จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,456



ในอีกไม่ช้า มหาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรจะเริ่มขึ้น


ข่าวจากเจ้าหน้าที่คนใหญ่คนโตของ SA กรุป สร้างความฮือฮาให้สื่อทั่วโลกเป็นอย่างมาก


บรรยากาศชื่นมื่นเกิดขึ้นในทั่วทุกมุมโลก


ในที่สุด ซาทิสฟายก็ออก ‘อีเวนต์’ ใหญ่ภายในเกมสักที


และมันก็ส่งผลมาถึงโลกความจริงภายนอก หลายฝ่ายเริ่มคาดเดาว่า อีเวนต์จะเริ่มขึ้นในจังหวะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ปิดภาคเรียน


อย่างไรก็ตาม ภายในอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังโกลาหล พวกมันกำลังตื่นตัวสุดขีด เพราะทราบถึงความแข็งแกร่งของกองทัพอสูรดีกว่าใคร


เตรียมการยิ่งใหญ่ประหนึ่งจะจำศีลในฤดูหนาวอันยาวนาน


“อีเวนต์บ้าบออะไรกัน… ทำไมคนถึงจินตนาการไม่ออกว่าจะมีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก? ทำไมถึงยังไม่ตาสว่างกันสักที ว่าพวก SA กรุปไม่ใช่พ่อพระ แต่เป็นบริษัทปีศาจที่จ้องจะกลั่นแกล้งผู้เล่น? พวกเขาควรตื่นตัวให้มากกว่านี้”


“สำหรับคนทั่วไป คงเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาคิดในแง่ร้ายกับ SA กรุป… ฝ่ายที่เป็นเหยื่อของการปรับสมดุลมาตลอดคือกิลด์ใหญ่และไฮแรงเกอร์… นายยังตรวจสอบไม่ได้หรือ ว่ามหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะเริ่มขึ้นตอนไหน?”


“พยายามตรวจสอบเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่มีเบาะแสเลย… ถึงตรงนี้ ฉันเริ่มสงสัยว่า พวก SA กรุปเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้เราระวังตัว หรือเพื่อทรมานพวกเรากันแน่? ว่าแต่… เกิดอะไรขึ้นกับทหารกลุ่มนี้? ทำไมเลเวลของทหารในกองพลที่สามถึงต่ำนัก?”


“การฝึกฝนช่วยได้ไม่มาก สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์… ค่าสถานะขีดจำกัดของพวกเขาต่ำเป็นทุนเดิม… ทหารที่มีฝีมือส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปอยู่กองพลที่หนึ่งและสองหมดแล้ว คงยากที่จะให้กองพลที่สามยังรักษาค่าเฉลี่ยเลเวลสูงที่สูงเอาไว้ได้”


“เติบโตจนถึงขีดจำกัดค่าสถานะกันแล้วหรือ?”


“ก็ไม่เชิง…”


“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าการฝึกมีปัญหา! ถ้าคิดจะบ่นอะไร ก็ไปฝึกให้พวกเขาพัฒนาถึงขีดจำกัดก่อน!”


โทบันแผดเสียง แต่ในใจมันทราบดีว่า เรื่องนั้นทำได้ไม่ง่าย


ยิ่งพรสวรรค์ของ NPC ต่ำ (ขีดจำกัดค่าสถานะต่ำ) อัตราการเติบโตก็ยิ่งต่ำตามไปด้วย


แต่ไม่ว่าจะยากสักเพียงใด ก็มีแต่ต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือทางออกเดียวในตอนนี้


“ฉันจะคุยกับรอยแมน ขอครูฝึกคุณภาพสูงเข้าประจำหน่วย… ฮิวโก้ เพิ่มตารางฝึกร่วมกับอัศวินเข้าไป”


“ตกลง”


ฮิวโก้เป็นคนของโอเวอร์เกียร์ที่อยู่กับกิลด์เซดากาห์มาตั้งแต่เกม LTS


อันดับโลกรวม 120 และอันดับสามประจำคลาส


นอกจากนั้น มันยังมีพลังของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และไอเท็มของกริดคอยหนุนหลัง


