จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,440
ดาบกรีดนภาคือวิชาดาบที่สร้างขึ้นโดยปิอาโร่สมัยยังเป็นจอมดาบ
ในฐานะท่าสวนกลับ มันถือเป็นวิชาดาบที่มีคุณค่าสูงมาก
แต่ในเชิงพลังทำลาย ลำพังตัวมันเองมิได้สูงมากนัก
ว่ากันตามตรง มันไม่ใช่วิชาดาบที่ควรเสียสละทักษะ ‘สร้างวิชาดาบ’ อันมีค่าเพื่อให้ได้มา
ทว่า ครอเกลตัดสินใจจะสร้าง ‘ดาบกรีดนภา’ ของปิอาโร่ให้เป็นของตัวเอง
การที่อริยดาบตัดสินใจสืบทอดวิชาดาบของใครสักคน สิ่งนี้ถือเป็นการให้เกียรติและยกย่องอาจารย์ที่เคยสอนสั่ง รวมไปถึงรุ่นพี่ที่เคยคิดจะเป็นอริยดาบมาก่อน
ใครบางคนอาจมองว่าไร้สาระ
แต่ครอเกลคือชายผู้ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งของโลก
สำหรับมัน ผู้เล่นและ NPC มิได้แตกต่างกัน
ครอเกลเคารพซาทิสฟาย เคารพโลกใบนี้
ด้วยแนวคิดดังกล่าว มันจึงสามารถสานสัมพันธ์อันมีค่าเป็นจำนวนมากและก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดปัจจุบัน
วิชาดาบที่จะสร้างปราณดาบ (หรือปราณบริสุทธิ์) และหักเหกระแสการไหลเวียน
วิชาดาบที่ถูกเรียกว่า ‘ดาบกรีดนภา’ เนื่องจากสร้างผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกับการแยกท้องฟ้า ถูกกรีดเฉือนลงบนร่างมีร์เข้าอย่างจังพร้อมกับปราณดาบอันท่วมท้น
‘เขาสังเกตเห็นว่าสะบั้นเศียรถูกอ่านออก? ไม่สิ เขาเดาว่าเราจะอ่านออก?’
การที่ตั้งท่าดาบให้เหมือนเตรียมใช้สะบั้นเศียร นั่นก็เพื่อหลอกให้มีร์คาดเดาล่วงหน้าและตายใจ เป็นการควบคุมศัตรูโดยการสร้างตัวแปรแบบชักนำ
มีร์รู้สึกราวกับตนเป็นปลาที่ติดเบ็ด
จากก้นบึ้ง มันชื่นชมไหวพริบและความแตกฉานของครอเกล
ทว่า แล้วจะไปมีความหมายอะไรหากจะใช้ท่าดาบซึ่งไม่ใช้วิชาดาบไร้เทียมทาน?
มันเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว กับท่าดาบทั่วไปที่มิอาจสร้างบาดแผลบนร่างกาย
“…!”
ดวงตามีร์พลันเบิกโพลง
เนื่องจากดาบหนักมังกรครามที่พัวพันกับดาบเสือขาว ได้พุ่งย้อนกลับและเสียบเข้าที่หน้าอกของตน
เป็นการโจมตีที่หนักหน่วงมาก
สำหรับวินาทีนี้ ดาบกรีดนภาแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
‘ลึกมาก’
เลือดหยดจากมุมปากมีร์
มันรีบนำออร่าเสือขาวมาวางไว้บนดาบหนักมังกรครามที่กำลังเสียบร่างตัวเอง
โดโปสีขาวพลันพัดกระพือ
มีร์รีบกระโดดหนีขึ้นไปในอากาศเพื่อหลบหลีกจากการโจมตีของกริดที่กำลังจะตามเข้ามาเสริม
กริดและครอเกลรีบไล่ตามพร้อมกับสาดพลังปราณอันเข้มข้นจำนวนมากเข้าใส่
ในเวลาเดียวกัน มีร์ใช้แขนข้างที่อาบออร่าเสือขาวปัดทำลายทิ้งได้ทั้งหมด
กริดและครอเกลกระหน่ำรัวทักษะอย่างไม่ย่อท้อ
พวกมันไม่ต้องการปล่อยให้โอกาสทองที่ครอเกลสร้างขึ้นอย่างยากลำบากต้องหลุดลอยไป
