จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,449



ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลเป็นคลาสที่มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มิได้ครอบจักรวาล


หนึ่งในข้อบกพร่องพื้นฐานที่สุดก็คือ: ไม่สามารถกำหนดจุดคืนชีพ


เมื่อมันตาย จุดเกิดคือนรก


นับตั้งแต่ถูกยกระดับกลายเป็นตำนาน ปราณอสูรของมันก็ยิ่งทวีความเข้มข้นจนกลายเป็นข้อจำกัด


เป็นข้อจำกัดที่น่ารำคาญมาก ใช้เวลานานนับเดือนกว่าจะกลับไปยังตำแหน่งก่อนหน้า


นอกจากนั้น อีกหนึ่งสิ่งที่คอยกวนใจมันมานานก็คือ เรื่องที่มิอาจเปิดเกตนรกได้ด้วยตัวเอง


ไม่ต้องดูที่ไหนไกล แค่ปัจจุบันก็พอ


มันบอกให้เซพาเดียเปิดเกต แต่ไอ้ลูกโสเภณีเซพาเดียปฏิเสธ


ส่งผลให้แอ็กนัสต้องติดแหง่กอยู่ในนรก


> ผู้สืบทอดแพ็กม่าแข็งแกร่งเกินไป เจ้าควรบอกข้าให้เร็วกว่านี้… อ๊บ! ข้าทราบเรื่องที่เจ้านั่นเป็นเหนือมนุษย์และกำลังสั่งสมบารมีเทพ แต่ประเมินฝีมือไว้แค่ระดับมุลเลอร์เท่านั้น… ข้ามองผิดไป


“คำก็มุลเลอร์ สองคำก็มุลเลอร์… ทำไมถึงต้องใช้มุลเลอร์เป็นบรรทัดฐาน? ชายคนนั้นแทบไม่เคยทิ้งความสำเร็จใดๆ ไว้เลย”


มนุษยชาติต่างยกย่องมุลเลอร์ ชายผู้ผนึกจอมอสูรมากมายและถูกยกให้เป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์


ในสายตาแอ็กนัส นี่คือเรื่องเหลวไหลสิ้นดี


จอมอสูรส่วนใหญ่ที่ถูกมุลเลอร์ผนึกล้วนอยู่ในลำดับต่ำ


เฮลกาโอเป็นเพียงจอมอสูรหลักเดียว และมุลเลอร์ก็เอาชนะได้บนโลกกึ่งกลาง มิใช่ในนรก


ความสำเร็จส่วนใหญ่ของมุลเลอร์เป็นเรื่องที่น่าเบื่อจำพวก ปกป้องเมืองหรือช่วยชีวิตผู้คนจากสัตว์อสูร


เป็นไอ้กระจอกโดยสมบูรณ์เมื่อเทียบกับกริด


แอ็กนัสรู้สึกหัวเสียทุกครั้งที่ได้ยินเซพาเดีย บริวารของบาเอล สรรเสริญมุลเลอร์ราวกับยอดเยี่ยมเสียเต็มประดา


เซพาเดียเข้าประเด็น


> ผู้สืบทอดแพ็กม่ายังปรากฏตัวไม่ถึงยี่สิบปีเลยไม่ใช่หรือ? กลับกัน อดีตตำนานล้วนเกิดขึ้นเกินหนึ่งร้อยปีก่อนทั้งนั้น และมุลเลอร์ก็แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้ารู้จัก… แล้วข้าผิดตรงไหนหากจะใช้มุลเลอร์เป็นบรรทัดฐานของพลัง? อ๊บ! การที่ผู้สืบทอดแพ็กม่าสามารถทัดเทียมมุลเลอร์ได้ ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ผิดปรกติ


“ผิดปรกติยังไง? ก็ตำนานเหมือนกันไม่ใช่หรือ? แถมยังเป็นเทพ”


