จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,438



การปรากฏตัวของมีร์ได้พลิกผันกระแสสงคราม


“มีร์!”


ยังบันกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง


กริดค่อนข้างเห็นใจพวกมัน


กริดเคยเห็นยังบันมากมาย หนึ่งในนั้นคือการัม ย่อมรู้จักแก่นแท้ของอีกฝ่าย


ดูเหมือนพวกมันจะคิดว่ามีร์มาช่วย แต่ในความเป็นจริง แต่ละคนคงถูกเชือดทิ้งที่ตรงนี้


พวกมันทำให้อาณาจักรฮวานเสื่อมเสียชื่อเสียง ถือเป็นความอัปยศอย่างร้ายแรงสำหรับยังบัน


มีร์คงตั้งความหวังไว้กับพวกมันสูงมาก


หากเป็นการัม ยังบันทั้งสามคงถูกเชือดทิ้งขณะพล่าม


กริดส่งข้อความเสียง


> ในไม่ช้าจะเกิดความวุ่นวายขึ้น ฉวยโอกาสนั้นหนีไป


กริดมาเยือนคายาด้วยจุดประสงค์ที่ว่า ตนต้องการทดสอบฝีมือในปัจจุบัน


แม้จะรู้ว่าต้องตาย แต่ก็ยังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้เพื่อท้าทายมีร์


ความพ่ายแพ้ถือเป็นเรื่องปกติในการดวล แต่คงจะทำใจยอมรับได้ยากหากพ่ายแพ้ทั้งที่ยังมีครอเกลคอยช่วย


“...”


ครอเกลไม่ตอบ


ความโกลาหลที่กริดพูดถึงยังไม่เกิดขึ้น


มีร์มิได้ทำร้ายสามยังบัน


ตรงกันข้าม มีร์ปกป้องพวกมัน


“เทพโอเวอร์เกียร์เอ๋ย… อย่างที่เจ้าทราบ พวกเราถูกสร้างขึ้นเพื่อทดแทนเทวทูต แต่ไม่เหมือนกับเทวทูต พวกเราไม่สามารถคืนชีพหลังจากความตาย… วิญญาณของเราจะถูกจองจำในขุมนรกและต้องทนทุกข์ตลอดกาล… เทพของเราสูญเสียพลังที่จะทำให้นรกสั่นกลัว เหล่าอสูรแห่งนรกไม่เคยยำเกรงเรา… ช่วยสงสารและไว้ชีวิตพวกเขาได้ไหม?”


“ถามไปทำไม? หากต้องการช่วยชีวิตพวกเขา แค่นายฆ่าเราก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?”


“เทพเอ๋ย… หากเจ้าคิดจะปลิดชีพพวกพ้องของข้าโดยไม่เปลี่ยนความตั้งใจ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็มิอาจปกป้องไหว”


มีร์มองเห็นทุกสิ่งในตัวกริดอย่างทะลุปรุโปร่งนับตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน


สายตาของมันเฉียบแหลมไม่เป็นสองรองใคร


ปัจจุบัน มีร์เห็นพลังที่เพิ่มขึ้นของกริด ความแข็งแกร่งซึ่งเพิ่มพูนจากการสั่งสมประสบการณ์ในนรก


กริดเย็นไปถึงสันหลัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกล่าวด้วยสีหน้าขึงขังโดยไม่สั่นคลอน


“ฉันต้องการกำจัดเมล็ดพันธุ์ของยังบัน”


นี่มิใช่การบลัฟหรือการยั่วยุ


มันคิดเช่นนี้จริงจัง


สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่กลับดูแคลนมนุษย์


ในสายตากริด คนพวกนี้ไม่มีเหตุผลให้ต้องละเว้นชีวิต


“ฉันจะฆ่าพวกมันและตายตามไป”


ประกาศกร้าวด้วยสายตาเย็นชา


สามยังบันต่างกลืนน้ำลายเหนียว ส่วนมีร์ทำหน้าเศร้า


“อย่างนั้นหรือ… ใจจริง ข้าอยากยื่นข้อเสนอดีๆ เพื่อแลกกับชีวิตของพวกเขา แต่ว่า… ข้าคงมีอำนาจไม่มากพอจะทำเช่นนั้น… ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้อย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องพวกเขา”


