จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,454



กัลกุนอสอาจเป็นลิชที่สั่งสมบารมีเทพ แต่โลกของมันก็อยู่แค่ในวิหารเล็กๆ


แถมยังพ่ายแพ้ในวิหารของตัวเอง


ท่ามกลางสายตาสาวกอันน้อยนิดของมัน กัลกุนอสพ่ายแพ้ต่อตำนานใหม่ของโลก จิสึกะและยูเฟอมิน่า


แม้จะยืมร่างของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองเพื่อคืนชีพ แต่พลังของมันก็ไม่สมบูรณ์


ทว่า ถึงจะสมบูรณ์ พลังเหล่านั้นก็ไร้ความหมาย


มันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับโลกใบใหญ่อย่างกริด


สรุปโดยสั้น กริดถูกกำหนดให้ชนะมาตั้งแต่ต้นแล้ว


แน่นอน ยูเฟอมิน่าเองก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ เพียงแต่ เธอไม่คิดว่าทุกสิ่งจะจบลงอย่างง่ายดาย


เธอคือหนึ่งในคนที่ได้สัมผัสความน่าสะพรึงกลัวของกัลกุนอส เข้าใจดีว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน


เธอเชื่อว่า กริดคงตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากสักพัก จากนั้นค่อยพลิกกลับกระแสสงคราม


แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง…


“…บทสรุปห่วยๆ นี่มันอะไรกัน?”


ยูเฟอมิน่าเผลอเปล่งความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว


เธอคืออัจฉริยะ แต่ถึงอย่างนั้น ความอัจฉริยะก็ไม่ช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้น


ฉากการพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าของกัลกุนอส แม้แต่อัจฉริยะก็ยังหาเหตุผลมารองรับไม่ได้


แต่ในความเป็นจริง ตัวกริดเองก็ไม่คิดว่าตนจะสยบกัลกุนอสได้ง่ายดายเช่นนี้


ยูเฟอมิน่าอาจมองไม่เห็น แต่กริดก็มีความตึงเครียดในปริมาณไม่น้อย


‘มันแข็งแกร่งกว่าที่เราประเมินไว้’


หนึ่งเหตุผลที่กริดไม่รีบร้อนถอดอุปกรณ์ฝึกตนของลีจองในตอนแรกก็คือ มันเชื่อว่าแม้กัลกุนอสจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่น่าจะเก่งไปกว่าตน


ทว่า ตัวแปรสำคัญในการต่อสู้คือ ‘เวทบิดเบือนมิติ’


‘เวทบิดเบือนมิติ… ฟังดูธรรมดาในตอนที่ได้ยินครั้งแรก แต่พอได้เจอของจริง มันน่ากลัวมาก…’


ไม่เพียงพลังเวทของกัลกุนอสจะไม่สมบูรณ์ การต้องต่อสู้ในร่างโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองยิ่งสร้างขีดจำกัดให้มันหลายด้าน


‘คุณภาพ’ ของร่างกายอาจดีขึ้น แต่ความเข้ากันได้นั้นลดลง


นอกจากนั้น อุปกรณ์ที่เคยสวมใส่สมัยยังเป็นลิชก็หายสาบสูญ


แต่ถึงอย่างกริด กว่ากริดจะสยบกัลกุนอสได้ ก็ต้องรอจนกระทั่งดาบจันทราดับถูกชักออกมาผสานกับดาบมังกรเพลิง


แน่นอน การเอาชนะกัลกุนอสไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายกริด แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มิอาจสยบอีกฝ่ายได้อย่างราบคาบเหมือนกับที่คิดไว้ในตอนแรก ทั้งที่กัลกุนอสถูกลดทอนความสามารถลงมาก


‘เวทบิดเบือนมิติ… ขี้โกงชะมัด…’


กริดวิเคราะห์พลางขมวดคิ้ว


จากนั้นก็ฉีกยิ้ม ราวกับอาการหน้าย่นเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองวิวัฒนาการและมีรูปร่างที่สมส่วน


กริดเผยความโล่งใจ เมื่อได้เห็นพวกพ้องที่ซื่อสัตย์ของตนมีส่วนสูงในระดับเดียวกัน


แน่นอน สิ่งนี้มาพร้อมกับความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองจะดูดซับพลังของกัลกุนอสได้มากเพียงใด?


