จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,470



โสตประสาทของเฮสเตอร์ทั้งเฉียบคมและแม่นยำ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของวัตถุได้จากการฟังเพียงอย่างเดียว เป็นความสามารถที่เกิดจากการขัดเกลาตลอดช่วงชีวิตของตำนานเกม FPS (เกมยิง)


หูของมันสามารถจับความเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้โดยไม่ไขว้เขว ต่อให้มีเสียงนับร้อยชนิดดังก่อกวน ถึงขั้นที่เคยถูกตราหน้าว่าใช้โปรแกรม ‘แฮ็คแม็ป’ หลายครั้งในการแข่ง


เคร้ง!!


เฮสเตอร์มองตรงไปข้างหน้า ขณะเดียวกันก็หันคมหอกไปด้านหลังเพื่อป้องกันการฟันจากหัตถ์เทวะ


หากใครมาเห็นฉากนี้เข้าคงออกปากชื่นชมว่าเฮสเตอร์มีตาหลัง


ติดอยู่เรื่องเดียว แม้จะรับการโจมตีไว้ได้ แต่เฮสเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะเซไปด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทา


‘บัดซบ… อย่ามาล้อกันเล่น?’


เฮสเตอร์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น


แรงฟาดช้างสารระดับนี้คืออะไร?


ทุกครั้งที่หัตถ์เทวะของกริดฟาดฟัน กล้ามเนื้อของมันพลันบิดเกร็งพร้อมกับกระดูกที่ร้องระงม ราวกับพลังชีวิตของพวกมันถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆ ภายในหัวเฮสเตอร์ได้แต่นึกสงสัยว่า พลังป้องกันของตนไม่ส่งผลเลยหรืออย่างไร


‘มีของแบบนี้สามสิบชิ้น?’


และเราโอ้อวดว่าสามารถเอาชนะพวกมันสามสิบข้างพร้อมกันได้?


ชักสงสัยแล้วว่า กริดจะเย้ยหยันด้วยคำใดในตอนที่เราประกาศออกไปเช่นนั้น…


‘อยากมุดรูหนูชะมัด…’


เฮสเตอร์ที่เริ่มอับอายจนหน้าแดงหันศีรษะไปทางซ้าย โดยในขณะเดียวกัน มันขยับกระดูกไหปลาร้าเพื่อยกไหล่ให้สูง


เคร้ง!


การโจมตีของหัตถ์เทวะถูกปัดป้องโดยเกราะไหล่


เฮสเตอร์ที่มิอาจทานทนต่อแรงปะทะ เลี่ยงไม่ได้ที่จะซวนเซเสียหลักไปด้านหลัง แต่สุดท้ายก็ส่งแรงไปยังกล้ามเนื้อเอวในจังหวะก่อนที่หลังจะกระแทกพื้น


พุ่บ!


ปลายดาบสีน้ำเงินพุ่งเข้าใส่จมูกเฮสเตอร์


เฮสเตอร์รีบเอื้อมแขนไปทางจุดบอดของหัตถ์เทวะเพื่อเตรียมจับและสยบมัน แต่ก็ต้องพลาดไปเนื่องจากหัตถ์เทวะหลบได้ก่อนที่จะถูกคว้า


ฟุ่บ!


เสียงการโจมตีใหม่ดังแว่ว


เฮสเตอร์ที่ระบุตำแหน่งได้ทันทีจากเสียงสะท้อนจะพื้น รีบหมุนสะโพก


ผ้าคลุมที่ปลิวไสวของมันทำการห่อหุ้มดาบที่หัตถ์เทวะแทงเข้ามา จากนั้น เฮสเตอร์เตรียมหมุนตัวเพื่อบิดผ้าคลุมและหักเหทิศทางของหัตถ์เทวะไปตำแหน่งที่มันต้องการ


‘ปิดท้ายด้วยการประเคนทักษะ…’


