จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,450



<การพักผ่อนของแพ็กม่า>

ระดับความยาก: ภารกิจสุดท้ายของคลาส

คนทรยศที่หักหลังพวกพ้องและขุดศพของตำนานรุ่นก่อน ตัดสินใจทำพันธสัญญากับจอมอสูร

ผู้ที่เคยได้ยินเฉพาะเรื่องเหล่านี้ ไม่มีทางมองว่าเขาเป็นวีรบุรุษ

แม้แต่ผู้ที่ทราบวีรกรรมการกอบกู้โลกและช่วยมนุษยชาติ ต่างก็ดูแคลนในชื่อเสียงและความสำเร็จเนื่องจากแพ็กม่าทำพันธสัญญากับบาเอล

โลกจดจำแพ็กม่าเพียงในฐานะช่างตีเหล็กแพ็กม่า

หลังจากสืบทอดทักษะของแพ็กม่า ท่านคือสักขีพยานเพียงหนึ่งเดียวที่เข้าใจชีวิตทุกซอกมุมของแพ็กม่า และนับถือในความสำเร็จของเขา

จงปลดปล่อยดวงวิญญาณผู้น่าสงสารที่กำลังทุกข์ระทมในขุมนรก

รางวัลสำเร็จภารกิจ:

-เปิดใช้งานท่ารำดาบแพ็กม่า: เจิดจรัส, สะบั้น

-ท่ารำดาบทุกชนิดสามารถผสานกันได้โดยไม่มีเงื่อนไข ยกเว้นท่ารำดาบ ‘นภา’

ระยะเวลาภารกิจ: ไม่มี


เนื้อหาของภารกิจสุดท้ายได้กระตุ้นความซาบซึ้งในใจกริด


แพ็กม่า ผู้ทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองและช่วยครึ่งเทพที่ถูกจองจำ


แพ็กม่า ผู้แทงข้างหลังเพื่อนเพียงคนเดียวของตน


แพ็กม่า ผู้หลอกใช้ร่างโคลนที่ไร้เดียงสาให้คอยเฝ้าป่า


แพ็กม่า ผู้สมคบคิดกับบาเอลและขุดศพอดีตตำนานขึ้นมา


แพ็กม่าที่ปรากฏตัวในภารกิจบทต่างๆ เต็มไปด้วยข้อบกพร่องทางศีลธรรม


อย่างไรก็ตาม หากมองในทุกมิติของ ‘พฤติกรรม’ ข้างต้น ก็ยังมีมุมให้เห็นอกเห็นใจมากมาย


แพ็กม่าผู้กล้าหาญและต้องการจะช่วยเสือครามที่ถูกขัง


แพ็กม่าผู้ร้องห่มร้องไห้หลังจากฆ่าบราฮัม


แพ็กม่าผู้ไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ความไร้เดียงสาของร่างโคลนเพื่อหยุดสงคราม


แพ็กม่าผู้ยอมขายวิญญาณให้บาเอลเพื่อปกป้องมนุษย์จากเทพและอสูร


จากหลากหลายแง่มุม กริดได้ซึมซับความรู้สึกที่อยู่เบื้องหลังในทุกตัวเลือกของแพ็กม่า


ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มไม่อยากถือโทษโกรธแพ็กม่ามากนัก


จริงอยู่ กริดไม่กล้าพอที่จะโน้มน้าวให้ทุกคนเห็นอกเห็นใจแพ็กม่า แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าแพ็กม่าคือวีรบุรุษของโลก


ชายผู้ต่อสู้เพื่อนมนุษยชาติตามลำพัง


ชายผู้ยอมเสียสละดวงวิญญาณของตนและต้องทนทุกข์ตลอดกาล


เป็นดังคำอธิบายของข้อความระบบ แพ็กม่าคือวีรบุรุษที่น่าสงสาร


“…พวกมันบ้าไปแล้วหรือ”


กริดซึมไปสักพัก ก่อนจะตื่นจากภวังค์


มันอดไม่ได้ที่จะสบถ


ปลดปล่อยดวงวิญญาณของแพ็กม่า?


