จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,439



[เขากำลังประจักษ์กับความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน]


[เป็นความเชื่อที่ไม่เคยถูกทำลายแม้ผู้คนมากมายจะแนะนำให้ทำในสิ่งอื่นด้วยความหวังดี หรือแม้กระทั่งในยามที่ถูกเย้ยหยันว่าเป็นไอ้งั่งคนหนึ่ง]


[ในบางครั้ง ความแน่วแน่เช่นนี้ก็เป็นยาพิษ]


[อริยะผู้ถูกพิษกัดกร่อน ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ปากหุบเหวทีละนิด]


ฟ้าเหนือฟ้า


ผลงานในฐานะอริยดาบของครอเกล ห่างไกลจากความคาดหวังของผู้คนค่อนข้างมาก


ในช่วงที่มีพัฒนาการสูงสุด มันเอาแต่หมกตัวอยู่ในกระท่อมของคิรินัส แถมยังหันหลังให้กับวิชาดาบไร้เทียมทานของอริยดาบที่ได้มาครอบครองอย่างยากลำบาก


จากนั้น ตลอดหนึ่งปีหลัง มันเอาแต่ต่อสู้กับยังบันแห่งอาณาจักรคายาและเสียชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้เหตุผล


ไม่สอดคล้องกับหลักสามัญสำนึกเลยสักนิด


คนที่ทราบถึงกิจวัตรในระยะหลังของครอเกล ต่างไม่มีทางเลือกนอกจากเข้าใจว่าชายคนนี้เสียสติ


ทว่า ถึงเวลาอันควรแล้วที่ทุกคนจะได้ตระหนัก


ความอดทนอันยาวนานของครอเกลมิได้สูญเปล่า


ฟ้าเหนือฟ้ายังคงมิแปรเปลี่ยน


การตัดสินครอเกลด้วยความสำเร็จเพียงชั่วคราว ถือเป็นการกระทำอันแสนโง่เขลาอย่างยิ่ง


[ท้ายที่สุด ความแน่วแน่ของอริยะยังคงไม่แปรเปลี่ยน เขาละทิ้งความคลางแคลงที่เคยมีต่อดาบของตัวเอง และใช้สิ่งนั้นฟาดฟันศัตรูเพื่อพิสูจน์ว่าตนเหมาะสมกับตำแหน่งอริยดาบ]


“…”


วิชาดาบไร้เทียมทานที่ถูกเพิกเฉยมาเป็นเวลานาน สีหน้าครอเกลค่อนข้างซับซ้อนขณะเผชิญหน้ากับมัน


ข้อความโลกที่กำลังแสดงขึ้นอย่างต่อเนื่อง


ครอเกลย่อมสังเกตเห็นว่ามหากาพย์ของกริดกำลังบรรยายถึงตน


‘...น่าอายฉิบ’


เป็นความจริงที่เราเคยเข้าใกล้หุบเหวลึก แต่การถูกเปิดเผยต่อหน้าคนทั้งโลกก็ออกจะ…


กริดเห็นใจครอเกลที่กำลังหน้าแดงด้วยความกระอักกระอ่วน


อันที่จริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่กริดต้องนึกเสียใจ


มหากาพย์ไม่เพียงจะบรรยายถึงประสบการณ์ตรงที่กริดพบเจอมากับตัว แต่ยังเล่าถึงอารมณ์และความรู้สึกขณะนั้น


และยิ่งถ้าเป็นคำบรรยายที่เกี่ยวกับผู้อื่น ข้อมูลที่กริดไม่เคยทราบมาก่อนก็มักจะถูกเอ่ยถึง


สำหรับกริด นี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของระบบเกม


สรุปโดยสั้น กริดไม่ทราบมาก่อนว่า ครอเกลต้องทุกข์ทรมานจนเกือบตกลงไปในปากหุบเหวมาแล้ว


เนื้อหาทั้งหมดของมหากาพย์ มิได้กำเนิดมาจากความตั้งใจของกริด


[เขาบรรลุสัจธรรมบางข้อผ่านประสบการณ์ของอริยะ]


[เขาตระหนักถึงความจริงที่ว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่จำเป็นต้องสืบทอดต่อกันมาเสมอไป]


[เขาได้เรียนรู้ว่า การเป็นตัวของตัวเองคือสิ่งสำคัญ]


[อริยะได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่คนรอบข้างคิดและเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดมาตลอด แท้จริงแล้วยังมีสิ่งที่ดีกว่านั้นอยู่]


[เขาเรียนรู้และยอมรับในความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอนของอริยะ]


......



