จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,462



[อริยดาบครอเกล ทำการผ่านรกออกเป็นสองซีก!]


[เขาได้สลักบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือนไว้ในนรก]


“…?”


กริดที่กำลังทำงานในโรงเหล็ก


ชาวโอเวอร์เกียร์และทีมสำรวจที่กำลังรอถูกส่งเข้าไปในประตูนรก


ลอเอลที่กำลังถกกลยุทธ์กับกองทัพวัลฮัลล่า


ทุกคนต่างพากันปิดปากเงียบ


ท่ามกลางความสงบ ข้อความจากกิลด์ปรากฏขึ้นในหน้าต่างสนทนากิลด์


> ฉันส่งครอเกลไปคอยคุ้มกันรูบี้จากอสูร แต่หมอนั่นกลับทำลายพวกมันจนสิ้นซาก


ชาวโอเวอร์เกียร์ตอบกลับ


> เหมือนกับฝ่าบาทสมัยก่อนไม่มีผิด… แค่ต้องการจะช่วยฮานซอกบง แต่สุดท้ายกลับพาชาวแพงเจียกลับมาสามหมื่นคน… ยังไม่มีใครลืมเรื่องนั้นหรอกนะ


> กริดเคยถูกส่งไปที่วาติกันเพื่อขอพรให้พรพาเฟรเนี่ยม แต่กลับลงเอยด้วยการฆ่าสันตะปาปา


> ตำนานกล่าวไว้ว่า ราชาโอเวอร์เกียร์เดินทางไปยังทวีปตะวันออกและกลับมาในฐานะเทพ


“…”


คล้ายกับทุกคนถูกปลุกให้ฮึกเหิมด้วยความสำเร็จของครอเกล หน้าต่างข้อความจึงยุ่งเหยิง


และเนื่องจากเนื้อหาส่วนใหญ่ย้อนกลับมายกย่องตน (?) กริดจึงปิดหน้าต่างพูดคุยด้วยความเขินอายและกลับไปทำงาน


***


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


หน้าผาที่เกิดจากรอยแยกบนพื้น


ขณะโบเลรอนกำลังครวญครางจากด้านล่าง เลเวลของครอเกลและรูบี้เพิ่มขึ้นหลายระดับ


ตามติดมาด้วยความสำเร็จและรางวัลตอบแทน


เป็นคู่ที่สอดประสานกันอย่างลงตัว


ครอเกลพลิกสถานการณ์ให้กลับมาได้เปรียบ และรูบี้ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะสนับสนุนอย่างเหมาะสม


“สุดยอด!”


“เธอก็เช่นกัน”


ครอเกลและรูบี้มองหน้ากันพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


พวกมันมิได้ยกนิ้วชนให้กันหรือประสานกำปั้น


ทั้งสองต่างมีกิริยามารยาทสง่างามเป็นทุนเดิม


แถมยังมีระยะห่างทางความรู้สึกต่อกันพอสมควร


แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันไม่มีเวลาที่จะทำเช่นนั้น


อสูรและสัตว์อสูรระลอกใหม่กรูเข้ามาสมทบประหนึ่งรอให้โบเลรอนตายไปเสียก่อน


โดยเฉพาะอสูรบนหลังม้าที่มีแผงคอไฟ มันดูแข็งแกร่งเป็นพิเศษ


ทันทีที่มันยกไม้เท้า ลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งตรงมาทางคนทั้งสอง


รูบี้ก้าวออกไปข้างหน้า


ไม้เท้าประเภทเติบโตของนักบุญหญิงที่โด่งดัง ถูกวางกลางอากาศพร้อมกับสร้างวงเวทสีทอง


ลำแสงที่พุ่งตรงเข้ามา ถูกวงเวทดังกล่าวดูดกลืนและแปรเปลี่ยนเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์


“เกรตฮีล” (Great Heal)


อสูรที่กำลังปรี่เข้าใกล้ ศีรษะของมันถูกบดขยี้ด้วยแสงสว่าง


แม้เจ้านายของมันใกล้จะสิ้นใจ แต่ม้าไฟก็มิได้ลดความเร็วลง


สัตว์อสูรอีกจำนวนมากวิ่งตามรอยเท้าม้ามาไม่ห่าง


พิจารณาจากบรรยากาศอันน่าเกรงขาม ดูเหมือนว่าผู้นำของกลุ่มนี้จะไม่ใช้อสูรบนหลังม้า


รูบี้กางวงเวทฮีลบนพื้นดักหน้าม้าที่กำลังวิ่งใส่ ส่งผลให้ผิวหนังของม้าและอสูรมากมายถูกแผดเผา


