จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,470
โสตประสาทของเฮสเตอร์ทั้งเฉียบคมและแม่นยำ สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของวัตถุได้จากการฟังเพียงอย่างเดียว เป็นความสามารถที่เกิดจากการขัดเกลาตลอดช่วงชีวิตของตำนานเกม FPS (เกมยิง)
หูของมันสามารถจับความเคลื่อนไหวของเป้าหมายได้โดยไม่ไขว้เขว ต่อให้มีเสียงนับร้อยชนิดดังก่อกวน ถึงขั้นที่เคยถูกตราหน้าว่าใช้โปรแกรม ‘แฮ็คแม็ป’ หลายครั้งในการแข่ง
เคร้ง!!
เฮสเตอร์มองตรงไปข้างหน้า ขณะเดียวกันก็หันคมหอกไปด้านหลังเพื่อป้องกันการฟันจากหัตถ์เทวะ
หากใครมาเห็นฉากนี้เข้าคงออกปากชื่นชมว่าเฮสเตอร์มีตาหลัง
ติดอยู่เรื่องเดียว แม้จะรับการโจมตีไว้ได้ แต่เฮสเตอร์ก็อดไม่ได้ที่จะเซไปด้านหน้าด้วยร่างกายสั่นเทา
‘บัดซบ… อย่ามาล้อกันเล่น?’
เฮสเตอร์ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แรงฟาดช้างสารระดับนี้คืออะไร?
ทุกครั้งที่หัตถ์เทวะของกริดฟาดฟัน กล้ามเนื้อของมันพลันบิดเกร็งพร้อมกับกระดูกที่ร้องระงม ราวกับพลังชีวิตของพวกมันถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆ ภายในหัวเฮสเตอร์ได้แต่นึกสงสัยว่า พลังป้องกันของตนไม่ส่งผลเลยหรืออย่างไร
‘มีของแบบนี้สามสิบชิ้น?’
และเราโอ้อวดว่าสามารถเอาชนะพวกมันสามสิบข้างพร้อมกันได้?
ชักสงสัยแล้วว่า กริดจะเย้ยหยันด้วยคำใดในตอนที่เราประกาศออกไปเช่นนั้น…
‘อยากมุดรูหนูชะมัด…’
เฮสเตอร์ที่เริ่มอับอายจนหน้าแดงหันศีรษะไปทางซ้าย โดยในขณะเดียวกัน มันขยับกระดูกไหปลาร้าเพื่อยกไหล่ให้สูง
เคร้ง!
การโจมตีของหัตถ์เทวะถูกปัดป้องโดยเกราะไหล่
เฮสเตอร์ที่มิอาจทานทนต่อแรงปะทะ เลี่ยงไม่ได้ที่จะซวนเซเสียหลักไปด้านหลัง แต่สุดท้ายก็ส่งแรงไปยังกล้ามเนื้อเอวในจังหวะก่อนที่หลังจะกระแทกพื้น
พุ่บ!
ปลายดาบสีน้ำเงินพุ่งเข้าใส่จมูกเฮสเตอร์
เฮสเตอร์รีบเอื้อมแขนไปทางจุดบอดของหัตถ์เทวะเพื่อเตรียมจับและสยบมัน แต่ก็ต้องพลาดไปเนื่องจากหัตถ์เทวะหลบได้ก่อนที่จะถูกคว้า
ฟุ่บ!
