จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,463



เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญหญิงสามารถขยายได้ไกลถึงเก้าร้อยเมตร


หากเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ใหม่ถูกสร้างขึ้นก่อนที่ของเก่าจะหมดลง (สามชั่วโมง) รัศมีของเขตแดนจะเพิ่มขึ้น และอายุขัยก็จะถูกนับใหม่


ทว่า ระยะหน่วงหลังใช้ของทักษะเขตแดนศักดิ์สิทธิ์คือสองชั่วโมงครึ่ง


ด้วยเลเวลของทักษะในปัจจุบัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างเขตแดนใหม่ให้เสร็จก่อนที่เขตแดนเก่าจะหมดอายุขัย


อย่างไรก็ตาม การมีอยู่ของ ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเหนือมนุษย์’ ได้สร้างเงื่อนไขใหม่


‘เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว’


แม้การโจมตีของสัตว์อสูรจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แต่รูบี้ก็มิได้หวาดหวั่น


ด้วยความช่วยเหลือจากพวกพ้องที่ตามมาสมทบอย่างต่อเนื่อง รูบี้สามารถขยายเวลาของเขตแดนโดยการสร้างทับได้เรื่อยๆ


และผลลัพธ์ก็คือ:


“โอ้ส!!”


นับจากปากทางเข้าประตูรั้วของปราสาทผลึกดำ อาณาบริเวณในรัศมีสี่ร้อยเมตรโดยล้อมถูกปกคลุมด้วยเขตแดนศักดิ์สิทธิ์จนสว่างไสว


ฐานที่มั่นอันแข็งแกร่งได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว


***


“สุดยอด… น่าทึ่งมาก”


ใช่แล้ว มันน่าทึ่งมาก


เสียงอุทานของชาวโอเวอร์เกียร์ยังคงดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย


ประการแรก พวกมันทึ่งกับเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของรูบี้


ประการที่สอง พวกมันทึ่งกับพลังของยูร่า


พลังทำลายและการอ่านเกมของยูร่านั้นยอดเยี่ยมจนน่ายกย่อง เธอสามารถมองเห็นผู้นำกลุ่มอสูรจากบรรดาศัตรูหลายสิบหลายร้อยตัวที่โผล่ออกมา และลอบสังหารมันในนัดเดียว


เมื่อขาดแม่ทัพที่คอยป้อนคำสั่ง ชาวโอเวอร์เกียร์ก็เก็บกวาดลูกน้องที่เหลืออย่างง่ายดาย


ถึงจุดนี้ พวกมันไม่ได้แค่ลงมาสำรวจนรกอีกต่อไป


คิดไปถึงการกว้างล้างได้เลย


‘ฝีมือที่แท้จริงของกิลด์โอเวอร์เกียร์… สูงเกินกว่าที่ได้ยินมามาก’


‘ไม่มีใครไม่ใช่อัจฉริยะ…’


แต่ในความเป็นจริง มีอยู่หนึ่งเรื่องที่แม้แต่คนธรรมดาตาดีๆ ก็ไม่ทันสังเกตเห็น


เรื่องที่ว่า สาเหตุที่ยูร่าสามารถแสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครอเกลและจิสึกะ


อสูรและสัตว์อสูรประเภทบินที่บุกมาทางอากาศห่างออกไปหลายร้อยเมตร พวกมันอาศัยเมฆดำบนท้องฟ้าเป็นกำบังและลอบโจมตีทีมสำรวจ


แน่นอน ไม่มีใครมองเห็นหรือตรวจพบพวกมัน


เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่ต้องกลายเป็นหมันเมื่ออยู่ต่อหน้าครอเกลและจิสึกะ


พวกมันถูกปราณดาบและฝนธนูเก็บกวาด สลายกลายเป็นเถ้าถ่านก่อนจะเข้าสู่ระยะโจมตีของตัวเอง


แม้จะเทียบไม่ได้เลยกับ ‘เนตรอริยศร’ ซึ่งเปรียบดัง ‘ดาวเทียม’ แต่เนตรบาร์บาทอสที่สามารถมองเห็นได้ไกลถึงสิบกิโลเมตร ถือเป็นหนึ่งในทักษะด้านค้นหาที่ดีที่สุด


เมื่อผสานเข้ากับทักษะที่ส่งผลต่อทุกเป้าหมายในการมองเห็น มอนสเตอร์ประเภทบินก็กลายเป็นตัวไร้ประโยชน์


ณ ปราสาทผลึกดำ


ทีมสำรวจได้พักหายใจหายคอเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ส่วนบรรดาขุนพลโอเวอร์เกียร์กำลังรวมตัวที่ห้องประชุมใหญ่


“บาร์บาทอสกำลังทำอะไรอยู่ฟะ! ส่งมาอีกอันเซ่!”


