จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,437
มีอัญมณีคุณภาพ ‘ไร้ที่ติ’ จำนวนสี่เม็ดและอัญมณีคุณภาพสูงอีกสามสิบเก้าเม็ด
ทั้งหมดคืออัญมณีราคาแพงที่มิอาจประเมินคุณค่าด้วยสามัญสำนึกของคนธรรมดา
สมบัติหายากที่ควรจะประดับอยู่ในคลังสมบัติของจักรวรรดิ หรือไม่ก็ประดับประดาโลงศพขององค์จักรพรรดิ ปัจจุบันกำลังกระจัดกระจายเต็มห้องทำงานอลิซาเบธ
บางเม็ดชำรุดเล็กน้อย แต่บางเม็ดก็แหลกเป็นผุยผง
เป็นภาพที่อาจทำให้แรบบิทเกิดหมดสติถ้าเผลอมาเห็นเข้า
ทว่า อลิซาเบธไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ใบหน้าของเธอมีเพียงความสุข
‘นี่มัน… คราวนี้อาจจะประสบความสำเร็จ!'
งานจ้างสร้างเครื่องประดับจากเด็กชายอัจฉริยะที่ทำตัวน่าสงสัย ชีวิตนี้อาจไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง
ภาพผลลัพธ์ในอุดมคติกำลังฉายในหัวอลิซาเบธขณะที่เธอพยายามสร้างไอเท็มซึ่งมีเพียงเจ็ดชิ้นส่วน ด้วยอัญมณีที่แพงเทียบเท่าสมบัติแห่งชาติ
นั่นอาจเป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภายในใจลึกๆ ของอลิซาเบธค่อนข้างกังวล
อย่างไรก็ตาม เธอพยายามข่มใจให้ลืมความกลัวชั่วขณะ
ความกลัวเมื่อจินตนาการว่า เธอจะทำทุกสิ่งล้มเหลว และทำลายความไว้วางใจของกริดจนพังพินาศ
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น สิ่งที่อลิซาเบธกำลังสร้างก็คือ ชิ้นส่วนของกลไกถาวรที่จะดูดซับมานาจากสภาพแวดล้อมและเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน
ถึงจะสร้างเสร็จ แต่ขนาดชิ้นส่วนก็ยังเล็กมากอยู่ดี แถมยังมีข้อเสียในเรื่องที่ขนาดของกลไกใหญ่เกิดไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยอำนาจของไอเท็มเล็กๆ เพียงชิ้นเดียวในมือ อลิซาเบธกลับเล็งเห็นถึงความเป็นไปได้มากมายไม่รู้จบ
เธอจินตนาการถึงเครื่องบินลำใหญ่ที่จะโบยบินไปบนน่านฟ้าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ จินตนาการถึงเรือรบที่จะยึดครองท้องทะเลอย่างน่าเกรงขาม และจินตนาการถึงการกำเนิดของจักรกลเวทมนตร์ที่จะเป็นรากฐานในการปกครองทวีป
หน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏขึ้นตรงมุมสายตาที่กำลังสั่นเทาของหญิงสาวตัวเล็กๆ
[ท่านกำลังเข้าใกล้การสร้าง ‘ของวิเศษแห่งความไร้เหตุผล’]
[แม้ท่านจะยังไม่ได้สร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรม แต่ลำพังการสร้างทฤษฎี ชื่อของท่านก็ควรค่าแก่การจารึกลงไปในหน้าประวัติศาสตร์]
[เพื่อเป็นการระลึกถึงความสำเร็จครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีนับตั้งแต่มหาจอมเวท ‘พอลด์’ ทักษะช่างฝีมือของท่านเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นเลเวลสูงสุด]
“…!!”
