จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,471
< (ข่าวด่วน) ตำนานวงการอีสปอต เฮสเตอร์ ตัดสินใจเข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์? >
มีผู้คนพบเห็นเฮสเตอร์ที่กรุงไรน์ฮาร์ท เมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ แถมยังมีภาพวิดีโอที่เขากระโดดไปมาตามกำแพงพร้อมกับวัตถุบินที่ดูคล้ายกับ ‘หัตถ์เทวะ’ สัญลักษณ์อันโด่งดังของกริด เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันที่วิเคราะห์วิดีโอได้ให้ความเห็นว่า:
“ผมคิดว่าเฮสเตอร์ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดของกริด…” (Slander)
เขาอาจไม่ใช่ผู้สืบทอด แต่ความร่วมมือกันระหว่างตำนานวงการอีสปอร์ตซึ่งถูกยกย่องให้เป็นตำนานอันดับหนึ่งตลอดกาลของวงการเกม และกริด ชายผู้เขียนมหากาพย์เทวตำนานในซาทิสฟาย ย่อมมากพอจะทำให้หัวใจของทุกคนร้อนรุ่ม
ใครบางคนกังวลว่า พวกเราอาจคาดหวังเฮสเตอร์ไว้สูงเกินไป เพราะต้องไม่ลืมว่าเขาเคยเป็นเหยื่อของ ‘ปฏิบัติการล่าคลาสลับ’ ที่น่าสมเพช ยุครุ่งเรืองของเขาจบลงไปนานแล้ว…
…
…
<เหล่านักผจญภัยทั้งหลาย จงระวังเมืองเล็กๆ ให้ดี>
เขตแดนระหว่างเผ่ามนุษย์และนรกจะพังทลายลงตามที่วิหารยาธานกล่าวอ้างหรือไม่?
มีรายงานว่าพบผู้เล่นเสียชีวิตหลังจากแวะเมืองเล็กๆ และถูกจู่โจมโดยชาวเมือง
เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจักรวรรดิซาฮารัน
ชาวเมืองกลายร่างเป็นมอนสเตอร์เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน จากนั้นก็เริ่มจู่โจมนักท่องเที่ยว
ทุกคนควรระวังตัวให้มาก
(ข้าม)
เมืองที่ถูกเรียกว่า ‘เมืองผีสิง’ เหล่านี้กระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป มีรายงานผู้ประสบเหตุแล้วกว่าหนึ่งพันรายในช่วงสี่วันที่ผ่านมา
…
…
ขณะที่ทั่วโลกกำลังฮือฮากับข่าวลือใหม่ๆ เฮสเตอร์ยังคงดิ้นรนเพื่อที่จะเอาชนะหัตถ์เทวะ
ต้องขอบคุณไอเท็มที่ซื้อมาจากกริด ค่าสถานะที่บกพร่องของตนถูกชดเชยจนถึงระดับที่น่าพึงพอใจ
อย่างไรก็ตาม ค่าสถานะหลักของมันยังคงเน้นหนักไปในด้านสติปัญญา
เป็นการยากที่จะรับมือกับหัตถ์เทวะแปดข้างซึ่งล้วนแล้วแต่ถือศาสตราเทพและมโยลเนียร์ แถมยังหมดยังมีวิชาดาบและศรเวทติดตัว
เหนือสิ่งอื่นใด เฮสเตอร์แพ้ทางพวกมันในเชิงคุณสมบัติเป็นทุนเดิม
คลาสปราชญ์สีชาดมีทักษะ ‘ความชำนาญอาวุธทุกชนิด’ ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานอาวุธหลากหลายประเภท นอกจากนั้นยังมาพร้อมทักษะที่เป็นประโยชน์กับการต่อสู้ในระยะประชิดอีกจำนวนหนึ่ง ทว่า ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปราชญ์สีชาดยังคงเป็นเวทมนตร์ระยะไกลมากกว่าการต่อสู้ประชิด
แต่กระนั้นก็ยังไม่เชี่ยวชาญเทียบเท่ากับจอมเวท ยังขาดทักษะติดตัวที่คอยอำนวยความสะดวก
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ มันร่ายเวทได้ช้ามาก
หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของเฮสเตอร์อย่างเวทมนตร์ ได้ถูกปิดตายโดยสมบูรณ์เมื่ออยู่ต่อหน้าหัตถ์เทวะ ส่งผลให้รีดฝีมือออกมาได้ไม่เต็มที่
‘มีวิดีโอที่ถ่ายตอนเราวิ่งบนกำแพงด้วย?’
