จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,433
ลัตฟีฮี ผู้อำนวยการของบริษัทอินเฟอร์โน
รอยยิ้มอันขื่นขมกำลังเผยอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาที่ลุ่มลึกน่าประทับใจ
“คงต้องถอดใจสินะ”
ขณะพูด น้ำมูกไหลออกจากจมูกของมัน
นี่คือผลลัพธ์ของหน้ากากหนัง <น้ำมูกจะไหลทุกครั้งที่พูด>
ภาพของน้ำมูกที่ไหลย้อยอาจดูขบขันเมื่ออยู่บนสีหน้าขึงขัง แต่ลัตฟีฮีก็มิได้สั่นคลอน
มันคือทายาทของบริษัทใหญ่ผู้มีความทระนงตนสูงเสียดฟ้า
ภายในโลกเสมือนจริง อาการน้ำมูกไหลเล็กๆ มิได้ลดทอนคุณค่าของตัวมันลง
ถ้ามันอยากจะใช้ใบหน้านี้ มันก็จะใช้
“นี่คือเงินชดเชยสำหรับการถอนตัวจากภารกิจ”
ไนท์จ่ายเงินชดเชยจำนวนหกเท่าของค่าจ้างงวดแรกโดยไม่กล่าวคำใดต่อ
ในวงการมือปืนรับจ้าง มันมีค่าตัวสูงที่สุด ดังนั้น บทลงโทษสำหรับการถอนตัวจึงยิ่งรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ไนท์มิได้แสดงออกถึงความเสียใจ
โอกาสสำเร็จของงานจ้างกลายเป็นศูนย์ทันทีที่หัวใจราชินีเยือกแข็งตกอยู่ในกำมือกริด
“ทั้งนายและฉันต่างผิดหวังด้วยกันทั้งคู่… ซื้ด!”
“ฉันผิดเองที่รู้ตัวช้า… คิดไม่ถึงว่าคูเซฮาจะเป็นชิฟต์”
เรื่องราวจะต่างออกไปถ้ามันทราบว่าคูเซฮาเป็นคนเดียวกับนักสร้างสกินเมื่อสองสามวันก่อน
แต่น่าเสียดาย กว่าไนท์จะเอะใจว่าคูเซฮาอาจเป็นชิฟต์ก็หลังจากที่อีกฝ่ายเข้ามาในไรน์ฮาร์ทแล้ว
“ถ่อมตัวเกินไปแล้ว… ลำพังการค้นพบตัวตนของคูเซฮาด้วยข้อมูลเพียงเล็กน้อยก็นับว่าน่าทึ่งมากทีเดียว เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชื่อเสียงของนายไม่ใช่การบลัฟ… ไนท์… ซื้ด! ในอนาคต ฉันอาจมีงานให้นายทำอีก หวังว่าตอนนั้นจะไม่ปฏิเสธ”
น้ำมูกที่ไหลย้อยจากจมูกเปียกๆ
ไนท์พยายามทำเป็นมองไม่เห็นน้ำมูกของนายจ้าง จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าว
“ว่ากันตามตรง ฉันยังติดนี้งานจ้างที่ล้มเหลวครั้งนี้อยู่ ดังนั้น ฉันจะหาโอกาสชดเชยคืนให้ จะเป็นงานอะไรก็ได้ ข้อเพียงไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์… ถ้าอย่างนั้น ขอตัว”
คลาสลับ ‘ยมทูต’ มีความใกล้เคียงกับคลาสนักลอบสังหารมากแต่ท่วงท่าการเดินที่สง่างามของไนท์ขณะจากไป ชวนให้นึกถึงคลาสอัศวินสมกับชื่อตัวละคร
ชายคนนี้พยายามอย่างหนักตลอดปลายปีเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นผู้เล่นแถวหน้า แถมยังเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน
‘ในกรณีของกริด ผลลัพธ์แตกต่างจากสิ่งที่สายตาอันเฉียบแหลมของตระกูลประเมินไว้’
ลัตฟีฮีกำลังย้อนไปนึกถึงช่วงเวลาที่ผู้สืบทอดแพ็กม่าปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
หลังจากหมุนตัวกลับหลัง ลัตฟีฮีสั่งน้ำมูกให้เรียบร้อยก่อนจะทักทายแขกคนต่อไป