> อ๊กก๊กก๊ก! เจ้าคิดอย่างนั้นจริงหรือ? เทพที่เจ้าว่า อย่างมากก็เป็นแค่เทพมนุษย์… นับตั้งแต่อดีตกาล มีเทพมนุษย์เกิดขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน… ในยุคสมัยที่ผู้คนกราบไหว้บูชาสิ่งมีชีวิตอายุยืน เทพของมนุษย์ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น บารมีเทพมิได้ครอบจักรวาลเสมอไป เจ้ายังไร้เดียงสานัก


“…”


กบขำด้วยเสียง ‘อ๊กก๊กก๊ก!’ …


แอ็กนัสนึกทบทวนข้อมูลที่มันเพิ่งได้รับ จากนั้นก็เริ่มบรรเทาความหงุดหงิด


มันหงุดหงิดที่ต้องสูญเสียค่าประสบการณ์เพิ่มเป็นสามเท่าหลังจากถูกเฟคเกอร์ฆ่า แต่หากกลับโลกมนุษย์ไปตอนนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะได้แก้แค้นทันที


มันเดินตามเซพาเดียไปอย่างว่าง่าย


“ที่นี่ที่ไหน?”


มันเคยคิดว่าตนจะถูกพาตัวไปหาบาเอลและรายงานผลตามขั้นตอนปรกติ


เซพาเดียเป็นบริวารบาเอล


ทว่า ปลายทางที่เซพาเดียพาไปมิใช่หอคอยบาเอล แต่เป็นสถานที่ซึ่งมันเพิ่งเคยเห็น


พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวยังคงอยู่ในเขตนรกขุมที่หนึ่ง และนั่นยิ่งทำให้แอ็กนัสประหลาดใจ


บรรยากาศแตกต่างจากนรกโดยสิ้นเชิง มิได้อัดแน่นไปด้วยปราณอสูรและเสียงกรีดร้องของเหล่าสัตว์อสูรในทุกหัวระแหงอย่างที่ควรจะเป็น


เงียบสงบเกินไป


“เขตเป็นกลาง?”


> ถูกต้อง อ๊บ!


“คฤหาสน์หนึ่งหลังริมผาติดชายหาดจะเป็นเขตเป็นกลางได้ยังไง? บรรดาอสูรจะยอมหรือ?”


เขตเป็นกลางแห่งอื่นๆ มักต้องมีเทวรูปยาธานประดับตกแต่ง


คล้ายกับเป็นกฎที่ไม่ถูกเขียนไว้ เหล่าอสูรจะไม่ทำร้ายกันเองในเขตที่เทพยาธานคอยเฝ้ามอง


ฟังดูค่อนข้างเหลวไหล


กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ชอบใช้ความรุนแรงและถือว่านั่นเป็นเครื่องแสดงอำนาจ กลับยอมยุติความรุนแรงเพียงเพราะยำเกรงในตัวยาธาน


สิ่งนี้ทำให้ยาธานดูเหมือนกับเทพแห่งสันติสุขมากกว่าเทพมาร และนั่นฟังดูเหลวไหลสิ้นดี


อย่างไรก็ตาม ที่นี่ไม่มีเทวรูปของยาธาน


แล้วเหตุใดถึงยังรักษาสถานภาพเขตเป็นกลางเอาไว้ได้?


เซพาเดียอธิบายแอ็กนัสที่ตั้งคำถามเข้าท่า


> เป็นผลจากความแข็งแกร่ง… เจ้าของคฤหาสน์แข็งแกร่งชนิดที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง บริเวณนี้จึงกลายเป็นเขตเป็นกลางโดยปริยาย


“…?”


กระทั่งจอมอสูรก็ยังถูกจอมอสูรท้าทายเป็นบางครั้ง


แต่กลับมีสิ่งมีชีวิตบางตนที่เหล่าอสูรต่างหวาดกลัวจนไม่กล้ายุ่ง


“อย่าบอกนะว่า… เซปาร์?”