บางที มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรคงได้เริ่มขึ้นก่อนที่มันจะได้กลับเข้าทีมสำรวจนรก
เฮสเตอร์ที่ล็อกเอาต์ด้วยความกังวล ยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นชื่อของตัวเองกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกอินเทอร์เน็ต
ภายในวิดีโอเป็นฉากที่มันกำลังหนีตายจากการไล่ล่าอย่างเหี้ยมโหดของหัตถ์เทวะ
แต่โชคยังเข้าข้าง มุมมองของวิดีโอช่วยให้คนดูเข้าใจว่ามันกำลัง ‘นำทาง’ หัตถ์เทวะมากกว่าการถูกไล่ล่าเอาชีวิต
วิดีโอนี้ถูกถ่ายโดยบังเอิญจากผู้เล่นที่กำลังถ่ายภาพความงดงามของสวนดอกไม้ในไรน์ฮาร์ท (ข่าวลือระบุว่าเป็นสวนที่ราชินีไอรีนสั่งให้เพาะปลูก)
ด้วยเหตุนี้ ข่าวลือจึงแพร่ออกไปในทำนองที่ว่า ‘เฮสเตอร์กลายเป็นคนที่กริดเชื่อใจถึงขนาดมอบหัตถ์เทวะให้ใช้งาน’
แต่ในความเป็นจริง มันกำลังถูกไล่ทุบตีอย่างน่าสมเพช
“น่าอายชะมัด…”
เฮสเตอร์ส่ายหน้าพร้อมกับเดินไปที่ห้องฝึก
แมนชั่นของมันมีสิ่งอำนวยความสะดวกขนาดใหญ่อย่างสนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ และสนามเทนนิส
นอกจากนั้นยังมีห้องฝึกซ้อมขนาดใหญ่ในตัวตึก ลักษณะคล้ายสนามเด็กเล่น
“ฟู่ว…”
เฮสเตอร์ซ้อมกับหอกที่สร้างเลียนแบบหอกในเกม จากนั้นก็สูดลมหายใจเพื่อทำสมาธิ
‘ต้องแก้นิสัยแย่ๆ …’
สำหรับเฮสเตอร์ สองสามวันที่ผ่านมามีค่าดังทองคำ
หลังจากศึกษาวิดีโอที่มันอัดระหว่างสู้กับหัตถ์เทวะ มันได้ตระหนักว่าตนมีนิสัยแย่ๆ สองสามสิ่ง
ในตอนแรก เฮสเตอร์เองก็มองไม่ออกว่าสิ่งนี้เป็นนิสัยแย่ๆ นั่นเพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกถ่ายทอดมาจากอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ
มันคิดไม่ถึงว่าสิ่งนั้นจะกลายเป็นตัวฉุดรั้งพัฒนาการ
‘เรามั่นใจว่าอาจารย์ไม่ได้สอนผิด… แค่มันอยู่ในขอบเขตที่เรายังเอื้อมไม่ถึงในตอนนี้’
คงต้องผนึกเอาไว้จนกว่าจะมองเห็นเจตนาที่แท้จริงของอาจารย์
หอกถูกแทงใส่อากาศอย่างเกรี้ยวกราด
ตำนานจากยุคสมัยเก่าซึ่งได้รับปฏิกิริยาตอบสนองสมัยวัยรุ่นกลับคืนมา กำลังเผยให้เห็นความน่าเกรงขามของทุกท่วงท่าที่มันขยับ