[เทพโอเวอร์เกียร์กริดจบการเขียนมหากาพย์บทที่สิบสอง]


‘โชคดีที่จบเร็ว’


กริดผ่อนคลายความกังวลในใจ


จากประสบการณ์ของมัน อดีตและความคิดในส่วนลึกของจิตใจมักถูกเปิดเผยผ่านมหากาพย์บ่อยครั้ง ส่งผลให้กริดค่อนข้างลำบากใจกับมหากาพย์ที่กล่าวถึงครอเกล


ผลลัพธ์อาจมีทั้งการเสียมารยาทต่อครอเกล หรืออาจเป็นการเปิดเผยความรู้สึกที่ไม่ควรของตนออกไป


ยกตัวอย่างเช่น วลี ‘เรียนรู้จากอริยะ’ เหตุการณ์จะแย่ลงทันทีถ้าระบบเขียนว่า ‘ใฝ่ฝันจะเป็นเหมือนอริยะ’


จริงอยู่ที่กริดใฝ่ฝันจะเป็นแบบครอเกลมาตลอด มันไม่เคยปิดบังในเรื่องนี้ แต่ด้วยสถานะในปัจจุบัน การสารภาพออกไปให้ทั้งโลกรับรู้ นั่นค่อนข้างน่าอายไม่น้อย


[มหากาพย์บทที่สิบสองเสร็จสมบูรณ์]


[รางวัลของการเขียนมหากาพย์: ระดับตัวตนของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น]


[พลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้น 5%]


[มีโอกาสสะท้อนกลับอาการผิดปกติ]


[ความน่าจะเป็นของการแสดงสถานะผิดปกติมีอยู่แล้วในสมญานามกษัตริย์องค์แรกของคุณ]


[ระดับตัวตนที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดหย่อนเงื่อนไขการสะท้อนกลับของอาการผิดปกติจากฉายา ‘กษัตริย์คนแรก’]


[ท่านได้รับทักษะติดตัว ‘ความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน’]


<ความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน>

ติดตัว

ยิ่งเผชิญหน้ากับสถานการณ์ยากลำบากเพียงใด ท่านก็จะยิ่งเชื่อในพลังของตัวเองมากเท่านั้น

ทุกครั้งที่ทักษะติดระยะหน่วง ค่าสถานะหนึ่งชนิดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ระบบจะสุ่มเพิ่มค่าสถานะแบบชั่วคราว โดยระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นจะแปรผันตรงกับระยะหน่วงของทักษะ


‘เจ๋งเป้ง!’


การใช้ทักษะออกไปจะทำตัวละครอ่อนแอลง


ยิ่งมีทักษะติดระยะหน่วงมากเท่าไร ตัวละครก็ยิ่งอ่อนแอและสูญเสียความสามารถในการต่อสู้มากเท่านั้น


‘ความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน’ จะช่วยบรรเทาความอ่อนแอในช่วงเวลาดังกล่าวได้ระดับหนึ่ง


แม้สถานะที่ไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้อาจถูกสุ่มให้เพิ่มขึ้น จำพวก ความน่าหลงใหล อำนาจทางการเมือง หรือความชำนาญมือ แต่กริดก็มีทักษะให้เลือกใช้หลากหลายชนิด


ไม่ว่าจะเป็นคนดวงซวยขนาดไหน แต่กริดก็เชื่อว่าต้องมีสักครั้งที่สุ่มได้ค่าสถานะซึ่งมีประโยชน์ในการต่อสู้


‘และอันที่จริง ค่าความชำนาญมือก็ไม่เลว… อย่างน้อยก็ช่วยให้เราควบคุมดาบไร้รูปได้ดีขึ้น’


กริดตื่นขึ้นจากภวังค์ครุ่นคิด


นั่นเพราะทุกครั้งที่ครอเกลกวัดแกว่งดาบเสือขาว พายุดาบที่เกิดขึ้นจะทำลายพื้นน้ำแข็งรอบตัวให้แตกละเอียด


‘...เขาเปลี่ยนไปแล้ว’


ครอเกลที่เรียนวิชาดาบไร้เทียมทาน กลายเป็นอริยดาบที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติ


เขาจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนกัน?