นี่คือโอกาสทอง


เฮสเตอร์เชื่อเช่นนั้น ทว่า เป็นอีกครั้งที่มันประสบความล้มเหลว ในจังหวะก่อนที่ผ้าคลุมจะห่อหุ้มดาบโดยสมบูรณ์ หัตถ์เทวะเบี่ยงตัวออกได้ทัน


‘ไม่เป็นไร… เอาใหม่’


นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย…


มันมั่นใจว่าตัวเองตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่สาเหตุที่ผลลัพธ์ออกมาแย่เสมอ ไม่ใช่เพราะร่างกายช้าเกินกว่าจะไล่ตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แต่เกิดจากสาเหตุที่ตัวมันเองก็อธิบายไม่ได้ คล้ายกับมีบางสิ่งคอยก่อกวนพฤติกรรมของตนตลอดเวลา


…หรือว่าแผนของเราจะแย่มาตั้งแต่แรก?


เคร้ง!


เฮสเตอร์กำลังต่อสู้แบบสามต่อหนึ่ง


ทุกครั้งที่การกระทำของมันสูญเปล่า จิตใจจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักเสมอ


ตอนนี้ก็เช่นกัน


หัตถ์เทวะหายไปจากการมองเห็นหนึ่งข้าง โดยที่อีกสองข้างโจมตีขนาบซ้ายขวา เฮสเตอร์ที่ตั้งหอกเพื่อปัดป้องการฟันจากสองทิศทางที่ตรงกันข้ามพร้อมกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับข้อมือใกล้ฉีกขาด


‘มาแล้ว… ของจริงกำลังมา’


มันสัมผัสได้ว่าอีกหนึ่งหัตถ์เทวะที่หายไปจะโจมตีขึ้นมาจากด้านล่าง หากยกเท้าขึ้นมาบัง มันเชื่อว่าตัวเองสามารถปัดป้องได้สมบูรณ์


แต่เฮสเตอร์กลับฉุกคิดได้ว่า การเอาแต่ตั้งรับไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น จึงตัดสินใจขยับร่างกายไปตามสัญชาตญาณดิบ


ปึด!


เฮสเตอร์ถ่ายพลังทั้งหมดไปที่แขนทั้งสองข้างเพื่อเหวี่ยงดาบสองเล่มขึ้นไปด้านบน พร้อมกันนั้น มันอาศัยแรงเหวี่ยงเพื่อดีดตัวตีลังกาหลังครึ่งรอบและใช้มือข้างหนึ่งยันพื้น ส่วนอีกข้างถือหอก เป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบในการรับมือหัตถ์เทวะข้างที่เหลือ


ใช่แล้ว มโนภาพในใจของมันงดงามมาก


ทว่า นี่เป็นอีกครั้งที่ภาพวาดอันสวยหรูมิได้เกิดขึ้นจริง


ดาบจากหัตถ์เทวะอีกหนึ่งข้างฟันเข้าที่เอ็นร้อยหวายจนไม่เหลือแรงพอจะเกร็งหลังตีลังกา


***


“น่าทึ่งมาก”


กริดกล่าวโดยไม่หยุดทุบค้อน เพราะนี่คือกระบวนการสร้างไอเท็มอัตโนมัติ โดยที่สายตากำลังใช้เนตรบาร์บาทอสสอดส่องการดิ้นรนของเฮสเตอร์


“พละกำลังน้อยกว่าหัตถ์เทวะมาก แต่กลับรับมือได้ไม่เลวเลย… ถ้าหมอนั่นจะกระดูกข้อมือหักทุกครั้งที่รับดาบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก… ทำไมเขาถึงยื้อได้นานขนาดนี้?”