***
‘เคยคิดว่าหมอนั่นจะถอดใจภายในสองสามวัน… เข้าใจแล้ว… หากปราศจากความมุมานะที่แรงกล้า คงก้าวไปยืนบนจุดสูงสุดของโลกไม่ได้’
วิถีชีวิตของยองวูคล้ายคลึงกับเฮสเตอร์โดยบังเอิญ
เช่นการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมาดของ ‘หนุ่มใหญ่ชุ่มเหงื่อ’ (มักใช้กับหนุ่มใหญ่ที่หน้าตาดี) นอกจากนั้นยังล็อกเอาต์และจบวันในซาทิสฟายพร้อมกัน
แม้จะไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็อดขบขันไม่ได้ในตอนที่รู้ตัว
เฮสเตอร์เลือกจะขยับตารางเวลาของตัวเองให้สอดคล้องกับยองวูเพื่อที่จะได้มีเวลาฝึกกับหัตถ์เทวะนานขึ้นจากเดิม ไม่ได้ตั้งใจจะลอกเลียนแบบแต่อย่างใด
และแน่นอน ยองวูชื่นชอบคนที่ทำงานหนัก
และแน่นอน สายสัมพันธ์จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเมื่อได้ใช้ช่วงเวลาที่ยากลำบากร่วมกัน
ทันใดนั้น เรียงริงโทนของ ‘สมาร์ตวอช’ (Smart Watch) ตรงข้อมือดังขึ้น
เป็นเพลงใหม่ล่าสุดของลาเอลล่าที่ขึ้นชาร์ตบิลล์บอร์ดมาแล้วสามสัปดาห์ติดๆ
เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นเธอยังมุ่งกับการออกอัลบัมเพลง เรื่องราวของลาเอลล่านั้นฟังดูเหมือนกับหลุดมาจากนิยายขายดีทำนองว่า ‘นอกจากจะเป็นหนึ่งในผู้เล่นคลาสจอมเวทที่เก่งที่สุดในซาทิสฟาย เธอยังเป็นไอดอลระดับโลกบนโลกแห่งความจริง’
~หรือนี่จะเป็นพลังแห่งไอเท็มกันน๊า~
ลาเอลล่าไม่ใช่คนอารมณ์ศิลปิน เธอมักจัดคอนเสิร์ตทุกครั้งที่มีโอกาส หรือไม่ก็ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์
ยองวูเริ่มเข้าใจว่าทำไมลาเอลล่าถึงประสบความสำเร็จทั้งในฐานะไอดอลระดับโลกและไฮแรงเกอร์ตั้งแต่อายุยังน้อย
“วันนี้เธอทำได้ดีมาก”
ยองวูรับสายและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ยูร่าที่กำลังถูกฉายเป็นภาพโฮโลแกรมเองก็กำลังยิ้มแย้มเช่นกัน
“ยังไม่เสียใครเพิ่มใช่ไหม?”
> ใช่… ทุกคนยื้อเอาไว้ได้ดีมาก
ผ่านมาแล้วแปดวันนับตั้งแต่เฮสเตอร์ถูกฆ่า แต่คณะสำรวจนรกยังคงตั้งรับไว้ได้โดยไม่มีใครถูกฆ่าเพิ่ม
ระหว่างนั้น ดาบผ่ามิติของครอเกลฟันใส่นรกไปทั้งหมดห้าครั้ง
“มีโอกาสที่นรกจะถูกทำลายก่อนสงครามจะเริ่มขึ้นไหม?”