กริดกำลังต้องการทดสอบ ‘ความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน’
ส่วนครอเกลอยากทดสอบวิชาดาบไร้เทียมทานอยู่พอดี
ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อกับความจริงที่ว่า แม้จะเป็นครั้งแรก แต่ครอเกลกลับสามารถใช้ท่าดาบสิบสามชนิดได้อย่างชำนาญ
วิถีดาบของมันประณีตและเฉียบคมกว่าที่เคย
ทว่า นับตั้งแต่ดาบกรีดนภาเป็นต้นมา มันก็มิได้โจมตีมีร์เข้าเป้าจังๆ อีกเลย
‘เขาอ้างว่าเคยสู้กับมุลเลอร์มาแล้ว’
ไม่ผิดจากที่อวดอ้าง
มีความเป็นไปได้สูงว่า ต่อหน้ามีร์ มุลเลอร์ได้เผยแก่นของวิชาดาบไร้เทียมทานไปเกือบทั้งหมดแล้ว
ท่ามกลางการสลับบุกและรับ ครอเกลครุ่นคิด
จนได้ผลสรุปว่า การใช้วิชาดาบไร้เทียมทานกับมีร์ไม่ใช่คำตอบ จึงตัดสินใจเปลี่ยนวิชาดาบ
วิชาดาบไร้เทียมทานกลายเป็นวิชาดาบนิรนาม และมีร์ก็ยังตอบสนองได้ยอดเยี่ยม
ฝ่ามือมีร์กระแทกคางครอเกลเข้าอย่างจัง
เป็นสิ่งเดียวกับที่กริดเคยโดนในอดีต
[ท่านมิอาจฟื้นฟูจิตใจได้ชั่วขณะ]
[ท่านต้านทานล้มเหลว]
“…!”
ไม่ว่าสมองจะเคยถูกกระทบกระเทือนมากเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยคิดว่าร่างกายจะได้รับสถานะมึนงงทางกายภาพมาก่อน
ครอเกลเพิ่งตระหนักถึงระดับที่แท้จริงของมีร์เมื่อสาย ไม่มีทางเลือกนอกจากซวนเซและปล่อยดาบหลุดมือ
คล้ายกับมันไม่แยแสดาบที่หลุดไป ภายในใจเพียงต้องการควบคุมร่างกายให้ได้โดยเร็ว
“ครอเกล!”
กริดรีบใช้ชุนโป แต่ก็ช้าไปหนึ่งก้าว
ยังไม่ทันที่กริดจะเปลี่ยนตำแหน่ง ดาบหนักมังกรครามที่มีร์เหวี่ยงออกไปแล้ว กระแทกใส่หน้าอกครอเกลจนเกิดแผลลึก
บาดแผลครอเกลได้รับสถานะแช่แข็งและไฟฟ้าช็อตพร้อมกัน แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ มันกลับยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายและหลบหนีออกจากตำแหน่งดังกล่าวได้ในพริบตา
ต้องขอบคุณทักษะ ‘บทกวีสรรเสริญดาบ’
การที่ยังมีชีวิตรอดจากสถานการณ์เมื่อครู่มาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะมันมีค่าต้านทานน้ำแข็งและไฟฟ้า แต่เป็นเพราะครอเกลโอนถ่ายความเสียหายไปยังอาวุธรอง
เพื่อการนั้น ดาบเกรดยูนีคต้องแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ถูกมากเมื่อเทียบกับการรักษาชีวิต
กริดปลดปล่อยท่ารำดาบ ‘มายาร่ายรำสะพรั่ง’ และ ‘สะพรั่งทำลายล้างร่ายรำสังหาร’
“หืม…”
มีร์ที่ล้มเหลวในการฆ่าครอเกล ถูกกดดันให้ต้องถอย
มันเตรียมใช้ชุนโปเพื่อไล่ล่า แต่ประเมินแล้วคงเป็นไปได้ยากเนื่องจากกำลังถูกปราณดาบกลีบดอกไม้สีน้ำเงินเข้มบดบังสายตา
กริดเข้าไปเผชิญหน้ากับมีร์ที่เผากลีบดอกไม้ทิ้งอย่างง่ายดายด้วยสายฟ้า หลังจากบังคับหัตถ์เทวะออกมาปกป้องตัวเอง มันส่งข้อความไปตำหนิครอเกล
> นายจะช่วยชีวิตฉันได้ยังไงถ้าชิงตายไปก่อน?
