จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,441



“...”


มีร์ยืนสงบนิ่งจนกระทั่งน้ำแข็งที่ปกคลุมทะเลทราย รวมถึงเปลวไฟที่ลุกโชน เลือนหายไป


ความตายและความกลัว


เหล่านี้คือผลลัพธ์ที่มีร์ไม่เคยคิดถึงมาก่อน เป็นสิ่งที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า


มันนึกทบทวนประสบการณ์ที่ถูกศัตรูคุกคามอย่างหนักทั้งด้านร่างกายและจิตใจ


ทุกสิ่งเกิดขึ้นในตอนที่มันมัวแต่พะวงเกี่ยวกับการจ้องมองจากทวยเทพ


ความอับอายที่ร่างกายถูกผ่าครึ่ง


อารมณ์พิสดารที่กัดกินจิตใจในยามสัญชาตญาณระเบิดปะทุ


ในวินาทีนั้น มันคิดถึงแต่การเอาตัวรอด


มันเสียสติเพียงเพราะไม่อยากตาย


“ฮะฮะ”


เมื่อลองมองย้อนกลับไป มันเคยคิดว่าตัวเองเป็นบุคคลพิเศษ


ผู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์อันยากจะหาใครทัดเทียม แม้กระทั่งในหมู่ยังบัน


ดังนั้น มันจึงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ผู้อื่นมาตลอด


มันเชื่อว่าตนควรปกป้องทุกคน เพราะคนเหล่านั้นอ่อนแอกว่า


แต่เมื่อถูกทำให้กระจ่าง มันพบว่าตัวเองเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีสิ่งใดพิเศษ


“เจ้าละอายใจ?”


กริ๊ง


เสียงของเทพสงครามดังพร้อมกับเสียงกระดิ่งแผ่ว


มีร์โค้งศีรษะให้เทพสงครามที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะตอบอย่างสุภาพ


“เปล่า… ข้าดีใจ”


ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ฮานึล


มีร์เชื่อว่าสักวัน ตนจะต้องสละชีวิตนี้ไป จึงไม่เคยยึดติดหรือโหยหา


มันแค่เสียใจที่ตนไม่สามารถกลายเป็นเทพสงครามได้ก่อนที่มันจะจบลง


แต่วันนี้ มีร์ได้ตระหนัก


แม้จะเป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อใครบางคน แต่ตนกลับดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด


มันเป็นเพียงคนธรรมดา แต่เป็นคนธรรมดาที่คอยดูแลเอาใจใส่ผู้อื่นอยู่เสมอ


ความปรารถนาดีและความห่วงใยจากมีร์ มิใช่ความจองหองของผู้แข็งแกร่ง


มันเพียงเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของคนอื่น


เป็นศีลธรรมขั้นพื้นฐาน


และเป็นคุณสมบัติที่ดีในการเป็นเทพ


“เข้าใจแล้ว”


การ ‘ตระหนักรู้’ ของมีร์ทำให้ซือโหยวเผยรอยยิ้ม


มันสังเกตเห็นแล้วว่า แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่มีร์ก็มีคุณสมบัติของผู้สังหาร


กริ๊ง


มีร์จ้องแผ่นหลังซือโหยวที่เดินจากไปพร้อมเสียงกระดิ่ง ภายในใจนึกครุ่นคิด


การที่เหล่าทวยเทพแห่งอาณาจักรฮวานไม่สังเกตเห็นการต่อสู้เมื่อครู่ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความช่วยเหลือจากซือโหยว


***


ป่าแห่งจักรราศี


กริดกำหนดให้เป็นจุดคืนชีพก่อนออกเดินทางไปคายา


สิ่งแรกที่มันทำหลังจากลืมตา คือรีบตรวจสอบช่องสัมภาระ


กริดตรวจสอบค่าความคงทนของไอเท็ม รวมถึงมองหาไอเท็มที่อาจดรอปหลังความตาย


‘โล่พังไปสอง… มีดดรอปไปหนึ่งเล่ม’


แม้จะเป็นขยะ แต่ก็เป็นถึงสามในสิบอุปกรณ์รองที่กริดพกติดตัว


ไม่มีเทวภัณฑ์สูญหาย…


หลังจากปรับสภาพอารมณ์ กริดส่งข้อความเสียงไปหาครอเกล


> นายไม่ได้ดรอปอะไรใช่ไหม?


> ดาบเสือขาว


> หา? เรื่องจริงหรือ?