> แม้จะถูกฟันด้วยดาบผ่ามิติ แต่ภูมิประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปแค่เล็กน้อย
“…”
น้ำเสียงเรียบเฉยของยูร่าที่ทำราวกับดาบผ่ามิติไม่ได้สร้างผลกระทบใดต่อนรกเลย ทำให้ยองวูค่อนข้างประหลาดใจ
มันเข้าใจว่าสามัญสำนึกของยูร่าคงผิดเพี้ยนไปจากคนปรกติ
แต่มันไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยว่า การสร้างไอเท็มได้วันละหลายร้อยชิ้นด้วยตัวคนเดียว (?) คือเรื่องที่ผิดสามัญสำนึกเหนือสิ่งใดทั้งหมด
> จิสึกะเองก็ทำได้ดี ทุกครั้งที่กลุ่มของลัคเริ่มห่อเหี่ยว เธอจะยั่วยุพวกเขาให้ฮึกเหิมอีกครั้ง
“อา…”
สามขุนพลของอาเรส
ลอเอลกล่าวว่า ดูเหมือนจิสึกะจะคาดหวังกับพวกเขาไว้มากเป็นพิเศษ
“นิสัยเข้ากันได้ดีทีเดียว”
> ใช่… คงเพราะเคยเป็นคู่ปรับกันใน LTS มาก่อน ภายนอกอาจดูเหมือนเป็นศัตรู แต่ถ้าจับตาดูให้ดีจะพบว่าเหมือนครูฝึกกับโลมา เคมีเข้ากันได้ดีจนน่าตกใจ
“โลมาอะไร? เจ้าพวกนั้นเป็นลิงต่างหาก”
ยองวูออกอาการหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว
และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าริมฝีปากของตัวเองกำลังยื่นออกมาจนผิดธรรมชาติ
ยูร่าหัวเราะเมื่อได้เห็นมุมน่ารักๆ ของชายหนุ่ม จากนั้นก็เริ่มเล่าประสบการณ์ประจำวัน
ราวกับเธอไม่ต้องการให้บทสนทนาจบลงเร็วนัก
ยองวูเองก็เล่าเรื่องของตน
สิ่งเหล่านี้เป็นกิจวัตรของคนทั้งสองมาได้สักพักใหญ่แล้ว
และในหนึ่งวันของทั้งคู่จะจบลงพร้อมกัน
***
หลังจากเผชิญความล้มเหลวที่สุสานไร้ผู้สืบทอด แอ็กนัสปะทะกับ ‘กองทัพชาวเขาของเกรเนีย’ และได้ลิ้มรสอีกหนึ่งกำแพงใหญ่
มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเปลี่ยนแผน
แอ็กนัสตัดสินใจเดินทางไปในทวีปตะวันออกซึ่งตนเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากกว่าเนื่องจากไม่มีกิลด์โอเวอร์เกียร์คอยเป็นเสี้ยนหนาม
มันบุกทำลายหมู่บ้าน เมือง และสังหารหมู่ชาวเมืองเพื่อฟื้นฟูพลัง
มันพยายามหลีกเลี่ยงอาณาจักรที่คุ้มครองโดยเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศ
เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นดินแดนที่ยังคงปกครองโดยอาณาจักรฮวาน
และโชคค่อนข้างเข้าข้าง ทุกสิ่งผ่านไปอย่างราบรื่นโดยไม่มียังบันโผล่มาแม้แต่ตนเดียว
ดูเหมือนว่าความน่าเกรงขามของทวีปตะวันออกจะแตกต่างจากในอดีตพอสมควร
‘พวกมันถูกย่ำยีโดยกริดและครอเกล’
แอ็กนัสสัมผัสถึงกลิ่นอายของสองบุคคลที่ทิ้งห่างมันไป ภายในใจนึกทบทวนอดีตของตัวเอง
วันเวลาที่สูญหายไปอย่างเปล่าประโยชน์เพราะความบ้า มิอาจทวงคืนกลับมาได้อีก
มันเริ่มตระหนัก
ในระยะหลัง เหตุใดตนถึงประสบความล้มเหลวบ่อยครั้งนัก?
คำตอบไม่ซับซ้อน นั่นเพราะมันอ่อนแอและไร้พลัง
“…นาย โดยฟัน?”