วิญญาณที่อยู่ในมือบาเอล?


นี่คือภารกิจที่ซาทิสฟายมอบให้ผู้เล่น? มันไม่ยากไปหน่อยหรือ?


ถึงตรงนี้ กริดเริ่มสงสัยว่าทาง SA กรุปน่าจะเกลียดชังผู้สืบทอดแพ็กม่าไม่น้อย


มันมีสิทธิ์คิดเช่นนั้น


สาเหตุที่กริดแข็งแกร่งเฉกเช่นปัจจุบัน ปัจจัยสำคัญมิได้เกิดจากพลังของผู้สืบทอดแพ็กม่า


มันได้รับการสนับสนุนจากบราฮัม ปิอาโร่ เมอร์เซเดส จักรวรรดิซาฮารัน หอแห่งปัญญา ทวีปตะวันออก และอีกหลายสิ่งอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน นอกจากนั้นยังสั่งสมพลังในอักขระตะกละและพัฒนาสถานะเหนือมนุษย์กับบารมีเทพ


กริดแข็งแกร่งได้ด้วยความพยายามส่วนตัวและโชคอีกเล็กน้อย มากกว่าพลังของคลาสผู้สืบทอดแพ็กม่า


มันมั่นใจ ตัวมันในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าสุดยอด ‘ผู้สืบทอดแพ็กม่า’ ที่ทาง SA กรุปจินตนาการไว้


อย่างน้อยสิบเท่าเห็นจะได้


นอกจากพลังส่วนตัว กริดยังมีพลังอำนาจของอาณาจักรและกิลด์


ปัจจุบัน ยากที่จะให้นิยามว่ากริดคือผู้สืบทอดแพ็กม่า


ถึงอย่างนั้น กริดในปัจจุบันก็ยังมองว่า ภารกิจสุดท้ายมีระดับความยากยิ่งกว่าการคว้าดาวลงมาจากฟ้า


อดไม่ได้ที่จะสบถอย่างหัวเสีย


‘เป็นภารกิจที่ผู้สืบทอดแพ็กม่าไม่มีวันทำสำเร็จไปจนเกมปิดตัว… ต้องเกลียดขนาดไหนถึงใส่ของแบบนี้มาในภารกิจประจำคลาส?’


อยากจะยืมสักสองสามคำของฮิวรอยมาด่า


ไม่สิ คงมากกว่าสองสามคำ


กริดได้แต่นึกสงสัยในมโนธรรมของผู้ให้บริการเกม


“เฮ้อ… ช่างเถอะ”


แต่ผิดคาด กริดใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว


มันยังไม่ลืมว่า ภารกิจประจำคลาสมีระดับความยากสูงมาตั้งแต่ต้น


มันต้องใช้เวลานานถึงสิบปีเต็ม กับการเพิ่มเลเวลของทักษะตัดเย็บให้ถึงช่างฝีมือ


พิจารณาจากประสบการณ์ตรง ภารกิจสุดท้ายก็คงใช้เวลาไม่ต่ำกว่ายี่สิบถึงสามสิบปี ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวลหรือนำมาใส่ใจตอนนี้


‘รางวัลตอบแทนดีจนเราใจร้อน… คงต้องทำเป็นลืมไปก่อน’


บาเอลคือเป้าหมายที่จะต้องถูกโค่นในอนาคตอยู่แล้ว


เป็นภารกิจที่สามารถสำเร็จได้ตามธรรมชาติ


กริดเยือกเย็นขึ้นมากนับตั้งแต่เผชิญหน้ากับแอ็กนัส จึงไม่แปลกที่จะควบคุมสติได้ทันควัน


‘เรื่องที่น่าเสียดายจริงๆ คือเจ้านี่ต่างหาก’


กริดนึกทบทวนรายละเอียดของ <เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด>


เป็นทักษะที่เกิดจากการผสานระหว่างช่างตีเหล็กและช่างตัดเย็บ


กล่าวกันว่า สามารถสร้างอะไรก็ได้ในขอบเขตของ ‘การผลิต’ ไม่จำกัดเฉพาะช่างตีเหล็กหรือตัดเย็บ