เสียงการโจมตีใหม่ดังแว่ว
เฮสเตอร์ที่ระบุตำแหน่งได้ทันทีจากเสียงสะท้อนจะพื้น รีบหมุนสะโพก
ผ้าคลุมที่ปลิวไสวของมันทำการห่อหุ้มดาบที่หัตถ์เทวะแทงเข้ามา จากนั้น เฮสเตอร์เตรียมหมุนตัวเพื่อบิดผ้าคลุมและหักเหทิศทางของหัตถ์เทวะไปตำแหน่งที่มันต้องการ
‘ปิดท้ายด้วยการประเคนทักษะ…’
นี่คือโอกาสทอง
เฮสเตอร์เชื่อเช่นนั้น ทว่า เป็นอีกครั้งที่มันประสบความล้มเหลว ในจังหวะก่อนที่ผ้าคลุมจะห่อหุ้มดาบโดยสมบูรณ์ หัตถ์เทวะเบี่ยงตัวออกได้ทัน
‘ไม่เป็นไร… เอาใหม่’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย…
มันมั่นใจว่าตัวเองตอบสนองได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่สาเหตุที่ผลลัพธ์ออกมาแย่เสมอ ไม่ใช่เพราะร่างกายช้าเกินกว่าจะไล่ตามการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แต่เกิดจากสาเหตุที่ตัวมันเองก็อธิบายไม่ได้ คล้ายกับมีบางสิ่งคอยก่อกวนพฤติกรรมของตนตลอดเวลา
…หรือว่าแผนของเราจะแย่มาตั้งแต่แรก?
เคร้ง!
เฮสเตอร์กำลังต่อสู้แบบสามต่อหนึ่ง
ทุกครั้งที่การกระทำของมันสูญเปล่า จิตใจจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักเสมอ
ตอนนี้ก็เช่นกัน
หัตถ์เทวะหายไปจากการมองเห็นหนึ่งข้าง โดยที่อีกสองข้างโจมตีขนาบซ้ายขวา เฮสเตอร์ที่ตั้งหอกเพื่อปัดป้องการฟันจากสองทิศทางที่ตรงกันข้ามพร้อมกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับข้อมือใกล้ฉีกขาด
‘มาแล้ว… ของจริงกำลังมา’
มันสัมผัสได้ว่าอีกหนึ่งหัตถ์เทวะที่หายไปจะโจมตีขึ้นมาจากด้านล่าง หากยกเท้าขึ้นมาบัง มันเชื่อว่าตัวเองสามารถปัดป้องได้สมบูรณ์
แต่เฮสเตอร์กลับฉุกคิดได้ว่า การเอาแต่ตั้งรับไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น จึงตัดสินใจขยับร่างกายไปตามสัญชาตญาณดิบ
ปึด!
เฮสเตอร์ถ่ายพลังทั้งหมดไปที่แขนทั้งสองข้างเพื่อเหวี่ยงดาบสองเล่มขึ้นไปด้านบน พร้อมกันนั้น มันอาศัยแรงเหวี่ยงเพื่อดีดตัวตีลังกาหลังครึ่งรอบและใช้มือข้างหนึ่งยันพื้น ส่วนอีกข้างถือหอก เป็นตำแหน่งที่ได้เปรียบในการรับมือหัตถ์เทวะข้างที่เหลือ
ใช่แล้ว มโนภาพในใจของมันงดงามมาก
ทว่า นี่เป็นอีกครั้งที่ภาพวาดอันสวยหรูมิได้เกิดขึ้นจริง
ดาบจากหัตถ์เทวะอีกหนึ่งข้างฟันเข้าที่เอ็นร้อยหวายจนไม่เหลือแรงพอจะเกร็งหลังตีลังกา
***
“น่าทึ่งมาก”
กริดกล่าวโดยไม่หยุดทุบค้อน เพราะนี่คือกระบวนการสร้างไอเท็มอัตโนมัติ โดยที่สายตากำลังใช้เนตรบาร์บาทอสสอดส่องการดิ้นรนของเฮสเตอร์
“พละกำลังน้อยกว่าหัตถ์เทวะมาก แต่กลับรับมือได้ไม่เลวเลย… ถ้าหมอนั่นจะกระดูกข้อมือหักทุกครั้งที่รับดาบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก… ทำไมเขาถึงยื้อได้นานขนาดนี้?”