บาเอลเรียกแอ็กนัสเข้าพบ
เป็นการเรียกพบขณะที่แอ็กนัสต้องการจะพัฒนาตัวเองพอดี ส่งผลให้มันไม่คัดค้าน
หากเป็นแอ็กนัสในอดีต มันคงไม่ตอบสนองใดๆ แต่นั่นเป็นเรื่องราวก่อนที่มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะถูกวางแผน
ในตอนนี้ มันอยากรับภารกิจเพื่อสังหารหมู่มนุษย์เฉกเช่นที่เคยทำในอดีต
มันต้องการ ‘ชดเชย’ ช่วงเวลาที่เคยผลาญไปอย่างเปล่าประโยชน์
ดังนั้น มันรีบเข้าบาเอลโดยไม่รีรอ
แต่สถานการณ์ค่อนข้างผิดไปจากที่คิด
บาเอลมิได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ บริเวณนิ้วนางที่ถือแก้วไวน์ของมันมีรอยแผล
และไม่ใช่แผลเป็น แต่เป็นแผลสดที่ยังมีร่องรอยจางๆ ของเลือด
ทว่า สีหน้าของบาเอลค่อนไปทางยินดี
มันอธิบายกับแอ็กนัสที่จ้องตนด้วยสายตาฉงน
“ข้าบังเอิญถูกฟันเข้าตอนที่อริยดาบใช้ดาบผ่ามิติในนรก… ไม่เคยได้รับบาดแผลที่ลึกขนาดนี้มาก่อน… เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ชวนให้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก”
ในวันนี้ แอ็กนัสรู้สึกว่าซี่ฟันที่คมเหมือนดาบของบาเอลดูเตะตาผิดปรกติ
เมื่อก่อนบาเอลไม่เคยยิ้มอย่างมีความสุขแบบนี้
สำหรับแอ็กนัส มันรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีของบาเอลที่ทำราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่
“ลืมอะไรไปรึเปล่า… นายเคยถูกกริดฆ่าบนโลกมนุษย์มาก่อน”
เซพาเดียรีบแหกปากหลังจากได้ยินถ้อยคำจิกกัดของแอ็กนัส
> ผู้ที่เคยผสานร่างกับเจ้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่! อ๊บ! ทำไมถึงพูดจาเสียมารยาทเช่นนั้นกับฝ่าบาท?!
“หยุดพล่ามสักที… บาเอล นายเรียกฉันมาทำไม”
> อ…ไอ้เด็กเปรต!
“พอได้แล้ว เซพาเดีย”
คล้ายกับมันรำคาญ บาเอลโบกมือให้กับเซพาเดียที่กำลังลนลาน
จากนั้นก็ยืดคอพุ่งตรงมาหาแอ็กนัส
ลำคอหนาๆ ที่มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดโปน
ฉากตรงหน้าดูราวกับเป็นงูตัวใหญ่ที่ถูกปลุกให้ตื่นจากการจำศีล
มันทั้งน่าขนลุกและน่าขยะแขยงจนแม้แต่แอ็กนัสยังเผลอก้าวถอยหลัง
แต่เพียงไม่นาน ภาพอันน่าขนลุกก็หายไป เพราะใบหน้าบาเอลได้จ่ออยู่ที่ปลายจมูกแอ็กนัสแล้ว
ลำคอของมันกำลังยืดมาไกลถึงเจ็ดเมตร
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมต้องมีนรก? อา… คงไม่รู้กระมัง เรื่องนี้ไม่สำคัญจนไม่มีใครใส่ใจจะหาความจริง”
ดวงตาสีแดงเลือดของมันพลันกลับหัวกลับหาง ดูคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยวที่กำลังคว่ำ
ดวงตาอันพร่ามัวสั่นไหวราวกับคลื่น ประหนึ่งจุดสีดำที่ถูกวาดอย่างหยาบๆ บนภาพที่เปื้อนเลือด
รูม่านตามิดได้จดจ่ออยู่กับสิ่งใด
และมิได้กำลังสะท้อนสิ่งใด
ไม่มีใครทราบว่ามันกำลังมองไปยังที่ใด แม้ว่าจะกำลังหันหน้าเข้าหาแอ็กนัสก็ตาม
“ไปหามาร์บาส”
คอยาวๆ ของบาเอลยืดออกและเลื้อยรัดพันร่างกายส่วนบนของแอ็กนัส
ความเย็นที่ทำให้กระดูกจับตัวเป็นน้ำแข็ง และความร้อนที่ทำให้เลือดระเหยกลายเป็นไอ พวกมันสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้แอ็กนัส
ท่ามกลางสติที่ใกล้จะหลุดลอย ลิ้นของบาเอลสัมผัสกับใบหูแอ็กนัส