นี่คือความทรงพลังของการฮีลแบบ ‘เป็นเปอร์เซ็นต์’ ที่มีต่อสิ่งมีชีวิตประเภทมาร


โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ค่าสถานะทุกชนิดของรูบี้จะเพิ่มขึ้น 50% รวมถึงการเพิ่มผลของทักษะฮีลเป็นสองเท่า


“ฉันขอแนะทำให้คุณไปพัก ทางนี้ฉันจะจัดการเอง…”


ขณะรูบี้กำลังคอมโบเวทศักดิ์สิทธิ์เพื่อขวางการบุกของเหล่าอสูร สีหน้าเธอพลันเกิดความประหม่า


นั่นเพราะมีอสูรและสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งกำลังบินมาจากฟ้า


ปลายจมูกของพวกมันเต็มไปด้วยบอลปราณอสูรขนาดเล็กใหญ่


อสูรประเภทบินเหล่านี้ชำนาญการโจมตีระยะไกล


และอย่างที่ทราบกันดี นักบุญหญิงย่อมไม่มีทักษะโจมตีบนอากาศ


ทักษะที่ยิ่งได้ไกลที่สุดคือ ‘เทิร์นอันเดด’ (Turn Undead) แต่ก็มีระยะหวังผลแค่หกสิบเมตร


หญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกจากทำได้เพียงตั้งสมาธิป้องกัน


แต่เดิมที เขตแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นมีคุณสมบัติคล้ายกับป้อมปราการอยู่แล้ว


“พวกเรามาพักผ่อนกันก่อน… โชคดีที่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์สภาพสมบูรณ์สามารถป้องกันการระดมยิงในระดับนี้ได้… คงต้องรอจนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง…?”


รูบี้ชะงักคำพูดหลังจากตรวจสอบสภาพปัจจุบันของเขตแดน


ดวงตาเธอแหงนมองไปบนฟ้าด้วยอาการสั่นเทา


เป็นธรรมดาที่จะต้องแปลกใจ


ครอเกลไม่ยอมไปพัก มันยังคอยช่วยเหวี่ยงดาบอยู่ข้างๆ


คลื่นดาบที่พุ่งไปได้ไกลหลายร้อยเมตร


เหล่าอสูรและสัตว์อสูรที่บินเข้ามาใกล้ ล้วนถูกสอยด้วยปราณดาบอันเฉียบคมจนร่วงหล่นและกลายเป็นเถ้าถ่านสีเทา


นี่คือการผสมผสานระหว่างทักษะที่โจมตี ‘ทุกเป้าหมายในการมองเห็น’ และ ‘เนตรบาร์บาทอส’


“สุดยอด… เหมือนกับพี่เลย… อ๊ะ! ขอโทษค่ะ”


รูบี้กล่าวชมเชยก่อนจะขอโทษขอโพย


เธอกังวลว่า ครอเกลจะขุ่นเคืองเรื่องที่เธอนำมาเปรียบกับกริด


แต่ตรงกันข้าม ครอเกลยังคงอารมณ์ดี


“เหมือนกับกริด? หึหึ… คำชมแบบนี้ จะพูดกี่ครั้งก็ฟังไม่เบื่อหรอกนะ”


“ฮิฮิ”


รูบี้เองก็ได้รับเนตรบาร์บาทอสพร้อมกับครอเกล


แต่น่าเสียดาย ทักษะส่วนใหญ่ของเธอไม่มีประเภท ‘โจมตีทุกเป้าหมายในการมองเห็น’ จึงมิอาจนำเวทใดมาผสมผสานกับเนตรบาร์บาทอส


ในเชิงสามัญสำนึก เนตรบาร์บาทอสมิใช่ทักษะด้านต่อสู้


หากจะเปรียบให้เห็นภาพ มันเหมือนกับกล้องส่องทางไกล


ถ้าจะพิจารณาให้เนตรบาร์บาทอสเป็นทักษะสายต่อสู้ ผู้ใช้งานก็ต้องเป็นคลาสพิเศษที่มาพร้อมทักษะโจมตีทุกเป้าหมายในการมองเห็นเท่านั้น


เฉกเช่นครอเกลในปัจจุบัน


“นั่นมัน… เขตแดนศักดิ์สิทธิ์จะรับมือไหวจริงๆ หรือ?”