อันที่จริง คำว่า ‘รับมือไหว’ อาจไม่ถูกต้องสักเท่าไร เพราะเฮสเตอร์มักเผยสภาพน่าสมเพชให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แปลว่ามันไม่ได้รับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพนัก เช่นเมื่อครู่ เฮสเตอร์ที่ถูกฟันเอ็นร้อยหวายขาดมีอันต้องล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างตลกขบขัน
“เขาไม่ได้ออกแรงกระแทกเพื่อเข้าปะทะตรงๆ แต่เป็นการถ่ายเทแรงไปที่หัวไหล่และใช้พลังออร่าช่วยในการกระจายแรงปะทะ ด้วยเทคนิคนี้ แม้จะเป็นวิธีที่มีพลังทำลายต่ำ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพละกำลังเหนือกว่า ส่งผลให้ร่างกายรับภาระน้อยกว่า”
เมอร์เซเดสที่ยืนริมหน้าต่างเพื่อจับตามองเฮสเตอร์ เปิดปากอธิบายกริด
“แต่นั่นไม่ใช่การต่อสู้ที่ดีนัก อย่างที่ได้กล่าวไป การใช้ข้อมือน้อยลงหมายถึงวิถีของอาวุธจะถูกอ่านออกได้ง่ายและมีพลังทำลายต่ำ… แถมยังเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่คล่องตัว”
“เขาถูกบังคับให้ทำแบบนี้เพื่อรับมือกับหัตถ์เทวะโดยเฉพาะ?”
“ดิฉันคิดว่านี่เป็นรูปแบบการต่อสู้ของตัวเขาเอง ไม่ว่าจะสู้กับใครก็ตาม”
“แล้วทำไมถึงมีนิสัยแบบนี้?”
“ดิฉันได้ยินมาว่า เซอร์วินฟรีดใช้เทคนิคการกระตุ้นมานาเพื่อสร้างภาวะ ‘สลายปราณ’ หากประสบความสำเร็จในการสลายปราณ ปราณดังกล่าวจะถูกทำลายโดยสมบูรณ์ และถ้ากะจังหวะตอบโต้ด้วยทักษะบางชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ การฆ่าเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
สลายปราณเป็นแนวคิดที่สร้างขึ้นเพื่อทำลายทรัพยากรเช่นมานาและปราณดาบ
สรุปโดยสั้น มันคือวิชาที่สามารถยกเลิกทักษะของเป้าหมาย และหากกะจังหวะสวนกลับให้แม่นยำ นั่นจะกลายเป็นท่าพิฆาตที่ร้ายแรง
“บางที เซอร์วินฟรีดสร้างนิสัยเช่นนี้ขึ้นเพื่อให้ศิษย์ชำนาญวิชาสลายปราณ แต่ปัญหาก็คือ ยังไม่ทันที่ศิษย์จะบรรลุวิชา เซอร์วินฟรีดก็จากไปเสียก่อน”
“แบบนี้นี่เอง…”
โลกนี้มิวิชาที่คือ ‘สลายปราณ’ และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วิชานี้ต้องใช้คู่กับทักษะบางชนิดในจังหวะที่เหมาะเจาะ และเพื่อจะใช้วิชานี้ ร่างกายจำเป็นต้องเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติ ส่งผลให้เฮสเตอร์มีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างที่เห็น
‘ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ… ผู้สืบทอดแพ็กม่าต้องฝึก ‘จังหวะเท้า’ เพื่อใช้ท่ารำดาบ แต่เฮสเตอร์ทำได้แค่ฝึกจังหวะเท้าโดยยังไม่ได้เรียนการใช้ท่ารำดาบ? เขาฝึกจังหวะเท้าหนักจนกลายมาเป็นนิสัย?’