ไม่ว่าจะไปที่ใด มันคือคนดัง


แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าโทบัน ฮิวโก้จำต้องสุภาพ


ในตอนที่ฮิวโก้ถอดใจคิดเลิกเล่น เพราะมิอาจขจัดความรู้สึกด้อยกว่าเมื่อต้องอยู่ท่ามกลางอัจฉริยะอย่างจิสึกะ เฟคเกอร์ และเรกัส เป็นโทบันที่คอยฉุดรั้งฮิวโก้เอาไว้:


“นายเองก็เป็นอัจฉริยะ… แต่เจ้าพวกนั้นมันสัตว์ประหลาด… ฉันห่วยกว่านายอีก แล้วมีเหตุผลอะไรที่นายต้องถอดใจ? ไร้สาระน่า… จะแบกเอาไว้ทำไม แค่สนุกกับเกมก็พอแล้ว… นายเล่นเกมเพราะสนุกไม่ใช่หรือ? นอกจากนั้น เรื่องนี้อาจเป็นเพียงข่าวลือ แต่ว่า… ฉันได้ยินมาจากคนรู้จักที่เป็นวงใน เล่าว่ากำลังจะมีเกมออนไลน์เสมือนจริงเปิดตัวในอีกไม่ช้า เมื่อถึงตอนนั้น ไว้พวกเราเริ่มต้นกันใหม่ด้วยทักษะที่ขัดเกลานับตั้งแต่วันนี้กันเถอะ… ต้องรวยให้ได้ บางทีอาจไปถึงระดับดาราดัง”


นั่นคือความทรงจำที่ฮิวโก้ไม่มีวันลืม


ถ้าไม่ได้โทบันในวันนั้น มันจะประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้หรือไม่?


ไม่แน่นอน ฮิวโก้ที่ถอดใจไปแล้ว ไม่มีทางกลับมาได้เอง


ความสำเร็จในทุกวันนี้ของมัน ครึ่งหนึ่งเกิดจากการเป็นสมาชิกกิลด์เซดากาห์ ส่วนอีกครึ่งเกิดจากการได้พบกริด


แน่นอน โทบันไม่ได้ทำตัวราวกับตนเป็นเจ้าชีวิตฮิวโก้ มันไม่ได้ใช้งานฮิวโก้เพราะความสะใจ แต่เป็นความเคารพในฐานะพวกพ้องและพี่ชาย


ทว่า สำหรับวันนี้ โทบันไม่ลังเลที่มอบยาขมภายใต้อำนาจของรองแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพโอเวอร์เกียร์


ปัจจุบัน กิลด์โอเวอร์เกียร์ปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ สมาชิกทุกคนต้องเข้ารับการฝึกทหาร


ฮิวโก้ที่เป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทัพจำนวนไม่มาก ต้องทำงานหนักกว่าใคร เพื่อเตรียมความพร้อมด้านขุมกำลังให้อาณาจักรโอเวอร์เกียร์


‘เฮ้อ… ไอ้ลูกหมา SA กรุป’


ทหารที่มีพรสวรรค์ต่ำ – พวกมันคือ NPC ที่พบได้ทั่วไปในซาทิสฟาย


เดิมที คนกลุ่มนี้จะถูกนำมาใช้เป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย แต่ปัจจุบัน ทั้งหมดถูกโยกย้ายมาสังกัดกับกองทัพเพื่อเตรียมรับมือเหล่าอสูร


จริงอยู่ กริดอาจสนับสนุนคนเหล่านี้ด้วยพลังแห่งไอเท็ม


ทว่า ในสายตาฮิวโก้ อนาคตมันช่างมืดมนเสียเหลือเกิน


***


‘เจ้านี่น่าขยะแขยงกว่าที่คิด’


ในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น มันรับฟังรายงานจากสมาชิกโอเวอร์เกียร์