> ข้า… ไม่ได้แพ้เจ้า… ก็แค่ฉากหลบออกมาเพราะเห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม…


เสียงกังวานดังจากแก่นกัลกุนอส ซึ่งในปัจจุบันคือแก่นโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์


ไม่ใช่เสียงของใครนอกจากตัวกัลกุนอสเอง เป็นกัลกุนอสที่ถูกทักษะบรรจุอีโก้ฝังลงในแก่น


กริดมิได้แยแสคำแก้ตัว เพียงตรวจสอบข้อมูลใหม่ของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสอง


ชื่อ: โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสอง

เลเวล: 430


เลเวลค่อนข้างสูงทีเดียว


ผลลัพธ์ของการดูดซับลิชที่มีค่าสถานะสูง โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองจึงถูกพัฒนาเลเวลอย่างก้าวกระโดดจนได้รับการเลื่อนระดับครั้งที่สี่ แถมมาด้วยอีกสามสิบเลเวล


เป็นการเติบโตที่เหนือความคาดหมาย แต่น่าเสียดาย ชื่อคลาสค่อนข้างน่าผิดหวัง


คลาส: ลิชนักเต้นผู้บิดเบือนมิติ


“…”


แน่นอน เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างมากที่สุดยอดเวทมนตร์บิดเบือนมิติถูกดูดซับ


แต่อะไรคือลิชนักเต้น?


เป็นเพราะโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ชื่นชอบการเต้นและสามารถยั่วยุโดยการรำดาบ?


‘…ฟังดูไม่ดีเท่าไรแฮะ’


อันที่จริง มันคิดว่าโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองจะพัฒนาไปเป็น ‘ลิชคิง’ (Lich King)


‘คงเป็นการเลื่อนระดับครั้งที่ห้ามั้ง…’


ช่างปะไร ชื่อคลาสเป็นยังไงแล้วสำคัญตรงไหน?


กริดฉีกยิ้มกว้างหลังจากตรวจสอบค่าสถานะและทักษะของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์


แน่นอน ค่าสถานะมีการเปลี่ยนแปลง


ค่าพละกำลังและความว่องไวยังคงต่ำเท่าเดิม แต่ค่าความอดทนกลับต่ำยิ่งกว่าเก่า


อย่างไรก็ตาม ค่าสติปัญญากลายเป็น 4,800 แถมยังมีค่าวิสัยทัศน์อีก 2,000


หากมีค่าวิสัยทัศน์สูงถึงสองพัน ระบบมุมมองสามมิติจะถูกเปิดใช้งาน ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์มากขึ้น และไม่ถูกปิดฉากได้รวดเร็วนัก


ไม่สิ ข้อดียังไม่ใช่แค่นั้น


สำหรับ NPC ค่าสติปัญญาจะแปรผันกับสติปัญญาจริงๆ


เมื่อผนวกความฉลาด (ทางสติปัญญา) เข้ากับมุมมองแบบสามมิติ มันสามารถสร้างความคิดนอกกรอบและกลยุทธ์ใหม่ๆ ในการต่อสู้


‘ถ้าเจ้านี่มีค่าความเป็นผู้นำ… มันจะต้องเก่งมากแน่’


การมองการณ์ไกล กริดได้รับสิ่งนี้เพิ่มเข้ามาในช่วงหลัง


นอกจากจะยอมรับข้อเสียในบางจุดของโครงกระดูก กริดยังวิเคราะห์หาเหตุผลที่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองมีวิวัฒนาการเช่นนี้


มันเริ่มพบว่า โครงกระดูกสามารถเป็นถึงแม่ทัพหรือเสนาธิการในกองทัพ มากกว่าการเป็นลิชตัวหนึ่ง


‘หลังจากนี้ มันจะได้รับค่าสถานะเลเวลละ 12 แต้ม… ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับค่าสถานะรวม แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล’


หากจะให้มองหาข้อด้อย ก็คงเป็นค่าความอดทนที่ต่ำลงจากเดิม


อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่


ลิชเป็นอันเดด พวกมันไม่มีวันเหนื่อย และพลังเวทก็ไม่มีวันหมด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในตอนนี้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองได้รับคุณสมบัติ ‘มานาอนันต์’ เรียบร้อยแล้ว มูลค่าของ ‘บาเรียมานา’ จึงสูงขึ้นมาก