กล่าวกันว่า เฮสเตอร์อาศัยอยู่กับวินฟรีดนานนับสิบปี และตลอดสิบปีคงมีชุดภารกิจให้ทำต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่นการเหวี่ยงหอกในท่าที่กำหนดวันละพันครั้ง
นั่นคือชะตากรรมของผู้เล่นทุกคนที่มี ‘อาจารย์’ แตกต่างจากผู้เล่นทั่วไปที่เติบโตโดยการเก็บเลเวล ผู้เล่นที่มีอาจารย์จะยึดติดกับภารกิจเป็นหลัก
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะซึมซับนิสัยบางอย่างมาจากการฝึกหนัก
‘แต่ชะตากรรมของเฮสเตอร์ต้องพลิกผันเพราะวินฟรีดตายไปก่อนที่จะได้สอนสลายปราณ… เพื่อให้บรรลุวิชาดังกล่าว เฮสเตอร์ต้องทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ตอนนี้เขายังทำไม่ได้…’
ขณะกริดกำลังตีความ พลังชีวิตของเฮสเตอร์ลดลงจนเหลือหนึ่งหน่วย
เป็นเวลาเพียงสิบห้านาที
เฮสเตอร์ไม่พอใจเลยสักนิด แม้ว่าครั้งนี้จะนานกว่าคราวก่อนห้านาที
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
เพื่อให้เป็นผู้ ‘ชนะ’ ในการดวล เงื่อนไขของมีแค่ต้องทำให้หัตถ์เทวะ ‘ชะงัก’ สามข้างพร้อมกัน ทว่า มันยังมิอาจทำให้หัตถ์เทวะชะงักได้แม้แต่ข้างเดียว
นอกจากนั้น ในตอนแรกมันโอ้อวดเอาไว้ว่าสามารถรับมือหัตถ์เทวะสามสิบข้างได้สบายๆ การที่ต้องพ่ายแพ้กระทั่งสามต่อหนึ่งจึงนับว่าเสียศักดิ์ศรีพอสมควร
‘ไม่ง่ายหรอกนะ… ถ้าอยากทำให้หัตถ์เทวะชะงัก ต้องสร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่าเจ็ดหมื่นหน่วย’
แน่นอน หัตถ์เทวะไม่มีพลังป้องกัน แต่พวกมันก็มีอาวุธคอยปัดป้อง และเมื่อเห็นท่าไม่ดี พวกมันสามารถหยิบโล่ออกมาเป็นกำบัง นอกจากนั้น พวกมันยังมีความเร็วสูงถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง
“แต่ตัวศิษย์เองก็มีปัญหา”
การ ‘ถ้ามอง’ ของเมอร์เซเดส— ไม่สิ การจับตาดูยังคงดำเนินต่อไป
“ความคิดของเขาว่องไวกว่าร่างกายที่เชื่องช้า… เหมือนกับ… ผู้ใหญ่ในร่างเด็ก… เขาคงสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างการตัดสินใจและการลงมือทำ”
‘อา… ปัญหาอยู่ตรงนี้สินะ’
จากมุมมองของคนนอก การเคลื่อนไหวของเฮสเตอร์เต็มไปด้วยความตะกุกตะกัก มันดูตลกในบางครั้งเพราะเฮสเตอร์ทำท่าทางคล้ายกำลังเต้นรำขณะซวนเซ
‘เป็นพฤติกรรมที่เห็นได้บ่อยในจุดเก็บเลเวลระดับต่ำ’
คล้ายกับคนที่ยังไม่เคยชินกับ ‘ร่างใหม่’
ผู้เล่นที่ยังไม่ชินกับร่างในซาทิสฟายซึ่งแตกต่างจากตัวจริง มีแนวโน้มที่จะเกิดความรู้สึกตะขิดตะขวงจนเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเงอะๆ งะๆ โดยเฉพาะคนป่วยและคนแก่
แต่เฮสเตอร์ไม่ใช่ผู้เล่นใหม่
มันเป็นมือเก๋าที่ใช้เวลาอยู่ในซาทิสฟายนานกว่าสิบห้าปี
และเหตุผลที่คนแบบนี้เกิดอาการเช่นนี้—
“มีเหตุผลหนึ่งถึงสองข้อที่ทำให้นักรบแสดงอาการอย่างที่เห็น… เขาอาจไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับร่างกายที่อ่อนแอลงด้วยเหตุผลบางประการ?”