แขนขวาของมีร์พลันพร่ามัวพร้อมกับสูญเสียความคมชัด


มันตวัดเหวี่ยงดาบหนักมังกรคราม


โลกของเหนือมนุษย์แท้ที่จริงแสดงผลทันที


หัตถ์เทวะที่โผล่ออกมานับตั้งแต่มีร์ปรากฏกาย ต่างช่วยกันตั้งโล่เพื่อป้องกันสายฟ้า


ค่อนข้างโชคดีที่พวกมันป้องกันไว้ได้ โชคดีที่สายฟ้าบังเอิญพุ่งไปยังทิศทางที่หัตถ์เทวะข้างหนึ่งเคลื่อนไหว


ต้องขอบคุณทิศทางการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติและยากจะคาดเดาของพวกมัน


กริดยกดาบขึ้นเพื่อรับการโจมตีจากมีร์ที่กำลังพุ่งเข้าใส่


โนเอะ แรนดี้ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์โผล่ขึ้นจากด้านข้างประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ตามด้วยการรุมขนาบโจมตีใส่มีร์จากฝั่งซ้ายขวา


ดาบไร้รูปที่กำลังสัมผัสกับดาบหนักมังกรคราม เริ่มบิดข้อต่อของตัวเอง


คมดาบม้วนเป็นเกลียวขึ้นไปด้านบนและรัดพันดาบมังกรครามประหนึ่งเถาวัลย์


ทันใดนั้น สายฝนยุทธภัณฑ์เริ่มพรั่งพรูจากฟากฟ้า


คล้ายกับพวกมันกำลังเนื้อเต้นหลังจากไม่ถูกอัญเชิญมาเป็นเวลานาน จำนวนยุทธภัณฑ์สงครามที่ตอบรับการอัญเชิญมีปริมาณมากกว่าปรกติ


ทว่า ทั้งหมดล้วนไร้ค่า


การโจมตีของ โนเอะ แรนดี้และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ไม่ทรงพลังพอจะทะลวงผ่านม่านพลังงานรอบตัวมีร์ ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใดก็ไม่ได้ผล


ดาบหนักมังกรครามสะบัดหลุดจากดาบดาบไร้รูปอย่างง่ายดาย ส่วนอาวุธนับพันที่พรั่งพรูจากท้องฟ้าถูกปิดกั้นโดยม่านธรณีที่มีร์สร้างขึ้น และบางส่วนก็ถูกคลื่นสายฟ้าพัดกวาด


ยุทธภัณฑ์เกรดแรร์และสูงกว่า ส่วนใหญ่ทะลุผ่านม่านธรณีของมีร์ และบางส่วนสามารถฝ่าด้านคลื่นสายฟ้าเข้าไปได้ ทว่า ไม่มีชิ้นใดเลยที่สามารถฝากบาดแผลไว้บนร่างกายมีร์ที่เสริมความแข็งแกร่งด้วยจิตวิญญาณเสือขาว


‘ยิ่งเห็นเจ้านี่ใช้พลังของเทพทั้งสี่ได้สมบูรณ์แบบ ก็ยิ่งอดคิดไม่ได้ว่าทำไมถึงมีตัวละครที่โกงขนาดนี้อยู่ในเกม’


มีร์ครอบครองพลังของเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศโดยสมบูรณ์มานานมากแล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบหลังจากเทพฟีนิกซ์แดงและเต่าดำถูกปลดจากผนึก


นอกจากนั้น อัตราความก้าวหน้าของ NPC พิเศษย่อมสูงกว่าแรงเกอร์หัวแถว


มีร์เป็น NPC สุดพิเศษที่ตั้งเป้าจะเป็นเทพ


ในเวลาที่กริดพัฒนาตัวเอง มีร์ก็พัฒนาไม่ต่างกัน


อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการเติบโตของกริดนั้นยากจะหาใครทัดเทียม


“…!”