ช่างฝีมือเลเวลสูงสุด
หมายความว่า อัตราความสำเร็จในการผลิต ‘กลไกถาวร’ จะสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ส่วนที่น่ายินดีในปัจจุบันไม่ใช่ความสำเร็จของชิ้นงาน แต่เป็นการเพิ่มศักยภาพ
การก้าวไปถึงเลเวลสูงสุดของทักษะช่างฝีมือย่อมหมายถึง อลิซาเบธมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นตำนาน
แต่เธอไม่รีบร้อน
ข่าน ช่างตีเหล็กผู้ยิ่งใหญ่ เคยพิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว
“กรี๊ดดดด! สุดยอด— หืม… เดี๋ยวก่อน”
ขณะกำลังกรีดร้องอย่างยินดี อลิซาเบธฉุกคิดถึงเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล
เป็นความสำเร็จครั้งแรกนับตั้งแต่พอลด์…?
บ้าน่า…
เธอไม่ใช่คนที่คิดค้นทฤษฎีกลไกถาวร
แต่เป็นเด็กอัจฉริยะที่เพิ่งพบกันเมื่อไม่นานมานี้
“...อย่าบอกนะว่า?”
ความเย็นเยียบอันน่าขนลุกพลันแผ่ซ่านไปถึงกระดูกสันหลังของอลิซาเบธ
ณ วันนี้ หน่วยโอเวอร์เกียร์เงาต้องทำงานหนักกว่าปรกติเป็นเท่าตัว
กลุ่มนักลอบสังหารหัวกะทิจำนวนมากที่ถูกก่อตั้งเป็นหน่วยพิเศษเพื่อคอยจับตามองบริษัทอินเฟอร์โน ปัจจุบันถูกโยกย้ายมาทำภารกิจค้นหาลิชที่คาดว่าน่าจะเป็นพอลด์
“ยกระดับความสำคัญของภารกิจค้นหาพอลด์ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง!”
ข้อมูลเบื้องต้นก็คือ พอลด์คืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในฐานะลิชของแอ็กนัส
ครอเกลเป็นผู้แจ้งข่าวนี้ผ่านทางกริด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แอ็กนัสกำลังครอบครอง หรือมีแนวโน้มที่จะครอบครองกลไกถาวรในมือ
เฟคเกอร์และโอเวอร์เกียร์เงาต้องค้นหาและทำลายมัน
***
พวกยังบันยังคงไม่รู้ตัว
ไม่สิ ต่อให้รู้ตัว แต่พวกมันก็ไม่เข้าใจ
พวกมันเพิ่งเห็นชายเสียสติแทงดาบขึ้นไปในอากาศที่ไม่มีใครอยู่เลย จึงได้สงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่
แต่เพียงพริบตา ดาบที่แทงขึ้นไปในอากาศพลันยืดยาวกะทันหัน ก่อนจะวกลงมาโอบล้อมร่างกายมันและพวกพ้อง
จนกระทั่งพวกมันเริ่มส่งเสียง ‘หือ?’ ออกมาพร้อมกัน
เส้นขนทั่วร่างลุกตั้งชันอย่างรวดเร็ว
พวกมันเพิ่งตระหนักได้เมื่อสาย
ในวินาทีนี้ ยังบันต่างพากันสิ้นหวังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่พวกมันไม่เข้าใจ
เป็นความอ่อนแอและสิ้นหวังไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ธรรมดาที่พวกมันดูแคลน
อาวุธอันเย็นเยียบที่โค้งงอเหมือนแส้ ปัจจุบันกำลังรัดพันรอบร่างเหล่ายังบัน
ครอเกลได้แต่นึกสงสัยว่า
‘นี่คือดาบจริงๆ หรือ?’