สีหน้าครอเกลแข็งทื่อเล็กๆ


ตามรอยแยกของพื้นนรกที่โบเลรอนตกไปตาย สัตว์อสูรจำนวนมากกำลังปืนขึ้นจากที่นั่น


ไม่ใช่หลายสิบตัว แต่เป็นหลายร้อย


เหนือสิ่งอื่นใด พวกมันไม่ใช่อสูรกระจอก


สีหน้ารูบี้พลันซีดเผือด


“ดูเหมือนว่า… พวกมันจะมาจากนรกขุมที่สูงกว่านี้… หากมอนสเตอร์ทุกตัวโจมตีเข้ามาพร้อมกัน เกรงว่าค่าความคงทนของเขตแดนอาจรับไม่ไหว…”


“มีแต่ต้องสู้สินะ”


เขตแดนศักดิ์สิทธิ์คือฐานทัพของการสำรวจ พวกมันต้องรักษาไว้จนกว่าทีมถัดไปจะมาถึง


ขณะบัฟของรูบี้กำลังอาบร่างครอเกลที่อยู่ในสภาพร่อแร่


ห้วงมิติอันมืดมิดโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่าระหว่างครอเกลและเหล่าอสูร


จากนั้น ดาบใหญ่โผล่ออกมาหนึ่งเล่ม


เพียงการตวัดหนึ่งครั้ง บรรดาสัตว์อสูรรอบๆ ตายไปสิบตัว ‘ในพริบตา’


“อดทนได้ดี”


ทรราชคริสมาเยือน


ครอเกลและรูบี้พลันโล่งอกเมื่อพบว่าลมหายใจของพวกตนถูกต่อออกไป


สุดยอดขุนพลของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์มาสมทบเพิ่มอีกสอง


ช่วงเวลาแห่งการตัดพ้อจบลงแล้ว


***


หนึ่งสิ่งที่เหมือนกันระหว่างโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์และหัตถ์เทวะก็คือ พวกมันไม่ต้องพักผ่อน เพราะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าค่าเรี่ยวแรง


ทว่า คนแคระเคย์แตกต่างออกไป


“แฮ่ก… แฮ่ก… ฮู้ว… ฝ่าบาทไม่หิวหรือ? ข้าเองก็ไม่ได้หิวหรอกนะ แค่เป็นห่วงฝ่าบาท… ท่านเป็นมนุษย์ ต้องกินอาหารอย่างต่อเนื่องจึงจะมีสุขภาพดี!”


คนแคระเป็นเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งทระนง โดยเฉพาะสิ่งที่พวกมันชำนาญ


เคย์แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว จะล้มลงไปตอนไหนก็ไม่น่าแปลกใจ การที่มันยังครองสติเอาไว้ได้ นั่นเพราะไม่ต้องการพ่ายแพ้โครงกระดูกและก้อนโลหะ


มันก้มหน้าทำงานอย่างขยันขันแข็งชนิดเกือบลืมหายใจ ทว่า ขีดจำกัดทางด้านร่างกายนั้นเป็นของจริง


มันหาเรื่องพักโดยใช้การกินบังหน้า


แน่นอน กริดต้องพักกับมันด้วย เพราะการหยุดพักและกินอาหารแค่คนเดียว จะถือเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ สิ่งนั้นจะนำมาพร้อมกับความรู้สึกระคายเคืองศักดิ์ศรี


มันเข้าใจดี ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย


ทว่า


สัญชาตญาณที่ฝังอยู่ในสายเลือดและเผ่าพันธุ์ สิ่งนี้ยากจะเอาชนะ


“หืม…”


ซาทิสฟายคือโกดังเก็บรสชาติ


ไม่เพียงจะเข้าถึงรสชาติทั้งหมดบนโลกความจริง แต่รวมถึงรสชาติที่ไม่มีอยู่จริงด้วย


จึงเป็นการยากที่จะบอกว่ามีเมนูอร่อยๆ อยู่มากน้อยเพียงใด


นอกจากนั้น ซาทิสฟายคือโลกที่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน จึงมีคนส่วนมากที่แสวงหารสชาติอันเลิศเลอและดื่มด่ำไปกับมัน


