จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,428



“เจ้าชำนาญมันแล้ว”


พอลด์แสยะยิ้ม เป็นรอยยิ้มสดใสที่เข้ากับใบหน้าของเด็กเล็ก


แต่ถ้าเพ่งมองให้ดีจะเกิดความรู้สึกน่าขนลุกอย่างอธิบายไม่ถูก


ดวงตากลมโตอันไร้อารมณ์ ปราศจากประกายแวววาวโดยสิ้นเชิง ไม่สอดคล้องกับสีหน้ายิ้มแย้มที่กำลังแสดงเลยสักนิด


นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก ‘ศพ’ ย่อมไม่สามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้า


รอยยิ้มของพอลด์เป็นเพียงสัญชาตญาณจากดวงวิญญาณ


แอ็กนัสเคยเชื่อว่า ทักษะ ‘สร้างคนตาย’ คือพลังที่จะทำให้ลูน่ากลับมามีชีวิตอีกครั้ง


แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันว่างเปล่าของพอลด์ มันตื่นจากความฝันพลางพยักหน้ารับ


“ฉันเริ่มชินกับมันแล้ว”


ทุกครั้งที่ ‘คนตาย’ ของแอ็กนัสขยับตัว อุปกรณ์ประหลาดหลายสิบชิ้นในร่างกายจะเคลื่อนไหวพร้อมกันจนเกิดเสียงเล็กๆ


สิ่งเหล่านี้คืออุปกรณ์สร้างพลังเวทเทียม มีหน้าที่คอยดูดซับมานาหรือออร่าจากภายนอกและเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน


ส่วนพลังงานหลักของ ‘คนตาย’ จะถูกส่งมาจากหัวใจ เป็นอวัยวะเวทมนตร์ที่สร้างโดยพอลด์


มันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในทางทฤษฎี


ทันใดนั้น เสียงกระดูกภายในร่างกายคนตายเริ่มดังลั่นอย่างน่าหวาดเสียว


ข้อต่อของคนตายกำลังบิดเบี้ยวไปในทิศทางที่ผิดธรรมชาติโดยสิ้นเชิง หากใครมาเห็นเข้าคงอดไม่ได้ที่จะหวาดผวา


อย่างไรก็ดี คนตายของแอ็กนัสเป็นเพียงศพ ศพที่สามารถขยับได้โดยไม่เจ็บปวด


คนตายของแอ็กนัสหมุนตัวเตะโดยไม่แยแสเอ็นร้อยหวายที่กำลังขาดสะบั้น


ความว่องไวของ ‘คนตาย’ อยู่ในระดับที่น่าทึ่ง กระทั่งแอ็กนัสซึ่งมี ‘โลกของเหนือมนุษย์’ ที่ได้รับจากการเลื่อนคลาส ‘ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล’ มาเป็นเกรดเลเจนดารี ก็ยังยากจะตอบสนองได้ทัน


นี่ยังไม่นับค่าความว่องไวอีก 2,500 หน่วยจากสมญานามต่างๆ


‘ยอดเยี่ยมกว่าที่เราคิดไว้มาก’


แอ็กนัสทึ่งกับศักยภาพของ ‘คนตาย’ ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘อวัยวะเวทมนตร์’ จนร่างกายพังยับเยินเพราะเคลื่อนไหวเกินขีดจำกัด


หากเมื่อใดมันสามารถสร้าง ‘คนตาย’ ที่มีร่างกายทนทานพอจะรองรับอวัยวะเวทมนตร์ ถึงตอนนั้น จำนวนศัตรูที่มันต้องกังวลจะลดลงอย่างมาก


***


“เจ้าดื้อด้านกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”


มีร์ เจ้าของดาบหนักมังกรคราม


แม้จะถูกขนานนามให้เป็นยังบันที่แข็งแกร่งที่สุด แต่มันไม่เคยพึงพอใจในสิ่งนี้


ยังบันแล้วไง? ก็แค่เบี้ยที่เกิดมาและถูกฝึกฝนให้แก้แค้นแทนเทพตกสวรรค์


แม้จะสั่งสมบารมีเทพจนได้กลายเป็นเทพ แต่ชะตากรรมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงต้องอยู่ภายใต้ฮานึล และคงต้องตายในสงครามที่มีเพื่อผลประโยชน์ของฮานึล


นั่นคือเหตุผลว่าทำไม


“ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้าซึ่งเคยถูกฟัน แทง และตายไป คืนชีพอีกครั้งและกลับมาหันคมดาบใส่ข้า… ทำให้ข้าได้เรียนรู้บางสิ่งเสมอ”


