จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,468



พื้นที่ของนรกมีตัวตนอยู่จริงภายในซาทิสฟาย


ผู้เล่นใหญ่มองนรกเป็นดินแดนแห่งหนึ่ง มิใช่นามธรรม


แต่จุดแตกต่างของนรกก็คือ บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่เก็บเลเวลระดับสูง หรือไม่ก็เป็นดินแดนต้องห้ามที่ไม่มีใครสามารถเอื้อมถึง


ความเข้าใจของทีมสำรวจก็ไม่ต่างจากนั้นสักเท่าไร พวกมันเข้าใจว่านรกที่เป็นนามธรรมและนรกจริงๆ ของซาทิสฟายเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน


ทว่า ประสบการณ์ตรงหน้ากำลังทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิด


นรกไม่ได้เป็นแค่ดินแดนสำหรับเก็บเลเวลซึ่งมีสัตว์อสูรและอสูรที่แข็งแกร่งอาศัย


และไม่ได้เป็นดินแดนสำหรับให้จอมอสูรปกครอง


นรกคือ ‘นรก’ ที่พวกมันเคยเข้าใจ


นรกเป็นทั้งจุดเก็บเลเวล และนรกในนามธรรม


สภาพแวดล้อมที่นี่ยากแก่การดำรงชีวิต แถมยังเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน


ต่อให้ไม่มีอสูรคอยกรูเข้ามาโจมตี แต่พวกมันจะดำรงชีวิตได้นานสักแค่ไหนเชียว?


ฉากตรงหน้าของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสายลมที่พัดปะทะผิวหนัง พื้นดินที่เท้าย่ำลงไป เสียงแผดที่ดังทะลุแก้วหู และมวลอากาศที่ไหลซึมเข้าไปในปอด ทั้งหมดน่าขยะแขยงโดยไม่มีข้อยกเว้น


เพียงแค่ยืนหายใจเฉยๆ ร่างกายก็ยังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด


นั่นเพราะโลกใบนี้ถูกสร้างขึ้นจากความชั่วร้าย


“…คิดว่าจะกลายเป็นบ้าไปซะแล้ว”


พระจันทร์เต็มดวงกึ่งกลางท้องฟ้า ยาวยักษ์สีแดงดวงนี้กำลังหมุนวนท่ามกลางความมืดโดยมีดวงตานับพันเฝ้ามองลงมา


ป็อนพึมพำขณะจ้องไปยังท้องฟ้าอันน่าสยดสยองของค่ำคืนภายในนรก


นั่นคือความรู้สึกจากก้นบึ้ง


หากเรกัสไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดการเดินทาง หากแวนเนอร์ไม่คอยกระตุ้นพวกพ้อง หากจิสึกะไม่คอยยิงลูกศรอันเฉียบคม หากรูบี้ไม่คอยห่อหุ้มมันด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันอบอุ่น และหากแผ่นหลังของยูร่าเกิดทรุดลงแม้แต่วินาทีเดียว—


ป็อนคงถูกความชั่วร้ายรอบๆ กลืนกินไปนานแล้ว


มันพร้อมจะหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว ไม่เกี่ยงวิธีการ ไม่สนใจผลกระทบตามหลัง ต่อให้แลกกับความตายแสนเจ็บปวดหนึ่งครั้งก็ยอม แม้จะมีวิธีที่ไม่ต้องตายแต่หนีได้ช้ากว่า


สภาพแวดล้อมของนรกขุมหลักยี่สิบรุนแรงถึงเพียงนั้น


ภูมิประเทศประหลาดซึ่งทำให้เวียนหัวทุกครั้งที่หันไปมอง เสียงแหกปากอันน่าสยดสยองที่สามารถทะลวงเข้ามาในโสตประสาททั้งที่ใช้มือปิดไว้ พื้นที่เหยียบแล้วสั่นระริกไปทั้งตัว กลิ่นเหม็นบัดซบที่ยากจะทำใจยอมรับ และอากาศสุดระยำซึ่งทำให้อาหารเน่าในพริบตาที่นำออกมาถือ


ป็อนพบว่า จิตใจของตนเปราะบางจนต้องหาบางสิ่งยึดเหนี่ยว


อันที่จริง สติของมันถึงขีดจำกัดหลังจากเดินทางไปได้เพียงห้าวัน


หลังจากนั้น มันนึกถอดใจและอยากยอมแพ้วันละนับสิบรอบ


ปัจจุบัน พวกมันเดินทางสำรวจมาถึงวันที่เก้า


มันรู้สึกราวกับตัวเองกำลังจะกลายเป็นบ้า


“…”


