จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,432
[เป้าหมายของทักษะไม่ถูกต้อง]
หัวใจราชินีเยือกแข็งคือโอสถประเภทหนึ่ง
ตามชื่อของมัน ไอเท็มชิ้นนี้ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ของยา ไม่สามารถใช้ทักษะการตีเหล็กเข้าแก้ไขได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการหลอม เปลี่ยนรูป ดัดแปลง และแยกส่วน
‘นั่นสินะ ช่างตีเหล็กไม่ใช่นักปรุงยาสักหน่อย’
มันแค่ลองใช้ทักษะตรวจสอบดู แต่ภายในใจลึกๆ กลับรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวขโมย
“เมอร์เซเดส… ช่วยเรียกเนเฟลิน่าให้หน่อย”
“ค่ะ ฝ่าบาท”
เมอร์เซเดสออกจากตำแหน่งคุ้มกันกริดทันที
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที เธอกลับมาพร้อมกับเนเฟลิน่า
เมื่อพิจารณาระยะห่างระหว่างโรงตีเหล็กกับปราสาท คนทั่วไปอาจคิดว่าเป็นความเร็วที่เกิดจากชุนโป
‘ข่ายเวทแรงโน้มถ่วง?’
ทักษะข่ายเวทแรงโน้มถ่วงที่เมอร์เซเดสเพิ่งเรียนรู้ได้ไม่นาน มีพลังในการเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงของพื้นที่แคบๆ
กริดเคยต่อสู้ในขุมนรกร่วมกันกับอีกฝ่าย ย่อมต้องเคยเห็นเมอร์เซเดสเร่งหรือลดความเร็วของศัตรูไม่พื้นที่หนึ่งๆ
พิจารณาจากความฉลาดของหญิงสาว กริดเชื่อว่าเมอร์เซเดสน่าจะใช้ข่ายเวทแรงโน้มถ่วงเพื่อเร่งความเร็วในการเดิน
เนเฟลิน่าบ่นขณะถอดหน้ากากสำหรับนอน
“ข้ากำลังจะอยู่แล้ว การเสียมารยาทนี่มันอะไร?”
“…กลางวัน?”
“ข้ายังเป็นเด็ก ไม่คิดบ้างหรือว่าต้องพักผ่อนอย่างมีคุณภาพจึงจะเติบโตได้รวดเร็ว?”
“นั่นสินะ… ฉันขอโทษ ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย”
“ทุกวันนี้ข้าเริ่มคลางแคลง… ร่างจุติของหนึ่งในเจ็ดมารที่โผล่หน้าเมื่อไม่นานมานี้ เจ้านั่นค่อยๆ ฟื้นตัวจากคำสาปเกียจคร้านเพราะฝีมือเจ้า แต่ในทางกลับกัน ข้ากลับไม่สามารถกินได้เท่าที่ใจปรารถนา แถมตอนนี้ยังจะมาขัดขวางการนอนกลางวันอีก? ทำไมถึงมีแค่ข้าที่ได้รับการดูแลแย่ๆ”
“หากไม่ใช่เพราะความใจดีของฝ่าบาท เธอคงต้องตายหรือไม่ก็ถูกขายให้กับหอคอยมนต์ดำสักแห่ง ต้องทนทุกข์ทรมานจากการทดลอง… นอกจากจะไม่ขอบพระทัยฝ่าบาทที่กรุณาช่วยชีวิต กลับยังกล้าบ่นอย่างไร้ความเกรงใจ”
“อ๊ะ! จริงสิ ข้าก็ไม่ชอบหน้านังโอหังนี่ด้วย”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้ดูแลซิกเฟรคเตอร์เป็นพิเศษ การที่เขาค่อยๆ ฟื้นตัวจากคำสาปเกียจคร้าน เป็นผลมาจากคุณสมบัติพิเศษของราชาโลหิต… เข้าใจแล้ว ฉันจะโน้มน้าวให้นายกเทศมนตรีแรบบิทเพิ่มวัวให้เธอหนึ่งตัวทุกวัน คิดว่ายังไงบ้าง?”