กริดกลืนน้ำลายเหนียวด้วยความคาดหวัง


ส่วนครอเกลที่เพิ่งตรวจสอบสภาพปัจจุบันเสร็จ เริ่มตั้งท่าเชิงดาบรูปแบบใหม่โดยไม่กล่าวคำใด


หลังจากเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงสักพัก มีร์เปิดปากพูดด้วยความสนใจ


“น่าทึ่งมาก… ทั้งที่ครอเกลคือผู้เรียนวิชาดาบไร้เทียมทาน แต่เทพโอเวอร์เกียร์กลับแข็งแกร่งขึ้นในเวลาเดียวกัน?”


‘เจ้านี่… ยังจะรอให้พวกเราพร้อมอีก’


กริดขมวดคิ้ว


แปดวินาที - นั่นคือเวลาที่กริดใช้เขียนมหากาพย์ และเวลาที่ครอเกลเรียนเทคนิคลับใหม่


แม้จะเป็นช่วงเวลาแสนสั้น แต่สำหรับมีร์ มันสามารถตวัดดาบและสร้างสายฟ้าได้หลายสิบเส้น


ทว่า มีร์มิได้โจมตีเข้ามาเลย


แต่ก็ไม่ได้เอาแต่ยืนมอง มีร์อพยพพวกพ้องที่ได้รับบาดเจ็บพลางฟื้นฟูแขนของตนที่เคยขาด


ในทางกลับกัน กริดยังคงแขนขาดหนึ่งข้าง


การจะฟื้นฟูแขนกลับมาตามธรรมดา ต้องทำตามเงื่อนไขของระบบอย่างเคร่งครัด และแทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในระหว่างการต่อสู้


‘แบบนี้แย่แน่’


พวกตนแข็งแกร่งขึ้น แต่สถานการณ์ภาพรวมนั้นแย่ลง


ภาระที่เคยถ่วงแข้งขามีร์อย่างยังบันทั้งสาม ปัจจุบันปลอดภัยดีและไม่ได้เป็นภาระอีกต่อไป หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง หลังจากนี้มีร์จะน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า


แต่ในทางกลับกัน กริดเสียแขนไปหนึ่งข้าง


อย่าว่าแต่การ ‘วัดระดับฝีมือ’ เลย หากสู้กันในสภาพนี้ ผลลัพธ์คงลงเอยด้วยการตายอย่างเปล่าประโยชน์เยี่ยงหมาข้างถนน


> ครอเกล ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหน คนที่ต้องหนีไปก็ควรเป็นนายมากกว่า


> เรื่องนี้ยังไม่จบอีกเหรอ?


> …


ความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอนกับผีน่ะสิ…


ไอ้หมอนี่ก็แค่พวกหัวรั้นอย่างสุดโต่ง…


> เออ… แล้วแต่เลย


อันที่จริง กริดค่อนข้างซาบซึ้งใจ


หากต้องสู้กับมีร์ตามลำพัง มันคงตายก่อนจะได้ทดสอบฝีมือของตัวเองในทิศทางที่เหมาะสม


แต่ถ้ามีครอเกลคอยสนับสนุน กริดก็จะมีช่องว่างให้พักหายใจมากขึ้น รวมถึงทดสอบในสิ่งที่ยากจะทำในสถานการณ์ปรกติ


‘เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งสินะ...’


มีร์เฝ้ามองกริดและครอเกล


นับตั้งแต่พวกพ้องยังบันหลบหนีไปได้สำเร็จ มีร์ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องรีบร้อน


ไว้อยากยุติการต่อสู้ตอนไหน มันค่อยเชือดกริดและครอเกลทิ้งอย่างง่ายดาย


สำหรับปัจจุบัน มีร์ต้องการเฝ้ามองสถานการณ์ที่น่าสนใจไปอีกสักพัก


กริดคือเทพ


ในด้านจิตใจ แน่นอนว่ายังความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า กริดได้รับการยกย่องและการกราบไหว้บูชาจากมนุษย์จำนวนมาก


ทว่า ลำพังมนุษย์เพียงคนเดียว กลับทำให้ ‘เทพ’ ตระหนักถึงบางสิ่งและพัฒนาฝีมือขึ้นทันที


มีร์เพิ่งประจักษ์ด้วยตาตัวเองเมื่อครู่


‘น่ายินดีจริงๆ’


มีร์ฉีกยิ้มกว้าง


เหตุใดมันถึงไม่ลบบาดแผลที่เกิดจากมุลเลอร์และกริด?


