จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,446



<รายการฆ่า>


กำหนดเป้าหมายของการลอบสังหาร


ทุกการเพิ่มเลเวลของเคล็ดวิชาลันเทียร์หนึ่งระดับ จะเพิ่มจำนวนการกำหนดเป้าหมายได้สามครั้ง


* หากเป้าหมายอยู่ภายในระยะประสาทสัมผัส การระบุตำแหน่งจะง่ายขึ้น


ความแม่นยำและอัตราการโจมตีจุดอ่อนใส่ ‘เป้าหมาย’ จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความเสียหายที่สร้างต่อ ‘เป้าหมาย’ จะเพิ่มขึ้นจากปรกติสามเท่า


ผลข้างต้นจะคงอยู่จนกว่าเป้าหมายจะเสียชีวิต


* หากเป้าหมายถูกสังหาร เป้าหมายที่ถูกกำหนดจะถูกทำลายเป็นการถาวร


อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติดังกล่าวจะไม่ส่งผลกับสิ่งมีชีวิตพิเศษบางชนิด


หากเป้าหมายเป็นผู้เล่น บทลงโทษความตายจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ต่ำสุดสามเท่า


จำนวนการฆ่าที่ยังหลงเหลือ: 8/9


เป้าหมายการฆ่าปัจจุบัน: พอลด์ (ลิชที่ผู้เล่น ‘แอ็กนัส’ เป็นเจ้าของ)


<รายการสังหาร> เป็นทักษะประเภทเดียวกับ ‘ออกแบบไอเท็ม’ ของกริด


มันมิได้สร้างประโยชน์กับผู้ใช้อย่างเป็นรูปธรรม


เป็นทักษะที่จะสูญเสียจำนวนครั้งเพื่อแลกมากับการฆ่าเป้าหมาย


แม้จำนวนครั้งจะค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ช่วยให้น่ายินดีสักเท่าไร


เป็นทักษะที่ค่อนข้างห่วยเมื่อเทียบกับ ‘ออกแบบไอเท็ม’ ที่สามารถผลิตพิมพ์เขียว ทักษะ ‘สร้างวิชาดาบ’ ซึ่งสามารถออกแบบวิชาดาบที่ทรงพลังที่สุด และ ‘สร้างคนตาย’ ซึ่งสามารถสร้างหุ่นเชิดที่ทรงพลังเพื่อการรบ


ทว่า เฟคเกอร์กลับชอบมันมาก


รายการสังหารถือเป็นทักษะที่นำเสนอหน้าที่ของนักลอบสังหารได้อย่างชัดเจน


นอกจากนั้น มันยังทรงพลังมาก


เป็นทักษะที่จะเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการฆ่า เป็นราวกับการติดปีกให้กับนักลอบสังหารที่เก่งกาจการต่อสู้ระยะสั้น


มันมั่นใจว่าบาเรียคุ้มกายที่แข็งแกร่งของพอลด์ ซึ่งน่าจะถูกจำแนกให้เป็น ‘มหาเวท’ จะถูกทำลายด้วย ‘การโจมตีธรรมดา’ ของตน


สมกับเป็นทักษะที่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้งาน


นอกจากนั้น มันยังหมุนเวียนการใช้ ‘เคลื่อนเงา’ อย่างต่อเนื่องโดยอาศัย ‘ภูตลม’


จนในที่สุด มีดเงาที่สามารถส่งเป้าหมายลงนรก สัมผัสเข้ากับท้องพอลด์


เป็นผลพวงมาจากการช่วยเหลือของป็อนที่เกิดขึ้นในจังหวะแสนเหมาะเจาะ


[เป้าหมายทำให้ความเสียหายไร้ผล]


การโจมตีหนึ่งครั้งยังไม่เกิดผลลัพธ์ แต่ดวงเฟคเกอร์ยังคงเยือกเย็น


เป็นเวลานานแล้วที่มันคุ้นเคยกับ ‘พลังเฟอร์ฟู’ ที่แนบมากับอักขระแห่งความตาย


ไม่เพียงจะช่วยให้ร่างต้นของผู้อัญเชิญแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังมีผลทำให้การโจมตีที่ ‘ร่างอัญเชิญ’ ได้รับไร้ผลสองครั้ง


เฟคเกอร์ไม่มีทางลืมพลังที่แอ็กนัสเปิดเผยเมื่อสองปีก่อน ในตอนที่มันปะทะกับกริดซึ่งๆ หน้า