อาจเกิดมาในฐานะเผ่าอสูรชั้นต่ำ ไม่ใช่อสูรแท้ แต่ก็ขัดเกลาพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดจนสามารถใช้ดาบสะบั้นเศียรจอมอสูรได้มากมาย


เซปาร์มีหลายสมญานาม ทั้งอสูรดาบ ภูตดาบ ดาบไร้ใจ เป็นต้น


แอ็กนัสเคยได้ยินหนึ่งในเรื่องราวที่โด่งดังที่สุดของเซปาร์ นั่นคือการต่อสู้อย่างยาวนานตลอดหนึ่งสัปดาห์กับอสูรดาบยารุกต์


> ถูกต้อง อ๊บ! อาจเป็นเพราะมีปราณอสูรไม่มาก จึงสามารถโลดแล่นบนโลกมนุษย์ได้อย่างไม่มีผลข้างเคียง… แถมยังไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศของนรก เนื่องจากบรรลุถึงขั้น ‘ไร้ใจโดยสมบูรณ์’ แล้ว


ดวงตาปูดโปนของเซพาเดียกำลังโก้งโค้งประหนึ่งจันทร์เสี้ยว


> มันเป็นหนึ่งในคนที่สามารถฟันประตูห้วงคุกนรก


“โฮ่…”


แอ็กนัสฉีกยิ้มกว้าง


ห้วงคุกนรกคือศูนย์กลางของโลก เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด


ไม่เพียงจะเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างนรกและโลกกึ่งกลาง แต่ยังเป็นประตูสู่สวรรค์


ในวินาทีที่ประตูเปิดออก สิ่งมีชีวิตกึ่งอิสระอย่างแอ็กนัสสามารถเดินทางไปกลับโลกมนุษย์ได้ตามใจปรารถนา


เฉกเช่นสัตว์อสูร


> ข้าตั้งใจจะสร้างสงครามมนุษย์และอสูรขึ้นมาอีกครั้ง เฉกเช่นสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็น อ๊บ! หากข้าสามารถเกลี้ยกล่อมเซปาร์ให้ช่วยเป็นดาบแห่งสงคราม และเกลี้ยกล่อมคามิคิน ราชันวิญญาณ ได้สำเร็จ… ฝ่าบาทบาเอลจะต้องอนุญาตแน่ อ๊บ!


และอันที่จริง เซพาเดียมิได้กังวลเพียงกริด แต่ยังรวมถึงเฟคเกอร์


มันสัมผัสถึงอันตรายอันยิ่งใหญ่จาก ‘เงา’ ซึ่งสามารถฆ่าได้กระทั่งตัวตนที่ไม่มีวันตาย


ไม่ว่าจะมองมุมใด เซพาเดียก็มองว่าสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะต้องถือกำเนิด


มันประเมินแล้วว่า ตนจำเป็นต้องฆ่าตำนานในยุคสมัยปัจจุบัน รวมถึงกริดและเฟคเกอร์ เพื่อทำให้มนุษยชาติอ่อนแอลง


“คามิคิน? ใครกัน?”


> ผู้ปกครองนรกขุมที่สี่… มีพลังในการเปลี่ยนวิญญาณคนตายให้กลายเป็นทาส… แตกต่างจากเจ้าที่ใช้อันเดดเป็นทาส อ๊บ!


“วิญญาณ…”


ชื่อของชายคนหนึ่งแล่นผ่านสมองแอ็กนัส


แพ็กม่า


มันยังไม่ลืมว่าดวงวิญญาณของแพ็กม่าอยู่ในมือแอ็กนัส


“อย่าบอกนะว่า… สามารถนำพลังของแพ็กม่ามาใช้ได้?”