คำตอบก็คือ: เพื่อมิให้หลงลืมช่วงเวลาที่เคยเจ็บปวด


หากได้เห็นแผลเป็นใดบนร่างกาย มีร์จะนึกถึงการต่อสู้ดังกล่าวเสมอ


มันเข้าใจว่า นี่เป็นวิธีที่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น


อย่างไรก็ตาม ตัวมีร์เองก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไร


มันไม่เคยเห็นเทพแท้จริงของอาณาจักรฮวาน ได้ตระหนักและเรียนรู้ในเรื่องใดเป็นพิเศษ


ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่า เทพคือตัวตนที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว


ทำอย่างไร ตนจึงจะกลายเป็นเทพได้บ้าง?


ต้องเย่อหยิ่งแบบพวกนั้น?


ตนยึดมั่นในหลักการที่ผิดมาตลอด?


นี่คือปัญหาที่มีร์คิดไม่ตกมาเป็นเวลานาน


แต่ในตอนนี้ ความกังวลดังกล่าวเริ่มบรรเทา


มนุษย์ผู้กลายเป็นเทพ


ทันทีที่มันเห็นว่าเทพโอเวอร์เกียร์ กริด เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากครอเกล มีร์ก็ได้ข้อสรุปทันทีว่า หลักการที่ตนเชื่อมาตลอดไม่ใช่สิ่งที่ผิด


ว่ากันตามตรง มีร์ค่อนข้างนับถือกริด


กริดกำลังเดินไปบนเส้นทางที่มีร์ปรารถนา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีร์ต้องการจะเลียนแบบ


ทว่า ตราบใดที่กริดยืนกรานจะปลดปล่อยสี่สัตว์อัปมงคล มีร์ก็ไม่ทางเลือกนอกจากต่อสู้อย่างสุดกำลัง


ถ้าแม้กระทั่งผนึกของมังกรครามและเสือขาวถูกปลดปล่อย เกรงว่าอาณาจักรฮวานจะสูญเสียพลังไปไม่น้อย


ยังบันทั้งหมดยกเว้นมีร์ จะสูญเสียพลังในการรับมือเทวทูตของแอสการ์ด


จากนั้น เหล่าทวยเทพแห่งอาณาจักรฮวานก็จะสูญเสียกองกำลังสำหรับแก้แค้นสวรรค์


ตัวมีร์นั้นมิได้สนใจการแก้แค้นของเหล่าทวยเทพ


ใจจริง มันไม่ต้องการทำสงครามที่จะพรากชีวิตพวกพ้อง แต่มีร์ก็มิอาจขัดเจตนารมณ์ของฮานึล


นั่นคือชะตากรรมของทุกชีวิตที่ถูกฮานึลสร้าง


วิธีเดียวที่จะรอดจากชะตากรรมดังกล่าว คือการก้าวไปเป็นเทพที่ทัดเทียมกับฮานึล


แน่นอน ถึงจะไม่มีเหตุผลไร้สาระเหล่านี้ มีร์ก็ยังยืนกรานที่จะเป็นเทพสงครามให้ได้


ปัจจุบัน จิตใจของมันกำลังกระปรี้กระเปร่า


มีร์ฉีกยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า


ดาบในมือครอเกลที่ถูกตวัดไปมาบนแผ่นน้ำแข็ง มีความเร็วเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด


มีร์ยกดาบหนักมังกรครามเพื่อปัดป้องการโจมตี


จากนั้นก็หมุนเอวและถีบใส่


ฝ่าเท้ามีร์ทะลุผ่านกำแพงน้ำแข็งที่เกิดจากการวาดดาบหนักมังกรคราม เป้าหมายคือศูนย์รวมเส้นประสาทบริเวณช่องท้องของครอเกลที่กำลังเปิดกว้าง


การโจมตีเข้าเป้าอย่างแม่นยำและสมบูรณ์แบบ


มีร์เหวี่ยงดาบต่อทันทีพร้อมกับจินตนาการภาพครอเกลถูกปลิดชีพ


ทว่า ดาบของมันมิได้ฟันใส่ลำคอครอเกล


ดาบฟันโดยเพียงอากาศอันว่างเปล่า เนื่องจากอีกฝ่ายกระโดดหลบไปทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว


‘หลบทันได้ยังไง?’