> ไม่จริง


> …ใช่เวลาหรือ?


จริงอยู่ ครอเกลนั้นพอจะมีอารมณ์ขันอยู่บ้าง


เช่นในทุกเหตุการณ์สำคัญ มันจะอ้างว่าแม่เรียกเสมอ (ซึ่งทุกครั้งล้วนเป็นความจริง)


แต่ก็ไม่ได้เป็นคนติดตลกขนาดนี้


‘หมอนั่นกำลังตื่นเต้น? ก็พอจะเข้าใจได้ล่ะนะ’


ครอเกลพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นอริยดาบโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาวิชาดาบไร้เทียมทาน


กริดจะโด่งดังและประสบความสำเร็จเหมือนทุกวันนี้หรือไม่ หากทักษะจำนวนวิชาดาบแพ็กม่าและการตีเหล็กของช่างตีเหล็กในตำนานถูกผนึกไว้?


คำตอบคือ ไม่มีทาง


และไม่ใช่แค่กริด


ไม่มีใครในโลกนอกจากครอเกลที่ทำแบบนี้ได้


ครอเกลคือราชาแห่งความขยันหมั่นเพียรและไม่ย่อท้อ อดทนจนถึงที่สุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในอุดมคติ


สมแล้วที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้ด้วยคลาสทั่วไป


ขณะกริดเริ่มเพลีย เสียงข้อความจากครอเกลยังคงดังตามมา


พวกมันแลกเปลี่ยนประสบการณ์การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่


จากนั้นก็ชี้ให้เห็นจุดบกพร่องของกันและกันพร้อมกับขบคิดหาทางแก้


ช่วงเวลาเช่นนี้มีค่ายิ่งกว่าทอง


ในช่วงท้ายของการย้อนฉาย ‘รีเพลย์’ พวกมันต่างเห็นตรงกันว่ามีร์อยู่ในระดับเดียวกับบาเอล


เพราะถ้ามีร์ไม่เก่งกาจทัดเทียมบาเอล ก็คงยากจะอธิบายถึงเหตุผลที่พ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชเช่นนี้


กริดและครอเกลได้เรียนรู้หลายสิ่ง รวมถึงได้ประเมินระดับฝีมือของตนในปัจจุบันอย่างแม่นยำ


กริดแซงหน้าอดีตตำนานไปเกือบทุกคนแล้ว ส่วนครอเกลก็ตามหลังไม่ห่างนัก


แต่ถึงอย่างนั้น การสู้กับมีร์ในปัจจุบันยังคงมีเพียงผลลัพธ์ ‘พ่ายแพ้’ รออยู่ในทุกความเป็นไปได้


แน่นอน บาเอลอาจแข็งแกร่งกว่ามีร์สักหนึ่งหรือครึ่งขั้น แต่การเปรียบมีร์เทียบเท่าบาเอลก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด


> หมายความว่า พวกอัครเทวทูตจะมีระดับเดียวกับบาเอลทั้งหมด?


> ก็คงงั้น เท่าที่ฉันทราบ มีร์ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อกรกับไลฟาเอล


> อา…


กริดไม่เคยเผชิญหน้ากับไลฟาเอล


นอกจากนั้น ตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับเทวทูตยังมีน้อยมาก ข้อมูลในปัจจุบันจึงไม่เพียงพอ


เพื่อจะช่วยเหลือเฮ็กเซเทีย มันต้องฝ่าฟันกองทัพเทวทูตที่นำโดยไลฟาเอลและคนอื่นๆ


หากไลฟาเอลแข็งแกร่งทัดเทียมมีร์ สถานการณ์คงยากลำบากไม่น้อย


ทันใดนั้น ครอเกลกล่าวบางสิ่งที่คาดไม่ถึง


> ฉันคิดว่านายไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น… สำหรับนาย มีร์คือศัตรูที่รับมือได้ยากกว่าบาเอลหรือไลฟาเอล


แม้ว่าภาพรวมของพวกมันจะแข็งแกร่งกว่ามีร์ แต่ศัตรูเหล่านั้นไม่มีพลังของเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศ โดยแหล่งพลังจะผูกอยู่กับพลังศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ปราณอสูรอย่างชัดเจน


> นั่นสินะ…


กริดเห็นด้วย


การที่ตนรับมือมีร์ได้ยาก เพราะอีกฝ่ายชำนาญเทคนิคการต่อสู้ที่ซับซ้อน ไม่ได้มีเพียงกายาและพลังที่เหนือกว่า


ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา มีร์ตกผลึกประสบการณ์และขัดเกลาฝีมือในการควบคุมพลังของเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศจนถึงแก่นแท้


พลังเหล่านั้นคือจุดแข็งอันดับหนึ่งของมีร์ และยังเหนือกว่าพลังเทพผู้พิทักษ์ในไอเท็มกริดอยู่หนึ่งขั้น


หากวัดกันแค่พลังฟีนิกซ์แดง กริดคงพอจะแข่งได้เนื่องจากมีหัวใจดวงที่เก้า แต่เมื่อต้องตัดสินด้วยภาพรวม มีร์ที่เชี่ยวชาญการใช้พลังของเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ใช่ตัวตนที่กริดจะเอื้อมถึงในตอนนี้


เหนือสิ่งอื่นใด มีร์ยังสามารถผนึกหัวใจฟีนิกซ์แดงของกริดได้ชั่วคราว


ถือเป็นศัตรูที่แพ้ทางหนักเกินไป


แต่กลับกัน หากเป็นบาเอลและไลฟาเอล ผลลัพธ์จะออกมาแตกต่างแน่นอน


กริดจะถือไพ่เหนือกว่าพวกมัน เนื่องจากสามารถสร้างได้ทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบอสูร


บาเอลและไลฟาเอลจะต้องบาดเจ็บแสนสาหัสหากพลาดท่าปล่อยให้กริดโจมตี


คล้ายกับมีร์ที่ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนด้วยดาบจันทราดับ


‘ไม่เพียงเท่านั้น ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบอสูรยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ไม่จบลงด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว ประสิทธิภาพจึงสูงกว่าดาบจันทราดับนับร้อยเท่า… และเรายังสามารถลดความเสียหายจากพวกมันได้ด้วยชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์หรืออสูร’


แต่ยังติดอยู่หนึ่งเรื่อง


ไม่ว่าจะเป็นไอเท็มศักดิ์สิทธิ์หรือไอเท็มอสูร กริดต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากโบสถ์รีเบคก้าและวิหารยาธาน


จริงอยู่ กริดสามารถสร้างพวกมันได้ด้วยโลหะธาตุศักดิ์สิทธิ์และธาตุอสูร แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ดาบศักดิ์สิทธิ์หรือดาบอสูรที่แท้จริง


‘ในด้านธาตุศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถยืมพลังของเซฮี… แต่ปัญหาคือธาตุอสูร’


ในช่วงหลายปีหลัง เซฮีตั้งใจเล่นซาทิสฟายอย่างมาก


เธอไม่เกียจคร้านแม้แต่วันเดียว เพราะยังพบว่าตนบกพร่องในการตะลุยเมืองแวมไพร์ระดับสูง


เซฮีมักจดจ่ออยู่กับการเก็บเลเวลและภารกิจประจำคลาสจนกระทั่งชั่วโมงออนไลน์ถึงขีดจำกัด


นอกจากนั้น เธอยังมีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางสังคมบนโลกภายนอก เช่นการเป็นอาสาสมัครและออกทีวี


แต่ปัญหาคือ ด้วยคุณสมบัติของคลาส เซฮียากจะเก็บเลเวลแบบโซโล่


ในบางสถานการณ์ การเก็บเลเวลก็ยิ่งช้าลงเนื่องจากเยริมไม่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่ ส่งผลให้เซฮีต้องคอยปกป้องสองคนพร้อมกัน


จุดเก็บเลเวลจึงมีเพียงแม็ปที่เกี่ยวกับอันเดดหรืออสูร


นอกจากนั้น พรสวรรค์ด้านเกมก็เซฮีก็มิได้โดดเด่นอะไรนัก


เธออาจฮีลเก่งและคอยคำนวณเวลาบัฟได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ระดับพรสวรรค์


อย่างไรก็ตาม ด้วยความพยายามอย่างหนัก ในที่สุดเซฮีก็ขยับเข้าใกล้ขอบเขตไฮแรงเกอร์


กริดอยากให้เซฮีอัปเลเวลเป็นสี่ร้อยโดยเร็ว


‘การตื่นของค่าสถานะครั้งที่สี่จะช่วยยกระดับ ‘พร’ กับ ‘บัฟ’ ที่แปรผันประสิทธิภาพตามค่าสถานะ นอกจากนั้นยังจะช่วยมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ถาวร… สิ่งนี้อาจนำมาสร้างเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่ยาก’


อาจไม่ทรงพลังเท่ากับดาบศักดิ์สิทธิ์ของรีเบคก้า แต่ชายหนุ่มเชื่อว่ามันคือของแสลงสำหรับเผ่าอสูรและจอมอสูร’


เช่นนั้นแล้ว มันต้องมองหาสิ่งที่ช่วยมอบธาตุอสูรได้จากไหน?