อันที่จริง มันรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ไปตำหนิใคร
ในตอนที่ครอเกลใช้ดาบกรีดนภาเพื่อทำให้มีร์เสียงจังหวะ กริดมีเวลาหนีถมเถ
แต่กริดก็ไม่หนี และตัดสินใจบุกโจมตีมีร์พร้อมกับครอเกล
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันละทิ้งโอกาสที่จะมีชีวิตรอดด้วยมือตัวเอง
ครอเกลเงียบ
มันกำลังจดจ่อจนไม่ได้ยินข้อความที่กริดส่งเข้ามา
“เทพโอเวอร์เกียร์เอ๋ย พวกเจ้าข้ามีความสุขมาก แต่เกรงว่าในอีกไม่ช้า เทพของข้าคงจะ…”
มีร์ที่กำลังกล่าวอย่างสุภาพ พลันต้องปิดปากสนิท
เป็นเพราะดาบเสือขาวได้เสียบเข้าไปในหัวใจของมัน
ดาบมิได้หลุดจากมือครอเกลตั้งแต่ต้น แต่มันจงใจปล่อย
ดาบเสือขาวเติบโตมาพร้อมกับครอเกล และมีคุณสมบัติของ ‘ดาบจิต’
มันจะตอบสนองต่อเจตจำนงของครอเกล และสามารถใช้ท่าดาบได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนถือ
แม้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่ความรุนแรงของท่าโจมตีจะเทียบเท่ากับการใช้ด้วยตัวครอเกลเอง
ดาบเสือขาวพุ่งลงจากฟ้าประหนึ่งดาวตก เสียบทะลวงหัวใจมีร์เต็มแรง จากนั้นก็ฟันกรีดลงมาเพื่อแยกซี่โครงออกจากกัน
ครอเกลที่จดจ่อสมาธิเพื่อมองหาช่องโหว่อยู่นาน ในที่สุดก็ทำร้ายมีร์สำเร็จ
มันตอบกริดช้าไปเล็กน้อย
> มาตายที่นี่กันเถอะ
> อา…
เป้าหมายของครอเกลเปลี่ยนไปนับตั้งแต่พบว่ากริดไม่คิดจะหนี
เปลี่ยนจากการช่วยให้กริดรอด เป็นการสู้กับมีร์อย่างสุดกำลังโดยไม่มีอะไรจะเสีย
ไม่ว่าจะแบบไหน แต่นี่คือการตัดสินใจที่กริดเลือก และตนก็ต้องหาบทสรุปที่สอดคล้องกัน
ยิ่งมีเป้าหมายใกล้เคียงกัน ความร่วมมือและสามัคคีก็จะยิ่งถูกยกระดับ
“…ครอเกล”
ดวงตามีร์กำลังลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงฟีนิกซ์แดง
ภาพของครอเกลกำลังสะท้อนอยู่บนกระจกตาสีดำที่ระยิบระยับราวกับดวงดาว
“นามของเจ้า… จะเป็นอีกหนึ่งที่ถูกสลักไว้ในดวงวิญญาณของข้า”
วิญญาณคือสิ่งที่คงอยู่ตลอดกาลเพราะไม่มีวันถูกทำลาย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชื่อของครอเกลที่ถูกจารึกไว้ จะเป็นอมตะในใจมีร์ตลอดไป
เหมือนกับชื่อของมุลเลอร์และกริด
เปลวเพลิงที่สง่างามกำลังรักษาบาดแผลให้มีร์
แต่ยังคงรอยแผลเป็นเอาไว้
บาดแผลจากดาบที่ถูกฟันเป็นทางยาวตั้งแต่หัวใจจนถึงเอว
มีร์เก็บมันเอาไว้โดยไม่ยอมลบ
จากนั้น มันพูดกับกริด
“ในอีกไม่ช้า เหล่าเทพของข้าจะจับตามองที่นี่… มาปิดฉากความสนุกกันเถอะ”