มีร์ออกจากโหมดจิตวิญญาณเสือขาวพร้อมกับตวัดดาบหนักมังกรคราม แต่ทันใดนั้น ดวงตาของมันพลันเบิกโพลง


ในมือซ้ายกริดมีดาบเล่มใหม่


ท่าทางคล้ายกับกำลังจะเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มพร้อมกันอย่างไม่เป็นธรรมชาติ


แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ กริดลดเอวลง


ดาบลอบสังหารทัพสามแสน


สุดยอดการโจมตีอันแนบเนียน ยามนี้กำลังสำแดงฤทธิ์เดช


‘ไม่อยากจะเชื่อว่าเราสัมผัสถึงดาบเล่มใหม่ได้ช้าขนาดนี้… เป็นเทคนิคที่น่าสนใจมาก’


มีร์เกิดความประทับใจจากก้นบึ้ง


กริดเม้มปากเน้นด้วยความเสียดาย


‘ตื้นเกินไป’


การถือดาบคู่จะไม่มีทางสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เว้นเสียแต่จะมีทักษะความชำนาญดาบคู่ในระดับสูง


อาวุธเล่มหนึ่งจะถูกจำแนกให้เป็นอาวุธรอง ส่งผลให้พลังโจมตีถูกหารสอง


แม้แต่ความแรงของทักษะก็ยังถูกปรับลด


เป็นสาเหตุให้ดาบลอบสังหารไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ


แต่อย่างไรก็ดี กริดมั่นใจว่า หากตนไม่แอบงัดดาบเล่มที่สองออกมาถือ คงเป็นการยากที่จะหาโอกาสใช้วิชาดาบลอบสังหารทัพสามแสน


“อั่ก!”


กริดฝืนกลืนเสียงครวญคราง


เนื่องจากปัจจุบันกำลังถูกดาบหนักมังกรครามทะลวงผ่านเกราะหน้าอก ตามด้วยการกรีดลงในแนวเฉียงไปถึงต้นขา


นอกเหนือจากความเจ็บปวดที่เกิดจากค่าความเสียหายกว่าสองหมื่นหน่วย บาดแผลของกริดยังถูกแช่แข็งพร้อมกับสร้างอาการผิดปรกติ


การเคลื่อนไหวของมันเชื่องช้าลง


มีร์ ชายผู้เคยเอาชนะกริดด้วยพลังของเทพทั้งสี่เพียงอย่างเดียวเมื่อในอดีต คราวนี้มันตัดสินใจเอาจริงโดยการดึงพลังของดาบหนักมังกรครามออกมาใช้


‘เรามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์… แค่มาทดสอบฝีมือตัวเอง’


มีร์เอาจริงต่อกริดตั้งแต่วินาทีแรกเพื่อแสดงความเคารพ แต่นั่นทำให้กริดสั่นคลอนไม่น้อย


เป็นเครื่องยืนยันว่า กริดเติบโตขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับการเผชิญหน้าคราวก่อน


อย่างไรก็ตาม กริดยังไม่พอใจ


‘เราเองก็ต้องเอาจริงบ้าง’


เพื่อให้เรียนรู้บางสิ่งจากศึกนี้ แม้แต่แขนสักข้างก็ยอมแลกได้


กริดเก็บดาบไร้รูป จากนั้นก็ชักดาบเล่มใหม่


แสงจันทร์เย็นเยียบสว่างขึ้นจากปลายนิ้ว


ดาบจันทราดับปรากฏกาย


“สยบ”


นี่มิใช่ทักษะสุดอลังการที่มาพร้อมค่าพลังโจมตีมหาศาล


แต่ในบางครั้ง ยิ่งเป็นทักษะที่เรียบง่ายเพียงใด ประสิทธิภาพก็ยิ่งสูงมากเท่านั้น


ในวินาทีนั้นเอง


ในวินาทีที่ ‘ท่ารำดาบ’ ซึ่งมีจังหวะการรำสั้นที่สุดจากบรรดาวิชาดาบกริดทั้งหมด เริ่มถูกปลดปล่อย