ช่างตีเหล็กในตำนานและผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล


มันต่อกรกับกองทัพนรกด้วยการสร้างกองทัพอันเดดของตัวเอง จากนั้นก็ติดอาวุธและชุดเกราะด้วยทักษะการตีเหล็กที่ยอดเยี่ยม


ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต มันคือบุคคลที่แข็งแกร่งจนแม้แต่แอ็กนัสยังยอมรับ


เซพาเดียหัวเราะ


> แน่นอน… ราชันตนอื่นเคยสงสัยว่า เหตุใดฝ่าบาทบาเอลถึงทำพันธสัญญากับแพ็กม่า… พวกเขามองว่าเป็นความคิดที่เหลวไหล… ทว่า ข้าเข้าใจ… ฝ่าบาทบาเอลมีวิสัยทัศน์กว้างไกลในตอนที่ทำพันธสัญญากับแพ็กม่าเพื่อหวังครอบครองดวงวิญญาณ อ๊กก๊กก๊ก!


“เรื่องจริงหรือ?”


บาเอลมองการณ์ไกลขนาดนั้นเชียว?


เซพาเดียตอบแอ็กนัสที่คลางแคลง เป็นการตอบโดยไม่มองหน้า


> ข้าเองก็ไม่ทราบว่านั่นเป็นความจริงไหม… แต่ข้ารู้สึกเช่นนั้น อ๊บ!


“…”


> แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ก็คุณค่ามากพอให้คาดหวัง วิญญาณในตำนานที่วนเวียนในนรกไม่ได้มีเพียงของแพ็กม่าสักหน่อย


***


ผ่านไปสามเดือนแล้วนับตั้งแต่ไปเยือนเฮอมิลตัน


สติกส์และจอมเวทแห่งหอคอย รวมถึงนักแปรธาตุของเรย์ดัน ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งเพื่อสร้างวาร์ปเกตระหว่างอาณาจักรโอเวอร์เกียร์และเขตปกครองตัวเอง


ไม่ผิดจากที่คาด เป็นงานที่ค่อนข้างยาก


เกิดเหตุไม่คาดฝันและความล้มเหลวขึ้นหลายครั้ง ส่งผลให้ต้นทุนของวาร์ปเกตมีมูลค่าสูง


อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้ายังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข่าวดีมีมาเรื่อยๆ


คู่รักเซ็ดนอสและลาเอลล่า (ที่แอบคบกันลับๆ มานานจนกระทั่งถูกเปิดโปงโดยแวนเนอร์) ต่างได้รับทักษะลับขณะช่วยประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์โบราณ


กล่าวกันว่า พวกเขาสามารถเปลี่ยนคลาสได้ แต่สุดท้ายก็จงใจเลือกเล่นคลาสเดิมต่อไป


คลาสทั่วไปเผยให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมหลังจากการเลื่อนระดับครั้งที่สี่ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากคลาสลับสักเท่าไร


ไม่สิ ในบางแง่มุมอาจดูดีกว่าด้วยซ้ำ


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จอมเวทที่ชำนาญธาตุอย่างเซ็ดนอสและลาเอลล่า พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมากหลังจากครอบครองทักษะ ‘เสริมแกร่งธาตุ’ โดยยังกล่าวด้วยว่า จอมเวทจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมหลายเท่าหากได้เลื่อนระดับครั้งที่ห้า


ปัจจุบัน โอเวอร์เกียร์เงากลายเป็นหน่วยรบระดับแถวหน้า


ภายใต้การนำของเฟคเกอร์ ผู้ที่ถูกติดอาวุธประเภทเติบโตและชุดเกราะเกรดมิธภายใต้ความช่วยเหลือจากกริด หน่วยเงาอันเกรียงไกรได้ตระเวนทำภารกิจยากๆ ไปทั่วทวีป


ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณลอเอลที่คอยป้อนภารกิจเสี่ยงตายให้ตามคำขอของเฟคเกอร์ กองทัพนักลอบสังหารจึงได้ฝึกหนักท่ามกลางสถานการณ์จริง และยิ่งพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดด้วยทักษะบ่มเพาะเงา