เฟคเกอร์ขยับมีดอย่างเยือกเย็นโดยปราศจากอาการตื่นตระหนก


มันแทงมีดจมลึกพร้อมกับยืนยันว่าความเสียหายครั้งที่สองก็ยังเป็นหมัน


มันสั่นสะเทือนเงารอบๆ ใบมีดเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ ‘โจมตีหลายครั้ง’


เป็นการดัดแปลงทักษะ ‘กงล้อวิญญาณ’ ที่สามารถใช้ขยับเงาได้ตามใจนึก


มานาของมันถูกผลาญไปไม่น้อยจากการบังคับเงาและทหารเงาจำนวนมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา


นักลอบสังหารในตำนานสามารถใช้พลังชีวิตแทนมานาได้


ในเมื่อมานาหมดลง มันจะยังสามารถสละพลังชีวิตเพื่อใช้ทักษะ


เป็นเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างงดงามในช่วงเวลาแสนสั้น


นี่คือนักลอบสังหาร


เฟคเกอร์เลิกคิดเรื่องที่จะมีชีวิตอยู่


เพราะท้ายที่สุด แอ็กนัสแข็งแกร่งขึ้นมากตลอดหลายปีที่มันซ่อนตัว


“คึ่ก!”


ในที่สุดพอลด์ก็ได้รับบาดเจ็บ


บาเรียที่ทรงพลัง กำแพงอันเดด และพลังจากอักขระแห่งความตาย


ทุกสิ่งที่เคยปกป้องมัน ล้วนถูกทำลายจนหมดสิ้น และแม้แต่วิญญาณของมันก็กำลังจะหายไป


ตาย – คราวนี้มันกำลังจะตายจริงๆ


ร่างกายพอลด์เริ่มสั่นเทาเมื่อตระหนักว่า เวทมนตร์ที่ก่อตัวเป็นเค้าโครงพยุงร่างกายในฐานะภาชนะดวงวิญญาณ ค่อยถูกทำให้รั่วไหลออกไป


มันหวาดกลัวจนไม่กล้าสบตากับเฟคเกอร์


นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมาที่มันหวาดกลัวต่อความตายที่กำลังคืบคลาน แม้จะเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งก็ตาม


เขื่อนกำลังจะพังทลาย


แก่นของลิชที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังเวทอันไร้สิ้นสุดเริ่มแตกร้าว


เป็นรอยแตกที่มิอาจเชื่อมกลับมาเป็นเหมือนเดิม


“อ๊ากกก…!”


ในวินาทีแห่งความเป็นความตาย


พอลด์ที่ตระหนักถึงจุดจบ ฝืนเอาชนะอุปสรรคจากดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า


มันเพิกเฉยต่อแก่นที่กำลังสั่นเทา จดจ่อสมาธิอยู่กับการร่ายมหาเวทที่ซับซ้อน


บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ชายผู้โด่งดังชนิดที่ชนรุ่นหลังเคยได้ยินชื่อเสียง ยามกำลังปกป้องศักดิ์ศรีสุดท้ายอย่างเต็มฝีมือ


มันไม่คิดจะตายตามลำพัง


เป็นเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะลากเทพมรณะตรงหน้าให้ลงนรกไปพร้อมกัน


ทว่า แอ็กนัสลงมือได้เร็วกว่าความตั้งใจอันแน่วแน่ของพอลด์


อัศวินความตายตัวใหม่โผล่ขึ้นจากเงา คว้าคอเฟคเกอร์และทุ่มลงพื้น


แก่นลิชของพอลด์ที่เกือบแตกสลาย ยังคงสภาพไว้ได้อย่างเต็มกลืน


อัศวินความตายที่ยืนคร่อมเฟคเกอร์ เสียบมีดเข้าไปในตัวเฟคเกอร์


พอลด์คุ้นเคยกับกลิ่นอายของชายที่เคลื่อนผ่านเงาด้วยร่างโครงกระดูกเป็นอย่างดี


“ลำดับยี่สิบห้า…”


“ดิ้นรนจนน่ารำคาญ”