แต่ในทางตรงกันข้าม กริดเป็นคนที่เคร่งครัด


ในยามทำงาน มันไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะการกิน เป็นเวลากว่าสิบปีแล้วที่กริดดับความหิวโหยด้วยขนมปังหรือไม่ก็เนื้อตากแห้ง


จุดประสงค์มิได้กินเพื่ออิ่ม แต่เพื่อให้ ‘ไม่หิว’


คนส่วนใหญ่อาจไม่เชื่อ แต่นี่เป็นเรื่องจริง


บางที ความมีวินัยเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ อาจเป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมให้กริดเป็นกริดในปัจจุบัน


“ตกลง… พักกินอะไรกันก่อนดีกว่า”


กริดอ่านเจตนาของเคย์ออก ขณะเดียวกันก็รู้สึกเห็นใจ


ทั้งสองเดินตรงไปยังห้องอาหาร


แต่ปัญหาก็คือ อาหารถูกเตรียมเสร็จภายในสามนาทีเท่านั้น


“แฮ่ก…! อ…อะไรกัน?”


ขณะเพิ่งเทซุปลงท้องและเตรียมหั่นเนื้อ เคย์ก้มมองสองมือที่สั่นเทาของตนด้วยสายตาสมเพช


เพราะในเวลาเดียวกัน กริดจัดการอาหารทุกจานจนเกลี้ยงเกลา


ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาจับไหล่เคย์ที่กำลังนั่งมองด้วยสายตาเหม่อลอย


มันกดไหล่อีกฝ่ายไว้บนเก้าอี้ ตามด้วยกล่าว


“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น นี่เป็นนิสัยของฉัน… เคย์ นายจัดการให้เสร็จก่อนก็ได้”


สำหรับชาวเกาหลี น้อยคนนักที่จะกินช้า


โดยเฉพาะชายที่เคยผ่านการเกณฑ์ทหาร ทุกคนสามารถเสกหลุมดำในท้องได้ดั่งใจ


‘เราจะมัวช้าไม่ได้’


ปัจจุบัน กริดสามารถผลิตไอเท็มหนึ่งชิ้นได้ภายในแปดนาที ทุกนาทีจึงมีความหมายมาก


กริดมองออกไปนอกหน้าต่าง จากนั้นก็เปิด ‘มายา’ พร้อมกับใช้ชุนโปเพื่อเคลื่อนย้ายตำแหน่ง ส่งตัวเองกลับไปยังโรงตีเหล็กภายในวัง


เมื่อถึงที่หมาย มันหยิบปลอกนิ้วยิงธนูของเอลฟ์ (สร้างโดยแพ็กม่า) ออกมาถือ


เป็นไอเท็มชิ้นที่สองที่มันต้องการ ‘ปรับแต่ง’ หลังจากจัดการกับ ‘เครื่องยิงพลังเวท’ ไปเมื่อเช้า


‘ปลอกนิ้วอันนี้สามารถเปลี่ยนการโจมตีแบบไม่ล็อกเป้า ให้กลายเป็นล็อกเป้าได้’


ความคงทนเพียง 111 หน่วย ซึ่งนั่นเป็นค่าที่ต่ำมาก


วัสดุเป็นหนัง จึงชำรุดได้ค่อนข้างง่าย ไอเท็มที่มีค่าความคงทนต่ำ ไม่เหมาะแก่การเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง


มีคล้ายครั้งที่กริดเสียสมาธิเพราะต้องคอยถอดเข้าถอดออก ด้วยกังวลว่ามันจะพัง


‘น่าเสียดายที่ระยะหน่วงนานถึงสามนาที’


เป้าหมายของการปรับแต่งก็คือ เพิ่มความคงทนและลดระยะหน่วง


ในทางทฤษฎี สิ่งนี้สามารถทำได้ เครื่องยิงพลังเวทได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว


กริดดัดแปลงให้เครื่องยิงพลังเวทสามารถยิงด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นสองเท่า และเพิ่มปริมาณมานาที่สามารถกักเก็บเป็นสามเท่า


นอกจากนั้นยังมีการเสริม ‘ด้ายเงิน’ เข้าไปในเส้นพลังเวทที่ยิ่งออกไป ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งเชิงโครงสร้างและอรรถประโยชน์ในการใช้งาน