มีร์ฝันจะเป็นเทพสงคราม


มันไม่ได้มีเจตจำนงที่ยิ่งใหญ่อย่างการเป็นอิสระจากฮานึล


มีร์เพียงต้องสร้าง ‘ตัวเอง’ ขึ้นมา


‘ตัวเอง’ ที่ไม่ใช่ครึ่งเทพหรือเทพที่ถูกใครสักคนสร้าง


นั่นคือสาเหตุที่มันต้องหมกมุ่นอยู่กับการขัดเกลาฝีมือ


ตลอดชีวิตของมีร์ มันมุ่งเน้นการพัฒนาพรสวรรค์ในทุกด้าน ไม่ว่าจะกายาครึ่งเทพ พลัง และอายุขัย


มีร์พยายามอย่างหนักมาตลอดชีวิตเหมือนกับยังบันอีกหลายๆ ตน


แต่เมื่อไม่นานมานี้ มันเริ่มตระหนักถึงบางสิ่ง


มีร์ได้เรียนรู้จากบุรุษตรงหน้า: สิ่งที่ตนเคยคิดมาตลอดชีวิตว่าเป็นการทำงานหนัก แท้จริงแล้วก็แค่การพึ่งพาพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


ฤดูเหมันต์นิรันดร์ที่เกิดจากคำสาปมังกรคราม


หิมะสีขาวโพลนถูกย้อมเป็นสีแดงฉานด้วยเลือดสด


ร่างของชายที่นอนอยู่บนพื้นหิมะเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์


ชายคนนี้กำลังจะตาย เหมือนกับเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน สองสัปดาห์ก่อน และหนึ่งเดือนก่อน


อย่างไรก็ดี ระยะเวลาก่อนจะเสียชีวิตแตกต่างกันไปในแต่ละครั้ง


ครึ่งเดือนก่อนเทียบกับหนึ่งเดือนก่อน


หรือแม้กระทั่งวันนี้เทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว


ชายตรงหน้ามีร์ยืนหยัดได้นานขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะล้มลง


หยดเลือดทยอยไหลรินจากปลายนิ้วลงบนหิมะสีขาว เป็นเลือดของมีร์ผู้ได้รับบาดแผลฉกรรจ์บนหัวไหล่ซ้าย


ทุกครั้งที่ชายคนนี้ยืนหยัดได้นานขึ้น บาดแผลบนร่างกายมีร์ก็ยิ่งทวีจำนวน


ถึงจะไม่ได้ลึกมาก แต่ก็สามารถทำให้มีร์ตื่นตัว


บุคคลที่ค่อยๆ หลับตาลงท่ามกลางทุ่งหิมะสีขาวโพลน ไม่ใช่ใครนอกจากอริยดาบคนปัจจุบัน ครอเกล


มีร์กังวลว่าในอนาคตอันใกล้ ครอเกลอาจทิ้งบาดแผลที่ไม่มีวันลบเลือนไว้บนร่างกายตน


***


[เลเวลของท่านลดลง]


ณ ปัจจุบัน เลเวลครอเกลลดลงมาสามระดับแล้ว


แตกต่างจากผู้เล่นปรกติ ทุกการอัปเลเวลของครอเกลจะได้รับค่าสถานะสิบห้าแต้ม การสูญเสียแต่ละเลเวลจึงเป็นเรื่องใหญ่ เพียงพอที่จะทำให้ตระหนักถึงความอ่อนแอในเชิงสมรรถภาพร่างกาย


อย่างไรก็ดี จิตใจครอเกลกำลังผ่อนคลายสุดขีด ทั้งที่กำลังถือดาบซึ่งค่อนข้างหนักไว้ในมือ


‘คราวนี้เพิ่มขึ้นถึงสี่’


ครอเกลตรวจสอบค่าสถานะ ‘อ่านใจขั้นสูง’ พลางอมยิ้มมุมปาก


อ่านใจขั้นสูงเปลี่ยนจาก ‘ทักษะ’ เป็น ‘ค่าสถานะ’ นับตั้งแต่ได้ครอบครองคลาสอริยดาบ


เป็นค่าสถานะพิเศษสายต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุด เป็นอภิสิทธิ์ของอริยดาบแต่เพียงผู้เดียว


ข้อเสียก็คือ มันเพิ่มได้ยากมาก


ก่อนจะมาถึงอาณาจักรคายา ‘อ่านใจขั้นสูง’ ของครอเกลมีค่าไม่ถึงสี่สิบหน่วย


แต่ปัจจุบันเพิ่มมาอยู่ที่หกสิบเจ็ดแล้ว


เรื่องนี้ต้องขอบคุณเหล่ายังบัน โดยเฉพาะมีร์


ทุกครั้งที่ครอเกลรับมือการโจมตีของมีร์ได้ดี ค่าอ่านใจขั้นสูงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นได้เร็ว