ทันใดนั้น ใบมีดเล็กๆ ของดาบไร้รูปพลันบิดตัว
ข้อต่อสามสิบข้อขยับไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อเปลี่ยนองศาของคมมีด
ใบมีดที่ผุดขึ้นประหนึ่งคมเลื่อยหรือหนาม ฉีกกระชากและเฉือนผิวหนังยังบันอย่างโหดเหี้ยม
[ยังบัน ‘แซซัก’ ถูกสังหาร]
[ยังบัน ‘มุลกยอล’ ถูกสังหาร]
พวกมันคือสองยังบันที่บาดเจ็บจากครอเกลมาก่อน
ปัจจุบันกลายเป็นผงเถ้าถ่านสีเทาหลังจากเผชิญความตาย
กริดและครอเกลต่างได้รับค่า EXP กันถ้วนหน้า
ครอเกลเลเวลอัป
เฉกเช่นความฮึกเหิมที่เพิ่มขึ้น
หลังจากฟื้นฟูพลังชีวิตด้วยโพชันของโรงแปรธาตุเรย์ดัน มันรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่
ครอเกลคอมโบ ‘ดาบอสนีบาต’ และ ‘ดาบคลั่ง’ เข้าด้วยกันและพุ่งโจมตียังบันที่กำลังยืนเหม่อมองพวกพ้องเสียชีวิต
ยังบันตนดังกล่าวรู้ตัวช้าไปครึ่งก้าว กว่าจะได้สติกลับมา เลือดก็ไหลรินออกจากร่างกาย
ครอเกลหายตัวไปโผล่ด้านหลังพร้อมกับเสียบดาบปักลงไปในพื้นทราย
สวรรค์ปฐพีพินาศ
วิชาดาบที่ถูกพัฒนาให้มีเกรดเลเจนดารี (ยกระดับ) เริ่มแยกพื้นดินออกจากกัน จากนั้น ปราณดาบจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกจากรอยแยกและกระหน่ำโจมตีใส่ยังบันด้านบน
“โฮ่…”
กริดส่งเสียงอุทาน
ชายหนุ่มยังคงถือดาบไร้รูป สองเท้าย่างกรายเข้าไปในดงศัตรูที่ครอเกลดูดมารวมตัวกัน
หากใช้วิชาดาบราชาไร้พ่ายร่วมกับดาบจันทราดับ กริดมั่นใจว่าตนสามารถสะบั้นคอของยังบันได้สบาย แต่ตอนนี้มันต้องการทดสอบประสิทธิภาพของดาบไร้รูป
ดาบไร้รูปเริ่มบิดหมุน ยืดออก และย้อนกลับข้อต่อทั้งสามสิบข้อในสภาพที่กำลังพันรอบร่างยังบัน
ฉากตรงหน้าได้สร้างแรงบันดาลใจให้ครอเกล
พรสวรรค์ของครอเกลท่วมท้นจนสามารถมองเห็นวิถีล่วงหน้าของดาบไร้รูปในทิศทางที่ ‘เป็นไปไม่ได้’
ครอเกลรีบโคจรปราณดาบปริมาณมหาศาล
จากนั้นก็เล็งโจมตีตามวิถีแนวเดียวกับดาบไร้รูป เป็นการสอดประสานที่ไม่รบกวนหรือกีดขวาง
สามยังบันถูกกระหน่ำโจมตีภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา
การโจมตีผสานของครอเกลที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ สร้างความประทับใจให้กริดอย่างมาก
ปราณดาบครอเกลถูกวาดเป็นเส้นเฉียงหลังจากหักเลี้ยว
จากนั้นก็หักเลี้ยวอีกครั้งพร้อมกับเร่งความเร็ว
เป็นการ ‘แนะนำ’ วิถีการฟันที่ดีกว่าให้กับดาบไร้รูป
จนกระทั่งกริดได้ยินยังบันร้องครวญครางประสานเสียง
วิถีของดาบไร้รูปในอุดมคติพลันถูกทำลาย
“คึ่ก!”
“อั่ก!”
ต่างจากแซซักและมุลกยอลที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ยังบันทั้งสามที่เพิ่งมาถึงภายหลังยังคงมีสภาพร่างกายที่ดี
แม้จะโดนดาบอสนีและดาบคลั่งของครอเกลเข้าไป แต่พวกมันก็กระตุ้นพลังเสือขาวปกคลุมร่างกายได้ทันเวลา ลดความเสียหายจากการ ‘สวรรค์ปฐพีพินาศ’ ไปได้หลายส่วน
ปัจจุบัน พวกมันมีเวลาพักหายใจหายคอพอสมควร
แต่ในพริบตานั้นเอง ชายที่ฆ่าแซซักและมุลกยอลด้วยดาบประหลาด พลันโผล่ขึ้นข้างๆ พวกมันด้วยชุนโป
‘เจ้านี่… คนที่เขาลือกัน...!’