แวนเนอร์ที่ได้ฟังภารกิจของครอเกลทีหลังเพื่อน แหงนหน้าตะโกนใส่ท้องฟ้า


แน่นอน การยั่วยุจอมอสูรหลักเดียวนับเป็นพฤติกรรมที่โง่เขลา


ป็อนปิดปากแวนเนอร์ขี้อิจฉาและหันไปถามยูร่า


“ตั้งค่าตำแหน่งคืนชีพในนรกไม่ได้หรือ?”


มรดกของดันทาเลี่ยน


ปราสาทที่งดงามและแข็งแกร่งหลังนี้ เหมาะแก่การสร้างฐานทัพเป็นอย่างยิ่ง


มันพยายามตั้งค่าให้เป็นจุดคืนชีพ แต่น่าเสียดายที่ระบบแจ้งว่าเป็นไปไม่ได้


ไม่สิ ระบบตั้งค่าจุดคืนชีพถูกปิดใช้งาน


“ใช่… นั่นเป็นสิทธิพิเศษของนักล่าอสูร”


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่มีใครสามารถใช้ระบบคืนชีพในนรกได้เหมือนกับนักล่าอสูร


หนึ่งในวิธีเอาตัวรอดด้วยการใช้ ‘คาถาพากลับ’ ถูกปิดผนึก


“อา… ถึงจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็เกร็งๆ”


เขตแดนศักดิ์สิทธิ์จะช่วยบรรเทาผลข้างเคียงในนรกลงครึ่งหนึ่ง


แต่ถึงอย่างนั้น ค่าสถานะโดยรวมของทุกคนก็ยังลดมากถึง 15% แถมด้วยดีบัฟอีกเพียบ


ต้องไม่ลืมว่า ที่นี่ยังเป็นแค่นรกหลักยี่สิบ


หมายความว่า ในวินาทีที่มันพวกมันออกจากเขตแดนและเริ่มการทำสำรวจ—


—นรกที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น


ยูร่าพยายามสร้างขวัญกำลังใจให้พวกพ้อง


“ต้องไม่เป็นอะไรแน่ ที่นี่เต็มไปด้วยคนเก่งๆ”


ภารกิจสำรวจนรก ไม่ใช่การปักหลักเก็บเลเวลภายในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์


เป้าหมายสูงสุดคือการสัมผัสนรกของจริง เพื่อประเมินฝีมือของอสูรและสัตว์อสูร


จริงอยู่ มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรอาจเกิดขึ้นบนโลกกึ่งกลาง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่พวกมันจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมด้านบนให้เหมือนกับนรก


อสูรคงไม่โง่พอจะทำสงครามโดยไม่มีการเตรียมตัว


แต่ในทางกลับกัน ฝั่งมนุษย์ไม่มีไพ่ตายให้เตรียมความพร้อมมากนัก


อย่างมากก็มี ‘สยบขุมนรก’ ของยูร่า เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของรูบี้ และเสียงการขับขานของนักบวชแห่งเทพทั้งสามตน


ปัจจุบัน วิธีต่อกรกับผลข้างเคียงจากนรกมีแค่สามข้อนี้


และทั้งสามวิธียังมีรัศมีไม่กว้าง แถมยังต้องคอยเปิดค้างไว้อย่างต่อเนื่อง


หนึ่งในคำถามที่ชาวโอเวอร์เกียร์กังขาก็คือ ทั้งสามเทพจะยอมให้ความร่วมมือหรือไม่


นับตั้งแต่โบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ถือกำเนิด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกมันและสามเทพก็ขาดสะบั้น


แน่นอน เป็นถึงเทพแห่งแอสการ์ด พวกมันคงไม่มัวนั่งอมนิ้วและเฝ้ามองอสูรทำลายโลกมนุษย์แน่


ทว่า


“คนอื่นๆ กำลังรออยู่ พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”