“ห้าตัว”
“ก็ได้… ฉันจะพยายาม”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็เป็นคำขอที่ยากจะทำให้สำเร็จ กระทั่งตัวเดียวยังยากในสถานการณ์เช่นนี้
สถานภาพทางการเงินของอาณาจักรกำลังวิกฤติหลังจากสิ้นเปลืองทรัพยากรจำนวนมากไปกับการสำรวจนรก
แน่นอนว่า ถ้ากริดขายไอเท็มที่ดรอปจากจอมอสูรได้ทั้งหมด กำไรจะสูงถึงสิบเท่าหรือร้อยเท่าของเงินที่ลงทุน
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดจะขายไอเท็มดรอปให้คนภายนอก เนื่องจากกริดต้องการเสริมความแข็งแกร่งภายในอาณาจักรเป็นลำดับแรก
จริงอยู่ ในระยะหลัง กริดรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องเสริมความแข็งแกร่งให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด ไม่จำกัดเฉพาะกิลด์โอเวอร์เกียร์หรืออาณาจักรโอเวอร์เกียร์
แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะปล่อยไอเท็มคุณภาพสูงออกนอกอาณาจักร
“ลองดูนี่”
กริดเหยียดแขนข้างที่กำลังถือหัวใจราชินีเยือกแข็งออกไปหาเนเฟลิน่าที่กำลังมีความสุข
เพียงพริบตา ดวงตากลมโตของเนเฟลิน่าเริ่มกลายเป็นทรงรีคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลาน
เนตรมังกร กล่าวอีกนัยหนึ่ง เนเฟลิน่ากำลังจริงจัง
“นี่มัน… ปราณหยินเข้มข้นมาก”
“หัวใจของราชินีเยือกแข็ง… เธอกินและย่อยมันได้ไหม”
“ทุกคนสามารถกินและย่อยมัน แต่ไม่มีใครสามารถควบคุมปราณหยินที่รั่วไหลออกมาได้ หลังจากข้ากินเข้าไป ไรน์ฮาร์ทจะถูกแช่แข็งโดยสมบูรณ์”
“ไม่ใช่ว่าเธอมีพรสวรรค์ในทุกธาตุ? ทำไมถึงควบคุมมันไม่ได้”
“ปราณหยินภายในหัวใจไม่ใช่ธาตุทั่วไป แต่ใกล้เคียงกับความคิดชั่วร้ายอันเข้มข้น ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่าคำสาปเทียมที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่ควรกินเข้าไปด้วยประการทั้งปวง เว้นเสียแต่จะเป็นพวกเสียสติที่อยากปกครองโลกน้ำแข็งตามลำพัง”
“ไม่มีวิธีกินอย่างปลอดภัยบ้างเลยหรือ? ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพวกเรามีนักปรุงยาในตำนาน จะสามารถเปลี่ยนองค์ประกอบของยาเพื่อบรรเทาผลข้างเคียงได้ไหม?”
“จากประวัติศาสตร์ ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีนักปรุงยาคนใดเก่งกาจได้ถึงระดับนั้น แล้วอีกอย่าง ข้าบอกไปแล้วว่ามันใกล้เคียงกับคำสาปมากกว่ายา… เฮ้อ… ทั้งที่เป็นเทพ แต่กลับยึดติดกับพลังแค่นี้”
“ไม่มีทางสินะ…”
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น หัวใจราชินีเยือกแข็งทรงพลังเกินไป
หากถูกดัดแปลงจนผลข้างเคียงบรรเทาลง คงเรียกได้เต็มปากว่าเป็นไอเทมที่เกิดมาเพื่อทำลายสมดุล
สมดุลที่ซาทิสฟายหวงแหน
ใครก็ตามที่กินเข้าไปจะแข็งแกร่งขึ้นทันตาเห็น
ดังนั้น ระบบของเกมน่าจะมีการกำหนดไว้ตายตัวเพื่อไม่ให้สมดุลถูกทำลายลง
‘หัวใจฟีนิกซ์แดงเองก็ไม่สามารถดัดแปลง… ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว’
กริดที่ยอมยกธงขาว เก็บหัวใจไว้ในช่องสัมภาระ