แถมยังเป็นการใช้ร่วมกับดาบที่มีคุณสมบัติ ‘ตัดได้ทุกเป้าหมายโดยไม่มีเงื่อนไข’


กริดมั่นใจมากว่า นี่คือการโจมตีที่แม้แต่เทพสงครามก็มิอาจหลบพ้น แล้วนับประสาอะไรกับมีร์


เป็นเช่นนั้น


สีหน้าของมีร์แปรเปลี่ยนเป็นหนแรก


แขนข้างหนึ่งร่วงหล่นลงพื้น


เป็นแขนของมีร์


แต่โชคไม่ดีนัก แขนของกริดก็ถูกตัดขาดเช่นกัน


‘ท่าสวนกลับ… ในจังหวะแบบนี้เนี่ยนะ?’


สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่มันคิด


มีร์ตัดสินใจสวนกลับโดยยอมสละแขนซ้าย แทนแขนขวาข้างที่ถือดาบมังกรคราม ส่วนที่กริดถูกสวนกลับ ต้องเสียแขนข้างที่ถือดาบไป


ส่งผลให้ดาบจันทราดับร่วงลงพื้น


กริดกำลังปราศจากอาวุธ


แต่โชคยังดี ดาบมังกรเพลิงอาสารับบ่นเด่น


มันเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและคอยปัดป้องการโจมตีให้กริดร่วมหัตถ์เทวะที่ถือโล่


ดาบมังกรเพลิงอ่านทิศทางการโจมตีและตอบสนองกับทุกสิ่งที่เข้ามาหากริด


จากนั้น มันอาศัยแรงปะทะเพื่อส่งตัวเองมายังมือซ้ายกริดด้วยความเร็วสูง


มีร์ถึงกับออกปากชม


“น่าสนใจมาก… เจ้าสร้างความตื่นเต้นให้ข้าได้เสมอ”


“แฮ่ก… แฮ่ก… ทำไมนายถึงไม่คงสภาพแขนขาดเอาไว้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจในอนาคตบ้างล่ะ?”


กริดเย้ยหยันมีร์ที่กำลังใช้พลังฟีนิกซ์แดงเพื่อสร้างแขนขึ้นมาใหม่


บนใบหน้ามีร์ยังคงมีรอยแผลที่กริดสร้างไว้เมื่อหลายเดือนก่อน


มีร์สามารถรักษาบาดแผลดังกล่าวได้ไม่ยาก แต่การที่ยังเหลือทิ้งไว้ นั่นคงเป็น ‘เครื่องเตือนใจ’ ของนักรบ


“ได้โปรดเข้าใจด้วย”


มีร์ตอบขณะปัดป้องดาบครอเกลที่พุ่งเข้ามาจากมุมอับ


“ข้าไม่มีทางบรรลุเป้าหมายสูงสุดของตัวเองได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว”


กริดตะโกนด้วยสีหน้าตกตะลึง


“ครอเกล?! ทำไมยังไม่หนีไปอีก!”


มันพยายามอย่างสุดความสามารถและเตรียมใจรอรับความตาย


แต่บ้าบอสิ้นดี ครอเกลเลือกสู้แทนที่จะหนี


หมายความว่า พวกมันกำลังจะตายทั้งคู่


ผิดไปจากความตั้งใจเดิมของกริด


ครอเกลที่ปักหลักอยู่ด้านหน้าเพื่อซื้อเวลาให้กริดฟื้นฟูร่างกาย กล่าวโดยไม่หันกลับมามอง


“ฉันหนีไม่เป็น”


อันที่จริง มันเคยหนีมาหลายร้อยรอบแล้ว ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผลุบๆ โผล่ๆ รอบอาณาจักรคายา


แต่ว่า


มันไม่อยากหนีต่อหน้ากริด


จะให้ทิ้งกริดไว้ข้างหลังและหนีไปคนเดียว?