กริดตัดสินใจใช้ ‘ศิลาเวทมนตร์ปริศนา’ กับชุดเกราะของเฟคเกอร์


สาเหตุที่ต้องเป็นชุดเกราะ มิใช่อาวุธ นั่นเพราะเฟคเกอร์คือนักลอบสังหาร


นักลอบสังหารมีอัตราหลบหลีกอัตโนมัติที่สูง จึงได้รับความเสียหายต่ำกว่าคลาสโจมตีประเภทอื่น


กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากชุดเกราะของเฟคเกอร์เป็นประเภทเติบโต นั่นคงใช้เวลานานหลายปีกว่าจะพัฒนาถึงเกรดเลเจนดารีหรือสูงกว่านั้น


แต่ในทางกลับกัน อาวุธสามารถเพิ่มค่า EXP ได้ง่ายกว่ามาก


ปัจจุบัน อาวุธกับชุดเกราะของเฟคเกอร์เป็นประเภทเติบโตทั้งคู่ กริดจึงไม่ลังเลเลยที่จะใช้กับชุดเกราะ


มันใช้เวลากว่าสองสัปดาห์เต็มๆ ในการสร้างชุดและอาวุธใหม่ให้เฟคเกอร์ และผลลัพธ์ออกมาเป็นประเภทเติบโตทั้งคู่


แน่นอน กริดมิได้เสียเวลาเปล่า


เหล่าสิบวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรต่างมีไฟและเพิ่มความกระตือรือร้นหลังจากได้ยินความสำเร็จของเฟคเกอร์ รวมถึงผลตอบแทนที่กริดมอบให้


ในหมู่พวกมัน จิสึกะและยูเฟอมิน่าโดดเด่นเป็นพิเศษ


ทั้งสองมาพบกันที่วิหารกัลกุนอสโดยบังเอิญ


จากนั้นก็ประสบความสำเร็จในการล่ากัลกุนอส


ยูเฟอมิน่าที่สืบทอดพลังของมูมัด ได้สร้างคอมโบมหาเวทเพื่อแยกกองทัพอันเดดออกจากกัน โดยขณะเดียวกัน มีรายงานว่าศรปราบมารของจิสึกะคือสิ่งที่ส่งกัลกุนอสให้หลับใหล


ความสำเร็จหนนี้ใหญ่หลวงนัก


กริดซึ่งเคยกังวลว่าแอ็กนัสจะล่ากัลกุนอสทันทีหลังจากสูญเสียลิชพอลด์ กลับมาหายใจอย่างโล่งอกราวกับยกภูเขาลูกใหญ่ออกไป


อันที่จริง การล่ากัลกุนอสคือสิ่งที่ชาวโอเวอร์เกียร์ไม่เต็มใจนัก เพราะนั่นจะทำให้วิหารกัลกุนอสเลือนหายไปตลอดกาล


อย่างไรก็ตาม บรรดาสิบวีรชนได้ค้นพบจุดเก็บเลเวลแห่งใหม่


ในเวลาเดียวกัน ผู้ส่งสารของกริดก็ล่าเฮลกาโอเป็นหนที่สองได้ไม่ยากเย็น


ได้ยินมาว่า ครั้งนี้บราฮัมให้ความร่วมมือแต่โดยดี


สาเหตุที่มันยอมร่วมมือ เห็นว่าบราฮัมต้องการทดสอบเวทมนตร์ที่ตนสร้างขึ้นใหม่ ว่าจะสามารถใช้ดับเพลิงโลกันตร์ได้ไหม


เป็นเวทที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหัวใจราชินีเยือกแข็ง


แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เหล่าผู้ส่งสารต่างได้รับสมญานาม ‘ถูกยอมรับโดยจอมอสูรลำดับเก้า’ ตามเป้าประสงค์ของกริด บทลงโทษในขุมนรกถูกลดทอนลงมาก