เมื่อเห็นว่าครอเกลกำลังใช้ปลายดาบยันพื้น มีร์เกิดความรู้สึกทึ่งจับใจ


‘ในช่องว่างสั้นๆ แค่นั้น… ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาดึงดาบกลับได้ทันเวลา’


มีร์เคยเข้าใจว่า มีเพียง ‘วิชาดาบ’ ของครอเกลเท่านั้นที่รวดเร็วขึ้นจากเดิม แต่มันคิดผิด เพราะตัวครอเกลเองก็ว่องไวขึ้นจากปรกติเล็กน้อย


ยิ่งกวัดแกว่ง ดาบของครอเกลก็ยิ่งสร้างภาพลวงตา


ไม่ผิดจากที่คาด เป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก


สำหรับมีร์ การป้องกันหรือการหลบหลีกยังคงเป็นเรื่องง่าย แต่การกะจังหวะสวนกลับยากขึ้นกว่าเดิมพอสมควร


ทันใดนั้น ดาบหนักมังกรครามฟันกวาดในลักษณะพัดคลี่ คมดาบแหวกผ่านช่องว่างและเล็งตรงไปยังหัวใจครอเกล


ทว่า ดาบหนักมังกรครามเกิดหักเหกะทันหัน


นั่นเพราะถูกดาบเสือขาวกระแทกด้วยน้ำหนักมหาศาล


ไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่พลังโจมตีก็เหมือนจะเพิ่มขึ้นสองเท่า


‘วิชาดาบแบบนี้...’


ทั้งรวดเร็วและทรงพลัง แถมยังรักษาสมดุลของการบุกและตั้งรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ


สิ่งนี้หมายถึง ผู้ใช้วิชาสามารถควบคุมร่างกายได้อย่างไร้ที่ติโดนไม่ต้องลดทอนความเร็วและพลังทำลาย


นี่คือแก่นแท้ของวิชาดาบไร้เทียมทาน


วิชาดาบที่มุลเลอร์เคยใช้ทำร้ายมีร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน


วาบ—


เมื่อเห็นภาพของมุลเลอร์ซ้อนทับบนตัวครอเกล มีร์เริ่มเผยสีหน้าตื่นเต้น


มันมีความสุขเมื่อจินตนาการว่า ในสักวัน ครอเกลจะเติบโตขึ้นเป็นคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม


ใช่แล้ว ในสักวัน


แต่ไม่ใช่วันนี้


‘เขาบกพร่อง’


ประการแรก ครอเกลมีปัญหาเกี่ยวกับหลักการพื้นฐาน


มีร์เคยประดาบกับมุลเลอร์หลายครั้ง


เว้นเสียแต่จะชำนาญวิชาดาบไร้เทียมทานยิ่งกว่ามุลเลอร์ ไม่อย่างนั้น ครอเกลก็ทำได้เพียงเต้นไปบนฝ่ามือมีร์


มีร์เห็นการเคลื่อนไหวล่วงหน้าและวิถีดาบครอเกลอย่างทะลุปรุโปร่ง ขณะที่มันตั้งรับการสวนกลับด้วยม่านดาบ มีร์อ่านความเคลื่อนไหวถัดไปของครอเกลได้ทันที


เป็นท่าที่จะพุ่งตรงเข้ามาในตอนแรก แต่ก่อนจะถึงเป้าหมาย ผู้ใช้งานจะถือดาบกลับด้านเพื่อสร้างทางเลือกที่แตกต่างกันสามวิถี


‘วิชาดาบไร้เทียมทานรูปแบบที่แปด สะบั้นเศียร’


แต่ทุกวิถีจะมีบทสรุปเหมือนกันก็คือ: เล็งไปที่คอ


มันจำได้แม้กระทั่งชื่อ


หากมีร์ไม่แยแสกลอุบายต่างๆ และคอยปกป้องลำคอเพียงอย่างเดียว การตอบโต้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก


หลังจากมั่นใจ มีร์ซึ่งเคลื่อนไหวนำหน้าครอเกลไปหนึ่งก้าว พลันลืมตากว้างอย่างเบิกโพลง


“ดาบกรีดนภา”


นั่นก็เพราะ ครอเกลใช้วิชาดาบอื่นที่ไม่ใช่สะบั้นเศียร


ขณะมีร์ถูกแทงทีเผลอหลังจากคำนวณพลาด ห้วงมิติบนท้องฟ้าด้านหลังพลันถูกแยกออกเป็นสอง

______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,944
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00