อันที่จริง คำว่า ‘รับมือไหว’ อาจไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะเฮสเตอร์มักเผยสภาพน่าสมเพชให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แปลว่ามันไม่ได้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก เช่นเมื่อครู่ เฮสเตอร์ที่ถูกฟันเอ็นร้อยหวายขาดมีอันต้องล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างตลกขบขัน


“เขาไม่ได้ออกแรงกระแทกเพื่อเข้าปะทะตรงๆ แต่เป็นการถ่ายเทแรงไปที่หัวไหล่และใช้พลังออร่าช่วยในการกระจายแรงปะทะ ด้วยเทคนิคนี้ แม้จะเป็นวิธีที่มีพลังทำลายต่ำ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพละกำลังเหนือกว่า ส่งผลให้ร่างกายรับภาระน้อยกว่า”


เมอร์เซเดสที่ยืนริมหน้าต่างเพื่อจับตามองเฮสเตอร์ เปิดปากอธิบายกริด


“แต่นั่นไม่ใช่การต่อสู้ที่ดีนัก อย่างที่ได้กล่าวไป การใช้ข้อมือน้อยลงหมายถึงวิถีของอาวุธจะถูกอ่านออกได้ง่ายและมีพลังทำลายต่ำ… แถมยังเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่คล่องตัว”


“เขาถูกบังคับให้ทำแบบนี้เพื่อรับมือกับหัตถ์เทวะโดยเฉพาะ?”


“ดิฉันคิดว่านี่เป็นรูปแบบการต่อสู้ของตัวเขาเอง ไม่ว่าจะสู้กับใครก็ตาม”


“แล้วทำไมถึงมีนิสัยแบบนี้?”


“ดิฉันได้ยินมาว่า เซอร์วินฟรีดใช้เทคนิคการกระตุ้นมานาเพื่อสร้างภาวะ ‘สลายปราณ’ หากประสบความสำเร็จในการสลายปราณ ปราณดังกล่าวจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ และถ้ากะจังหวะตอบโต้ด้วยทักษะบางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ การฆ่าเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องยาก”


สลายปราณเป็นแนวคิดที่สร้างขึ้นเพื่อทำลายทรัพยากรเช่นมานาและปราณดาบ


สรุปโดยสั้น มันคือวิชาที่สามารถยกเลิกทักษะของเป้าหมาย และหากกะจังหวะสวนกลับให้แม่นยำ นั่นจะกลายเป็นท่าพิฆาตที่ร้ายแรง


“บางที เซอร์วินฟรีดสร้างนิสัยเช่นนี้ขึ้นเพื่อให้ศิษย์ชำนาญวิชาสลายปราณ แต่ปัญหาก็คือ ยังไม่ทันที่ศิษย์จะบรรลุวิชา เซอร์วินฟรีดก็จากไปเสียก่อน”


“แบบนี้นี่เอง…”


โลกนี้มิวิชาที่คือ ‘สลายปราณ’ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วิชานี้ต้องใช้คู่กับทักษะบางชนิดในจังหวะที่เหมาะเจาะ และเพื่อจะใช้วิชานี้ ร่างกายจำเป็นต้องเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติ ส่งผลให้เฮสเตอร์มีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างที่เห็น


‘ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ… ผู้สืบทอดแพ็กม่าต้องฝึก ‘จังหวะเท้า’ เพื่อใช้ท่ารำดาบ แต่เฮสเตอร์ทำได้แค่ฝึกจังหวะเท้าโดยยังไม่ได้เรียนการใช้ท่ารำดาบ? เขาฝึกจังหวะเท้าหนักจนกลายมาเป็นนิสัย?’