แต่คนที่ค่อนข้างโชคร้ายคือซาลิเอล


สมญานามใหม่ของเธอ (?) ไม่ช่วยลดโอกาสคลุ้มคลั่งในนรก


ในเมื่อยังมีโอกาสอาละวาด ทุกคนก็ยังคงต้องระมัดระวัง


“…ง่วงแล้ว”


กริดยังไม่กลับไปกวาดล้างนรกระลอกใหม่


มันทรมานตัวเองด้วยการสวมใส่อุปกรณ์ฝึกตนปีนเขาห่างไกลความเจริญไปพร้อมกับสร้างกางเกงใน


อาศัยความช่วยเหลือจากกุญแจมือ ตรวน และผ้าปิดตาของลีจองที่เพิ่มอัตราการได้รับ EXP กริดถือโอกาสนี้เน้นพัฒนาทักษะตัดเย็บ โดยมีความช่วยเหลือจากทักษะของจอมอสูรลำดับยี่สิบสี่ นาเบรอส ที่ถูกบรรจุในอักขระหลังจากการสำรวจนรกครั้งล่าสุด


<พลังนาเบรอส>

ท่ามกลางธรรมชาติบางแห่ง สมาธิของท่านจะเพิ่มขึ้น

หากสถานที่ดังกล่าวเป็นป่า ภูเขา ทุ่งนา หรือเหมืองแร่ ความเร็วในการใช้ทักษะจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และระยะหน่วงก็จะลดลงเล็กน้อย


จอมอสูรที่ใช้ก้อนหินและพืชพรรณได้หลากหลายวัตถุประสงค์


พลังของนาเบรอสที่ถูกปิอาโร่ทำให้เป็นหมัน ถูกฝังอยู่ในอักขระตะกละและช่วยให้กริดพัฒนาตัวเองในทิศทางที่คาดไม่ถึง


ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเป็นฤๅษีที่เก็บตัวลึกในภูเขา


วันทั้งวันได้ยินแต่เสียงโซ่ที่มือสั่นขณะสร้างกางเกงใน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะกังวลว่าตนจะกลายเป็นบ้าไปตอนไหน


โชคดีที่บรรยากาศมิได้ว้าเหว่มากนัก เพราะโนเอะเอาแต่จ้อไม่หยุด ส่วนโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์และแรนดี้ก็คอยเก็บเลเวลใกล้ๆ


“…เห?”


มันสร้างกางเกงในไปแล้วกี่ชิ้น?


กริดเชื่อว่าหากเป็นในชีวิตจริง ตนคงกลายเป็นนักออกแบบชุดชั้นในชื่อดังไปแล้ว


ดวงตากริดสูญเสียความแวววาวโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับตาปลาตาย


แต่ทันใดนั้น ประกายแสงสว่างได้คืนกลับมาในแววตา


[ท่านประสบความสำเร็จในการผลิต ‘ชุดชั้นในชายที่งดงามซึ่งเผยผิวพรรณท่ามกลางลวดลายดอกไม้’]


ชุดชั้นในที่มีชื่อยาวบรมได้ถือกำเนิด


[ผลงานชิ้นนี้ได้เปิดมิติใหม่ให้แก่วงการชุดชั้นใน]


[เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และน่ายกย่องอย่างมาก ช่างตัดเย็บทั่วโลกกำลังเฝ้ามองความสำเร็จของท่าน]


[‘ทักษะการตัดเย็บขั้นสูง’ พัฒนาเป็นเลเวลสูงสุด!]


ทักษะการตัดเย็บที่ถูกสั่งสมค่าประสบการณ์อย่างยากลำบากและยาวนาน บัดนี้ถึงคราวได้รับการตอบสนอง


ภารกิจประจำคลาสที่ค้างคาในตัวกริดมานานหลายปี ในที่สุดก็ลุล่วง


[ท่านสำเร็จภารกิจ ‘ฝึกฝนทักษะตัดเย็บ’]


[รางวัลสำเร็จภารกิจ: ท่านได้รับทักษะ ‘การตัดเย็บระดับช่างฝีมือ’]


[รางวัลสำเร็จภารกิจ: เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหกระดับ]


[ทักษะการตีเหล็กในตำนานและทักษะตัดเย็บระดับช่างฝีมือ ผสานกันเป็นทักษะใหม่]


[…!]