ทุกครั้งที่ป็อนทำสีหน้าแย่ๆ แวนเนอร์จะยั่วยุว่ามันเป็น ‘ไอ้ขี้ขลาด’


แต่น่าแปลก ในพักหลัง อยู่ๆ แวนเนอร์ก็กลายเป็นคนไม่พูดไม่จาไปอีกราย เอาแต่ก้มหน้าจ้องมองพื้นดินที่สั่นไหวไปมา


ไม่กล้าแหงนมองท้องฟ้า


ราวกับกลัวว่าตัวเองจะกรีดร้องออกมาหากเผลอสบตากับจันทร์ขุมนรก


“อึก…”


สิบวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ รวมถึงรูบี้ ไอเบลลิน เซ็ดนอส ลาเอลล่า และโค้ก


สามแม่ทัพและโอเอซิสแห่งวัลฮัลล่า


ปราชญ์สีชาดเฮสเตอร์ และอริยดาบครอเกล


เหล่านี้คือหัวกะทิเพียงไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่ในภารกิจสำรวจ


สถานการณ์ตรงหน้าเป็นสิ่งที่การผนึกกำลังร่วมใจไม่เกิดประโยชน์ พวกมันจึงตัดสินใจสงบปากสงบคำเพื่อเก็บแรงและรักษาสภาพจิตใจเอาไว้


ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้ปะทะกับสัตว์อสูรอีกครั้ง


โอเอซิสที่ได้รับการแจ้งเตือนถึงความน่ากลัวของสัตว์อสูรในนรกขุมที่ยี่สิบสาม เริ่มประหม่าจนกัดเล็บ


เป็นคำเตือนจากฝักดาบราชาไร้พ่าย


> ในเวลาเช่นนี้ เจ้าต้องทำอะไรสักอย่าง ข้ามิได้ปรารถนาให้เจ้าไร้พ่าย แต่ข้าทนไม่ได้ที่เห็นเจ้ายอมจำนนต่อความตายอย่างน่าสมเพช


‘นายไม่ใช่มนุษย์เหมือนฉันสักหน่อย… อึ๋ย! เข้าใจแล้ว! อย่าขยับ เดี๋ยวดาบหลุดออกมา… ฉันเข้าใจแล้ว! ก็ไม่ได้ตั้งใจจะตายสักหน่อย!’


โอเอซิสสืบทอดวิชาดาบราชาไร้พ่ายมาบางส่วน


กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันได้รับพลังที่ไม่คู่ควรกับตัวเอง และนั่นทำให้บทลงโทษเกิดขึ้นทุกครั้งที่ทำผิดพลาด


เมื่อใดก็ตามที่โอเอซิสตาย ฝักดาบราชาไร้พ่ายจะลงโทษและบังคับให้ล็อกเอาต์ หลังจากนั้นจะไม่สามารถเข้าเกมได้นานยี่สิบสี่ชั่วโมง


ผู้เล่นทุกคนบนโลกมีโอกาสตายได้สองครั้งต่อวัน แต่โอเอซิสกลับมีโอกาสเพียงครั้งเดียว


‘ในตอนแรก เจ้านี่ไม่ใช่แบบนี้…’


บทลงโทษของฝักดาบถือกำเนิดขึ้นในตอนที่โอเอซิสถูกฆ่าตายสองครั้งติดๆ ในสงครามกับจักรวรรดิซาฮารัน


เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนักให้เจ้าตัวไม่น้อย เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่มันเผชิญความตายสองครั้งติดๆ กัน


และเมื่อถูกฝักดาบมอบบทลงโทษเพิ่มเติม จิตใจของมันก็ยิ่งแตกสลาย


มันกลายเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวไปพักหนึ่ง ด้วยเกรงว่า หากตนเสียชีวิตมากขึ้น บทลงโทษจากฝักดาบจะรุนแรงขึ้นจนถึงจุดที่รับไม่ไหว


สำหรับโอเอซิส ความตายแต่ละครั้งน่ากลัวไม่ต่างจากโลกความจริง


‘เราไม่อยากตาย…’


ความแข็งแกร่งและสภาพจิตใจ ไม่ใช่ของคู่กันเสมอไป


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงเกอร์มือใหม่ที่มีสภาพจิตใจเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร


โอเอซิสหวนนึกถึงคำพูดของยูร่าก่อนจะเดินทางออกจากปราสาทผลึกดำ


“พวกเราจะไม่กลับโลกกึ่งกลางจนกว่าจะถึงนรกขุมที่ยี่สิบเอ็ด… ต่อให้พวกคุณขอร้องอ้อนวอน แต่ฉันจะไม่เปิดเกตส่งใครกลับไปไหน… เตรียมใจเอาไว้ให้ดี”


กล่าวกันว่า นรกที่แท้จริงเริ่มต้นหลังจากขุมที่ยี่สิบเอ็ด


ยูร่าประเมินว่า มนุษย์จำเป็นต้องทำความเคยชินกับนรกขุมที่ยี่สิบเอ็ดเอาไว้ นั่นก็เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรที่กำลังจะมาถึง


เป็นการออกเดินทางที่ไม่มีจุดย้อนกลับ


แต่เมื่อมาถึงนรกขุมที่ยี่สิบสาม ทีมสำรวจกลับเหลือสมาชิกแค่ราวยี่สิบคน


นี่ขนาดว่าเริ่มจากปราสาทผลึกดำในนรกขุมที่ยี่สิบห้า


จากบรรดาสมาชิกกว่าสามร้อยคนที่ลอเอลคัดมา มีจำนวนไม่น้อยถูกสัตว์อสูรเหยียบตายระหว่างเดินทางข้ามนรกสองขุม และอีกจำนวนหนึ่งหนีไปเนื่องจากมิอาจทนต่อความหวาดกลัว


สภาพแวดล้อมรุนแรงกว่าที่ทุกคนจินตนาการไว้ สถานการณ์จึงดำเนินมาถึงจุดปัจจุบัน


ขณะสมาชิกทีมสำรวจคนอื่นๆ เริ่มมีจิตใจอ่อนล้า สมาธิของโอเอซิสกลับยิ่งฮึกเหิม


จุดหมายของทุกคนอยู่ไม่ไกล แค่ผ่านประตูนรกอีกเพียงสองครั้งเท่านั้น ขอเพียงฝ่าขุมนรกที่ยี่สิบสามและยี่สิบสองไปได้อย่างราบรื่น


ในวินาทีที่เดินทางถึงจุดหมาย ทุกคนที่นี่จะได้รับมอบหมายตำแหน่งสำคัญและกลายเป็นผู้มีบทบาทหลักในชัยชนะของฝ่ายมนุษย์


โอเอซิสต้องการเป็นหนึ่งในนั้น


การจะให้ยอมแพ้ตอนนี้…


ขณะโอเอซิสเตรียมให้กำลังใจพวกพ้องในกลุ่ม


“ยูร่า… เธอไหวไหม…”


เป็นเสียงกระจ่างใสที่ไม่เหมาะกับบรรยากาศอ่อนเพลียเลยสักนิด


ไม่ใช่ใครนอกจากจิสึกะ ผู้เล่นที่ครอบครองศรปราบมาร


เธอ ‘สวม’ พลังที่คล้ายกับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ไว้รอบแขนขวา และดูเหมือนจะเป็นอิสระจากความชั่วร้ายภายในนรก


จิสึกะไม่ถูกรบกวนโดยสภาพแวดล้อมที่หนักหนาสาหัสเหมือนคนอื่น แววตายังคงคมชัดและแน่วแน่


“แน่นอน”


ยูร่าตอบกลับอย่างสงบนิ่ง


ดูเหมือนว่า ผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากนรกล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลพิเศษ


“ฉันก็ยังไหว!”


รูบี้ตอบอย่างขึงขัง


นี่คือความสง่างามของนักบุญหญิง


กลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า ‘เหล่าสาวๆ ของกริด’ คือความหวังสำคัญในทีมสำรวจ


ครอเกลเองก็ปิดปากเงียบ แต่นั่นคงเพราะมันไม่แยแสมากกว่า ไม่ใช่เพราะกำลังประสบปัญหา


อีกหนึ่งคนที่น่าสนใจคือเฮสเตอร์


จิตใจของมันเข้มแข็งอย่างมากในฐานะจักรวรรดิแห่งวงการอีสปอร์ต


ประสบการณ์ที่ต้องเผชิญแรงกดดัน มันซึมซับมาหลายปีแล้ว


กล่าวกันว่า มีช่วงหนึ่งที่เฮสเตอร์ต้องเก็บตัวเงียบด้วยความอับอายหลังจากตกเป็นเหยื่อของปฏิบัติการ ‘ล่าคลาสลับ’ ของผู้เล่นคลาสทั่วไป แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะรักษาบาดแผลทางใจจนหายดีแล้ว


โอเอซิสเริ่มมีความหวังขณะเห็นสีหน้าของกลุ่มคนที่ยังไหว จึงตะโกนออกไปอย่างฮึกเหิม


“ผมเองก็ยังไหว!”