แม้พลังชีวิตจะลดลง แต่ก็ถูกทดแทนด้วยความถึกทนจากบาเรียมานา


ค่อนข้างน่าแปลก ทักษะติดตัวสุดโกงอย่าง ‘มานาอนันต์’ คือคุณสมบัติพื้นฐานของลิชทุกตน


ไม่เพียงเท่านั้น จุดแข็งอันดับหนึ่งของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ที่ดูดซับลิชกัลกุนอส คือความสามารถในการสร้างตัวเร่งปฏิกิริยาและ ‘เวทบิดเบือนมิติ’


<ตัวเร่งปฏิกิริยา> Lv.2 (ไม่สามารถสั่งสมความชำนาญ)

ทักษะติดตัว

สร้างตัวเร่งปฏิกิริยาที่จำเป็นสำหรับใช้งานเวทห้วงมิติ

ทรัพยากร: มานา 2,000 ถึง 26,000 หน่วย

ระยะเวลาในการร่าย: ไม่มี

ระยะหน่วงหลังใช้: ไม่มี


<เวทบิดเบือนมิติ> (เลเวลสูงสุด)

ใช้เพื่อบิดเบือนมิติในจุดที่กำหนด

ทรัพยากร:

-มานา 20,000

-โฮรันเดีย

- เซลทิโรฟ

ระยะเวลาในการร่าย: 2 วินาที

ระยะหน่วงหลังใช้: 3 วินาที


‘สูบทรัพยากรจนน่าตกใจ…’


แต่ระยะหน่วงกับเวลาร่ายของเวทบิดเบือนมิตินั้นน่าทึ่งมาก


มันไม่คิดว่าหนึ่งในเวทสุดโกงจะมีข้อจำกัดน้อยถึงเพียงนี้


โดยเฉพาะข้อเสียด้านการสูบมานา สิ่งนี้ไม่มีผลกับลิชเลย


‘กัลกุนอสแกะสลักเวทบิดเบือนมิติไว้บนร่างกายของมัน…’


กริดเปลี่ยนไปตรวจสอบรายการเวทมนตร์ของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสอง


<สลักสูตรเวทมนตร์> Lv.5 (ไม่สามารถสั่งสมความชำนาญ)

ทักษะติดตัว

หากเวทมนตร์ที่ร่ายยังไม่ถูกปลดปล่อย ท่านสามารถบันทึกการตั้งค่าเวทมนตร์ได้ชั่วคราว

สามารถสลักเวทมนตร์ได้สูงสุด 20 ครั้ง


ทักษะการสลักสูตรเวทมนตร์คือสิ่งที่ถูกฝังอยู่ในกระดูกกัลกุนอส


ตามมุมมองกริด เวทชนิดนี้เข้ากันได้ดีกับเวทตั้งเวลา


เวทตั้งเวลาคือการใช้งานเวทมนตร์ล่วงหน้า เพียงแต่ต้องคอยกำหนดเวลาแสดงผล


ในทางกลับกัน การสลักเวทมนตร์จะสะดวกสบายกว่า เพราะสามารถร่ายไว้ล่วงหน้าและกักเก็บในสภาพพร้อมปล่อยออกไปทุกเมื่อ


‘อา… แต่ถ้าคิดดูให้ดี มันไม่ใช่เวทตั้งเวลารุ่นอัปเกรด… เวทตั้งเวลาจะไม่มีการกำจัดจำนวนครั้ง’


ยิ่งผู้ใช้ช่ำชองมากเพียงใด เวทตั้งเวลาก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าการสลักเวทมนตร์


แน่นอน นั่นยังเป็นเรื่องห่างไกลสำหรับกริด


หลังจากวิเคราะห์และเรียบเรียงข้อมูลของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองเสร็จ กริดเอ่ยปาก


“สเคเลตัน”


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


“เลิกกระทบคางได้แล้ว… พูดออกมา”


> ขอรับ… นายท่าน…


‘เยส…!’