แต่ในทางกลับกัน มันต้องตายเพราะมีร์ไปแปดครั้ง สูญเสียค่าประสบการณ์ไปมากมาย รวมถึงไอเท็มอีกสองสามชิ้น


อย่างไรก็ตาม สำหรับครอเกลแล้วถือว่าคุ้มค่า


มันเคยถูกรีเซตเลเวลจนเหลือเพียงหนึ่ง การเก็บเลเวลซ่อมไม่ใช่สถานการณ์แปลกใหม่


เช่นเดียวกับไอเท็มที่สูญเสีย ครอเกลสามารถหามาแทนได้ทุกเมื่อ เพราะในช่วงหลัง ยอดเงินเก็บในธนาคารงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมารดาฟื้นตัวจากอาการป่วยหนัก


แน่นอน ดาบเสือขาวที่กริดสร้างถูกเก็บไว้ในคลังสัมภาระภายนอกตัวละครเป็นอย่างดี


หากโชคร้ายเกิดดรอปดาบเสือขาว แม้แต่ครอเกลเองก็ต้องคิดถึงเรื่องล้มละลาย


“ยินดีต้อนรับ”


“เปิดคลังสัมภาระหมายเลข 378”


ณ เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งท่ามกลางทะเลทราย


วิวทิวทัศน์ของที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา ราวกับจะตอกย้ำว่า คายาคืออาณาจักรทะเลทรายโดยแท้จริง


ครอเกลเลือกคืนชีพในสถานที่ซึ่งแตกต่างจากเมืองหลวงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ


จากนั้น มันตรงไปหา NPC เพื่อเบิกดาบเสือขาว


หลังจากเคี้ยวเนื้อตากแห้งเสร็จ ครอเกลเตรียมย้ายตัวเองไปยังจุดเก็บเลเวล


หากต้องการจะสู้กับมีร์อีกครั้ง ไม่ว่ายังไงก็ต้องเตรียมความพร้อมไว้ในกรณีเสียชีวิต


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ครอเกลจำเป็นต้องตุนค่าประสบการณ์ให้มากที่สุด


***


โอโบร่า ผู้ปกครองคนใหม่ของนรกขุมที่ยี่สิบสอง เป็นหนึ่งในบริวารที่ซื่อสัตย์ของเฟย์ริส


ทักษะและพลังอาจมีประสิทธิภาพต่ำหากเทียบกับเฟย์ริสที่สามารถหลอกลวงระบบได้ด้วยพลังการโกหก


แต่ในทางกลับกัน สมรรถภาพร่างกายของโอโบร่าสูงจนน่าทึ่ง


ร่างกายท่อนล่างที่คล้ายงูของมันสามารถโจมตีในทิศทางที่คาดไม่ถึง และแรงตวัดของปลายหางก็มากพอจะทำให้หัตถ์เทวะชะงักงันไปหลายวินาที


นอกจากนั้น เกล็ดของโอโบร่ายังแข็งและเหนียวมาก เรียกได้ว่าเป็นบอสที่รับมือได้ยาก


ถึงแม้เหล่าผู้ส่งสารจะได้รับผลข้างเคียงจนอ่อนแอลง แต่การที่กริดและพรรคพวกต้องใช้เวลานานกว่าสองชั่วโมงในการฆ่าโอโบร่า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด


‘นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันดรอปไอเท็มคุณภาพสูง’


อวัยวะที่โอโบร่าดรอปมาก็คือ ‘กระดูกสันหลัง’


ประกอบไปด้วยกระดูกสันหลังส่วนคอเจ็ดชิ้น กระดูกสันหลังส่วนหลังยี่สิบชิ้น และกระดูกสันหลังส่วนสะโพกสี่ชิ้น


กระดูกสันหลังทั้งแผงสามารถยืดได้ยาวที่สุดสามเมตร และหดกลับได้สั้นที่สุดหนึ่งเมตร


นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โอโบร่าคือศัตรูที่รับมือได้ยาก


หางของมันอาจดูเหมือนหางงู แต่สามารถยืดหดได้ตามใจนึก ส่งผลให้กริดและพรรคพวกกะระยะและทิศทางการโจมตีลำบาก


หากชายหนุ่มปราศจากประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ คงได้รับบาดเจ็บหนักไม่ต่างจากเหล่าผู้ส่งสารคนอื่นๆ