กล่าวกันว่า เฮสเตอร์อาศัยอยู่กับวินฟรีดนานนับสิบปี และตลอดสิบปีคงมีชุดภารกิจให้ทำต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่นการเหวี่ยงหอกในท่าที่กำหนดวันละพันครั้ง


นั่นคือชะตากรรมของผู้เล่นทุกคนที่มี ‘อาจารย์’ แตกต่างจากผู้เล่นทั่วไปที่เติบโตโดยการเก็บเลเวล ผู้เล่นที่มีอาจารย์จะยึดติดกับภารกิจเป็นหลัก


จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะซึมซับนิสัยบางอย่างมาจากการฝึกหนัก


‘แต่ชะตากรรมของเฮสเตอร์ต้องพลิกผันเพราะวินฟรีดตายไปก่อนที่จะได้สอนสลายปราณ… เพื่อให้บรรลุวิชาดังกล่าว เฮสเตอร์ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขายังทำไม่ได้…’


ขณะกริดกำลังตีความ พลังชีวิตของเฮสเตอร์ลดลงจนเหลือหนึ่งหน่วย


เป็นเวลาเพียงสิบห้านาที


เฮสเตอร์ไม่พอใจเลยสักนิด แม้ว่าครั้งนี้จะนานกว่าคราวก่อนห้านาที


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


เพื่อให้เป็นผู้ ‘ชนะ’ ในการดวล เงื่อนไขของมีแค่ต้องทำให้หัตถ์เทวะ ‘ชะงัก’ สามข้างพร้อมกัน ทว่า มันยังมิอาจทำให้หัตถ์เทวะชะงักได้แม้แต่ข้างเดียว


นอกจากนั้น ในตอนแรกมันโอ้อวดเอาไว้ว่าสามารถรับมือหัตถ์เทวะสามสิบข้างได้สบายๆ การที่ต้องพ่ายแพ้กระทั่งสามต่อหนึ่งจึงนับว่าเสียศักดิ์ศรีพอสมควร


‘ไม่ง่ายหรอกนะ… ถ้าอยากทำให้หัตถ์เทวะชะงัก ต้องสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่าเจ็ดหมื่นหน่วย’


แน่นอน หัตถ์เทวะไม่มีพลังป้องกัน แต่พวกมันก็มีอาวุธคอยปัดป้อง และเมื่อเห็นท่าไม่ดี พวกมันสามารถหยิบโล่ออกมาเป็นกำบัง นอกจากนั้น พวกมันยังมีความเร็วสูงถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง


“แต่ตัวศิษย์เองก็มีปัญหา”


การ ‘ถ้ามอง’ ของเมอร์เซเดส— ไม่สิ การจับตาดูยังคงดำเนินต่อไป


“ความคิดของเขาว่องไวกว่าร่างกายที่เชื่องช้า… เหมือนกับ… ผู้ใหญ่ในร่างเด็ก… เขาคงสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างการตัดสินใจและการลงมือทำ”


‘อา… ปัญหาอยู่ตรงนี้สินะ’


จากมุมมองของคนนอก การเคลื่อนไหวของเฮสเตอร์เต็มไปด้วยความตะกุกตะกัก มันดูตลกในบางครั้งเพราะเฮสเตอร์ทำท่าทางคล้ายกำลังเต้นรำขณะซวนเซ


‘เป็นพฤติกรรมที่เห็นได้บ่อยในจุดเก็บเลเวลระดับต่ำ’


คล้ายกับคนที่ยังไม่เคยชินกับ ‘ร่างใหม่’


ผู้เล่นที่ยังไม่ชินกับร่างในซาทิสฟายซึ่งแตกต่างจากตัวจริง มีแนวโน้มที่จะเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงจนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเงอะๆ งะๆ โดยเฉพาะคนป่วยและคนแก่


แต่เฮสเตอร์ไม่ใช่ผู้เล่นใหม่


มันเป็นมือเก๋าที่ใช้เวลาอยู่ในซาทิสฟายนานกว่าสิบห้าปี


และเหตุผลที่คนแบบนี้เกิดอาการเช่นนี้—


“มีเหตุผลหนึ่งถึงสองข้อที่ทำให้นักรบแสดงอาการอย่างที่เห็น… เขาอาจไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับร่างกายที่อ่อนแอลงด้วยเหตุผลบางประการ?”