อีกฝ่ายคือจอมเวทมืด เพอร์กิส เป็นอีกหนึ่งข้ารับใช้ยาธานหน้าใหม่หลังจากที่โรสหายหน้าหายตาไปนาน
ปัจจุบัน มีผู้เล่นที่กำลังเป็นและเคยเป็นข้ารับใช้ยาธานทั้งสิ้นสามคน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้เล่นเองก็สามารถมีส่วนร่วมในการบริหารระดับสูงของวิหารยาธาน
ในสถานการณ์ล่าสุด ผู้เล่นจะบริหารกิจการต่างๆ ของวิหารยาธานผ่านระบบเกม ยกตัวอย่างเช่น บางคนได้รับประโยชน์จากการขายไอเท็มเป็นเงินจริง
วิหารยาธานไม่ใช่สถานที่น่ารังเกียจอีกต่อไป ตระกูลของลัตฟีฮีประเมินว่าวิหารยาธานในปัจจุบันคือหน่วยงานที่น่าลงทุน
“เป็นความจริงหรือ ที่นายจะเช่าที่ดินให้พวกเราสร้างวิหาร?”
เพอร์กิสเดินเข้าไปจับมือกับลัตฟีฮีพลางถามด้วยท่าทางแฝงความกังวล
มันยังคงคลางแคลง และเป็นธรรมดาที่จะคิดเช่นนั้น
วิหารยาธานเป็นศัตรูกับมวลชน เป็นเป้าหมายโจมตีของกองกำลังผู้ผดุงคุณธรรมมาช้านาน
แม้วิหารจะถูกสร้างขึ้นในสถานที่ลับตาคนที่สุดและมีการตกแต่งอำพรางให้ดูเป็นอาคารทั่วไป แต่วิหารยาธานส่วนใหญ่ก็จะถูกค้นพบและทำลายภายในไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปี
ยิ่งเป็นวิหารขนาดใหญ่ การอยู่ได้นานเท่าไรก็จะยิ่งสร้างประโยชน์กลับคืนมาให้กับศาสนา แต่น่าเสียดาย วิหารยาธานมักถูกทำลายลงก่อนที่จะคืนทุนหรือสร้างประโยชน์
ปัญหาใหญ่ที่สุดเกิดจากบรรดาเจ้าเมือง
ที่ดินเกือบทั้งหมดจะมีเจ้าเมืองคอยบริหารจัดการ ขุนนางเหล่านี้จะคอยตรวจตราที่ดินของตนทุกซอกมุมเพื่อค้นหาวิหารยาธาน
นั่นคือเจตนารมณ์ของรัฐบาลของทุกอาณาจักร
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเมืองที่เกียจคร้านและไม่ได้ความขนาดไหน แต่ก็ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยคำสั่งของกษัตริย์ที่ระบุให้ค้นหาและทำลายวิหารยาธานอย่างถอนรากถอนโคน
วิหารยาธานตกเป็นเป้าการเฝ้าระวังและความรังเกียจเสมอ
วิหารที่ศาสนายาธานรักษาไว้ได้นานเกินสิบปีนั้นมีไม่ถึงสิบแห่ง โดยที่เกือบทุกแห่งสร้างบนดินแดนปราศจากเจ้าเมือง
อย่างไรก็ตาม วิหารยาธานจะเน้นสร้างวิหารบนดินแดนปราศจากเจ้าเมืองไม่ได้ เพราะที่นั่นมีชาวบ้านอาศัยอยู่น้อย แทบไม่ช่วยในการเผยแผ่ศาสนาหรือมองหาเครื่องเซ่นไหว้
จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกมันก็ได้รับข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ
อีกฝ่ายจะช่วยจัดหาที่ดินเพื่อสร้างวิหารยาธาน นอกจากนั้นยังอนุญาตให้ดำเนินกิจการ
แถมยังเป็นถึงข้อเสนอของอินเฟอร์โน บริษัทดังระดับโลก
“ทำไมบริษัทของคุณถึงอยากสนับสนุนวิหารยาธาน? ด้วยความสัตย์จริง ฉันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากกับดัก”
ลัตฟีฮีตอบ
“บริษัทของเราเล็งเห็นผลกำไร จึงลงมือทำก่อนใคร… ซื้ด! ทางเราประเมินแล้วว่าวิหารยาธานสามารถทำเงินได้”
“เงิน… นายคิดจะใช้ศาสนาของเราเป็นทางผ่านเพื่อลงนรก?”