สิ่งมีชีวิตที่ทำได้แค่กระทบกรามมานานหลายปี ในที่สุดก็สามารถสื่อสาร


กริดเกิดความรู้สึกยากจะบรรยาย


ประหนึ่งได้เห็นลูกชายเติบโต


> ข้าดีใจที่สามารถคุยกับนายท่าน


ดูเหมือนทางฝั่งโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เองก็จะถูกอารมณ์ถาโถมไม่ต่างกัน


จากเดิมที่สีหน้ามีเพียงความอารมณ์ดี ปัจจุบันเพิ่มความอบอุ่นเข้ามา


“เสียงของนายเท่ชะมัด”


> ทั้งหมดเป็นเพราะนายท่าน… ข้ารู้สึกขอบคุณจากใจจริง…


เสียงทุ้มต่ำกำลังกังวานไปทั่วห้วงมิติรอบๆ


เปี่ยมไปด้วยความขึงขังและหนักแน่น แฝงพลังไว้มากมายอย่างบอกไม่ถูก


ชวนให้กริดนึกถึง ‘คำลวง’ ของมังกร


“หลังจากนี้ อีโก้ของกัลกุนอสคงจะพยายามต่อต้านเป็นบางครั้ง จงควบคุมมันให้สมบูรณ์… นายจำเป็นต้องใช้เจ้านั่นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับพลังเวทและเวทบิดเบือนมิติในร่างกายใช่ไหม?”


> ขอรับ นายท่าน


> เฮ่อะ! คิดว่าจะมีใครสามารถบงการข้าได้ตามใจ…


> หุบปาก


> ไอ้เจ้านี่…


> ถ้าพูดอีกคำเดียว ข้าจะทำลายเจ้าทิ้ง


> …


แก่นของกัลกุนอสถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ไอเท็ม


เป็นไอเท็มดรอปที่จิสึกะและยูเฟอมิน่าได้รับหลังจากโค่นกัลกุนอส ปัจจุบันตกเป็นของกริด


แทนที่จะตายอย่างสง่างาม กัลกุนอสหมกมุ่นอยู่กับการเอาชีวิตรอดมากกว่า


ในวินาทีที่อีโก้ของมันถูก ‘ผนึก’ (อัญเชิญ) เข้าไปใน <แก่นกัลกุนอส> ความเป็นความตายก็อยู่ในกำมือกริดทันที


ไม่ว่าใจจริงจะคิดและรู้สึกเช่นไร แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นหุ่นเชิดให้กริด


อย่างไรก็ตาม มันมองว่า ตนไม่ควรเผยท่าทียอมจำนนเกินไปทัก


กริดเบาใจที่เห็นโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หมายเลขสองสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ตามลำพัง


‘ในเมื่อมีวิวัฒนาการ คงถึงคราวที่เราต้องสร้างอุปกรณ์ใหม่ให้… และถ้าเมื่อไรที่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สามารถปรับตัวเข้ากับร่างกายและเวทมนตร์ใหม่ เราจะโอนอีโก้ของกัลกุนอสไปยังอุปกรณ์และ… หืม… จริงสิ ทำแบบนั้นได้นี่นา’


กริดครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะผุดไอเดียบรรเจิด


“ในระหว่างปรับตัว เราลองไปที่วิหารกันไหม?”


> นายท่านหมายถึงวิหารกัลกุนอส?


“ใช่… ที่นั่นน่าจะมีมรดกของมันหลงเหลืออยู่… นอกจากนั้น สาวกของมันอาจติดตามนาย”


> เป็นคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมขอรับ… ฟังดูเป็นไปได้มากทีเดียว…


“…แล้วเต้นแทงโก้ทำไม?”


ว่ากันตามตรง โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สองนั้นเท่มาก


มวลพลังเวทสีดำรายล้อมโครงกระดูกตัวใหญ่ไว้ราวกับเสื้อคลุม


ดวงตาสีแดงสว่าง น้ำเสียงเปี่ยมด้วยพลังและความน่าเกรงขาม


ไม่มีความขัดแย้งในตัวเองแม้แต่น้อย


จนกระทั่งมันเริ่มเต้นแทงโก้


> ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง หลังจากได้ฟังคำแนะนำที่ยอดเยี่ยมของนายท่าน ข้าตื่นเต้นเกินเหตุไปหน่อย… หากนายท่านไม่พอใจ ข้าระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต


“อย่าลืมซะล่ะ…”


“…อะ!”