ไอเท็มที่ถูกปรับแต่งเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหากปลอกนิ้วอันนี้จะกลายสภาพเป็นไอเท็มชิ้นใหม่ที่แทบไม่เหลือเค้าเดิม


‘หลังจากนั้น เราจะเริ่มคิดค้นไอเท็มประเภทใหม่ๆ จำพวกของวิเศษ เหมือนกับไอเท็มแวมไพร์ทายาทและแหวนแห่งความไร้เหตุผล’


ในตอนแรก มันคิดจะพัฒนาชุดเกราะและดาบที่ผลิตจากลมหายใจเทพผู้พิทักษ์ แต่เกิดเปลี่ยนใจกลางคัน


ชุดเกราะและอาวุธที่ผลิตจากลมหายใจเทพผู้พิทักษ์ ล้วนมีพลังที่หลากหลายในตัวเองอยู่แล้ว


ยังคงเป็นไอเท็มที่เหมาะแก่การใช้งานไปอีกสักพัก การยกระดับจึงควรเน้นไปที่ค่าสถานะพื้นฐานจำพวกพลังโจมตีและพลังป้องกัน ซึ่งนั่นเป็นงานที่ง่ายมาก อาจใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ


หากต้องการปรับปรุงของวิเศษ เป้าหมายควรเป็นการพัฒนา ‘คุณสมบัติ’ มากกว่าค่าสถานะพื้นฐาน


และเหนือสิ่งอื่นใด ของวิเศษส่วนมากแทบไม่มีค่าสถานะพื้นฐานอยู่แล้ว หรือต่อให้มีก็ไม่มาก การเสริมค่าสถานะพื้นฐานจึงไม่มีประโยชน์


หากต้องการจะปรับปรุงไอเท็มให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งที่ควรมุ่งเน้นคือการพัฒนา ‘คุณสมบัติพิเศษ’ ของพวกมันให้ถึงขีดจำกัด ซึ่งเป็นงานที่ยากและใช้เวลานานมาก จำเป็นต้องใช้วัสดุชนิดพิเศษและต้องบรรลุเงื่อนไขบางข้อ จึงตอบไม่ได้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน


‘ในตอนที่ว่างแบบนี้ เราควรจัดการของวิเศษให้เรียบร้อยก่อน… เพราะไม่ว่าจะทำสิ่งใด ระยะหน่วงของทักษะ ‘นวัตกรรม’ คือสิบสองชั่วโมง การสิ้นเปลืองไปกับอุปกรณ์สวมใส่ไม่ใช่เรื่องฉลาด’


แน่นอน ระหว่างที่รอระยะหน่วง มันสามารถผลิตไอเท็มไปพลางๆ ได้


แต่ยิ่ง ‘การบ้าน’ ยากเท่าไร ก็ควรต้องทำตั้งแต่เนิ่นๆ


กริดแยกส่วนปลอกนิ้วอย่างสมบูรณ์ ตามด้วยการทำไปประกอบกับวัสดุที่เตรียมไว้และใช้พลัง ‘นวัตกรรม’ เพื่อทำให้ภาพที่คิดในหัวเป็นจริง


โครงสร้างของเดิมถูกดัดแปลง รูปทรงและวัสดุถูกเปลี่ยนใหม่


ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่น่าพึงพอใจ


ระยะหน่วงของทักษะเหลือเพียงสองนาที และความคงทนเพิ่มขึ้นหกเท่า


นอกจากนั้นยังได้รับ ‘ค่าต้านทานการถูกตัดนิ้ว’ และพลังป้องกันอีกเล็กน้อยซึ่งไม่มีในตอนแรก


ถึงจะไม่มาก แต่ถ้ารวบรวมจากหลายจุด มันจะกลายเป็นตัวเลขมหาศาล


‘จัดการกับปลอกนิ้วให้เสร็จๆ ไปเลยดีไหม?’