แอ็กนัสย่างกรายเข้ามาใกล้


เสียงของมันอาจฟังดูสุขุม แต่ฝีเท้าค่อนข้างหนัก


คล้ายกับกำลังข่มความโกรธ


“รู้อะไรไหม… คนที่กำลังเหยียบย่ำนายอยู่ แท้จริงแล้วเป็นแค่ไอ้งั่งไร้สมอง… พลังของมันห่างไกลจากตำนานที่แท้จริงมาก จึงพ่ายแพ้ต่อฉันและกลายเป็นทาสรับใช้… อา… พูดแบบนี้ไปคงไม่เกิดประโยชน์ แต่อย่าลืมว่า ในตอนที่นายเพิ่งย่างกรายเข้าสู่หมู่เกาะเบเฮ็น เจ้านี่ก็ไม่อยู่แล้ว”


แอ็กนัสกำลังยั่วยุ


มันสามารถช่วงชิงลันเทียร์สำเร็จก่อนที่เฟคเกอร์จะรู้จักหมู่เกาะเบเฮ็นเสียอีก


ตำนาน? เทพสังหาร? ไม่ว่าจะพยายามไล่ตามสักแค่ไหน นายก็เป็นได้แค่เด็กอมมือถ้าเทียบกับฉัน


นี่คือความนัยแฝงจากแอ็กนัส


“…”


เฟคเกอร์มิอาจขยับเขยื้อนร่างกาย


โดยไม่กล่าวสิ่งใด มันทำเพียงจ้องดวงตาที่ว่างเปล่าของลำดับยี่สิบห้า ผู้กำลังกดทับร่างกายและเงาของตน


จากกระดูกที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก เฟคเกอร์สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง


ความเศร้าที่แปรเปลี่ยนเป็นคำวิงวอน


‘ได้โปรด… ฆ่าฉัน’


คล้ายกับเฟคเกอร์ได้ยินเสียงเหล่านี้


นั่นไม่ใช่ภาพลวงตา เพราะหน้าต่างข้อความระบบแสดงภารกิจกำลังแจ้งเตือนต่อหน้าเฟคเกอร์


เนื้อหาระบุว่า จงกำหนดให้ลันเทียร์ลำดับยี่สิบห้าเป็นเป้าหมายใน <รายการสังหาร> และฆ่าทิ้ง


นี่มิใช่เพื่อแสดงความเคารพต่อรุ่นก่อน


มิใช่ความเห็นใจที่ต้องการให้อีกฝ่ายได้หลับพักผ่อนชั่วนิรันดร์


การที่ภารกิจประจำคลาสกำหนดให้ทำเช่นนั้น ก็เพื่อมิให้เคล็ดวิชาของลันเทียร์รั่วไหลออกสู่ภายนอก


ระบบจำแนกให้ลันเทียร์ลำดับยี่สิบห้าคือคนนอก


ศพที่ฝังอยู่ใต้ดิน ถูกขุดขึ้นมาและอันตรธานหาย


ในภายหลัง ลำดับยี่สิบห้ากลายเป็นข้ารับใช้ของผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล ไม่แปลกที่จะถูกหวาดระแวง


“ฉันต้องเสียเวลาไม่น้อยเพื่อทวงคืนความรู้และวิชาของคนตายสมัยที่ยังมีชีวิต ช่วงเวลาดังกล่าวทั้งน่าหงุดหงิดและสิ้นเปลืองพลังงานอย่างมาก เจ้านี่เป็นไพ่ที่ฉันเองก็ไม่อยากงัดออกมาใช้สักเท่าไร… ชิ!”


แอ็กนัสขมวดคิ้วจนแทบชนกัน


มันคือหนึ่งในผู้เล่นแถวหน้าที่เพ่งเล็งไปยังหมู่เกาะเบเฮ็นในช่วงเวลาใกล้ๆ กับกริด


แตกต่างจากกริด แอ็กนัสไปไม่ถึงเกาะสุดท้าย แต่ก็สามารถเคลียร์เกาะหมายเลข 61 ที่ปกป้องโดยลันเทียร์ได้ก่อนกริด


หากนับเวลาจากโลกซาทิสฟาย ตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากงานแข่งนานาชาติครั้งที่สองจบลงได้ไม่นาน ใกล้ๆ กับการรุกรานโลกของจอมอสูรลำดับ 32 บีเลียล


ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แอ็กนัสพยายามอย่างหนักที่จะฟูมฟักลันเทียร์


แม้กระทั่งในยามที่เป็นหมาบ้า ในยามที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มันก็ยังเล็งเห็นคุณค่าในตัวอัศวินความตายอดีตตำนานตัวนี้


แต่ปัญหาคือ มันรู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ส่งผลให้พัฒนาการไม่มากเท่าที่ควรแม้จะผ่านไปหลายปี