กริดใช้เวลาพอสมควรในการตรวจสอบสภาพปัจจุบันของโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์สอง


เป็นเวลาถึงสามสิบนาทีเลยทีเดียว


ระหว่างนั้น ยูเฟอมิน่าทำได้เพียงยืนแข็งทื่อประหนึ่งก้องหิน


เธอเอียงคอและถอนหายใจ


กริดหันไปมองหญิงสาว


แสงสว่างที่เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงในห้องฝึก กำลังสะท้อนบนกระจกตาเธอ


ยูเฟอมิน่ากล่าว


“ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้ว”


“เรื่องอะไร?”


“นายไม่ใช่อัจฉริยะ”


“…”


ไม่ใช่ว่าทุกคนรู้อยู่แล้วหรอกหรือ?


และถ้านับทุกคนบนโลก กริดคือคนที่รู้ดีกว่าใคร


ใครบางคนอาจยกให้กริดเป็น ‘อัจฉริยะแห่งความพยายาม’ แต่นั่นฟังดูดันทุรังเกินไป คล้ายกับจำเป็นต้องยกฉายาบางอย่างให้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุด


แน่นอน กริดไม่เห็นด้วยกับฉายานั้น


จริงอยู่ มันไม่ปฏิเสธความพยายามของตัวเอง แต่การถูกยกให้เป็นอัจฉริยะ ออกจะแปลกหูไปสักนิด


แต่ว่า ไอ้คำพูดเมื่อครู่มันอะไร…


กริดขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนยูเฟอมิน่าเหยียดแขนออกมาคว้ามือทั้งสองข้างของกริด


เธอจ้องเข้าไปในดวงตาและกล่าว


“นายไม่ใช่อัจฉริยะ… แต่เป็นมืออาชีพ... ที่สุดของมืออาชีพ”


อัจฉริยะจำเป็นต้องพึ่งพาพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง สำหรับอัจฉริยะ แรงบันดาลใจต่างๆ มักมาจากตัวเองเป็นหลัก


มีหลายครั้งที่ได้แรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่ก็มิได้มาจาก ‘ผู้คน’ รอบตัว


ดังนั้น ยูเฟอมิน่าจึงเกิดคำถาม


เหตุใดเธอถึงได้รับแรงบันดาลใจจากกริด ทั้งที่กริดไม่ได้เป็นแบบอย่างในอาชีพของเธอ


ปัจจุบัน เธอทราบเหตุผลนั้นแล้ว


กริดคือคนที่ผลักดันพรสวรรค์ธรรมดาๆ ของตนไปจนถึงขีดสุดด้วยความหลงใหลและพากเพียร


เป็นที่สุดของมืออาชีพโดยแท้จริง


แตกต่างจากอัจฉริยะ


แม้เธอจะไม่เข้าใจในสิ่งที่กริดทำ (เพราะไม่ได้อยู่ในสายอาชีพเดียวกับกริด) แต่ก็ยังได้รับแรงบันดาลใจบางส่วนมาปรับใช้กับตัวเอง


“นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม ครอเกลถึงพิเศษกับนายนัก… ฉันขอชื่นชมจากใจ”


“…”


ขณะกล่าวคำที่ชวนให้กระอักกระอ่วน ยูเฟอมิน่าจ้องกริดด้วยสายตากระตือรือร้น


หากเป็นเมื่อก่อน กริดคงหน้าแดงด้วยความเขินอาย


แต่ปัจจุบัน ชายหนุ่มน้อมรับอย่างใจเย็น


นั่นเพราะมันสัมผัสถึงความรู้สึกลึกๆ จากอีกฝ่าย สัมผัสถึงความนัยที่หญิงสาวต้องการจะสื่อ


ถึงจะไม่รู้ว่าทำไม แต่ว่า…


ความรู้สึกที่เคยมีให้ครอเกลเพียงคนเดียว โดยหลังจากนั้นถูกแบ่งปันมาให้เฟคเกอร์ ปัจจุบันมียูเฟอมิน่าร่วมหารเพิ่มอีกหนึ่ง


‘ทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว’


กริดที่นำหน้าคนอื่นมาตลอด เนื่องจากได้พบบุคคลที่เปลี่ยนโชคชะตาอย่างข่านและบราฮัม ในที่สุด มันเริ่มสัมผัสถึงความเติบโตของผู้อื่น


สัญชาตญาณของมันกำลังบอกว่า ผู้คนที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ตนในอนาคต ตอนนี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ


วันที่สวรรค์จะขยาดและนรกหวาดหวั่น อยู่เพียงแค่เอื้อมเท่านั้น

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,968
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00