“ฮะฮะ! อินเฟอร์โนเป็นบริษัทที่ซื่อตรงและทำงานหนัก ขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน สิ่งที่เราเล็งไว้ไม่ใช่กิจการด้านมืดและสกปรกของวิหารยาธาน แต่เป็นลูกค้า… ลูกค้ากว่าร้อยล้านคนทั่วโลก”
ลัตฟีฮีกางแผนที่ของทวีปตะวันตกลงบนโต๊ะ
บนแผนที่เปื้อนน้ำมูกมีเครื่องหมายถูกขีดไว้สิบเจ็ดแห่ง
“ประกอบด้วยเมืองขนาดเล็กและขนาดกลางสิบหกเมือง และเมืองใหญ่อีกหนึ่งเมือง… เราจะช่วยนายสร้างวิหารในสถานที่เหล่านี้ ซื้ด! แน่นอนว่าต้องอำพรางเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นวิหารยาธาน แต่พวกนายคงทำเรื่องแบบนี้กันจนชินแล้ว ไม่น่าจะยากกระมัง”
“…”
สิบเจ็ดแห่ง?
อินเฟอร์โนเป็นเจ้าของดินแดนสิบเจ็ดแห่งเลยหรือ?
นี่มันระดับอาณาจักรแล้ว…
‘เราเคยได้ยินข่าวลือว่ามีบริษัทใหญ่ที่คอยเลี้ยงหรือสนับสนุนแรงเกอร์แถวหน้า แต่การซุกซ่อนกำลังพลไว้มากขนาดนี้…’
เพอร์กิสชาไปทั้งตัวประหนึ่งถูกฟ้าผ่า
มันประหลาดใจเพราะยังไม่ทราบว่า เบื้องหลังอินเฟอร์โนมีขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าคอยหนุนหลัง
“พวกนายต้องจ่ายค่าเช่าและภาษีอย่างสม่ำเสมอ และการจัดหา ‘เครื่องเซ่น’ ต้องทำจากภายนอกดินแดน… ไม่เพียงเท่านั้น บรรดาอุปกรณ์และสินค้าสิ้นเปลืองสำหรับสาวก ทางวิหารยาธานต้องซื้อจากพ่อค้าที่พวกเรากำหนดไว้… หากพวกนายยอมรับเงื่อนไขได้ เจ้าเมืองของทั้งสิบเจ็ดดินแดนจะยอมหลับตาหนึ่งข้างให้กับทุกกิจกรรมของวิหารยาธาน รวมถึงการช่วยปกป้องมิให้ถูกสอดส่องจากภายนอก”
“ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกไหม? ตัวอย่างเช่น… ห้ามมิให้ทางเราประกอบพิธีกรรมอัญเชิญจอมอสูร”
“ทางเราไม่คิดจะแทรกแซงหลักคำสอนของวิหารยาธาน แค่อยากให้วิหารยาธานเติบโตอย่างปลอดภัยและกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ไปนานๆ … เอาล่ะ อ่านเอกสารชุดนี้ก่อน”
ลัตฟีฮียื่นสัญญาปึกหนาไปหาอีกฝ่าย
เป็นสัญญาที่ไม่มีเงื่อนไขผูกมัดซับซ้อนมากนัก แถมยังเต็มไปเงื่อนไขที่วิหารยาธานได้ประโยชน์เป็นส่วนมาก
ด้วยความสัตย์จริง ค่อนข้างยากจะให้เชื่อว่าบริษัทอินเฟอร์โนได้รับประโยชน์จากสัญญานี้
ร่างกายเพอร์กิสกำลังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
“ขอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับข้ารับใช้คนอื่นก่อน… หวังว่าจะไม่สายเกินไป”
“ทางนี้ก็หวังว่าจะได้รับคำตอบในเชิงบวก”
วิหารยาธานมอบคำตอบในหนึ่งวันให้หลัง