เรียกว่าเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยม


ยอดเยี่ยมจนระบบพิจารณาว่า ‘สมบูรณ์แบบ’


แต่นั่นมาพร้อมความเสียดายในสองสามเรื่อง


ประการแรก <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น> ไม่สามารถใช้กับมันได้


กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณสมบัติในการเพิ่มเกรดต่ำสุดของไอเท็มให้เป็น ‘ยูนีค’ จะไม่ถูกปรับใช้ รวมถึงการเพิ่มค่าสถานะของอาวุธจากปรกติ 40%


ประการที่สอง ระบบการ ‘ให้กำเนิดอีโก้’ หายไป


หากต้องการไอเท็มอีโก้ กริดต้องใช้ทักษะ ‘บรรจุอีโก้’ เท่านั้น หรือก็คือ กริดต้องนำดวงวิญญาณของผู้อื่นมาขังในไอเท็ม


‘การมอบชีวิตให้ไอเท็มเรื่องที่ดีในเชิงประสิทธิภาพ… แต่เราคงทำเรื่องแบบนั้นไม่ลง’


ทักษะบรรจุอีโก้คือการนำอีโก้ของสิ่งที่มีอยู่แล้ว มาขังไว้ในไอเท็ม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือยารุกต์


ขั้นตอนมีดังนี้:


1. การจะบรรจุอีโก้ กริดและอีโก้ต้องรู้จักกัน


2. การบรรจุอีโก้จะสำเร็จก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายตอบสนองต่อคำขอ


3. ไม่ว่าอีโก้จะกำลังอยู่ในสถานะใด แต่ถ้าตอบสนองต่อคำขอของกริด มันจะถูกระบบฝืนบรรจุลงในไอเท็มทันที


คงจะดีไม่น้อยถ้ากริดสามารถฆ่ามอนสเตอร์และนำอีโก้ของพวกมันมาบรรจุลงในไอเท็มโดยปราศจากภาระทางจิตใจ


ทว่า ทักษะจังไรอย่างบรรจุอีโก้บังคับให้กริดกับอีโก้ต้องรู้จักกัน (สนิทสนมพอที่จะตอบสนองในยามถูกขอร้อง)


เรียกได้ว่า เป็นทักษะที่วัดคุณภาพจิตใจของผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี


‘อา… แต่ก็ไม่แย่เสียทีเดียว เพราะปัจจุบันไม่มีขีดจำกัดการใช้งาน’


มีกฎข้อหนึ่งระบุไว้ว่า หากไอเท็มที่มีอีโก้บรรจุถูกทำลาย อีโก้จะถูกส่งกลับไปยังตำแหน่งเดิม


มันสามารถใช้กฎนี้เพื่อลดภาระทางจิตใจของตัวเอง ด้วยการทยอยทำลายไอเท็มทิ้งหลังจากจบสงคราม


วิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือ ทักษะผสานไอเท็ม


หากมันบรรจุอีโก้ลงในไอเท็มผสาน อีโก้จะถูกปลดปล่อยทันทีเมื่อบัฟหมดเวลา


แน่นอน การใช้ทักษะผสานไอเท็มไม่ใช่เรื่องง่ายในศึกระดับสูง


แต่ถึงอย่างนั้น


‘เดี๋ยวนะ… บางที…’


กริดผุดข้อสันนิษฐานใหม่


มันหยิบดาบอัสนีแห่งการบรรลุสัจธรรมฯ ออกมาและพยายามบรรจุอีโก้


เป้าหมายคือเฮลกาโอ


วิญญาณของจอมอสูรลำดับเก้าที่สูญเสียร่างเนื้อและต้องคอยสิงร่างสัตว์อสูร


[วิญญาณของเฮลกาโอสัมผัสถึงคำขอร้องของท่าน]


[เขารู้สึกทึ่งอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากสูดลมหายใจสักพักก็เลือกที่จะไม่ตอบสนอง]