ดังคำกล่าวของยูร่า ทุกคนมาที่นี่เพื่อสำรวจ


ในบรรดาทีมสำรวจประกอบไปด้วยบุคคลที่มีคุณสมบัติจะเป็นราชา เฉกเช่นคริสและจิสึกะ คนเหล่านั้นเป็นหัวหน้ากิลด์ที่มาพร้อมพรรคพวกจำนวนหนึ่ง


ปัจจุบัน ผู้นำสูงสุดของทีมสำรวจคือยูร่า


หากสังเวียนเป็นนรก ไม่มีใครแข็งแกร่งไปกว่าเธออีกแล้ว จึงต้องรับหน้าที่นำทางผู้คน


‘คราวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว’


แต่ไหนแต่ไร ยูร่ามักฉายเดี่ยว


การต้องคอยนำพาผู้คนคือสิ่งที่เธอไม่คุ้นชิน แต่ก็ต้องข่มใจเอาชนะให้ได้


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอจะได้รับตำแหน่งสำคัญในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร การเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ จึงไม่ใช่เรื่องเสียหาย


ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาชนะความหยิ่งทระนงซึ่งต้องการยืนด้วยลำแข้งตัวเอง และขัดเกลาความสามารถใหม่ๆ ในด้านที่ตนยังบกพร่อง


กริดเคยผ่านสิ่งนี้มาแล้ว


***


เดิมที จักรกลเวทมนตร์เป็นอาวุธสำหรับต่อต้านความชั่วร้าย


คนยักษ์โบราณเคยใช้สิ่งนี้เพื่อรับมือกับจอมอสูร


เผ่าพันธุ์คนยักษ์ที่ยังเหลือรอด ตัดสินใจเข้าร่วมกับหอคอยและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นอาวุธต่อต้านมังกร


ทว่า


แก่นสารสำคัญของจักรกลเวทมนตร์ยังมิได้แปรเปลี่ยน


ไม่ว่าจะเป็นโลหะผสมที่สามารถต้านทานเวทมนตร์ พลังทำลายล้างระดับหลายสิบตัน ระบบช่วยคำนวณที่สมองของมนุษย์เอื้อมไม่ถึง และบาเรียป้องกันจิตใจที่ช่วยปกป้องนักขับ


ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณสมบัติพื้นฐานของจักรกลเวทมนตร์ยังคงเป็นของแสลงสำหรับจอมอสูร


‘ระบุให้ชัดก็คือ มันเป็นภัยคุกคามต่อทุกสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่แค่จอมอสูร’


ต่อให้มองข้ามพลังในการรับมือกับจอมอสูร ผู้เล่นยังพูดได้เต็มปากว่า จักรกลเวทมนตร์คืออาวุธสงครามสุดแสนขี้โกงในระดับทำลายสมดุลของเกม เพราะแม้จะมีน้ำหนักหลายสิบตัน แต่กลับสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวยิ่งกว่ามนุษย์


เพียงแต่ว่า ลำพังนิยาม ‘น้ำหนักหลายสิบตัน’ ก็มากพอที่จะทำให้กริดไม่สามารถผลิตขึ้นมาใช้เอง


สำหรับ ‘สูตรการผลิตจักรกลเวทมนตร์’ ที่กริดเคยเรียน ตามชื่อของมัน สิ่งนี้มีไว้สำหรับผลิตจักรกลเวทมนตร์ขนาดย่อส่วน


เล็กกว่าและเบากว่ามาก น้ำหนักรวมเพียง 2.5 ตันเท่านั้น


‘ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องมีสูตรการผลิตของไรเดอร์ส’


ต้องไม่ลืมว่า ‘เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด’ คือทักษะเกรดมิธ เพราะคำนิยามที่กล่าวว่า ‘สามารถสร้างอะไรก็ได้’ คงไม่มีคำอธิบายอื่นนอกจากพลังในการสรรค์สร้างของเทพ


ถูกต้อง ‘อะไรก็ได้’ ที่ว่า ย่อมรวมถึง ‘กลไกถาวร’


แม้กริดจะไม่เคยศึกษาวิศวกรรมเวทมนตร์ในเชิงลึก แต่การครอบครองเทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์ย่อมหมายความว่า มันสามารถได้รับ ‘สูตรการผลิต’ ของไอเท็มทุกชนิดบนโลก