ยอมตายดีเสียกว่า


นี่มิใช่มิตรภาพหรือความภักดี แต่เป็นความทระนงตน


ครอเกลกลืนความคิดในส่วนลึกของจิตใจลงไป


สีหน้าเผยความมุ่งมั่นโดยไม่สนใจว่ากริดจะตะโกนด่าทออย่างไรจากด้านหลัง


มีร์ที่รู้สึกประหลาดใจ เปิดปากกล่าวติดตลก


“ข้าคิดมาสักพักแล้วว่า… ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าสองคนไม่ธรรมดา… เทพเอ๋ย เจ้าคิดจะให้อริยดาบเป็นผู้ส่งสารของตัวเองหรือ?”


“ไม่เลยสักนิด…”


ถัดมา กริดและครอเกลตอบพร้อมกัน


“พวกเราเป็นเพื่อน”


“พวกเราเป็นคู่แข่ง”


“…?”


คำตอบออกมาแตกต่าง


มีร์ยังคงยิ้มพลางเอียงคอ


“และ?”


กริดและครอเกลพูดต่อพร้อมกัน


“คู่แข่ง”


“เพื่อน”


“...ฮะฮะ! ข้าเข้าใจแล้ว”


‘เป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมมาก’


หลังจากครุ่นคิดมีร์ ได้แต่นึกเสียดาย


ถ้าการัมลดความโลภลง


หรือถ้าแพ็กม่าไม่อ่อนโยนเกินไป


ป่านนี้ทั้งสองคงกำลังพูดแบบเดียวกันข้างๆ ตน


“เพื่อไม่ให้เสียมารยาท ข้าจะส่งพวกเจ้าไปพร้อมกัน”


มีร์ปลดปล่อยสายฟ้าเป็นการเปิดฉาก


พลังงานอันเข้มข้นและสูงส่งกำลังสั่นสะเทือนผืนทะเลทรายที่ถูกฉาบด้วยน้ำแข็ง


> ไม่ใช่ว่านายควรรีบหนีไปตอนนี้รึไง?


> คิดว่าคนอย่างฉันจะทิ้งเพื่อนให้เผชิญหน้ากับศัตรูตามลำพังรึไง?


> ไม่ใช่! พวกเราไม่มีทางชนะมันได้! อย่างน้อยก็ควรมีใครสักคนรอดกลับไป!


> นายพูดถูก เราไม่มีทางเอาชนะเจ้านั่นได้…


ครอเกลพยักหน้าพลางล้วงมือเข้าไปในช่องสัมภาระ


สิ่งที่มันหยิบออกมาก็คือ: หนังสือเก่าๆ เล่มหนึ่ง


เป็นหนังสือเล่มเล็กที่บรรจุ ‘วิชาดาบไร้เทียมทาน’ ซึ่งอริยดาบคนก่อนเคยศึกษา


> แต่คนที่จะรอดไม่ใช่ฉัน… กริด นายต้องรอดกลับไป


ครอเกลเชื่อว่า ตนเคยช่วยเหลือกริดไว้หลายเรื่อง


แต่ในความจริง สิ่งที่มันได้รับจากกริดก็ไม่น้อยเช่นกัน


อาจมากมายยิ่งกว่าที่มันมอบให้อีกฝ่าย


ดาบเสือขาวในมือคือข้อพิสูจน์


“ครอเกล?”


“ถ้าวิชาดาบของฉันไม่คู่ควรกับตำแหน่งอริยดาบ… ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันคู่ควรกับสิ่งไหน”


[เทพโอเวอร์เกียร์กริดกำลังเขียนมหากาพย์บทที่สิบสอง]


“ครั้งหนึ่ง ฉันเคยคิดจะปล่อยมือจากอริยดาบ”


[จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ เกิดขึ้นในทะเลทรายใกล้กับเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะนิรันดร์]


“แต่ตอนนี้ หลังจากพิสูจน์คุณสมบัติของตัวเองจนมั่นใจ… ถึงเวลาแล้วที่จะยอมรับคำสอนจากรุ่นก่อนอย่างสมศักดิ์ศรี”


[เขากำลังประจักษ์กับความแน่วแน่ที่ไม่ถูกสั่นคลอน]


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,942
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00