“ก็ได้หรือ…”


ในการใช้ทักษะบรรจุอีโก้ กริดและเป้าหมายต้องรู้จักกัน


ใช่แล้ว ‘รู้จัก’


ไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรหรือชอบหน้ากัน


สมัยดวลกับดยุคแห่งดาบ ลิมิต ยารุกต์มีค่าความสัมพันธ์กับกริดไม่สูงนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตอบสนองต่อคำขอร้องของกริด


[วิญญาณของเฮลกาโอสัมผัสถึงคำขอร้องของท่าน]


[เขามองว่าไร้สาระ จึงพ่นลมหายใจและไม่ตอบสนอง]


“หึหึ…”


เป็นทักษะที่สามารถใช้ได้กับความสัมพันธ์ในเชิงลบ


[วิญญาณของเฮลกาโอสัมผัสถึงคำขอร้องของท่าน]


[เขากำลังเดือดดาล พร้อมกับบอกให้ท่านหัดมีมารยาท]


‘ถ้าเราทำต่อไปเรื่อยๆ เจ้านั่นอาจรำคาญและยอมตอบสนองสักครั้ง… ถึงจะมาเพื่อสาปแช่งก็เถอะ’


แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า อีโก้สามารถออกจากไอเท็มได้เองไหม…


‘เดี๋ยว… เราอัญเชิญวิญญาณแพ็กม่าได้ไหม?’


ต้องฉลาดขนาดไหนกันถึงคิดไอเดียเจ๋งๆ แบบนี้ได้?


กริดที่กำลังตื่นเต้น ทดสอบใช้ทักษะอย่างคาดหวัง


แต่น่าเสียดาย ผลลัพธ์ออกมาล้มเหลว


ดวงวิญญาณแพ็กม่าสูญสิ้นสติปัญญา จึงมีหน้าต่างแจ้งเตือนขึ้นมาว่า อีกฝ่ายไม่ได้ยินคำขอร้อง


“คงไม่ได้สินะ”


หากนำมาใช้เรี่ยราดแบบนี้ได้ ทักษะบรรจุอีโก้คงขี้โกงเกินไป


SA กรุปที่หมกมุ่นอยู่กับความสมดุลไม่มีทางเปิดช่องโหว่ตรงนี้


ไม่ได้จริงๆ แฮะ…


กริดยังคงทดลองใช้บรรจุอีโก้พลางครุ่นคิด


แน่นอน เป้าหมายคือเฮลกาโอ


เมื่อไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้งาน ทักษะบรรจุอีโก้จึงถูกเพิ่มระยะหน่วงหลังใช้เข้ามาแทน แต่กริดก็ยังมีทักษะเสมือนเทพ แถมที่นี่ยังเป็นภูเขา จึงสามารถใช้งานได้ติดๆ กัน


‘ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็เป็นทักษะที่ดี’


เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด


ผลข้างเคียงด้านลบคือการที่มิอาจยกระดับด้วยดึงศักยภาพซ่อนเร้น แต่นั่นก็เป็นการรักษาสมดุลอย่างมีเหตุมีผล


ตอนนี้กริดสามารถผลิตไอเท็มได้เหมือนกับโรงงานขนาดย่อม (ต้องของคุณค่าความชำนาญมือ ความเร็วในการผลิตไอเท็มอัตโนมัติเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนราวสองเท่า) และมีโอกาสผลิตได้ไอเท็มเกรดมิธในอัตราที่ต่ำ แถมยังสามารถบรรจุอีโก้และฝังเวทมนตร์ได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นยังมีการยกระดับในเชิงธาตุ


แต่เหนือสิ่งใด ก้าวกระโดดที่สำคัญคือการที่สามารถผลิตไอเท็มได้ทุกประเภท


กริดเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะคิดหาวิธีทำลายขีดจำกัดของประสิทธิภาพของไอเท็มที่เกิดขึ้นจากข้อจำกัดของวัตถุดิบ