วิหารยาธานเป็นเพียงองค์กรเดียวที่สามารถสร้างดาบอสูร


และพวกมันคือศัตรูของกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


ย่อมช่วยไม่ได้ ในอดีต กริดเคยสังหารข้ารับใช้ยาธานไปมากมาย


‘…เผ่าเนตรมารจะมีพลังในทำนองนั้นรึเปล่า?’


มันมีกำหนดการต้องไปพบราชาเนตรมารพอดี


ในอดีต กริดจะรู้สึกอ่อนเพลียทุกครั้งหลังจากได้เข้าพบราชาเนตรมาร จึงพยายามหลบหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ปัจจุบันได้เวลาที่ต้องโผล่หน้าออกไปให้อีกฝ่ายเห็นบ้างแล้ว


“ท่านเทพคุณธรรม~”


“ท่านเทพโอเวอร์เกียร์”


เสือครามและสัตว์จักรราศีต่างกรูเข้ามาล้อมกริดหลังจากพบว่าชายหนุ่มกลับมาแล้ว


หลังจากตัดสินใจจะเข้าพบราชาเนตรมาร กริดเผยรอยยิ้มพร้อมกับหันไปมองทุกคน


***


“ราชินี?”


ครอเกลกล่าวว่า มันจะอยู่ที่คายาต่อ กริดจึงเดินทางกลับมายังทวีปตะวันตกตามลำพัง


และเมื่อถึงไรน์ฮาร์ท มันได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝัน


ย่าห์! ย่าห์!


มันได้ยินเสียงประหลาดมาจากสวนดอกไม้ และเดินเข้าไปพบไอรีนที่กำลังฝึกดาบ


“ฝ่าบาทกลับมาแล้ว!”


ตัวตนที่กำลังเปล่งประกายจากความพยายามบนทวีปตะวันออกของกริด


ภาพของไอรีนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและกลับไปอ่อนเยาว์อีกครั้ง ทำให้กริดมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก


แต่นั่นมิได้แปลว่าเธออัปลักษณ์ในยามที่มีอายุ


ในสายตากริด ไอรีนงดงามราวกับอัญมณีเสมอ


“ดีจังที่ฝ่าบาทปลอดภัย!”


เธออยากรีบเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับสบตาและสัมผัสลมหายใจของสามี


ไอรีนยกชายกระโปรงด้วยมือข้างเดียวพร้อมกับเดินเร็วๆ มาทางกริด


ภายในใจ เธออยากจะกระโดดโผกอดอย่างแนบแน่น


แต่ไอรีนวิ่งไม่ได้ เพราะในมือกำลังถือดาบไม้


จริงอยู่ แค่เธอวางดาบในมือลงและถือชายกระโปรงด้วยมือสองข้าง ก็สามารถวิ่งมาหากริดได้ไม่ยาก


แต่ไอรีนก็มิได้ทำ


เธอเคารพดาบ


เธอมิใช่นักดาบ แต่ก็พอจะสำนึกในบุญคุณอุปกรณ์ที่ช่วยให้ตนมีชีวิตที่สุขสบายอย่างทุกวันนี้


ทหาร อัศวิน และกริด ล้วนกวัดแกว่งดาบเพื่อสร้างสันติภาพให้อาณาจักร


องครักษ์ส่วนตัวของไอรีนก็เป็นอัศวินที่ใช้ดาบ


ดังนั้น ไอรีนไม่เคยมองดาบเป็นเพียงเครื่องมือ


เธอเคารพมันประหนึ่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์


วัตถุที่ไม่สามารถวางทิ้งส่งเดช


หัวใจกริดเริ่มเต้นระรัวเมื่ออ่านเจตนาและความคิดของไอรีนได้อย่างคลุมเครือ


มันยังจำได้ ในวินาทีแรกที่ตนตกหลุมรักไอรีน


และวันนี้เป็นการตกหลุมรักไอรีนครั้งที่ 156


‘…ไว้ค่อยไปหาราชาเนตรมารพรุ่งนี้’