วิหารกัลกุนอสคือรังปีศาจที่แสร้งทำตัวเป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลอกล่อนักผจญภัย จากนั้นก็ฆ่าเหยื่อและปลุกศพขึ้นมาในฐานะอันเดด


แต่ถึงอย่างนั้น ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่มันลงมือแม้กระทั่งเด็ก


“…”


ขณะถูกรายล้อมด้วยทหารโครงกระดูกตัวเล็ก ใบหน้ากริดเผยความรังเกียจโดยไม่ปิดบัง


พวกมันเห็นความลังเลในสายตากริด?


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองเป็นฝ่ายก้าวออกมาข้างหน้าแทน


เฉกเช่นลิช หมายเลขสองสามารถใช้เวทได้ทุกธาตุ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกมันสามารถใช้มหาเวทในตำนานอย่างเวทห้วงมิติและเวทมืด


หลังจากควบแน่นเวทมืดและยิงออกไป เหล่าโครงกระดูกตัวเล็กก็ถูกส่งให้หลับพักผ่อนตลอดกาล


> เจ้า…! ทำอะไรลงไป?!


วิญญาณกัลกุนอสแหกปาก


เนื้อเสียงสั่นเทาด้วยความโกรธชัดเจน


มันต้องการที่จะโผล่พรวดออกมาและใช้มือคว้าคอกริดกับโครงกระดูกหมายเลขสอง


แต่ถ้าทำแบบนั้น ฝ่ายที่แย่จะเป็นตัวมันเอง


> เจ้าทำลายเด็กๆ ที่มีรอยสลักแห่งการเติบโต!


“รอยสลักแห่งการเติบโต?”


> วิชาลับที่ช่วยให้อันเดดสามารถเติบโต… เป็นวิชาที่ยังไม่สมบูรณ์ ข้าจึงใช้ได้กับเด็กๆ เท่านั้น… ตลอดช่วงเวลาการทดลองหลายร้อยปี ข้าทำสำเร็จเพียงสามตน…!


วิหารกัลกุนอส


กริดกำลังอยู่ภายในวิหาร และเป็นตำแหน่งลับที่เข้าได้จากด้านหลังบัลลังก์เท่านั้น


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เป็นคนนำทางกริดมาที่นี่ โดยอาศัยความทรงจำที่เหลือทิ้งไว้ของกัลกุนอส


แม้แต่จิสึกะกับยูเฟอมิน่าก็ยังไม่ทราบเรื่องนี้


“แล้วแกทำไปทำไม?”


> ถามโง่ๆ … โลกนี้มีคนอายุสั้นมากกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก… บ้างตายไปในสงครามที่ราชาอย่างเจ้าเป็นคนก่อ บ้างเกิดมาร่างกายไม่แข็งแรง บ้างตายไปเพราะมาเจอคนชั่วแบบข้า… ไม่คิดบ้างหรือ ในหมู่คนเหล่านี้ย่อมต้องมีอัจฉริยะปะปนมาบ้าง?


“…น่าขยะแขยง”


มันวางแผนที่จะค้นหาอัจฉริยะอายุสั้น ไม่ว่าจะเป็นการขุดหลุมศพ (หรือไม่ก็ฆ่าทิ้งและปลุกศพ) จากนั้นก็ชุบเลี้ยงและสร้างทาสที่แข็งแกร่ง


เป็นอีกครั้งที่กริดได้ตระหนักว่า ตัวตนฝ่าย ‘อสูร’ นั้นน่ากลัวโดยสันดาน ยากที่จะมีผู้ยืดมั่นในหลักการอย่างแมรีโรสและเลอราเฆ่


‘ท้ายที่สุด เราก็ต้องคอยจับตามองเจ้านี่โดยไม่ปล่อยให้คลาดสายตา’


สันดานเปลี่ยนกันไม่ง่าย


นอกจากนั้น กัลกุนอสยังเป็นมอนสเตอร์โบราณในหมู่โบราณ


มันมีชีวิตมาตั้งแต่อดีตกาล โหยหาพลัง และสั่งสมบารมีเทพได้เล็กน้อยโดยแลกมากับความทุกข์ร้อนของผู้อื่น ไม่มีทางคาดหวังให้เป็นคนดีได้แบบปุบปับ


> ให้ข้าฆ่ามันไหมขอรับ?