‘คนที่ผ่านการสอบซือโหยว!’
ยังบันเริ่มหวาดระแวง
พวกมันมิได้โง่ถึงขนาดที่เห็นพวกพ้องตายต่อหน้าแล้วจะไม่มีบทเรียน
นับแต่นั้น พวกมันก็ไม่ประมาท
เริ่มจากการจงให้ครอเกลโจมตีทีเผลอโดยที่ปกคลุมร่างกายเตรียมไว้ และเริ่มตอบโต้อย่างสุดฝีมือเมื่อกริดลงมือโจมตีระลอกใหม่
แต่ปัญหาก็คือ กริดและครอเกลแข็งแกร่งกว่าในข่าวลือ
วิธีดาบของครอเกลซับซ้อนและตอบสนองได้ยากกว่าข้อมูลที่พวกมันเคยได้ยิน
ขณะที่ดาบของกริดซึ่งซับซ้อนในตัวเองอยู่แล้ว ก็ยังเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
‘เจ้าพวกนี้… พวกมันเรียนรู้และแข็งแกร่งขึ้นขณะสู้!’
ที่ยังบันชอบใช้กระบี่อ่อน ก็เพราะเป็นอาวุธที่สามารถปลิดชีพศัตรูได้ง่าย
สำหรับยังบัน ความเบาของกระบี่อ่อนไม่ใช่ข้อเสีย พวกมันมีพลังทางกายที่ท่วมท้นจนสามารถฆ่าได้ในดาบเดียว
ทว่า มีร์สั่งห้ามมิให้ใช้กระบี่อ่อนสู้กับครอเกล
ความเร็วและทิศทางที่ยากจะคาดเดาของกระบี่อ่อนอันเกิดจากความเบาและความยืดหยุ่น ไม่มีผลกับครอเกลแม้แต่น้อย พวกมันจึงจำเป็นต้องใช้อาวุธหนัก
มีร์เป็นตัวตนพิเศษสำหรับยังบัน
เป็นบุคคลตัวอย่าง
ยังบันคนเดียวที่เคยทัดเทียมมีร์คือการัม
แต่การัมคนนั้นก็ตายไปนานแล้ว
ยังบันจึงล้วนฟังคำสั่งของมีร์โดยไม่มีใครกล้าขัด
พวกมันเตรียมดาบหนักและดาบยาวเพื่อใช้ต่อสู้กับครอเกลโดยเฉพาะ
ทว่า ที่นี่ไม่ได้มีเพียงครอเกล
“ชิ...!”
พวกมันถูกอาวุธที่รวดเร็วกว่าไล่รุกหนักจนบาดแผลตามลำตัวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ยังบันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทษว่าเป็นความผิดของอาวุธหนัก
ไม่สำคัญว่าใครจะเริ่มก่อน แต่ยังบันทั้งสามต่างสละอาวุธปัจจุบันและชักกระบี่อ่อนที่สวมไว้ต่างเข็มขัดออกจากเอว
ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้น
สามยังบันใช้ประโยชน์จากพรสวรรค์ด้านร่างกายเพื่อสร้างวิถีการโจมตีที่ยากจะคาดเดา
เหล่ายังบันมีสมาธิเพิ่มขึ้น
ตั้งใจประหนึ่งกำลังสอบซือโหยวก็มิปาน
ทว่า ลำพังความตั้งใจอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ ไม่อย่างนั้นพวกมันคงกลายเป็นเทพไปนานแล้ว มิใช่ครึ่งเทพเหมือนในปัจจุบัน
“…?!”
ดาบของครอเกลจู่ๆ ก็หนักหน่วงขึ้นกะทันหัน
ยังบันเห็นท่าไม่ดี จึงละทิ้งความพลิ้วไหวใช้กระบี่อ่อนรับดาบที่พุ่งมาราวกับสายฟ้าตรงๆ
ณ จุดนี้ต้องขอบคุณความยืดหยุ่นของกระบี่อ่อน
กระบี่อ่อนช่วยลดพลังทำลายของดาบเสือขาวลงครึ่งหนึ่งพร้อมกับสะท้อนกลับไป
ยังบันรู้สึกทึ่ง
ประหนึ่งอายุขัยลดลงไปสิบปีเพียงเพื่อรับการโจมตีดังกล่าว
“…?”