ไอเท็มทุกชิ้นสามารถปรับแต่งได้สามครั้ง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปลอกนิ้วใหม่ของกริด ยังสามารถปรับแต่งได้อีกสองครั้ง ยังสามารถลดระยะหน่วงหลังใช้งานได้อีกพอสมควร


กริดตัดสินใจใช้ ‘นวัตกรรม’ กับปลอกนิ้วอีกครั้ง


ทันใดนั้น


[ไอเท็มชิ้นนี้เพิ่งถูกปรับแต่ง รูปทรงและกลไกการทำงานยังคงสภาพได้ไม่สมบูรณ์ หากท่านพยายามปรับแต่งเพิ่มเติม มีโอกาสที่ไอเท็มจะถูกทำลาย… กรุณายืนยัน]


[หลังจากผ่านไปครบ 100 วัน ไอเท็มที่ปรับแต่งจะมีโอกาสปรับแต่งสำเร็จ 100%]


‘นั่นสินะ… เคยได้ยินมาว่า หลังจากทำศัลยกรรม ห้ามทำซ้ำในอีกครึ่งปี…’


หนึ่งร้อยวันนั้นสั้นมากหากเทียบกับครึ่งปี


ขณะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดจะทำ ชายหนุ่มหยิบไอเท็มชิ้นใหม่ออกมา


เข็มขัดทีราเม็ท


เป็นไอเท็มที่ดรอปมานานแล้ว และประสิทธิภาพค่อนข้างล้าหลัง


กริดคาดหวังว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี หากตนใช้ ‘นวัตกรรม’ กับ ‘ไอเท็มฝังวิญญาณ’


และในสายตามัน เข็มขัดทีราเม็ทควรค่าแก่การปรับแต่งเป็นอย่างยิ่ง


> กลุ่มสุดท้ายเข้าไปแล้ว… ฉันจะไปรวมกับพวกเขาในอีกยี่สิบนาที


ขณะชายหนุ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเข็มขัด ข้อความของยูร่าปรากฏขึ้นในหน้าต่างกิลด์


‘เสร็จแล้วหรือ?’


มันตรวจสอบเวลา และพบว่าเพิ่งผ่านไปเพียงสามสิบหกชั่วโมงนับตั้งแต่ครอเกลเข้าไป


ทว่า ผู้เล่นกว่าสามร้อยคนถูกส่งเข้าไปจนครบแล้ว


‘หืม… ยี่สิบนาทีสินะ… เมื่อเลเวลของทักษะประตูนรกเพิ่มขึ้น ระยะหน่วงจึงเหลือเพียงยี่สิบนาที รวมถึงจำนวนคนที่ผ่านเข้าไปได้’


ยอดเยี่ยมมาก


ทุกคนกำลังเติบโต ไม่ใช่แค่ตน


ในอนาคตอันใกล้ ความเร็วในการพัฒนาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด


ชายหนุ่มเริ่มวางแผนปรับแต่งไอเท็มให้พวกพ้องในยามที่ตนมีเวลาว่าง


และลำดับความสำคัญอันดับหนึ่ง—


“เรียกฉันทำไมหรือ?”


—จักรกลเวทมนตร์ของซีบาล ไรเดอร์ส


มันแวะมาเยี่ยมโรงตีเหล็กหลวงในเวลาประจวบเหมาะ


ซีบอลไม่ได้อยู่ในทีมสำรวจนรก เพราะมันคอยอารักขาเคียงข้างซิกเฟรคเตอร์ที่พยายามขจัดคำสาปเกียจคร้าน


การเก็บเลเวลร่วมกับซิกเฟรคเตอร์เองก็ดีต่อพัฒนาการของซีบาล


ซิกเฟรคเตอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างมาก


“ขอยืมไรเดอร์สหน่อย”


“…?”


ซีบาลแทบไม่เชื่อหู


ขณะเดียวกัน มือของกริดกำลังยุ่งอยู่กับการแทนที่โลหะเดิมของเข็มขัดทีราเม็ทด้วย ‘ละโมบ’


เป็นงานที่ต้องพึ่งพาสมาธิและความประณีตสูง


ชายหนุ่มชำเลืองไปที่ทั่งเหล็กพร้อมกับอธิบาย


“ฉันต้องการแยกส่วนจักรกลเวทมนตร์และประกอบกลับเข้าไปใหม่… ทำแบบนี้อย่างน้อยสามครั้ง”


เนื่องจากครอบครองเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์ กริดจึงเพิ่มค่าความเข้าใจของไอเท็มได้เร็วมาก


ซีบาลพึมพำในลำคอ พลางจ้องกริดที่ทำหน้าราวกับเพิ่งพูดเรื่องธรรมดาๆ ออกมา


“แล้วทำไมนายถึงอยากแยกส่วนมัน…”


กริดที่กำลังจดจ่ออยู่กับการปรับแต่ง ยุ่งจนหลงลืมการอธิบายส่วนที่สำคัญที่สุดไป


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,980
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00