แนวคิดเกี่ยวกับจักรกลเวทมนตร์ขนาดย่อส่วนของลาร์ดวูล์ฟ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากข่าวลือของพาเฟรเนี่ยม


โครงสร้างที่ผลิตจากพาเฟรเนี่ยม จำนวนของมันมีจำกัด


นอกจากนั้น กลไกในสูตรของลาร์ดวูล์ฟยังเป็นแบบ ‘ไม่ซับซ้อน’


ลาร์ดวูล์ฟเคยมั่นใจว่า กริดไม่สามารถผลิตขายเป็นจำนวนมากได้ (แต่เปลี่ยนความคิดหลังจากทราบว่าพาเฟรเนี่ยมพัฒนาไปเป็นละโมบ)


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มิได้ใส่ใจสูตรผลิต ‘หยาบๆ’ ที่มอบให้กริดสักเท่าไร เพราะลาร์ดวูล์ฟมองว่ายังไงก็เป็นเรื่องยากที่กริดจะผลิตขายเป็นจำนวนมาก


‘เราจะสร้างกองทัพไรเดอร์ส ไม่ใช่จักรกลเวทมนตร์ขนาดเล็ก’


หนึ่งในวิธีเพื่อให้ได้มาก็คือ ร้องขอสูตรการผลิตจากลาร์ดวูล์ฟโดยตรง


แต่วิธีนี้จะเสียเวลามาก เพราะลาร์ดวูล์ฟไม่มีทางยกให้ฟรีๆ แน่นอน กริดต้องคอยทำภารกิจตามที่อีกฝ่ายต้องการจนกว่าจะพึงพอใจ


และถึงลาร์ดวูล์ฟจะยอมยกให้ในที่สุด แต่กริดก็เชื่อว่า อีกฝ่ายไม่มีทางรู้จักละโมบดีกว่าตน


กริดเชื่อว่าตนเป็นเพียงคนเดียวในโลกที่ตระหนักถึงศักยภาพของละโมบอย่างทะลุปรุโปร่ง และใช้มันผลิตไอเท็มได้เกิดประโยชน์สูงสุด


กล่าวอีกนัยหนึ่ง กริดมั่นใจว่า ‘กลไก’ ที่ลาร์ดวูล์ฟดัดแปลงสำหรับละโมบ ไม่มีทางดีกว่ากลไกที่กริดออกแบบเอง


‘ระหว่างที่แยกส่วนเพื่อให้ได้สูตรการผลิตไรเดอร์ส เราจะทำความเข้าใจกลไกอย่างทะลุปรุโปร่งจนถึงขั้นออกแบบได้เอง’


กริดยอมเสี่ยงลงทุนครั้งใหญ่


ลำพังสูตรการผลิตไรเดอร์สยังไม่เพียงพอสำหรับชายหนุ่ม


มันคิดจะวิเคราะห์จักรกลเวทมนตร์อย่างละเอียด และหาวิธีสร้างจักรกลเวทมนตร์โฉมใหม่จากสูตรการผลิตที่ได้รับ


มิได้สร้างจากโลหะเฉพาะตามสูตรของลาร์ดวูล์ฟ แต่สร้างจากโลหะผสมที่หาได้ทั่วไป และนักบินธรรมดาสามารถขึ้นขับได้


กล่าวอีกนัยหนึ่ง เป้าหมายแรกคือการผลิตไรเดอร์สรุ่นที่ซีบาลขับออกมาเป็นจำนวนมาก


และเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างจักรเวทมนตร์ที่ติดกลไกถาวร โดยผลิตจากละโมบ 100% ในส่วนแกนหลักสำคัญ


แนวคิดนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย


จักรกลเวทมนตร์ที่ผลิตด้วยละโมบจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าก็จริง แต่ปัญหาคือต้องสิ้นเปลืองละโมบเป็นจำนวนมาก


จะหาละโมบจากไหนมาผลิตจักรกลเวทมนตร์หลายๆ ตัว?