เมื่อนึกทบทวนกลับไป มันรังเกียจตัวเองที่ไร้ความสามารถและเอาแต่บ้าบอไปวันๆ


ที่ต้องดิ้นรนอย่างหนักในทุกวันนี้ก็เพราะเหตุผลดังกล่าว


หลังจากสลัดความรู้สึกเกี่ยวกับคนรักเก่าและคืนสติ สิ่งแรกที่มันทำคือการปลุกปั้นลันเทียร์


เป็นความพยายามที่มันลงมือทำอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน


แต่ถึงอย่างนั้น ลันเทียร์ก็ยังไม่พร้อมใช้งาน


เป็นไพ่ที่ยังไม่พร้อมจะใช้ในสนามรบ


ความล้มเหลวในการพัฒนาวิชาเป็นเพียงปัญหารอง


ปัญหาหลักก็คือ อีโก้ของลันเทียร์ทรงพลังเกินไป


การอัญเชิญแต่ละครั้งต้องสิ้นเปลืองค่า ‘ปกครอง’ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากลันเทียร์เริ่มฟื้นคืนความทรงจำและตัวตนสมัยยังมีชีวิต


มันควรต้องถูกผนึกเอาไว้อย่างน้อยอีกครึ่งปี


ว่ากันตามตรง แอ็กนัสอยากยกเลิกการอัญเชิญเสียตั้งแต่ตอนนี้


ยิ่งระยะเวลาในการอัญเชิญนานขึ้น การดิ้นรนจากอีกฝ่ายก็ยิ่งรุนแรง


‘อีกแค่นิดเดียว…’


เฟคเกอร์ยังอยู่ในภาวะอมตะ


มีโอกาสสูงมากที่การตรึงเฟคเกอร์จะถูกยกเลิกหากมันสลายลันเทียร์ไปก่อนหน้านั้น


‘สามวินาที’


แอ็กนัสกะเกณฑ์ระยะเวลาบัฟอมตะ พลางมองไปยังสนามรบ


มันเห็นป็อนและอัศวินกำลังตีฝ่ากองทัพอันเดดเข้ามา


เป็นหน่วยรบที่มีจำนวนราวห้าสิบคน ทุกคนใช้หอกและขี่ม้าอย่างชำนาญประหนึ่งเป็นอวัยวะของร่างกาย


จำนวนอาจไม่เทียบเท่าหน่วยโอเวอร์เกียร์เงา แต่ขุมกำลังภาพรวมนั้นมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน


อัศวินเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น


พวกมันมีเอกลักษณ์แตกต่างจากนักลอบสังหาร จุดที่ชัดเจนที่สุดคือความถึกทน


ทว่า ตัวป็อนยังด้อยกว่าเฟคเกอร์อยู่หนึ่งขั้น


เพียงพอที่จะให้แอ็กนัสปิดฉากเฟคเกอร์ขณะกองทัพผีดิบช่วยยื้อเวลา


“แอ็กนัสสสสส!”


ป็อนแหกปากพร้อมกับแผ่จิตสังหารในยามที่เห็นเฟคเกอร์กำลังจะตาย


ในสายตาแอ็กนัส ฉากตรงหน้าช่างน่าขัน


สำหรับผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลอย่างมัน จำนวนผู้เล่นที่ต้องกังวลมีเพียงหยิบมือเดียว


ชื่อเสียงของป็อนนั้นไม่เลว แต่ก็มิได้น่าพรั่นพรึงขนาดนั้น


เป็นความแตกต่างในเชิงระดับตัวตน


“ในบางครั้ง นายอาจไม่เข้าใจพฤติกรรมของศัตรู และอาจรู้สึกโมโหเป็นบางคราว… แต่นายก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้… เพราะนั่นคือชะตากรรมของผู้อ่อนแอ”


ย้อนกลับไปในช่วงที่ยังเป็นหมาบ้า แอ็กนัสระเบิดสิทธิ์ของผู้แข็งแกร่งตลอดเวลาโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


นั่นเพราะมันเคยเรียนรู้จากอดีตว่า ผู้อ่อนแอมีชะตากรรมต้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า


แต่เมื่อย้อนนึกกลับไป มันพบว่าตนช่างโง่เขลาเหลือเกิน


ในบางครั้ง บางการกระทำก็มีความหมาย


เพราะแทนที่จะสู้เพื่อคนอื่น มันอยากสนองความต้องการให้ตัวเองก่อน


ในชีวิตนี้ ขอมีความสุขสักครั้งบ้างไม่ได้หรือ?