กับคนทั้งสอง มีร์แลกดาบทั้งรุกและรับไปทั้งหมดแปดสิบเก้าครั้ง
ในแง่ของระยะเวลาที่ผ่านไป มันค่อนข้างสั้น แต่ก็เพียงพอสำหรับการถ่วงเวลาให้พวกพ้องหนีกลับเข้าอาณาจักรฮวานอย่างปลอดภัย
และหลังจากนี้ เหล่าทวยเทพจะมารวมตัวกันที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
จากนั้น พวกมันจะจ้องมองผืนดินและสำรวจกริดอย่างถี่ถ้วน
เทพแรกเกิด
เทพของอาณาจักรฮวานจะทราบทันทีว่า เทพแรกเกิดของชาวท้องถิ่นที่ต่ำต้อย แท้จริงแล้วมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่
เป็นศักยภาพที่มากพอจะทำให้พวกมันสูญพันธุ์
กริดในปัจจุบันคงยากจะรับมือความริษยาของทวยเทพ
เทพที่พ่ายแพ้ในสงครามชิงอำนาจและถูกขับไล่ ภายในใจย่อมเต็มไปด้วยความคับแค้น
ความริษยาของพวกมันเป็นสิ่งที่ห้ามดูแคลนโดยเด็ดขาด
ไม่มีทางที่พวกมันจะสานสัมพันธ์อย่างเป็นมิตรกับตัวตนที่อาจทำให้ตนสูญพันธุ์
และต้องไม่ลืมว่า พวกมันคือเทพที่ผนึกเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศเดิม
โดยไม่สนว่าต้องแลกมาด้วยสิ่งใด แต่กริดจะต้องถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก
นั่นจะกลายเป็นจุดจบของเทวตำนานที่ยังไม่ทันจะเบ่งบาน
มีร์ปรารถนาจะยุติการต่อสู้นี้เพื่อช่วยกริด
แต่จากมุมมองกริด สิ่งนี้เหลวไหลสิ้นดี
“ฉันเข้าใจที่นายพูดว่าสนุก”
ตัวมันเองก็สนุก
ในคราวก่อนที่พบกัน กริดรู้สึกราวกับได้แหย่ขาเข้าไปในนรกทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับสายฟ้าจากดาบหนักมังกรคราม
แต่ปัจจุบัน ตนสามารถปัดป้อง หลบหลีก และโต้กลับสายฟ้าดังกล่าว
สายฟ้าที่มีร์ยิงจากดาบหนักมังกรคราม ไม่ใช่สาระสำคัญของการต่อสู้อีกต่อไป
ด้วยเรื่องนี้เรื่องเดียว กริดสามารถพิสูจน์ฝีมือที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของตน นั่นทำให้ชายหนุ่มยินดีและสนุกสุดเหวี่ยงไปกับการต่อสู้
“แต่ฉันไม่เชื่อว่านายสามารถยุติการต่อสู้นี้ได้ตามใจชอบ”
ดาบไร้รูปเหยียดยาวอย่างเกรี้ยวกราด
เพียงมีร์เริ่มขยับดาบหนักมังกรคราม ดาบไร้รูปก็เข้าไปรัดพันร่างกายและเตรียมเสียบด้วยปลายแหลม
ในคราวก่อน มีร์หลุดออกไปด้วยชุนโป จากนั้นก็เผชิญหน้ากับครอเกลที่ดักรออยู่ปลายทาง ตามต่อด้วยการถูกรุมจากกริดและครอเกล
ทว่า คราวนี้ไม่เหมือนเดิม
มีร์ถูกดาบไร้รูปใช้หางแหลมๆ ของมันเสียบ
แต่สิ่งที่มันทำก็คือ ใช้มือเปล่าจับดาบไร้รูปพร้อมกับกระชากกริดเข้าไปหา
[ท่านได้รับความเสียหาย 25,050 หน่วย]
“คึ่ก!”