แน่นอน ข้อตกลงระหว่างวิหารยาธานและบริษัทอินเฟอร์โนเป็นไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
ลัตฟีฮีแจ้งให้ตระกูลทราบด้วยสีหน้าโล่งใจ
“ใช่ครับ… วิหารยาธานยอมรับข้อเสนอแล้ว นั่นหมายความว่าอาโมแรคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของศาสนา… แล้วก็เรื่องหัวใจราชินีเยือกแข็ง ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีแล้วที่อยู่กับกริด… ใช่ครับ… ผมยังไม่ลืมว่ามีดาวดวงหนึ่งกำลังโคจรใกล้เข้ามา… ทุกอย่างก็เพื่อโลกของเรา”
***
“ดีล่ะ”
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ กริดตัดสินใจไม่สิ้นเปลืองทักษะออกแบบไอเท็มแสนล้ำค่า
คุณสมบัติของคันธนูใหม่ของจิสึกะเน้นไปที่ความเร็วและการปราศจากธาตุ
สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างได้ด้วยสูตรคันศรที่มีอยู่ในตัว ทักษะออกแบบไอเท็มจะดูฟุ่มเฟือยเกินไปหากใช้เพียงเพื่อเพิ่มอัตราความแม่นยำหรือตัวช่วยในการกะระยะทาง
‘ค่อนข้างดีทีเดียว’
กริดยิ้มอย่างพึงพอใจในขณะทดสอบดึงสายธนูสองสามหน
เป็นคันธนูเกรดเลเจนดารีทั้งที่ไม่ได้ใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างลมหายใจเทพผู้พิทักษ์
นั่นเพราะกริดไม่ต้องการธาตุ
พลังโจมตีดิบๆ สูงถึงค่าขีดจำกัดโดยแลกมากับการสละคุณสมบัติอย่างความแม่นยำและตัวช่วยในการกะระยะทาง
‘สนใจทำไม… ในเมื่อศรของอริยศรจะพุ่งโดนเป้าหมายทั้งหนึ่งร้อยนัดจากการยิงหนึ่งร้อยครั้ง’
แน่นอน สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของเป้าหมาย
แต่เป้าหมายที่อริยศรยิงพลาด ก็ไม่ใช่สิ่งที่คุณสมบัติจำพวกเพิ่มความแม่นยำจะช่วยอะไรได้
หากจะหลบศรของอริยศรให้พ้น ศัตรูต้องอยู่ในระดับเหนือมนุษย์หรือไม่ก็ต้องทรงพลังอย่างมาก
หลังจากทดสอบดึงสายสักพัก กริดประเมินว่าธนูคันนี้ใช้เวลาในการยิงประมาณสองนัดต่อหนึ่งวินาที
แน่นอน นี่คือมาตรฐานของกริด จิสึกะสามารถยิงได้เร็วกว่านี้สองถึงสามเท่าเป็นอย่างน้อย
ข้อเสียเดียวก็คือ ระยะการยิงค่อนข้างสั้น เพราะเป็นธนูสั้น
อย่างไรก็ตาม จิสึกะมีคันศรฟินิกซ์แดงอยู่แล้ว เธอสามารถใช้สิ่งนั้นเพื่อโจมตีระยะไกล
‘ไว้ค่อยทำธนูยาวแบบไร้ธาตุทีหลังในตอนที่มีวัสดุดีๆ’
กริดได้ลองค้นหา ‘ตลาดประมูล’ และคลังสัมภาระของกิลด์ดูแล้ว แต่ก็ไม่พบวัสดุที่โดนใจ
สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ธนูคืออาวุธพื้นฐานที่มีความต้องการสูง
>จิสึกะ
กริดรวบรวมความกล้าและตัดสินใจส่งเสียงข้อความเสียง
> หืม? ว่าไง?