“ฮุฮุ~ หวังว่าอาเรสคงไม่ได้มีแต่ชื่อหรอกนะ”


จิสึกะหัวเราะในลำคอ


เธอกำลังจิกกัดสามแม่ทัพที่อ้างตนว่าเป็นแขนซ้ายขวาของอาเรส


“…”


แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพวัลฮัลล่า ลัค


มันเป็นคนหยิ่งทระนงและเชื่อมั่นใจฝีมือของตัวเอง แต่ปัจจุบันกลับต้องสงบเสงี่ยมต่อหน้าถ้อยคำจิกกัดของจิสึกะ


มันกำลังละอายใจ


ในตอนนี้ ลำพังการหายใจยังทำได้ยากลำบาก


ตรงข้ามกับการเป็นแบบอย่างให้เด็กใหม่ (โอเอซิส) มันกลับเป็นได้แค่ภาระของคนอื่น


“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ… นายไหวไหม?”


“…เชิญหัวเราะเยาะให้หนำใจ”


ลัคที่ปิดปากเงียบมาตลอด หันไปตอบโต้คำพูดครอเกล


ไม่ใช่เพราะมันเกลียดชังครอเกลเป็นพิเศษ แต่เป็นเพราะศักดิ์ศรีของมันถูกระคายเคือง


ในอดีต มันพยายามกีดกันการเก็บเลเวลของครอเกลด้วยทุกวิถีทาง แต่ปัจจุบันกลับถูกครอเกลเป็นห่วงเป็นใย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น


ส่งผลให้มันตอบโต้โดยอัตโนมัติ แต่นั่นไม่ได้เกิดจากความรู้สึกลึกๆ ของตัวเอง


ครอเกลเดินผ่านและกล่าวอย่างเย็นชา


“ฉันไม่เคยหัวเราะเยาะใคร”


“…ชิ”


ยูร่าลุกขึ้นยืนและประกาศจบช่วงเวลาพักเหนื่อย


ลัคที่มองตามแผ่นหลังครอเกล เดินเข้าไปใกล้ยูร่าและส่งเสียงสบถ


มันสบถกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด


ยิ่งเมื่อนำตัวเองไปเปรียบกับครอเกล ลัคก็ยิ่งหัวเสีย เพราะมันเคยหัวเราะเยาะครอเกลในตอนที่อีกฝ่ายกลายเป็นอริยดาบและถูกรีเซตเลเวลจนเหลือหนึ่ง


‘บ้าจริง… ลองพยายามดูสักตั้งก็ได้’


จิสึกะมีเหตุผลที่ต้องถากถางลัคโดยนำไปเปรียบกับโอเอซิส


เธอต้องการกระตุ้นให้อีกฝ่ายฮึดสู้ ด้วยการทำให้ตระหนักว่ากำลังจะถูกโอเอซิสแซงหน้า


ตัวมันที่ปลุกความกระหายเฮือกสุดท้ายขึ้นมาได้ แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมให้ทุกคนเห็น


แม้แต่จิสึกะก็ยังชื่นชม


“ต้องแบบนี้… นี่คือลัคที่ฉันรู้จัก… ลัคที่ทำตัวหยิ่งผยองเหมือนเฮ่า ไม่ใช่ลัคที่น่าสมเพชกว่าเฮ่า”


“เฮ่อะ! อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่จะสมัครร่วมทีมสำรวจ”


“เฮ่าสมัครมา แต่ลอเอลปฏิเสธ”


“หา? ทำไมถึงปฏิเสธลอเอลแต่รับเฮสเตอร์? ไม่ใช่ว่าพวกนายสนิทกันหรอกหรือ?”