‘เราอยากใช้เจ้านี่เป็นวัสดุในการสร้างดาบเล่มใหม่’


ดาบที่ใช้สำหรับเหวี่ยงสะบัดเหมือนกับแส้ แต่สามารถปรับความยาวได้ดั่งใจ


ยิ่งเป็นศัตรูที่เก่งกาจในการอ่านวิถีการโจมตีมากเพียงใด ก็ยิ่งสับสนและคำนวณพลาดมากเท่านั้น


อย่างไรก็ดี มีข้อบกพร่องมากมายหากจะใช้สิ่งนี้เป็นวัสดุในการสร้างดาบใหม่


ในทุกข้อต่อของชิ้นกระดูกสันหลังจะมี ‘กระดูกอ่อน’ เชื่อมติดไว้เสมอ ส่งผลให้ไม่เหมาะแก่การนำไปหลอม


แน่นอน ในฐานะกระดูกอ่อนของจอมอสูร ความทนทานและยืดหยุ่นย่อมมีสูง แถมยังแข็งเหมือนเหล็กกล้า แต่ถึงอย่างนั้นก็มีโอกาสเกิดความเสียหายหลังจากถูกโยนเข้าไปในเตาความร้อนสูง


‘ถ้าเราเพิกเฉยเรื่องนี้และนำไปหลอม กระดูกอ่อนอาจแข็งขึ้นก็จริง แต่ก็มีโอกาสสูญเสียความยืดหยุ่นจนขาดคุณสมบัติที่เราต้องการ’


หมดสิทธิ์เหวี่ยงเป็นแส้ยืดหด กลายเป็นแท่งดาบที่ขยับไปมาพร้อมกันทั้งแผง


‘แต่ถ้านำกระดูกไปสร้างเป็นดาบเลย พลังโจมตีและความคงทนจะต่ำกว่าดาบปรกติมาก… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราแยกชิ้นกระดูกทั้งหมดออก จากนั้นก็เชื่อมติดกันใหม่ด้วยวัตถุประสานแทนกระดูกอ่อน? ไม่สิ หรือเราควรสร้างชิ้นกระดูกใหม่ด้วยละโมบ?’


กริดครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบกระดูกสันหลังของโอโบร่าด้วยโลหะชนิดอื่น


แน่นอน การจำลองรูปทรงอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่พลังของช่างตีเหล็กอยู่นอกเหนือการเลียนแบบคุณสมบัติทางชีวภาพ


“อ๊ะ!”


กริดพลันฉุกคิดบางสิ่ง


นั่นคือการยืมความช่วยเหลือจาก ‘ระบบ’


อันดับแรก สร้างดาบขึ้นมาหนึ่งเล่มด้วยกระดูกสันหลังของโอโบร่า


นั่นจะทำให้ได้รับพิมพ์เขียว ‘ดาบกระดูกสันหลัง’


จากนั้นก็ใช้ ‘ละโมบ’ สร้างดาบเล่มใหม่ขึ้นมาตามพิมพ์เขียวดังกล่าว!


‘ไม่สิ… บัดซบ… นั่นคงทำไม่ได้’


สิ่งนี้ขัดต่อหลักธรรมชาติอย่างชัดเจน


พิมพ์เขียวของดาบเล่มใหม่คงระบุให้วัตถุดิบหลักเป็น ‘กระดูกสันหลังของโอโบร่า’ อย่างมิอาจเปลี่ยนแปลง


กริดเคร่งเครียดอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเรียกหาผู้อำนวยการโรงแปรธาตุเรย์ดัน


ผู้อำนวยการรีบเดินทางผ่านวาร์ปเกตเพื่อมาหากริด ก่อนจะทำท่าแสดงความเคารพ


“ฝ่าบาทเรียกหากระหม่อม มีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ?”


ผู้อำนวยการเป็น NPC พิเศษคลาสนักแปรธาตุระดับช่างฝีมือ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มันผลาญเงินของอาณาจักรไปเป็นจำนวนมหาศาล จึงค่อนข้างประหม่าขณะเข้าเฝ้ากริด


“ฉันต้องการเลียนแบบกระดูกสันหลังด้วยละโมบ แต่ลำพังพลังของตัวเองยังไม่เพียงพอ คิดว่าโรงแปรธาตุจะทำให้เป็นจริงได้ไหม?”