กริดส่งเสียงครวญครางเมื่อช่องท้องถูกดาบหนักมังกรครามเสียบทะลุ
มันได้แต่โทษในความอ่อนหัดของตัวเองที่ใช้จิตวิญญาณเสือขาวไม่ทัน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป
กริดถูกถีบซ้ำขณะพยายามชักดาบไร้รูปกลับ
มันล้มหงายหลังกระแทกพื้นและถูกแทงซ้ำด้วยดาบหนักมังกรคราม แต่ก็ไม่มีสิ่งร้องดังขึ้นเนื่องจากฝืนกลั้นเอาไว้
จิตวิญญาณเสือขาวถูกใช้ออกมาได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด
‘เราต้องพัฒนาความเร็วในการตอบสนองและใช้งานจิตวิญญาณเสือขาว’
กริดพยุงร่างขึ้น ปรับทัศนวิสัยให้เคยชิน ก่อนจะปลดปล่อย ‘นภา’
ปัจจุบัน ครอเกลกำลังตกเป็นฝ่ายตั้งรับเนื่องจากกริดล้มลง กริดจึงรีบหาวิธีกดดันมีร์
แน่นอน ท่ารำดาบนภา มิใช่สิ่งที่มีร์จะมองข้ามไปได้
นภาคือท่ารำดาบที่จะปลดปล่อย ‘ท่ารำดาบเดี่ยว’ ทั้งหมดที่กริดครอบครองอย่างไร้รอยต่อ
ทว่า แม้จะได้รับบาดเจ็บหลายหน แต่หลอดพลังชีวิตของมีร์ก็ยังเกือบเต็ม
จริงอยู่ ค่าสถานะของมีร์อาจทัดเทียมบาเอล แต่มันกลับยังหมกมุ่นอยู่กับเทคนิคและวิชา
ถ้าเปลี่ยนเป็นบาเอล ไม่ว่าจะกริดจะโจมตีด้วยสิ่งใด มันก็จะไม่แยแส
บาเอลจะทำเพียงปัดทิ้งเหมือนกับปัดแมลงวัน
แต่มีร์นั้นต่างออกไป มันเป็นประเภทที่ให้ความสำคัญกับ ‘เทคนิค’ ด้วยเหตุนี้ จิตวิญญาณแห่งความใฝ่รู้จึงพยายามวิเคราะห์ท่ารำดาบ ‘นภา’
ส่งผลให้กริดสามารถโจมตีสำเร็จครบห้าครั้งและเปิดใช้งานคุณสมบัติ ‘โจมตีจุดบอด’ ของดาบไร้รูป
ทันใดนั้น มีร์พลันตื่นจากภวังค์ชื่นชมท่ารำดาบนภา
สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่า ในอีกไม่ช้า ทวยเทพจะจ้องมองลงมา
‘เรามัวแต่ดื่มด่ำ… ต้องรีบทำให้จบ’
ฟีนิกซ์แดง เต่าดำ มังกรคราม และเสือขาว
มีร์ระเบิดพลังเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศออกมาพร้อมกัน
จากนั้น หลอดพลังชีวิตที่เคยเกือบเต็มของมันมีการเปลี่ยนแปลง
ค่าพลังชีวิตสูงสุดของมีร์เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า
ความเร็วและพลังโจมตีถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด
[ท่านได้รับความเสียหาย 50,430 หน่วย]
[ท่านได้รับความเสียหาย 49,600 หน่วย]
แม้กริดจะตั้งรับด้วยจิตวิญญาณเสือขาว แต่ความเสียหายก็ท่วมท้นเกินกว่าจะรับไหว
กริดอาจรอดดาบแรกด้วยโลกของเหนือมนุษย์ที่แท้จริง แต่ก็หนีไม่พ้นการถูกคว้าคอและกระหน่ำแทงอีกหลายชุด
ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงก่อนที่กริดจะหายใจเข้าออกครบหนึ่งครั้ง
[ตำนานจะไม่ตายโดยง่าย]
กริดถูกแทงจนเข้าสู่ภาวะอมตะ
มีร์ที่ยังคงจับคอกริดยกไว้ หันเหความสนใจไปทางครอเกล
มันเอนศีรษะเล็กน้อยเพื่อหลบดาบผ่ามิติที่แยกโลกออกจากกัน ตามด้วยการฟันสวนจนครอเกลหัวขาดและหมดลมหายใจ
ทันใดนั้นเอง
“…!”