เมื่อตระหนักถึงความรู้สึกกริด หมายเลขสองเอ่ยปากถาม


ดวงวิญญาณกัลกุนอสพลันเงียบปากสนิท


กริดส่ายหน้า


ไม่จำเป็นต้องฆ่ามันทิ้ง กริดคิดจะเค้นประโยชน์จากกัลกุนอสจนหยดสุดท้าย ระหว่างนั้นก็คอยเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด ทำแบบนี้จะดีกว่าปล่อยให้ตายไปเฉยๆ


“ช่างมัน… เริ่มกันเลย”


> ขอรับ


โครงกระดูกหมายเลขสองเดินออกจากห้องทดลอง หยุดหนึ่งหน้าบัลลังก์ที่พังลงไปครึ่งหนึ่ง


มันร่ายมนต์สำหรับปลุกอันเดดที่หลับใหลภายในวิหาร


อันเดดซึ่งสูญเสียเจ้านาย


> ข้าคือ… เจ้านายใหม่ของพวกเจ้า


เหล่าสาวกที่คอยรับใช้กัลกุนอสเยี่ยงเทพสมัยยังมีชีวิต


อัศวินความตายหนึ่งตน นักรบโครงกระดูกสามสิบตน จอมเวทโครงกระดูกยี่สิบตน


เหล่านี้คือนักผจญภัยที่ถูกล่อลวงให้เข้ามาในวิหาร ถูกฆ่าและปลุกศพขึ้นมาฝึกฝนเป็นกองทัพ


พวกมันทำการคุกเข่าต่อหน้าโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสอง


แต่ละตน บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยออร่าน่าเกรงขาม


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัศวินความตายที่ชื่อ ‘เรจ’ ระดับของมันทัดเทียมกับบอสรองของวิหาร


แถมเลเวลก็ยังสูงมาก อยู่ในหลักห้าร้อย


กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือการตื่นของค่าสถานะระดับห้า


[โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองกลายเป็นตัวเอกในเทวตำนาน ‘ณ วิหารแห่งความตาย’]


[ค่าปกครองเพิ่มขึ้น 20% และประสิทธิภาพของทักษะหมอผีเพิ่มขึ้น 10%]


[การอัญเชิญและออกคำสั่งอันเดดของวิหารกัลกุนอส จะไม่สูญเสียค่าปกครอง]


[โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองเปิดใช้งานค่าสถานะ ‘บารมีเทพ’]


‘ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเจ้านี่จะสั่งสมบารมีเทพได้…’


แน่นอน เทวตำนานของมันยังคงจำกัดวงแค่ในวิหารกัลกุนอส


เรียกได้ว่ายังอ่อนแอมาก แต่นั่นก็เป็นเรื่องปรกติที่จะอ่อนแอในช่วงแรก


กริดฉีกยิ้ม


ขณะเดียวกัน สีหน้าของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองมิได้แปรเปลี่ยน ราวกับไม่ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นี้


> เจ้านาย…


หมายเลขสองกวาดตามองกองทัพของมันตรงหน้า ก่อนจะหันกลับมาคุกเข่าให้กริด


> ช่วยอัญเชิญพี่น้องของข้าออกมาได้ไหม?