กริดเชื่อว่า ในอนาคต ตนจะก้าวข้ามขีดจำกัดของไอเท็มแบบเดิมๆ ได้ด้วยความหลากหลายและข้อจำกัดเชิงวัสดุ


ยกตัวอย่างเช่น มันสามารถใช้ทักษะ ‘การผลิตของวิเศษ’ เพื่อสร้างดาบ


‘ขีดกำจัดยังสามารถถูกทำลายได้ด้วยเวทมนตร์’


เป็นไปได้แน่


ไอเท็มที่ผลิตขึ้นในอนาคต จะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมชนิดที่สมัยก่อนเทียบไม่ได้


สมแล้วที่เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริดคือทักษะที่สมบูรณ์แบบ


“กลับกันเถอะ”


กริดส่งเสียงพลางลุกขึ้นยืน


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์รีบดับไฟพร้อมกับเก็บกวาดรอบๆ


แรนดี้หยุดพักหายใจ


เมื่อท่ารำดาบแพ็กม่าถูกยกระดับกลายเป็นท่ารำดาบกริด แรนดี้ย่อมแข็งแกร่งขึ้นมาก และสามารถจัดการงานต่างๆ แทนกริดได้โดยที่กริดแทบไม่ต้องออกโรง


โนเอะยังคงทำตัวสบายๆ เหมือนเคย


มันลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับกางปุ่มเท้าสีชมพูออก จากนั้นก็ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้า


ต้นไม้รอบๆ พลันไหม้เกรียมและหักโค่น เปิดทางให้กริดเดินผ่านไปง่ายๆ


“…ฉันจะบินกลับอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องจุดไฟ?”


“ก็มันเท่กว่า… เหมียว…”


“มาเท่อะไรตอนนี้? บราฮัมทำลายภูเขาไปแล้วหลายสิบลูก ฉันกำลังกังวลว่าราคาไม้จะสูงขึ้น”


“…”


กริดส่ายหน้าพร้อมกับดุ ส่วนโนเอะตามหลังมาเงียบๆ


พวกมันอยู่ด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว?


เพียงคำพูดไม่กี่คำของกริด โนเอะก็ทำตัวว่านอนสอนง่าย


เช่นเดียวกันแรนดี้และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์


จริงสิ ยกเว้นโอเวอร์เกียร์คอร์น


***


“พิจารณาจากพลังเวทที่หลงเหลืออยู่ในแก่นมานา ข้าสามารถคำนวณระดับของกัลกุนอสก่อนตายได้คร่าว… พวกเจ้าใช้วิธีใดจัดการกับมัน?”


“ลูกธนูของพี่จิสึกะ”


หลังจากแวะโรงตีเหล็กเพื่อทดสอบทักษะ กริดเดินกลับปราสาทและพบกับส่วนผสมของกลุ่มคนที่คาดไม่ถึง


บราฮัม จิสึกะ ยูเฟอมิน่า


เป็นครั้งแรกที่กริดเคยเห็นทั้งสามอยู่ตามลำพัง และบรรยากาศที่เกิดขึ้นก็ไม่แย่


ดวงตาบราฮัมที่มักเย็นชาในยามจ้องมองมนุษย์ เผยความอบอุ่นในเป็นมิตร


อาจเป็นเพราะว่า ยูเฟอมิน่าคือผู้สืบทอดมูมัด


และบราฮัมก็รู้สึกติดหนี้มูมัด


บางที นี่คงเป็นเหตุผลที่มันค่อนข้างเอาใจใส่ยูเฟอมิน่า


สำหรับจิสึกะ… เอ่อ…


คงยากที่จะหาใครไม่ชอบเธอ


ไม่ใช่เพราะจิสึกะงดงาม แต่เพราะเธอรู้จักกาลเทศะ สดใสร่าเริง และชื่นชอบการแผ่พลังบวกไปยังผู้คนรอบข้าง


กระทั่งบราฮัมก็ยังไม่รังเกียจ


“กำลังทำอะไรกัน?”