แม้ไอเท็มชิ้นนี้จะกลายเป็นภาระโดยสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่เสียใจ
กริดไม่อยากปล่อยให้ตกอยู่ในมือของใครก็ตามที่คิดร้าย นั่นถือเป็นการเพิ่งความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น
‘โชคดีที่ผู้ล่าราชินีเยือกแข็งไม่ใช่คนเลว’
คุจารัก เสือดาวแห่งแอฟริกา
ว่ากันตามตรง ชายคนนี้ไม่เคยอยู่ความสนใจของกริด
คุจารักมิได้เข้าร่วมงานใหญ่ๆ อย่างการแข่งซาทิสฟายนานาชาติ แถมยังชอบโลดแล่นตามลำพังในแถบห่างไกลความเจริญ
จวบจนปัจจุบัน กริดและคุจารักยังไม่เคยเผชิญหน้ากัน และในอนาคตก็คงไม่เปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม ในสายตากริด คุจารักเริ่มกลายเป็นคนที่น่าสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
พิจารณาจากข้อมูลของไอเท็ม ‘หัวใจราชินีเยือกแข็ง’ มีความเป็นไปได้สูงที่ราชินีเยือกแข็งจะเป็นบอสพิเศษระดับสูง
‘สามารถฝ่าฟันสภาพอากาศหิมะโหมกระหน่ำของเฮราริสและโค่นบอสพิเศษลงได้… เราเคยคิดว่าข่าวลือที่เขาสามารถคุกคามบัลลังก์ครอเกลจะเป็นแค่เรื่องเกินจริง’
หากเป็นไปได้ กริดก็อยากพบหน้าอีกฝ่ายในสักวัน
เป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่คนเก่งระดับนั้นจะไม่เก็บหัวใจราชินีเยือกแข็งไว้ใช้เองหรือขายต่อในราคาสูง
หลังจากเว้นวรรคไปสักพัก กริดกลับมาทำงานของตัวเองต่อ
***
“ได้โปรดทำให้สัญลักษณ์นี้ปรากฏในดวงตาข้างขวาทุกครั้งที่ฉันใช้ทักษะ แต่เป็นภาพจางๆ ที่ยากจะสังเกตเห็น เว้นเสียแต่จะเพ่งมองอย่างตั้งใจ”
แต่ไหนแต่ไร คูเซฮา จะใช้ทักษะการสร้างสกินของมันได้ค่อนข้างเกิดประโยชน์กับสังคม
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคนพิการหรือผู้ที่ได้รับแผลเป็นตลอดชีวิต เมื่อบาดแผลทางกายหายดี บาดแผลทางใจก็ถูกเยียวยาไปพร้อมกัน
แน่นอน คูเซฮามิได้ทำความดีโดยปราศจากสิ่งแลกเปลี่ยน มันจะได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อทุกครั้ง
“ฉันอยากให้มือซ้ายมีเปลวไฟสีแดงลุกโชนหลังจากพูดคำว่า ‘มังกรเพลิงทมิฬ’”
คูเซฮาไม่เหมือนกับนักบุญหญิงรูบี้ มันไม่คิดจะทำงานการกุศลและช่วยเหลือผู้คนโดยไม่แสวงหากำไร
มีหลายครั้งที่รับงานเพราะเงินล้วนๆ
หากผู้เล่นยอมเสนอเงินก้อนโตเพื่อแลกกับความสวยงามหรือความเท่ คูเซฮาจะผลิตสกินที่เหมาะกับรสนิยมของคนเหล่านั้นโดยไม่ปริปากบ่น
และเมื่อรับงานในทำนองนี้บ่อยครั้งเข้า มันเริ่มเข้าใจว่ามาตรฐาน ‘ความเท่’ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลอย่างมาก
คูเซฮาได้พบเห็นรสนิยมพิสดารมากมายบนโลกใบนี้
“และถ้าฉันยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งหนึ่ง อยากให้ฉากหลังมืดลงพร้อมกับเกิดภาพฟ้าผ่าและเสียงฟ้าร้อง… พอจะทำได้ไหม?”
“และในตอนที่ฉันยิ้มมุมปาก ช่วยทำให้เส้นผมและปกเสื้อสะบัดเบาๆ คล้ายกับมีลมพัด”
“และทุกครั้งที่ฉันพูดว่า ‘ในชาติที่แล้ว’ รอบตัวจะเปล่งแสงออร่าเท่ๆ ออกมา… ไม่สิ เอาเป็นปีกเทวทูตสีดำด้านหลังดีกว่า ให้โผล่ออกมาครู่หนึ่งก่อนจะหายไป… ทำได้ไหม?”