ยังบันคนหนึ่งพยายามตามซ้ำครอเกลที่ถูกพวกพ้องของตนไล่ล่าจนต้องร่นถอย แต่ทันใดนั้น ทัศนวิสัยของมันเกิดพลิกกลับด้านกะทันหัน
คอของมันร้อนรุ่มเพราะถูกฟันด้วยดาบคล้ายแส้ของกริด
“ไอ้ระยำนี่...”
ครอเกลที่ยืดหยุ่นในทุกการพลิกผันของสถานการณ์ และกริดที่ยังคงยึดติดกับแผนอย่างแน่วแน่โดยไม่สนว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร – ชายสองคนที่มีอุปนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อร่วมมือกันแล้วลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ
การผนึกกำลังของพวกมันเปรียบดังฟันเฟืองที่หมุนรอบตัวเองโดยไม่หยุดพัก
ฟันเฟืองขนาดมหึมาที่จะบดขยี้ทุกสิ่งที่ถูกดูดเข้าไป
พวกมันสองคนเป็นพลทหารที่ฝ่าฟันความเป็นความตายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วนรึไง?
เหล่ายังบันกลืนคำสบถลงคอพลางมองย้อนกลับไปในอดีต
วันนี้ผิดไปจากปรกติตรงไหน?
หากไม่นับเรื่องเล็กน้อยอย่างการเผลอเหยียบสิ่งสกปรกขณะเดินบนถนน หรือการที่เพิ่งเห็นว่ามีเศษอะไรติดอยู่บนชายเสื้อหลังจากออกมาแล้ว ชีวิตประจำวันของพวกมันนับว่าปรกติอย่างมาก
แล้วทำไมดวงถึงได้ซวยขนาดนี้?
ทำไมถึงต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดสองตนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน?
ขณะยังบันเริ่มถอดใจและก้าวถอยหลัง...
ความหนาวเย็นซึ่งไม่เข้ากับทะเลทรายเริ่มแผ่ปกคลุม
ทรายที่ร้อนๆ ที่ถูกแดดเผากลับแข็งตัวอย่างผิดธรรมชาติ
บางส่วนของทะเลทรายกลายเป็นผืนน้ำแข็งเย็นเฉียบ
กริดและครอเกลเริ่มหนาวสั่น
[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านมิอาจจำแนก]
ในวินาทีที่หน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏ
“คึ่ก...!”
กริดบิดเอวอย่างสุดความสามารถ
สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเฉียดเส้นผมกริด ทะลุผ่านไปด้านหลังพร้อมกับเกิดระเบิดลูกโซ่รุนแรงท่วมท้นผืนทะเลทราย
ระเบิดลูกโซ่ลุกลามมายังจุดที่ครอเกลกำลังยืน
ครอเกลเสร็จไปแล้ว?
กริดเผยสีหน้ากังวล แต่ผ่านไปสักพักก็โล่งอก
เสียงหายใจหอบของครอเกลดังมาจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
รวมถึงเสียงใหม่ที่ดังมาจากท้องฟ้าด้านบน
“พัฒนาขึ้นมากทีเดียว”
ชายผู้ถือต้นกำเนิดของความหนาวเย็นและสายฟ้าซึ่งมีลักษณะคล้ายหางมังกร กำลังลอยอยู่กลางอากาศในตำแหน่งดังกล่าว
ชายผู้สวมโดโปสีขาวพลิ้วไหว
ไม่ใช่ใครนอกจากมีร์
บุคคลที่กริดมองเป็น ‘บรรทัดฐาน’ ของความแข็งแกร่ง
บุคคลผู้เป็นปราการด่านสุดท้ายก่อนเข้าสู่อาณาจักรฮวาน
Comments
Post a Comment