เมอร์เซเดสเผยรอยยิ้มจางๆ


“ดิฉันเองก็เคยเผชิญ… ในวันหนึ่ง จู่ๆ ดิฉันก็ได้รับประสาทสัมผัสในวัยสาวกลับคืนมา”


“…ประสาทสัมผัสของเฮสเตอร์คงเสื่อมถอยไปนานแล้วกระมัง”


แต่ถ้าวันหนึ่ง ประสาทสัมผัสในวัยรุ่นเกิดกลับคืนมากะทันหัน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำอะไรติดขัดไปเสียทั้งหมด


กริดครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิด ‘การเฝ้ามองของเทพโอเวอร์เกียร์’


ทันใดนั้น ข้อมูลไอเท็มหลายร้อยชนิดได้ปรากฏขึ้นในการมองเห็น


เมื่อข้อมูลจำนวนมหาศาลพรั่งพรูเข้ามาในพริบตา สมองจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะวิงเวียน กริดกัดฟันอดทนและรีบกรองเฉพาะข้อมูลที่ตนต้องการ


“ชื่อ, เพิ่มค่าสถานะ, พละกำลัง, ความว่องไว”


ชิ้ง—!


ข้อมูลในการมองเห็นของกริดถูกรองออกจนเหลือเฉพาะที่ต้องการ


เหลือเพียงข้อมูลของไอเท็มที่มีคุณสมบัติเพิ่มค่าพละกำลังและความว่องไว


ทั้งหมดสามสิบห้าชิ้น


“อันนั้น… อันนั้น… แล้วก็อันนั้น”


ทั้งหมดเป็นไอเท็มที่สร้างโดยกริด หัตถ์เทวะ คนแคระเคย์ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์


หมายความว่า กริดถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ


“เฮสเตอร์”


“…?”


เฮสเตอร์ซึ่งกำลังวิเคราะห์ปัญหาขณะรอให้พลังชีวิตฟื้นคืน ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงเรียก และเมื่อมองตามไปด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย มันพบกับกริดที่เดินมาพร้อมกับหัตถ์เทวะอีกห้าข้างใหม่


‘นายประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว…’


ทั้งที่ยังไม่ชนะแบบสามต่อหนึ่ง แต่ก็ยังจะยืนกรานให้สู้แบบแปดต่อหนึ่ง?


‘เฮ้อ… ถ้าเรายังเหมือนกับตอนวัยรุ่น… คงรับคำท้านี้ด้วยความรู้สึกอยากเอาชนะ’


น่าเสียดายที่พรสวรรค์ในวัยรุ่นจบลงไปแล้วในฐานะตำนาน


ขณะเฮสเตอร์ซึ่งตีความในแบบของตัวเองกำลังลังเล


“นายเคยเล่น MMORPG มาก่อนไหม?”


“ก็ต้องเคยอยู่แล้วไหม… ฉันจะเป็นนักแข่งเกมได้ยังไงถ้าไม่ชอบเกม”


“แล้วทำไมถึงพัฒนาตัวละครได้ห่วยนัก? ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไรเลย? หรือนายเป็นพวกสมองทึบเหมือนกับฉัน?”


“…”


การจู่โจมทางวาจามาพร้อมกับคำถามสุดฉงน


หัตถ์เทวะที่เคยรายล้อมกริดค่อยๆ ลอยไปทางเฮสเตอร์ที่กำลังยืนอึ้ง แต่ละข้างถือยุทธภัณฑ์หนึ่งชิ้น


“ลองสวมพวกมันดูไหม?”


“…?”


“ไม่ได้ให้เพราะความรักหรอกนะ ฉันแค่ให้ยืมใส่… ทนเห็นความสมเพชของนายไม่ได้”


“…”


เฮสเตอร์เอื้อมมือออกไปรับไอเท็ม


พวกมันล้วนเป็นไอเท็มเกรดอีปิกและยูนีค แถมประสิทธิภาพก็ยังยอดเยี่ยม


รองเท้าและถุงมือที่เพิ่มค่าสถานะสองร้อยหน่วย… พวกมันเป็นแค่ยูนีค ไม่ใช่เลเจนดารี?