กริดเดินเข้าไปในวงสนทนาที่กำลังออกรสของทั้งสามคน


มันชำเลืองสีหน้าจิสึกะเล็กน้อย และพบว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์สดใสผิดคาด


“ไม่เจอกันนาน~”


เป็นท่าทีที่ผ่อนคลาย ตรงข้ามกับความกังวลของกริด


หากเป็นกริดในอดีต มันคงกระอักกระอ่วนและหมดคำพูด


แต่กริดในปัจจุบัน จิตใจของมันถูกยกระดับ


กริดสามารถยิ้มได้โดยไม่สูญเสียความเยือกเย็นต่อหน้าจิสึกะ


“อา… เกือบสี่เดือนเห็นจะได้… ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงเธออยู่เหมือนกันนะ”


“อะ…”


ทว่า เป็นจิสึกะที่เริ่มร้อนรน


ดวงตาของเธอที่ปรกติแล้วจะเหมือนแมว พลันลุกวาวด้วยใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งมะเขือเทศ


แต่น่าเสียดาย กริดหันไปสนใจยูเฟอมิน่าแล้ว จึงไม่เห็นอากัปกิริยาดังกล่าว


“ฉันได้ยินผลงานของเธอมาไม่น้อย”


ยูเฟอมิน่าที่เปลี่ยนคลาสเป็นผู้สืบทอดมูมัดและกลายเป็นสัตว์ประหลาดเจ้าของฉายา ‘แข็งแกร่งที่สุดในยามเตรียมพร้อม’


สมแล้วที่เป็นผู้เล่นเจ้าของคลาสอีปิกคนแรกของโลก รวมถึงผู้เล่นคนแรกที่ค้นพบเมืองไซเรนและเรื่องราวของมูมัด


หลังจากกลายเป็นผู้สืบทอดมูมัด ยูเฟอมิน่าสร้างความสำเร็จมากมาย เทียบได้กับกริดสมัยก่อนจะเขียนบทกวีมหากาพย์


ยูเฟอมิน่าอมยิ้ม


“ต้องขอบคุณแรงสนับสนุนจากกิลด์”


กาลเวลาทำให้คนเติบโต


มันสัมผัสถึงความอ่อนโยนจากรอยยิ้มยียวนของยูเฟอมิน่า


กริดตบไหล่หญิงสาวพลางบอกเหตุผลของการมาเยือนแก่บราฮัม ผู้กำลังทำหน้าไม่พอใจด้วยเหตุผลบางประการ


“สอนเวทมนตร์ให้ฉันหน่อย”


ก่อนจะกลับมาที่ปราสาท กริดลองแวะโรงตีเหล็กและทำการทดสอบ


เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริดช่วยให้สามารถฝังเวทมนตร์ลงไปใน ‘ไอเท็มที่ผลิต’ โดยมีโอกาสสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์หากฝังเวทมนตร์หนึ่งชนิด


ยิ่งฝังเวทมนตร์ลงไปมาก โอกาสสำเร็จก็ยิ่งต่ำ


กริดจึงต้องการเรียนเวทมนตร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ทำได้


ต้องเป็นเวทมนตร์ชนิดใหม่ซึ่งไม่ซ้ำกับเวทมนตร์ที่แฝงมากับท่ารำดาบ


บราฮัมเคยกล่าวไว้ว่า ร่างกายของกริด ‘มีปราณดาบไหลเวียนอยู่ในทุกเส้นเลือดที่ควรเป็นวงจรเวทมนตร์’ ส่งผลให้ไม่เหมาะกับการเรียนเวท


แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะเรียนเวทมนตร์ไม่ได้เลย


ไม่ใช่ว่าล่าสุดก็เพิ่งเรียน ‘เป้าลวง’ มาหรอกหรือ?


โดยหลังจากนั้น กริดพัฒนาขึ้นมากแล้ว


มีเหตุผลใดที่จะเรียนเวทมนตร์ใหม่ไม่ได้?


บราฮัมจ้องหน้ากริดพลางผงกศีรษะ


“คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว… เพิ่งไปเจอเวทมนตร์ดีๆ ที่นายสามารถเรียนได้”


______________

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,961
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ




Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00