ในทางกลับกัน ไรเดอร์อาจมีความคงทนและพลังทำลายต่ำกว่า แต่ก็สามารถชดเชยจุดอ่อนได้ด้วยนักขับที่มีความชำนาญสูง แถมยังผลิตเป็นจำนวนมากได้ง่าย


เรือรบอวกาศโอเวอร์เกียร์…


ในสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่คุ้มทุนเลยสักนิดหากจะนำละโมบจำนวนมหาศาลไปสร้างเรือบินไร้สาระ


แผนดังกล่าวคงต้องพับเก็บไปก่อน สิ่งสำคัญในตอนนี้คือจักรกลเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งในการต่อสู้


หน้าที่ของซีบาลคือการฝึกนักขับ นั่นเป็นงานที่สำคัญมาก


เฉกเช่นที่กริดเป็นต้นแบบของช่างตีเหล็กทั่วโลก และเคยให้กำเนิดช่างตีเหล็กที่ยอดเยี่ยมอย่างข่านและสมิท ซีบาลเองก็สามารถเป็นต้นแบบของนักขับทั่วโลกได้


‘แต่ก่อนอื่น… เราต้องยกระดับไรเดอร์สเพื่อให้ซีบาลกลายเป็นกำลังสำคัญ’


จุดอ่อนใหญ่ๆ ของไรเดอร์สในตอนนี้ก็คือ ระยะเวลาในการ ‘ปฏิบัติการ’ และขีดจำกัดด้านอื่น


ส่วนคำถามที่ว่าจะทำยังไง ตอนนี้ยังไม่มีคำตอบ


ต้องลองแยกส่วนไปก่อน อาจจะมีคำใบ้โผล่ออกมา


“อัญเชิญไรเดอร์ส”


หลังจากปรับปรุงเข็มขัดทีราเม็ทเสร็จ กริดเดินไปที่ลานกว้างและเปิดใช้งานอุปกรณ์อัญเชิญไรเดอร์สที่ซีบาลมอบให้


หุ่นยักษ์สีขาวโพลนปรากฏกายในการมองเห็นของกริด


ดวงตาสีเขียวอันสงบเสงี่ยมกำลังจ้องกริด


ถึงตรงนี้ สถานะของไรเดอร์สจะยังคงเป็น ‘ถูกอัญเชิญ’ จนกว่าจะมีใครขึ้นไปขับ


ปุ่มพลังงานถูกปิดอยู่ จึงยังไม่มีการเผาผลาญเชื้อพลัง


‘ระหว่างรอให้ระยะหน่วงของนวัตกรรมวนมาถึง คงต้องจัดการงานหลักให้เสร็จ’


กริดลอยขึ้นไปเหยียบไหล่ไรเดอร์สอย่างอ่อนโยน


ในอ้อมแขนเต็มไปด้วย ‘อุปกรณ์’ การทำงาน


ใช่แล้ว มันคือเครื่องมือสำหรับ ‘แยกส่วน’ มรดกจากอดีตกาล


“อึก…”


ซีบาลยืนจ้องพลางกลืนน้ำลาย


แม้จะอนุญาตให้กริดใช้ไรเดอร์สหลังจากฟังคำอธิบาย แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจเก็บซ่อนความกังวล


แม้จะทราบว่า กริดสร้างยุทธภัณฑ์สงครามที่ยอดเยี่ยมมานับไม่ถ้วน


แม้จะเคยลิ้มรสความยิ่งใหญ่ของช่างตีเหล็กในตำนานทั้งในฐานะมิตรและศัตรู


แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังลังเลว่าจักรกลเวทมนตร์อยู่ในหมวดหมู่ ‘ยุทธภัณฑ์’ จริงหรือ


กริดจะทำความเข้าใจและยกระดับไรเดอร์สได้จริงหรือ?


‘โธ่เว้ย… ฉันเชื่อใจนายนะ!’


ตอนนี้มันสายไปแล้ว


ทำได้แค่เชื่อมั่นและสวดภาวนา


ถึงจะรู้อย่างนั้น ทว่า


“นี่! เห้ย! ทำไมถึงเอาคันบังคับไปใส่หัวล่ะโว้ย!”


การแยกส่วนของกริดทั้งดุดันและรวดเร็ว


เร็วเกินไป


ซีบาลจะไม่เหลืออะไรเลยถ้าไรเดอร์สพัง มันจึงอดทนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้


ทว่า กริดได้เข้าสู่ภาวะไร้ตัวตนโดยสมบูรณ์แล้ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน


มันเพ่งสมาธิจดจ่ออยู่กับวัตถุตรงหน้า โดยไม่ได้ยินเสียงตะโกนของซีบาลแม้แต่น้อย

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,981
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00