“สวมพวกมันและสู้ใหม่”


เฮสเตอร์สวมไอเท็มของกริดโดยไม่มัวมากพิธีและสัมผัสถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ในเวลานี้ คำถามมากมายผุดขึ้นในใจมัน แต่ก็ตัดสินใจทำตามที่กริดบอกก่อน


การดวลกับหัตถ์เทวะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง


หัตถ์เทวะทั้งสามข้างเคลื่อนไหวอย่างว่องไว แยกย้ายออกนอกการมองเห็นของศัตรูพร้อมกับจู่โจมจากทิศทางที่แตกต่าง


เป็นการผนึกกำลังโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูง


แต่มุมอับสายตาไม่เป็นปัญหาสำหรับเฮสเตอร์ หลังจากอ่านความเคลื่อนไหวจากเสียงสะท้อน มันสามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันของหัตถ์เทวะอย่างแม่นยำและตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ


ประหนึ่งได้ย้อนวัยไปอยู่ในยุครุ่งเรือง สมัยที่เฮสเตอร์ฟังเสียงเท้าและสะบัดเมาส์ยิง ‘เฮดช็อต’ ศัตรูพร้อมกับนำทีมคว้าแชมป์โลกเกม FPS


เคร้ง!!


“…!”


ดวงตาเฮสเตอร์พลันเบิกกว้าง


ด้วยร่างกายขยับได้ดั่งใจนึก รอบๆ เฮสเตอร์รายล้อมด้วยหัตถ์เทวะทั้งสามที่แข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น พวกมันทั้งหมดถูกซัดอย่างแม่นยำด้วยพละกำลังที่เพียงพอ นี่คือวินาทีที่ความคลางแคลงอันยาวนานในใจมันถูกสลัดทิ้งโดยสมบูรณ์


เสียงของกริดดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท


“ถ้าเพิ่มอีกหนึ่งร้อยเลเวล นายจะได้กลับไปสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง… ฉันรู้ว่านายจำหมกมุ่นอยู่กับการภารกิจประจำคลาส แต่ว่า…”


“…”


หนึ่งร้อยเลเวล


หลังจากได้ยินถ้อยคำสุดเหลวไหลจากกริด เฮสเตอร์เดินเข้าไปหา


“ทำไมนายถึง… สร้างไอเท็มให้ฉัน?”


“…?”


“นายคิดว่าความใจดีครั้งนี้จะทำให้ฉันยอมเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์รึไง? ถ้านายคิดแบบนั้นล่ะก็… นับว่ามองการณ์ไกลใช้ได้เลย”


“…”


มันคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่ตนหยิบยื่นให้ผู้อื่นจะเป็นขนมต๊อก มิใช่แค่ซุปกิมจิ


กริดฉีกยิ้มพร้อมกับเกิดความคาดหวัง


‘หากกองอัศวินสีชาดร่วมมือกับเฮสเตอร์… นั่นต้องเป็นเคมีที่ลงตัวแน่’


ไม่เลวเลย…


แน่นอน ต้องมีการตรวจสอบทัศนคติเบื้องต้นให้ชัดเจน


และก่อนหน้านั้น


“ถ้านายอยากกลับไปที่นรก… ชนะแปดต่อหนึ่งให้ได้”


“ต…ตกลง…”


“ไอเท็มพวกนั้นไม่ใช่ของขวัญ… ถ้าไม่คืนก็จ่ายเงินมา”


เมื่อได้ลิ้มรส จะให้ย้อนกลับก็คงเป็นไปไม่ได้


แน่นอน เฮสเตอร์ยินดีจ่ายโดยไม่เกี่ยง และนั่นเป็นราคาที่ลดให้มากแล้ว


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,992
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00