“ฆ่ามันซะ”


ในวินาทีที่มันออกคำสั่งกับลันเทียร์ ‘ค่าปกครอง’ จำนวนมหาศาลพลันถูกสูบ


จำนวนของกองทัพอันเดดลดลงจนเห็นชัดด้วยตาเปล่า


อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่ปัญหา


ขอเพียงลบเฟคเกอร์ออกไปได้ ทุกสิ่งก็จะง่ายขึ้นมาก


การเคลื่อนไหวของลันเทียร์มิได้ว่องไวเหมือนตอนแรก เป็นเพราะเฟคเกอร์เองก็พยายามต่อต้านด้วยเงา แต่ในท้ายที่สุด มันก็จ่อปลายมีดไปทางศีรษะสำเร็จ


แต่ในวินาทีที่กำลังจะฆ่าเฟคเกอร์


ผืนผ้าสีแดงปกคลุมการมองเห็นของแอ็กนัส


เป็นผ้าผืนยาว


หากสวมใส่ตามปรกติ มีโอกาสมากที่จะลากไปกับพื้น


แต่ชายคนนี้กลับสวมใส่โดยไม่แสดงท่าทีรุ่มร่ามแม้แต่น้อย


“แอ็กนัส”


บุรุษอีกหนึ่งคนปรากฏกายบนสนามรบอย่างเงียบเชียบ หากปราศจากผ้าคลุมสีแดงเข้มที่กำลังพัดกระพือ แอ็กนัสคงยากจะสังเกตเห็นอีกฝ่าย


ดวงตาของมันแน่วแน่ราวกับจะไม่หวั่นไหวหากต้องเผชิญหน้ากับพายุ


เป็นความหยิ่งทระนงและองอาจในระดับผู้ปกครอง


มีดสั้นของลันเทียร์หันไปแทงใส่ชายคนดังกล่าวแทนเฟคเกอร์ทันที


เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของแอ็กนัส


แต่มิใช่เพราะแอ็กนัสมีค่าปกครองไม่เพียงพอ ตรงกันข้าม ลันเทียร์ถูกบรรยากาศข่มขวัญจนต้องเลือกทำตามสัญชาตญาณมากกว่าคำสั่ง


ประสาทสัมผัสกำลังร้องเตือนลันเทียร์ว่า ชายคนนี้อันตรายอย่างยิ่ง จนถึงขั้นต้องรีบลงมือโดยไม่ไตร่ตรอง


ในวินาทีดังกล่าว มันคลาดสายตากับเป้าหมายหลักที่ตนต้องจัดการ


ทันทีที่ผ้าคลุมสีแดงสัมผัสกับมีดสั้น มันแปรสภาพกลายเป็นเงาและแยกออกจากกัน


เพียงไม่กี่อึดใจ เงาจำนวนมากกลายเป็นค้างคาวหลายสิบตัว


ในที่สุด สายลมที่รายล้อมชายคนดังกล่าวก็หยุดลง


ชายผ้าคลุมสั้นลงเล็กน้อย ความยาวเหลือเพียงข้อเท้า


“ในสายตาของนาย เราคงเป็นผู้ร้าย… ต้องขอโทษสำหรับเรื่องนั้นด้วย”


ชายคนดังกล่าวกล่าวอย่างขื่นขมพลางชักดาบออกมาฟัน


เป็นการฟันในแนวเฉียง


แม้แต่ระบบช่วยอ่านวิถีดาบของแอ็กนัส (อิงจากค่าความว่องไว) ก็ยังมองเห็นเพียงเส้นดาบอย่างคลุมเครือ


แอ็กนัสมองเห็นผลลัพธ์การโจมตีในวินาทีถัดมา แต่มันมองไม่เห็นกระบวนการระหว่างนั้น


ภาพที่มันเห็นก็คือ กะโหลกของลันเทียร์ที่แตกละเอียดโดยมีค้างคาวรายล้อม


พลังคลื่นกระแทกที่ดูคล้ายกับลมหายใจมังกรนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก


“คึคึก!”


แอ็กนัสหัวเราะในลำคอ


เป็นเพราะในเวลานี้ มันกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ตนไม่เข้าใจ เฉกเช่นคำพูดที่เพิ่งกล่าวกับป็อนและเฟคเกอร์ไปเมื่อครู่


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,954
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00