ดวงตาของมีร์พลันเบิกโพลง
มันเกิดลางสังหรณ์ว่าตนจะสูญเสียการรับรู้จากร่างกายส่วนล่างทั้งหมด
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ มันยืนยันว่าลางสังหรณ์ของตนไม่ผิดพลาด
ในทัศนวิสัยของตน มีร์เห็นว่า ‘ครึ่งล่าง’ ของลำตัว กำลังเดินโซเซตามลำพังโดยไม่มีท่อนบน
ใบหน้ามีร์กระแทกพื้นพร้อมกับกระอักเลือดคำใหญ่
ร่างของมันถูกกริดฟันขาดเป็นสองท่อน
นับตั้งแต่เกิด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกอย่างแท้จริง จึงอดไม่ได้ที่จะผงะด้วยความทึ่ง
จากนั้น ‘สัญชาตญาณ’ ของมีร์ที่ถูกเหตุและผลสะกดไว้ตลอดเวลา พลันปะทุออก
สัญชาตญาณการเอาตัวรอด
พลังของเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศผสมผสานกลายเป็นปีกเทวทูตเทียม
พวกมันเริ่มหมุนและตัดทำลายทุกสิ่งในบริเวณใกล้เคียง
แน่นอน ทุกสิ่งนั้นรวมถึงกริด
‘บ้าจริง… มาได้แค่นี้รึไง…’
ทัศนวิสัยถูกบดบังจนมิอาจใช้ชุนโปหลบหลีก
การสูญเสียแขนไปหนึ่งข้าง คือแต้มต่อใหญ่เกินไปสำหรับกริด
ในการต่อสู้ สมดุลระหว่างรุกและรับเปลี่ยนแปลงจะไปจากปรกติค่อนข้างมาก
จริงอยู่ การใช้เขตแดนเพลิงเทพจะช่วยให้แขนของมันงอกใหม่ได้ถ้ามีเวลามากพอ
แต่น่าเสียดาย เขตแดนพายุเพลิงเทพถือเป็นขนมหวานของมีร์ แถมยังมีโอกาสที่โลกจินตภาพของตนจะถูกทำลายและเกิดความเสียหายที่ใหญ่กว่าการเสียแขนตามมา
นั่นคือต้นตอของปัญหา
การเผชิญหน้ากับมีร์ พลังของเทพผู้พิทักษ์จะถูกลดทอนความสามารถลงหลายส่วน
‘แต่ตอนนี้ เราไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว’
กริดตัดสินใจเปิดใช้งานเขตแดนพายุเพลิงเทพ
มันไม่ต้องกังวลทุกปัญหา เพราะปัจจุบันกำลังอยู่ในภาวะอมตะ
กริดฉวยโอกาสจากขณะที่บัฟ ‘โจมตีจุดบอด’ ยังแสดงผล ปลดปล่อยวิชาดาบไร้พ่าย
จากนั้น มันเก็บดาบผสาน <ดาบไร้รูป+ดาบจันทราดับ> และนำดาบมังกรเพลิงออกมาถือ
ดึงศักยภาพซ่อนเร้นถูกใช้งาน ต่อด้วยการกระหน่ำยิงคลื่นดาบทุกชนิดรวมถึงวิชาดาบราชาไร้พ่าย
ร่างกายของกริดยังคงถูกปีกเทวทูตเทียมกระหน่ำฟัน แต่มันมิได้แยแส
ชายหนุ่มเหวี่ยงดาบเป็นครั้งสุดท้าย
แม้จะต้องตาย แต่การตายต้องไม่ไร้ความหมาย
มันอยากประเมินค่าพลังป้องกันและพลังชีวิตของมีร์ ด้วยการปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองมี
[ท่านเสียชีวิต]
เมื่อการดิ้นรนจบลง กริดเสียชีวิต
“หืม…”
เทพแห่งอาณาจักรฮวานกำลังอยู่ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าบอกว่ามีเรื่องเกิดขึ้น… แต่ดูเหมือนจะรู้ผลแล้ว”
“ก็แค่เรื่องเล็กๆ …”
หลังจากตรวจสอบภาพบนผิวน้ำ พวกมันพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับที่พักของตัวเอง
ภาพที่พวกมันเห็นก็คือ มีร์กำลังยืนตามลำพังท่ามกลางผืนทะเลทรายที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งและเปลวเพลิง
ทวยเทพแห่งอาณาจักรฮวานมิได้สังเกตเห็นแผลเป็นใหม่บนร่างกายที่กำลังยืนเด่นสง่า
Comments
Post a Comment