“เข้าถูกส่งมาเพื่อเกลี้ยกล่อมราชาดราโกเนี่ยน”


“แบบนี้นี่เอง…”


ปัจจุบัน คนที่จิตใจห่อเหี่ยวไม่หลงเหลืออยู่อีกแล้ว ทีมสำรวจเดินฝ่ากองทัพสัตว์อสูรด้วยความสามัคคีและฮึกเหิม


ต้องขอบคุณยูร่า จิสึกะ รูบี้ และครอเกลที่ทำตัวเป็นแบบอย่าง รวมถึงโอเอซิสที่ยังกระตือรือร้นกว่าใคร คนอื่นๆ จึงพากันมีไฟและหันมาร่วมมือ


นอกจากนั้น แรงฮึดของแม่ทัพวัลฮัลล่ายังปลุกให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์คนอื่นๆ ตื่นขึ้นเช่นกัน


ป็อนเอาชนะความเจ็บปวด ส่วนแวนเนอร์เอาชนะความกลัว


เมื่อมีเรกัสเข้ามาร่วมพวก พวกมันผนึกกำลังและทำคอมโบที่มีประสิทธิภาพสูง กวาดล้างสัตว์อสูรด้านหน้าเป็นรูปทรงกรวย


ทุกครั้งที่ดาบของพีคซอร์ดสร้างประกายแสง สัตว์อสูรหลายสิบพลันกลายเป็นแสงสีเทาโดยที่ไม่ทราบสาเหตุการตายของตัวเอง


ยูเฟอมิน่า เซ็ดนอส และลาเอลล่าถล่มศัตรูเป็นกลุ่มใหญ่ ส่วนทรราชโหมบุกราวกับคลื่นทะเลถาโถม


ทุกครั้งที่คริสเหวี่ยงดาบและสร้างพลังทำลายระดับยกภูเขาทุ่ม ร่างของอสูรนับไม่ถ้วนด้านหน้ามันพลันระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อ


“สุดยอด… สมกับเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา”


“พวกเราก็แข็งแกร่งเหมือนกัน!”


ไอเบลลิน โค้ก และโอเอซิสต่างก็แสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยม


พวกมันไล่เก็บกวาดสัตว์อสูรโดยการปิดกั้นเส้นทางหลบหนีของกลุ่มที่แตกฮือเพราะสูญเสียแม่ทัพ


ขณะเดียวกัน ทันทีที่อสูรกลุ่มใหม่ปรากฏตัวขึ้น พวกมันล้วนถูกลอบสังหารโดยเฟคเกอร์ในพริบตา


ปิดท้ายด้วยการเก็บกวาดจากจิสึกะ เธอโปรยฝนธนูที่ทรงพลังลงมาจากฟากฟ้า


ยูร่าและครอเกลคอยเป็นแกนนำในการปะทะกับกองทัพหลักของศัตรูเสมอ


เมื่อมีรูบี้คอยบัฟและฮีลจากด้านหลัง ทุกคนค่อยๆ ย่างกรายไปข้างหน้าโดยปราศจากความหวั่นเกรง


ต่างคนต่างช่วยกันแสดงพลังของมนุษย์ให้นรกได้ประจักษ์


“เฮสเตอร์! ถอยกลับมาก่อน! นายจะลุยเป็นแนวหน้าทำไมในเมื่อเชี่ยวชาญเวทมนตร์!”


“อ๊ากกกก!”


“…”


โชคไม่ดีนัก เฮสเตอร์ตายกลางทาง


แต่ความฮึกเหิมของทุกคนก็มิได้ลดน้อยลง


ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น


ทีมสำรวจเตรียมตั้งค่ายในนรกขุมที่ยี่สิบสอง ด้วยสีหน้าแววตาสดใสกว่าในตอนแรกมาก


อีกเพียงก้าวเดียว พวกมันจะเข้าใกล้ความสำเร็จที่กริดและผู้ส่งสารเคยทำไว้ - นรกขุมที่ยี่สิบเอ็ด


อย่างไรก็ตาม การสำรวจครั้งนี้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ปกครองขุมนรก


แตกต่างจากเมื่อครั้งที่กริดลงมาสำรวจ ระดับความยากของทีมสำรวจในปัจจุบันต่ำกว่ามากเพราะไม่ต้องต่อสู้กับจอมอสูร


ยูร่ามองเห็นถึงประเด็นนี้ จึงมองว่าแผนการสำรวจสามารถเกิดขึ้นจริงได้


เป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งเมื่อพิจารณาว่า ผู้เล่นทั่วไปสามารถลงมาถึงนรกขุมยี่สิบสอง ทั้งที่ผลข้างเคียงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ


‘อย่างน้อยพวกเขาก็จะมีบทบาทสำคัญในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร’


ยูร่าหันไปอธิบายกับพวกพ้องที่กำลังช่วยกันสร้างค่าย


“เป้าหมายของพวกเราคือการรอดชีวิตในนรกขุมที่ยี่สิบเอ็ดให้ได้เป็นเวลานาน… ฉันวางแผนไว้ว่า พวกเราจะเก็บอยู่ที่นั่นจนกว่ามหาสงครามมนุษย์และปีศาจจะเริ่มต้นขึ้น… ระหว่างนั้นพยายามเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด”


“แล้วสงครามจะเริ่มขึ้นเมื่อไร?”