[…!]


[ทักษะการตีเหล็กของท่านก้าวข้ามแพ็กม่าและอยู่ในระดับทัดเทียมเทพ!]


[ทักษะการตีเหล็กระดับเทพและทักษะการตัดเย็บระดับช่างฝีมือ ผสานกันและพัฒนากลายเป็น ‘เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด’]


<เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด>

การผสมผสานระหว่างจุดสูงสุดของทักษะตีเหล็กและทักษะตัดเย็บ

ท่านสามารถจัดการกับโลหะ หนังสัตว์ และผ้าทุกชนิดได้อย่างไร้ที่ติ

ขอเพียง ‘ทำด้วยมือ’ ท่านจะสร้างสิ่งใดก็ได้ ระบบจะนิยามว่าเป็นพลังแห่งเทพ

* เปิดใช้งานปุ่มการผลิตอัตโนมัติ ช่วยลดระยะเวลาในการสร้างได้อย่างมาก คุณสมบัตินี้จะแปรผันกับค่าความชำนาญมือ

* ไอเท็มที่ผลิตจะมีเกรดอีปิกเป็นอย่างน้อย

* มีโอกาสสูงที่จะออกมาเป็นเกรดยูนีค

* มีโอกาสปานกลางที่จะออกมาเป็นเกรดเลเจนดารี

* มีโอกาสต่ำมากที่จะออกมาเป็นเกรดมิธ

* ค่าสถานะของไอเท็มที่ถูกผลิตทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 30%

* ทุกครั้งที่สร้างไอเท็มเกรดมิธ ค่าสถานะทุกชนิดจะเพิ่มขึ้น 20 หน่วย และค่าชื่อเสียงระดับทวีปจะเพิ่มขึ้น 1,000 แต้ม

★ ยิ่งผลิตไอเท็มต่อเนื่อง ไอเท็มถัดไปก็ยิ่งใช้ทรัพยากรและเวลาน้อยลง ซ้อนทับได้สิบครั้ง

★ ยกเลิกการจำกัดจำนวนครั้งของทักษะ ‘บรรจุอีโก้’

★ สามารถจงใจสร้างไอเท็มประเภทเติบโตได้แล้ว

★ สามารถฝังเวทมนตร์กับไอเท็มได้โดยไม่ต้องใช้วัสดุพิเศษ แต่ต้องเป็นเวทมนตร์ที่ท่านครอบครองเท่านั้น

★ หากผลิตไอเท็มธาตุด้วยวัตถุดิบพิเศษ ธาตุดังกล่าวจะถูกยกระดับให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

★ สามารถใช้พลังเทพเพื่อกำหนดสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของได้ในระดับหนึ่ง ไอเท็มที่ถูกผลิตขึ้นไม่จำเป็นต้องผูกมัดกับเจ้าของ

★ นี่คือทักษะที่สมบูรณ์แบบ ไม่สามารถพัฒนาได้อีก ไม่สามารถดึงศักยภาพซ่อนเร้น


“…”


สมบูรณ์แบบ


วลีสั้นๆ ที่อธิบาย ‘เทคนิคของเทพโอเวอร์เกียร์กริด’


คำดังกล่าวมีพลังมากพอจะทำให้กริดตื่นเต้น


มันรู้สึกราวกับความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดได้รับการตอบแทน


ขณะกำลังขนลุกอย่างซาบซ่าน ข้อความแจ้งเตือนภารกิจใหม่แสดงขึ้น


<การพักผ่อนของแพ็กม่า>


ภารกิจสุดท้ายของคลาส


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,960
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00