เมอร์เซเดสเผยรอยยิ้มจางๆ
“ดิฉันเองก็เคยเผชิญ… ในวันหนึ่ง จู่ๆ ดิฉันก็ได้รับประสาทสัมผัสในวัยสาวกลับคืนมา”
“…ประสาทสัมผัสของเฮสเตอร์คงเสื่อมถอยไปนานแล้วกระมัง”
แต่ถ้าวันหนึ่ง ประสาทสัมผัสในวัยรุ่นเกิดกลับคืนมากะทันหัน ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำอะไรติดขัดไปเสียทั้งหมด
กริดครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเปิด ‘การเฝ้ามองของเทพโอเวอร์เกียร์’
ทันใดนั้น ข้อมูลไอเท็มหลายร้อยชนิดได้ปรากฏขึ้นในการมองเห็น
เมื่อข้อมูลจำนวนมหาศาลพรั่งพรูเข้ามาในพริบตา สมองจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะวิงเวียน กริดกัดฟันอดทนและรีบกรองเฉพาะข้อมูลที่ตนต้องการ
“ชื่อ, เพิ่มค่าสถานะ, พละกำลัง, ความว่องไว”
ชิ้ง—!
ข้อมูลในการมองเห็นของกริดถูกรองออกจนเหลือเฉพาะที่ต้องการ
เหลือเพียงข้อมูลของไอเท็มที่มีคุณสมบัติเพิ่มค่าพละกำลังและความว่องไว
ทั้งหมดสามสิบห้าชิ้น
“อันนั้น… อันนั้น… แล้วก็อันนั้น”
ทั้งหมดเป็นไอเท็มที่สร้างโดยกริด หัตถ์เทวะ คนแคระเคย์ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์
หมายความว่า กริดถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ
“เฮสเตอร์”
“…?”
เฮสเตอร์ซึ่งกำลังวิเคราะห์ปัญหาขณะรอให้พลังชีวิตฟื้นคืน ถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงเรียก และเมื่อมองตามไปด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย มันพบกับกริดที่เดินมาพร้อมกับหัตถ์เทวะอีกห้าข้างใหม่
‘นายประเมินฉันสูงเกินไปแล้ว…’
ทั้งที่ยังไม่ชนะแบบสามต่อหนึ่ง แต่ก็ยังจะยืนกรานให้สู้แบบแปดต่อหนึ่ง?
‘เฮ้อ… ถ้าเรายังเหมือนกับตอนวัยรุ่น… คงรับคำท้านี้ด้วยความรู้สึกอยากเอาชนะ’
น่าเสียดายที่พรสวรรค์ในวัยรุ่นจบลงไปแล้วในฐานะตำนาน
ขณะเฮสเตอร์ซึ่งตีความในแบบของตัวเองกำลังลังเล
“นายเคยเล่น MMORPG มาก่อนไหม?”
“ก็ต้องเคยอยู่แล้วไหม… ฉันจะเป็นนักแข่งเกมได้ยังไงถ้าไม่ชอบเกม”
“แล้วทำไมถึงพัฒนาตัวละครได้ห่วยนัก? ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไรเลย? หรือนายเป็นพวกสมองทึบเหมือนกับฉัน?”
“…”
การจู่โจมทางวาจามาพร้อมกับคำถามสุดฉงน
หัตถ์เทวะที่เคยรายล้อมกริดค่อยๆ ลอยไปทางเฮสเตอร์ที่กำลังยืนอึ้ง แต่ละข้างถือยุทธภัณฑ์หนึ่งชิ้น
“ลองสวมพวกมันดูไหม?”
“…?”
“ไม่ได้ให้เพราะความรักหรอกนะ ฉันแค่ให้ยืมใส่… ทนเห็นความสมเพชของนายไม่ได้”
“…”
เฮสเตอร์เอื้อมมือออกไปรับไอเท็ม
พวกมันล้วนเป็นไอเท็มเกรดอีปิกและยูนีค แถมประสิทธิภาพก็ยังยอดเยี่ยม
รองเท้าและถุงมือที่เพิ่มค่าสถานะสองร้อยหน่วย… พวกมันเป็นแค่ยูนีค ไม่ใช่เลเจนดารี?