“ใครจะรู้? เป็นได้ทั้งสองสามวันข้างหน้า หรืออีกสองสามเดือนถัดไป”


“ถ้าเป็นแบบนั้น… อาหารไม่พอแน่… อาหารส่วนใหญ่ที่เตรียมมาก็เน่าหมดแล้ว”


“พวกเราจะแวะพักที่เขตเป็นกลางเพื่อเติมเสบียง… ระหว่างนั้นฉันสามารถกลับโลกมนุษย์ตามลำพัง”


“พวกเราจะยื้อได้นานสี่สิบนาทีโดยไม่มีเธอได้ยังไง? ไม่! ห้ามกลับไปคนเดียวเด็ดขาด”


“ป็อน นายทำตัวน่ารังเกียจเกินไปแล้ว! นายไม่ใช่คู่แข่งของฉันอีกต่อไป!”


“นายเป็นคู่แข่งของฉันตั้งแต่เมื่อไร? เพราะไม่มีผมบนหัว ก็เลยไม่มียางอายไปด้วยหรือไง?”


สมาชิกโอเวอร์เกียร์ยังคงคึกคักเหมือนกับวันแรกที่ลงมาถึงนรก


จากนั้น ความฮึกเหิมของพวกมันมีอันต่อห่อเหี่ยวอีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงครึ่งวัน


“บ้าจริง…”


อสูรภายในนรกขุมที่ยี่สิบสอง แข็งแกร่งพอๆ กับบอสพิเศษบนโลกกึ่งกลาง


เมื่อไม่มีใครล้มพวกมันได้ จำนวนสัตว์อสูรภายในนรกขุมนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป


‘ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ…’


ในที่สุด พวกตนก็จะได้เป็นอิสระจากการเหน็ดเหนื่อยอันยาวนาน


ขณะใครบางคนเตรียมใจที่จะตาย


[เทพโอเวอร์เกียร์กริดกำลังเขียนมหากาพย์หน้าที่สิบสาม]


ข้อความโลกปรากฏ


หลังจากมหากาพย์สั้นกระชับจบลง ข่าวการถือกำเนิดของคลาสเทวตำนานแรกของโลกได้ทำให้สมองของสมาชิกทีมสำรวจเกิดการตื่นตัว


“ด…ดูยูโนว… ก็อดกริด?”


คนแรกที่ตอบสนองคือพีคซอร์ด


จากนั้น ยูร่า จิสึกะ รูบี้ ครอเกล และชาวโอเวอร์เกียร์—


พวกมันค่อยๆ ฟื้นฟูความฮึกเหิมและแรงจูงใจที่ห่อเหี่ยวกลับมา


ต่างคนต่างยกอาวุธที่เคยถืออย่างอ่อนแรง และใช้สิ่งนั้นเข่นฆ่าอสูรอย่างเอาเป็นเอาตาย


นับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป มนุษย์กำลังก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง


พวกมันไล่บดขยี้ความชั่วร้ายด้วยแรงใจที่ไม่มีใครทราบว่าเอามาจากไหน


ฝ่ายอสูรล้มตายเป็นใบไม้ร่วง


ช่างน่าขัน กริดมักเป็นเช่นนี้เสมอ


มันจะโผล่ออกมาในช่วงเวลาที่สมาชิกกิลด์ต้องการมากที่สุด คอยสนับสนุนและช่วยเหลือทุกคนให้พลิกกลับกระแสสงคราม


และเป็นเหตุผลสำคัญที่กิลด์โอเวอร์เกียร์มีทุกวันนี้


“ในที่สุด…”


วันถัดมา


ขณะกริดกำลังนอนหลับพักผ่อน ทีมสำรวจได้เดินทางมาถึงนรกขุมที่ยี่สิบเอ็ด


ในวินาทีนี้ พวกมันทุกคนล้วนพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า แต่ละคนคู่ควรกับบทบาทสำคัญในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรที่กำลังจะมาถึง


เป็นการโหมโรงก่อนที่ช่วงเวลาแห่งการดิ้นรนเอาตัวรอดที่แท้จริงจะเริ่มต้นขึ้น


นี่คือบทนำของเหล่าวีรบุรุษลับๆ ผู้ร่วมกอบกู้โลกไปพร้อมกับกริด

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,988
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00