“ร…เรื่องนั้น… ด้วยความเคารพขอรับ นั่นเป็นไปไม่ได้”


“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้? โรงแปรธาตุมีไว้เพื่อสร้างปาฏิหาริย์ไม่ใช่หรือ? กับแค่กระดูกสันหลังท่อนเดียว ไม่น่าจะเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้ด้วยซ้ำ”


“ศาสตร์การแปรธาตุเริ่มเดินไปสู่เส้นทางชั่วร้ายหลังจากมีนักแปรธาตุในอดีตปรารถนาชีวิตอันเป็นนิรันดร์ พวกเขาเข่นฆ่ามนุษย์และทำเรื่องผิดศีลธรรมมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่ง ‘ศิลานักปราชญ์’ … นักแปรธาตุที่ปรารถนาศิลานักปราชญ์นั้นชั่วช้ายิ่งกว่าสาวกของยาธานที่นับถือเทพมารเสียอีก”


ข้อมูลยืดยาวเริ่มถูกสาธยาย


“ทุกอาณาจักรและทุกเผ่าพันธุ์ในทวีปต่างมองว่าศาสตร์การแปรธาตุเป็นสิ่งนอกรีต จึงเริ่มขับไล่นักแปรธาตุออกจากทวีป… หลายพันปีต่อมา นักแปรธาตุรุ่นหลังต่างพยายามกอบกู้ชื่อเสียงของวิชาชีพ หนึ่งในความพยายามของพวกเขาคือการกำจัดวัสดุที่จำเป็นในการสร้าง ‘ศิลานักปราชญ์’ ไปจนเกือบหมด… ส่งผลให้การจำลองอวัยวะของสิ่งมีชีวิตซึ่งจำเป็นต้องใช้วัสดุเหล่านั้น ถูกปิดกั้นหนทางโดยสิ้นเชิง”


“สรุปก็คือ นายไม่มีปัญญาจำลองกระดูกสันหลัง?”


“…ต้องขออภัยด้วยขอรับ กระหม่อมละอายใจยิ่งนัก”


“เฮ้อ… ช่างเถอะ เชิญกลับไปได้”


“ต้องกราบขออภัยฝ่าบาทอีกครั้ง… หากมีสิ่งใดต้องการเรียกใช้ ขอพระองค์อย่าได้เกรงใจ”


‘จะเรียกคนที่ไม่มีประโยชน์มาทำไม…’


กริดค่อนข้างมีอคติกับศาสตร์การแปรธาตุ


นอกจากนั้น ในสายชายหนุ่ม ผู้อำนวยการโรงแปรธาตุเป็นราวกับฮิปโปที่คอยสูบเงินไปมากมาย


สิ่งนี้มิได้แปลว่ากริดเคลือบแคลงในฝีมือของผู้อำนวยการ แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดจากอคติต่อศาสตร์การแปรธาตุ


“…!”


ผ่านไปสักพักหลังจากผู้อำนวยการกลับไป กริดที่กำลังถอนหายใจยาว เริ่มฉุกคิดบางสิ่งอีกครั้ง


‘ก็ไม่เห็นจะยากเลยนี่…’


ถ้าสร้างดาบจากกระดูกสันหลังของโอโบร่า ดาบเล่มนั้นจะถูกจำแนกให้เป็น ‘อาวุธ’ ทันที…


และกริดซึ่งมีทักษะ ‘เปลี่ยนรูปไอเท็ม’ แบบชั่วคราว ย่อมสามารถเปลี่ยนให้แร่ละโมบมีรูปทรงและการทำงานเหมือนกับ ‘ดาบกระดูกสันหลัง’ ทุกประการ


เพียงเท่านี้ก็แก้ปัญหาในเรื่องพลังโจมตีและค่าความคงทนที่ต่ำลงเพราะวัสดุ


กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือ ‘ดาบเทพ’ ที่คงสภาพได้ชั่วคราว


เป็นไอเดียที่เกิดจากหลักการเดียวกับ ‘ดาบโลหิต’


‘ถึงจะสร้างดาบเทพถาวรไม่ได้ แต่ถ้าเป็นดาบเทพชั่วคราว เราทำได้แน่… ดีล่ะ เริ่มลงมือเลยก็แล้วกัน!’


กริดนำกระดูกสันหลังของโอโบร่าออกมาวางบนทั่งเหล็ก


จากนั้นก็ใช้ ‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’ กับทักษะการตีเหล็ก


คำว่า ‘กระดูกสันหลัง’ ฟังดูกระด้างไปสักนิด กริดจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อดาบใหม่ให้เป็น ‘ดาบกระดูกหลัง’


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 3 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,928
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

  1. ชื่อใหม่เหี้ยกว่าเดิมอีก55555555 ชื่อเดิมยังฟังดูดีกว่าเยอะเซนต์การตั้งชื่อ-100

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00