‘หมอนี่…’


มันคงต้องการแบ่งปันความสุขในปัจจุบันให้ ‘หมายเลขหนึ่ง’


กริดพยักหน้าอย่างไม่ขัดข้อง


ทันใดนั้นเอง


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


หมายเลขหนึ่งโผล่ออกจากดินข้างๆ ฝ่าเท้ากริด


> …


ปัจจุบัน หมายเลขสองสูงเท่าคน จึงต้องก้มมองหมายเลขหนึ่งที่กระดูกยังไม่ได้สัดส่วน


สีหน้าของหมายเลขหนึ่งเผยความกระอักกระอ่วน แต่กริดอ่านออก พวกมันต้องการสวมกอดกัน


ชายหนุ่มกำลังปืนปีติจนลืมไปหนึ่งเรื่อง


ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ที่หมายเลขหนึ่งซึ่งมีพรสวรรค์ด้านการทำลาย มักกลั่นแกล้งและทุบกระดูกของหมายเลขสองจนหัก นั่นเพราะหมายเลขสองมีพลังในการฟื้นฟูกระดูก


ทันใดนั้น หมายเลขสองซัดเข้าที่ท้ายทอยหมายเลขหนึ่งโดยปราศจากความลังเล เป็นเหตุให้กะโหลกของหมายเลขหนึ่งหลุดออกจากร่าง


แกร่ก?


ดวงตาหมายเลขหนึ่งสั่นเทาอย่างมึนงง


ทว่า หมายเลขสองยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ มันตามเข้าไปซ้ำหมายเลขหนึ่งอีกสองสามยก


และก่อนที่หมายเลขหนึ่งจะตายไป หมายเลขสองใช้พลังรักษาและเริ่มลงมือกระทืบอีกครั้ง


แกร่ก…


แกร่ก แกร่ก แกร่ก…


หมายเลขหนึ่งพยายามขัดขืนในตอนต้น แต่สุดท้ายก็ยอมยกธงขาว


มันเงยหน้าที่กำลังทำดวงตาเป็นสัญลักษณ์ ‘X’ ทั้งสองข้าง


จากนั้น หมายเลขสองที่กำลังฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ ทำการรักษาหมายเลขหนึ่งและลูบหัวเบาๆ


กริดสังเกตเห็นว่า ปลายเท้าของหมายเลขสองเกิดอาการคันอยากเต้นรำ


> ขอบคุณที่ทำตามคำขอร้องของข้า…


“…”


มาพูดหลังจากทำแบบนั้นลงไป...


กริดถอนหายใจและหันไปปลอบหมายเลขหนึ่ง


มันพยายามปลอบโยนและกล่าวว่า สักวันมันก็จะมีร่างกายที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้หมายเลขสอง


ได้ยินเช่นนั้น หมายเลขหนึ่งฟูมฟายราวกับกำลังโศกเศร้าสุดขีด


หากเมอร์เซเดสมาเห็นเข้า เธอคงวิ่งเข้ามาจับอุ้มและกอดอย่างอ่อนโยน


“ยังมีงานที่ต้องทำ พวกเรากลับกันเถอะ… หมายเลขสอง อย่าลืมอ่านไดอารีที่ฉันมอบให้ด้วย”


ทันใดนั้นเอง


> กริด นายกำลังทำอะไรอยู่? วะฮ่าฮ่า!


ข้อความเสียงส่วนตัว


แม้จะไม่ได้เตรียมใจ แต่กริดก็ผงะไม่นาน


เพราะมันทราบดี ถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายติดต่อมาหา


บุคคลที่มองเห็นถึงปัญหาของสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรที่กำลังจะเกิดขึ้น แถมยังมีพลังอำนาจที่จะช่วยต้านรับ – คนที่เข้าข่ายเช่นนี้ ทั่วโลกมีเพียงหยิบมือ


> ไม่ได้คุยกันนานแล้วนะ อาเรส


นับตั้งแต่ได้รับข่าวของมหาสงคราม จิตใจกริดก็หดหู่ไปเป็นเวลานาน


แต่ปัจจุบัน มันเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาก


หากเทพโอเวอร์เกียร์กริดและเทพสงครามอาเรสร่วมมือกัน มนุษยชาติจะต่อต้านกองทัพจอมอสูรได้ดีไม่แพ้กับแพ็กม่าสมัยเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลเลยทีเดียว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,970
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00