“และทุกครั้งที่ฉันแหงนมองท้องฟ้า พร้อมกับส่งเสียง ‘แค่ก! แค่ก!’ หรือไม่ก็พูดว่า ‘เฮ้อ… เป็นแบบนี้คงดีแล้ว’ ช่วยทำให้เลือดไหลออกจากมุมปาก เอาแบบที่ว่า ถ้าใครมาเห็นเข้าจะรู้ทันทีว่าฉันมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน… นั่นคือไอเดีย”
แต่สำหรับรสนิยมในคราวนี้
มันไม่สุดโต่งไปหน่อยหรือ?
คูเซฮารู้สึกปวดหัวทุกครั้งที่ลอเอลขอเพิ่มเงื่อนไข
มันคิดไม่ถึงว่ามนุษย์จะมีรสนิยมในระดับนี้ได้
คูเซฮาเคยคิดว่าตนผ่านรสนิยมแปลกๆ ทุกชนิดบนโลกมาแล้ว แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ความเชื่อมั่นดังกล่าวต้องพังครืน
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ตัวมันสามารถทำตามข้อเรียกร้องของลอเอลได้เกือบทั้งหมด
ระบบที่มันเคยคิดว่า ‘ไร้ประโยชน์’ มาตลอด บัดนี้เริ่มเฉิดฉายขึ้นมาราวกับเกิดมาเพื่อลอเอล
คูเซฮาอดถามตัวเองไม่ได้ว่า หรือแท้จริงแล้ว คลาสนักสร้างสกินจะเกิดมาเพื่อรสนิยมสุดพิสดารของลอเอล?
“จากทั้งหมดที่นายต้องการ เรื่องเดียวที่ทำไม่ได้คือพายุสายฟ้า ส่วนที่เหลือทำได้ทั้งหมด แต่ต้องใช้วัสดุค่อนข้างมาก… หลักๆ ประกอบด้วยสีย้อมของเฮลด้า ไฟโดเกบิ ปอดไวเวิร์น ความแค้นของฟิวเรียส หญ้าแสงจันทร์…”
ด้วยความกระตือรือร้น ลอเอลก้มหน้าจดบันทึกรายการวัสดุที่จำเป็นสำหรับสร้างสกิน
ในช่วงแรก มันตื่นเต้นที่ความฝันของตนกำลังจะถูกเติมเต็ม ทว่า สีหน้าลอเอลค่อยๆ หมองลงทีละนิด
วัสดุหลายอย่างหาได้ยากเกินไป
ต่อให้มีลูกน้องคอยช่วยเหลือ แต่วัสดุหลายชิ้นก็ยังไม่แน่ว่าจะหามาครอบครองสำเร็จ
“คึคึคึก… คงเป็นบททดสอบจากสวรรค์สินะ… โลกใบนี้ช่างโหดร้ายกับข้านัก… อาจเป็นเพราะกรรมเก่าจากชาติที่แล้ว”
ลอเอลยิ้มขมขื่นพลางแหงนหน้ามองฟ้า
จะยอดเยี่ยมสักเพียงใดหากในเวลานี้ มีเลือดไหลออกจากมุมปากพร้อมกับปีกสีดำที่ค่อยๆ สยายจากแผ่นหลังและหายไป?
คิดมาถึงจุดนี้ ความกระตือรือร้นที่เริ่มห่อเหี่ยวของลอเอลกลับมาลุกโชนอีกครั้ง
“เซอร์เฮเดอร์ จงนำอัศวินทั้งหมดออกไปตามหาวัสดุเหล่านี้”
“ขอรับ ท่านมหาเสนาบดี”
“…อา”
ด้วยสายตาเหม่อลอย คูเซฮาเฝ้ามองลอเอลที่เรียกอัศวินมาออกคำสั่งสุดเหลวไหล จากนั้นก็หันไปมองทางแวนเนอร์
ตัวแทงค์นักทำลาย แวนเนอร์
ชายคนนี้มีชื่อเสียงในฐานะผู้เล่นคลาสอัศวินผู้พิทักษ์แรงค์หนึ่งของโลก และยังเป็นคนกลุ่มแรกๆ ที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องหลังจากทราบว่ากิลด์โอเวอร์เกียร์ติดต่อกับนักสร้างสกินได้แล้ว
“อยากได้ทรงผมแบบไหน ฉันจะจัดการให้ทันที”
คูเซฮาไม่แม้แต่จะรอฟังคำขอของอีกฝ่าย
มันทราบดีว่าคำขอร้องของชายศีรษะล้านจะออกมาในลักษณะใด จึงหยิบวิกผมยอดนิยมออกมาวางเรียง
ทั้งหมดเป็นวิกที่ดูเหมือนผมจริงมาก ทำจากวัสดุชนิดพิเศษ
เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในหมูขุนนางวัยกลางคน
“ลูกผู้ชายก็ต้องโมฮอว์กเท่านั้น!”