“สวมพวกมันและสู้ใหม่”
เฮสเตอร์สวมไอเท็มของกริดโดยไม่มัวมากพิธีและสัมผัสถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ในเวลานี้ คำถามมากมายผุดขึ้นในใจมัน แต่ก็ตัดสินใจทำตามที่กริดบอกก่อน
การดวลกับหัตถ์เทวะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หัตถ์เทวะทั้งสามข้างเคลื่อนไหวอย่างว่องไว แยกย้ายออกนอกการมองเห็นของศัตรูพร้อมกับจู่โจมจากทิศทางที่แตกต่าง
เป็นการผนึกกำลังโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูง
แต่มุมอับสายตาไม่เป็นปัญหาสำหรับเฮสเตอร์ หลังจากอ่านความเคลื่อนไหวจากเสียงสะท้อน มันสามารถระบุตำแหน่งปัจจุบันของหัตถ์เทวะอย่างแม่นยำและตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ
ประหนึ่งได้ย้อนวัยไปอยู่ในยุครุ่งเรือง สมัยที่เฮสเตอร์ฟังเสียงเท้าและสะบัดเมาส์ยิง ‘เฮดช็อต’ ศัตรูพร้อมกับนำทีมคว้าแชมป์โลกเกม FPS
เคร้ง!!
“…!”
ดวงตาเฮสเตอร์พลันเบิกกว้าง
ด้วยร่างกายขยับได้ดั่งใจนึก รอบๆ เฮสเตอร์รายล้อมด้วยหัตถ์เทวะทั้งสามที่แข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น พวกมันทั้งหมดถูกซัดอย่างแม่นยำด้วยพละกำลังที่เพียงพอ นี่คือวินาทีที่ความคลางแคลงอันยาวนานในใจมันถูกสลัดทิ้งโดยสมบูรณ์
เสียงของกริดดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท
“ถ้าเพิ่มอีกหนึ่งร้อยเลเวล นายจะได้กลับไปสู่ยุครุ่งเรืองอีกครั้ง… ฉันรู้ว่านายจำหมกมุ่นอยู่กับการภารกิจประจำคลาส แต่ว่า…”
“…”
หนึ่งร้อยเลเวล
หลังจากได้ยินถ้อยคำสุดเหลวไหลจากกริด เฮสเตอร์เดินเข้าไปหา
“ทำไมนายถึง… สร้างไอเท็มให้ฉัน?”
“…?”
“นายคิดว่าความใจดีครั้งนี้จะทำให้ฉันยอมเข้ากิลด์โอเวอร์เกียร์รึไง? ถ้านายคิดแบบนั้นล่ะก็… นับว่ามองการณ์ไกลใช้ได้เลย”
“…”
มันคาดไม่ถึงว่าสิ่งที่ตนหยิบยื่นให้ผู้อื่นจะเป็นขนมต๊อก มิใช่แค่ซุปกิมจิ
กริดฉีกยิ้มพร้อมกับเกิดความคาดหวัง
‘หากกองอัศวินสีชาดร่วมมือกับเฮสเตอร์… นั่นต้องเป็นเคมีที่ลงตัวแน่’
ไม่เลวเลย…
แน่นอน ต้องมีการตรวจสอบทัศนคติเบื้องต้นให้ชัดเจน
และก่อนหน้านั้น
“ถ้านายอยากกลับไปที่นรก… ชนะแปดต่อหนึ่งให้ได้”
“ต…ตกลง…”
“ไอเท็มพวกนั้นไม่ใช่ของขวัญ… ถ้าไม่คืนก็จ่ายเงินมา”
เมื่อได้ลิ้มรส จะให้ย้อนกลับก็คงเป็นไปไม่ได้
แน่นอน เฮสเตอร์ยินดีจ่ายโดยไม่เกี่ยง และนั่นเป็นราคาที่ลดให้มากแล้ว
Comments
Post a Comment