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้านั่นเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของบิดาข้า… มันเฝ้ารอโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดเจ้า… ข้าเชื่อว่ามาร์บาสจะบอกความจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้และเลือกที่จะอยู่ข้างเจ้า… จงหลอกลวง บดขยี้ เอารัดเอาเปรียบ และช่วงชิงสิ่งมีค่ามาจากผู้อื่น… จงทำลายโลกอันไม่สลักสำคัญที่ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วไปพร้อมกับศัตรูของเจ้า”
ภารกิจบทใหม่แสดงขึ้นตรงหน้าแอ็กนัส
บาเอลเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขณะตวัดลิ้นสีดำเข้ม
“จงอาละวาดและสร้างความพึงพอใจให้ข้า”
***
ขั้วอำนาจที่ถูกสั่นคลอนมากที่สุดเมื่อกริดกลายเป็นเทพ ย่อมต้องเป็นวิหารยาธานอย่างไร้ข้อกังขา
วิหารยาธานอยู่ฝ่ายเดียวกับจอมอสูร ในมุมมองของพวกมัน กริดจึงเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่
เป็นราวกับ ‘ลาสต์บอส’ ของอีกฝั่ง
ยิ่งกริดเติบโต ความตึงเครียดภายในวิหารยาธานก็ยิ่งเพิ่มสูง
ผู้คนจำนวนมากกำลังสั่นกลัว เพราะนี่คือปัญหาร้ายแรงโดยแท้จริง
ทว่า เหล่าข้ารับใช้ที่เปรียบเสมือนเสาหลักของศาสนา ต่างยังคงสุขุมเยือกเย็น
“ยังต้องกลัวอะไรอีก? ในเมื่อผู้ปกครองแห่งขุมนรกล้วนแล้วแต่อยู่ฝ่ายเรา?”
สงครามมิได้ถูกกำหนดผลลัพธ์ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง
จริงอยู่ กริดอาจเป็นบุคคลพิเศษที่สามารถจำกัดอสูรได้นับพันนับหมื่นสามลำพัง และกองทัพของกริดก็สามารถรับมือกับอสูรได้นับแสน
ทว่า มหาสงครามครั้งนี้ไม่ใช่การปะทะกันด้วยจำนวนเพียงหลักแสน
มันคือศึกใหญ่ที่มีสังเวียนเป็นทวีปตะวันออก และมีชีวิตเป็นเดิมพันอย่างน้อย ‘หนึ่งล้าน’
สาวกยาธานเพิ่มจำนวนขึ้นมาในระยะหลัง และมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดกว่าฝ่ายมนุษย์
เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีเหล่าจอมอสูรที่สามารถถล่มหนึ่งอาณาจักรได้ตามลำพัง และพวกมันยังจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้กองทัพสัตว์อสูรโลดแล่น
เหล่าจอมอสูรซึ่งในอดีตเคยต่อสู้ตามลำพังมาตลอด ยามนี้จะกรีฑากองทัพจำนวนมหาศาลเพื่อแสดงให้เห็นว่าทำไมพวกมันถึงถูกขนานนามให้เป็น ‘ราชา’
“นอกจากนั้น พวกเรายังมีไคเมร่า”
ลูกผสมระหว่างมนุษย์และอสูร
การทดลองผสมสองสายพันธุ์ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น
สองสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สัตว์อสูรและมนุษย์ ผสมผสานกันและกลายเป็น ‘ครึ่งอสูร’ ที่ทรงพลัง
แม้จะผิดคาดไปสักเล็กน้อยที่มันมิได้เกิดมาพร้อมพลังเวทมหาศาลเหมือนกับอสูร แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าอัศวินทั่วไปหลายเท่า
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกมันสามารถนำมนุษย์ธรรมดามาใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างสัตว์อสูรชั้นสูง
ข้อได้เปรียบที่สุดก็คือ ครึ่งอสูรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ง่ายต่อการผลิตในจำนวนมาก
ปัจจุบัน ครึ่งอสูรกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จากการฆ่าและกินนักท่องเที่ยวทั่วทั้งทวีป
พวกมันคือตัวการเบื้องหลังการหายไปของนักท่องเที่ยวในหมู่บ้านผีสิง
“เราอาจเผชิญความพ่ายแพ้มาตลอด แต่ในศึกตัดสินครั้งสุดท้าย ผู้ชนะตัวจริงคือพวกเรา”
เหล่าสาวกยาธานต่างโห่ร้องยินดีหลังจากได้ยินคำมั่นจากข้ารับใช้ยาธาน
ความหวาดกลัวที่เคยมีต่อกริดค่อยๆ บรรเทาลงจนแทบไม่หลงเหลือ
Comments
Post a Comment