กริดยิ้มพร้อมกับเดินไปหาไอรีน


มันจับไหล่เล็กๆ ของเธอพร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายด้วยสองแขน


จากนั้นก็หันไปกล่าวกับรอยแมน


“ต้องขอโทษด้วย แต่ฉันคงยกตำแหน่งอาจารย์ดาบของไอรีนให้ใครไม่ได้”


หัวหน้าองครักษ์รอยแมนฉีกยิ้ม


“ดิฉันก็ไม่คู่ควรที่จะชี้แนะองค์ราชินีด้วยพรสวรรค์อันต่ำต้อย”


รอยแมนได้รับการฝึกพิเศษโดยปิอาโร่และอัสโมเฟล


ฝีมือของเธอยอดเยี่ยมมากในหมู่อัศวินหลวง


แต่แน่นอน ยังห่างจากกริดหลายขุม


“เอาล่ะไอรีน… เธอต้องวางเท้าแบบนี้… ตั้งไหล่แบบนี้ ตามองทางนี้”


“หือ… นี่ไม่ใช่วิชาดาบของฝ่าบาทนี่?”


“…!”


ขณะกำลังแก้เชิงดาบของไอรีน กริดพลันตกตะลึง


เป็นเชิงดาบเก่าของกริดก่อนจะเปิดเส้นทางดาบของตัวเอง


มันประหลาดใจที่ไอรีนมองออกและถามกลับมาทันที


นี่มัน… เป็นเพราะสายเลือดของดยุคสไตม์ หรือเป็นเพราะบารมีเทพ?


หรือเป็นเพราะเธอคอยเอาใจใส่กริดมาโดยตลอด?


กริดจุมพิตแก้มไอรีนแผ่วเบาอย่างอดใจไม่ได้


“ถูกต้อง… นี่ไม่ใช่วิชาดาบของฉัน”


“แต่ฉันอยากเรียนวิชาดาบของฝ่าบาท”


“ฮะฮะ… วิชาดาบของฉันเน้นไปที่การสู้กับคนผู้มาก มันไม่เหมาะกับเธอ”


กองอัศวินที่ดีที่สุดของอาณาจักรจะถูกกำหนดให้ปกป้องข้างกายไอรีนเสมอ


ดังนั้น ในยามที่จำเป็นต้องจับดาบสู้ ศัตรูของไอรีนคงไม่มากไปกว่าสอง


เหล่าอัศวินหัวกะทิที่ถูกฝึกหนักโดยปิอาโร่และอัสโมเฟลโดยตรง แถมยังสวมใส่ยุทธภัณฑ์ชั้นยอดของกริด จะปกป้องไอรีนด้วยชีวิตไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูหลักพันหรือหลักหมื่น


ในกรณีเลวร้าย อาจมีหนึ่งถึงสองคนหลุดเข้ามาประชิดตัวเธอ


และนั่นคือเหตุผล


“นี่คือวิชาดาบที่ดีที่สุดสำหรับเธอ”


กริดกำลังสอนเชิงดาบของอริยดาบ


ไม่สิ มันสอนวิชาดาบของครอเกล


วิชาดาบของครอเกลที่กริดเห็นเมื่อครั้งสู้กับมีร์ เหมาะสมอย่างมากกับศึกดวลระยะสั้น


แน่นอน สิ่งที่จะสอนเป็นเพียงผิวเผิน


เฉกเช่นครอเกลที่ไม่สามารถเลียนแบบท่ารำดาบของกริด กริดเองก็มิอาจลอกเลียนแบบวิชาดาบครอเกล ต่อให้มี ‘พลังจิตไร้เทียมทาน’ ก็ตาม


อย่างไรก็ดี วิชาดาบของครอเกลมีจุดที่มือใหม่สามารถเลียนแบบท่าพื้นฐานได้อยู่


นั่นเพราะวิชาดาบของครอเกล คือสิ่งที่เข้าใกล้อุดมคติของครอเกลมากที่สุด


“ย่าห์!”


[ภรรยาของท่าน ‘ไอรีน’ เรียนรู้ความชำนาญดาบขั้นต้น]


ภาพของไอรีนที่กำลังทำท่าทางตามที่กริดสอน ช่วยให้ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง


นี่คือไอรีน


บุคคลแรกที่ทำให้กริดนึกอยากจะปกป้องโลก


และยังเป็นบุคคลที่ทำให้แนวคิดนั้นไม่เคยเปลี่ยนจวบจนทุกวันนี้

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,946
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00