็น ‘บริเวณทางเข้า’


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคนจะถูกส่งไปอยู่ ‘หน้าประตูปราสาท’


ที่นั่นไม่ใช่เขตปลอดภัย จึงคาดเดาไม่ได้ว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นหรือไม่


สำหรับคนปรกติ หากเกิดปัญญา คงยากที่จะเอาตัวรอดมาได้ ดังนั้น คู่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเดิมประตูนรกจึงควรเป็นพาลาดินอันดับหนึ่งของโลก โทบัน และนักบุญหญิงรูบี้


หากดาเมี่ยนยังเป็นสันตะปาปา มันจะจับคู่กับรูบี้ได้ลงตัวกว่านี้


แต่น่าเสียดาย ดาเมี่ยนเปลี่ยนมานับถือเทพโอเวอร์เกียร์ จึงสูญเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ในอดีตไปเกือบหมด


และเหนือสิ่งอื่นใด ยูร่าเข้าไปเป็นชุดแรกไม่ได้


เธอต้องอยู่ฝั่งโลกกึ่งกลางไปอีกหลายวัน เพื่อรอเปิดเกตให้ผู้คนจำนวนมากผ่านเข้าไป


“การสำรวจจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าโทบันและมิสรูบี้ไม่เข้าไปก่อนและสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์”


ระยะหน่วงของ ‘ประตูนรก’ คือสามสิบนาที และจะผ่านไปได้เพียงสองคนในแต่ละครั้ง


มีโอกาสสูงที่เลเวลของทักษะจะเพิ่มขึ้นระหว่างการส่งคนเข้าไป ช่วยลดระยะหน่วงและเพิ่มจำนวนคน


จากการคำนวณของเธอ การใช้งานอีกสิบครั้งก็เพียงพอที่จะทำให้เลเวลอัป


หมายความว่าก่อนหน้านั้น จำนวนคนที่ถูกส่งเข้าไปจะไม่มากไปกว่าสอง


จึงต้องมีการวางแผนและเรียกลำดับให้ดี และคู่แรกคือสองคนที่สำคัญที่สุด


กุญแจสำคัญคือรูบี้ เด็กสาวที่มีไฟมากขึ้นหลังจากถูกกริดปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมสำรวจนรกในคราวก่อน นับแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็มุ่งมั่นกับการพัฒนาตัวเองอย่างหนัก


ยูร่าประเมินว่า พลังของเธอสามารถสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อบรรเทาผลข้างเคียงในนรกได้ระดับหนึ่ง


“…”


เรกัสก้าวถอยหลังพลางชำเลืองโทบัน


แม้โทบันจะพยายามไม่ออกอาการ แต่นิ้วของมันกำลังสั่นระริก


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกดดัน


ณ จุดปลายทางที่ไม่มีใครทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันต้องปกป้องรูบี้ซึ่งเป็นคนสำคัญของอาณาจักรให้ได้นานยี่สิบห้านาทีเป็นอย่างน้อย


ใช่ว่าพอไปถึงแล้วจะเดินเข้าปราสาทสีดำได้เลย แต่ทั้งสองคนต้องช่วยกันสร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อรองรับคนที่จะตามเข้ามา และกระบวนการดังกล่าวใช้เวลาไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้านาที


ภารกิจปกป้องนักบุญหญิงในนรกตามลำพังนานยี่สิบห้านาที


แม้แต่ผู้เล่นอัจฉริยะ ก็ยังไม่กล้ารับปากว่าจะทำสำเร็จ


‘แต่เราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำ… จริงอยู่อาจมีคนที่เก่งกว่าเราอีกมาก แต่เราเป็นตัวแทงค์คนเดียวที่ยังแข็งแกร่งในนรก’


แต่ถ้าล้มเหลวล่ะ?


หากมันตายและพารูบี้ตายไปด้วย ตารางเวลาที่วางไว้ก็จะพังลงทั้งหมด


โอเวอร์เกียร์จะเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนั้นยังจะสร้างความหงุดหงิดให้กับผู้สมัครนับร้อย


“องครักษ์ของนักบุญหญิง… ฉันขอทำหน้าที่นี้ได้ไหม?”


“…?”


ขณะโทบันพยายามรวบรวมสติ และขณะที่แรงเกอร์กำลังจ้องมองเป็นตาเดียว


พวกมันต่างหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งโดยพร้อมเพรียง


เสียงทุ้มลึกและไพเราะ


ทุกคนหันหัวไปยังทิศทางของเสียงดังกล่าว


“…!”


หนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนกำลังทึ่งก็คือ พวกมันไม่ได้ยินเสียงนี้มานานแล้ว


กึก


กึก


กึก


โดโปสีดำลายมังกรทอง สะบัดพลิ้วทุกครั้งที่ชายคนดังกล่าวย่างกราย


ผมสีดำขลับยาวสลวย กระเพื่อมเป็นลอนคลื่นท่ามกลางแสงแดด


ปลายแขนและมือที่วางบนด้ามจับดาบตรงเอว สามารถอธิบายได้ด้วยคำคำเดียวว่า:


มือสีขาวหยก


ชายผู้มีใบหน้าประณีตและสง่างาม


การมาถึงของมันได้สร้างบรรยากาศคล้ายฤดูใบไม้ร่วงที่มีกลิ่นอายและความงามตามแบบฉบับโลกตะวันออก


ทว่า สิ่งที่ผู้คนมักกล่าวถึงบุรุษผู้นี้กลับมิใช่รูปลักษณ์


หากแต่เป็นความสำเร็จและฝีมืออันเก่งฉกาจ


“ค…ครอเกล…!”


อริยดาบ


ชายผู้เหมาะสมกับฉายา ‘ฟ้าเหนือฟ้า’ ชนิดที่ไม่มีใครทัดเทียม


“ฉันจะปกป้องเด็กคนนี้เอง”


ดวงตาที่มักเย็นชาตลอดเวลา ยามนี้เผยกลิ่นอายความอบอุ่น


น้องสาวร่วมสายเลือดของเพื่อนสนิท


ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มันขออาสาปกป้องสิ่งสำคัญเช่นนี้ด้วยตัวเอง


“อะ…”


ใบหน้ารูบี้พลันแดงระเรื่อเมื่อหันไปเห็นอีกฝ่าย

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,973
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00