แวนเนอร์ตอบด้วยแววตาที่สดใส
แต่ทันใดนั้น คล้ายกับเพิ่งได้สติกลับมา จึงรีบโพล่งออกไป
“เฮ้ย! ฉันไม่ได้หัวล้านในชีวิตจริง!”
สาเหตุที่มันหัวล้าน ก็เพราะจงใจปรับแต่งรูปลักษณ์ของตัวเองให้หัวล้านต่างหาก
แวนเนอร์ยืนกรานเรื่องนี้กับทุกคนมาตลอด
หากเมื่อใดก็ตามที่มันสวมวิกในเกม นั่นจะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าชีวิตจริงก็หัวล้านด้วย
“ต้องขอโทษที่เสียมารยาท… แล้วนายต้องการให้ทำอะไร?”
“…ลีโอนาร์โดEดิคาปริโอ”
“…?”
“ไม่รู้จักชื่อยอดนักแสดงในตำนานรึไง?”
“รู้จัก… แต่ว่า…”
“ลีโอนาร์โดEดิคาปริโอ… ฉันต้องการใช้ชีวิตในซาทิสฟายด้วยใบหน้าเดียวกับลีโอนาร์โดในวัยยี่สิบต้นๆ”
สำหรับมนุษย์ทุกคน ใบหน้าในอุดมคติไม่ได้มีเฉพาะเพศตรงข้ามเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนเคยจินตนาการใบหน้าที่สมบูรณ์แบบในเพศของตัวเอง
คูเซฮาที่เข้าใจความหมายของแวนเนอร์ พยักหน้ารับ
“ตกลง… แล้วจะให้ปรับแต่งขนาดร่างกายด้วยไหม?”
“ไม่จำเป็น… ลีโอนาร์โดในวัยยี่สิบผอมเกินไป ฉันต้องการใช้ร่างกายปัจจุบันโดยเปลี่ยนแค่ใบหน้า”
“แบบนั้นจะไม่สมส่วน”
“ช่างมัน แค่หน้าดี ทุกอย่างก็จะดีเอง”
“เข้าใจแล้ว”
มันเป็นคำขอที่แสนง่ายดาย
การทำสกินเฉพาะใบหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายมาก โดยเฉพาะกับใบหน้าของดาราในตำนานที่มีแบบมากมายให้อ้างอิง
นอกจากนั้น แวนเนอร์ปฏิเสธที่จะสวมวิก จึงไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับการทำเส้นผม
วันถัดมา
“คุฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ภาพของลีโอนาร์โดที่หัวโล้น บึกบึน และมีขนหน้าอกดกหนา ทำให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“…”
ผมสีทอง… เอ็งเอาผมสีทองของลีโอนาร์โดไปไว้ที่ไหนฟะ?
แวนเนอร์ฝืนกลืนคำพูดดังกล่าวลงคอพลางถอดหน้ากากหนังออกอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้น คูเซฮาจำต้องหมกตัวอยู่ที่ไรน์ฮาร์ทเป็นเวลานานเนื่องจากสมาชิกโอเวอร์เกียร์แวะเวียนมาหาทุกวันโดยไม่หยุดพัก
แต่ผิดจากที่คาด มันมิได้เหน็ดเหนื่อย
เป็นชีวิตที่ค่อนข้างสนุก
ต้องขอบคุณสมาชิกโอเวอร์เกียร์ที่คอยรวบรวมวัสดุหายากซึ่งคนธรรมดาแทบไม่มีโอกาสเข้าถึง คูเซฮาจึงมีโอกาสได้สร้างสกินยากๆ ชนิดที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ส่งผลให้ค่าประสบการณ์ของทักษะก้าวกระโดดราวกับติดจรวด
ลอเอลอาการหนักสุดละคงรักษาไม่หายแน่ๆโรคเบียว55555555
ReplyDelete