โชคดีที่เสียงของจิสึกะยังฟังดูสดใส
กริดแอบถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะบรรยายธนูที่สร้างขึ้นใหม่
> ฉันสร้างเสร็จแล้ว ใช้เป็นอาวุธรองนะ
> เห… นายทำยังไงถึงมีพลังโจมตีมากกว่าคันศรฟินิกซ์แดงได้? แถมยังยิงได้เร็วมาก…
> เธอกำลังต้องการมันไม่ใช่หรือ
> ใช่! ขอบคุณมาก! ราคาเท่าไร?
> เป็นของขวัญน่ะ แค่เธอใช้มันฉันก็ดีใจแล้ว… ไม่มีต้นทุนแม้แต่นิดเดียว วัสดุทั้งหมดเอามาจากคลังสัมภาระกิลด์
> ไม่มีปัญหา~ เข้าใจแล้ว ไว้จะหาโอกาสตอบแทนนะ
“โชคดีที่ร่าเริงกว่าที่คิด”
จิสึกะเป็นราวกับดวงอาทิตย์
นี่คือความรู้สึกของพืชหลังจากได้สังเคราะห์แสง?
กริดรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกหลังจากได้ยินน้ำเสียงแสนสดใสของจิสึกะเป็นครั้งแรกหลังจากห่างหายไปนาน
ขณะเดียวกันมันหยุดทุบค้อนในมือ
กระดูกสันหลังของโอโบร่ากำลังนอนอยู่บนทั่งเหล็ก
รูปทรงในปัจจุบันค่อนข้างคม เนื่องจากผ่านการทุบและเชื่อมอย่างต่อเนื่องในเวลาว่าง
มาถึงจุดที่สามารถมองเป็นดาบได้แล้ว
‘คงจะดีถ้าออกมาเป็นเกรดยูนีค’
เพราะจากนั้น ตนสามารถใช้ ‘ยกระดับไอเท็ม’ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นเกรดเลเจนดารี
สำหรับดาบกระดูกหลัง กริดขอแค่เป็นเกรดเลเจนดารีก็พอ เนื่องจากจุดประสงค์ที่แท้จริงของดาบเล่มนี้คือการใช้ตบตาศัตรู พลังโจมตีจึงไม่จำเป็นต้องสูงนัก แถมเมื่อใช้ทักษะเปลี่ยนรูปไอเท็มเพื่อคัดลอกด้วยละโมบ พลังโจมตีก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมพอประมาณ
‘คงต้องยับยั้งชั่งใจตัวเอง’
มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันถ้าฝืนทุบและเชื่อมกระดูกสันหลังไปมากกว่านี้เพื่อให้มีเกรดและพลังโจมตีสูงขึ้น
ในทุกกระบวนการของช่างตีเหล็กจะมีโอกาสเกิดความล้มเหลวเสมอ ถึงแม้เทคนิคการตีเหล็กของกริดจะอยู่ในระดับเทวตำนาน (ชั่วคราว) แต่ก็ยิ่งพยายามทุบและเชื่อมกระดูกสันหลังมากเท่าไร ค่าความชำนาญและวิสัยทัศน์ก็ยิ่งร้องเตือนรุนแรงขึ้น
‘ทุกครั้งที่เราทุบและเชื่อมโลหะสำเร็จ โอกาสล้มเหลวของครั้งถัดไปจะเพิ่มสูงขึ้น… อันตรายมาก’
กริดชำเลืองตรวจสอบผงกระดูกที่กองอยู่รอบๆ ทั่งเหล็ก
กระดูกสันหลังของโอโบร่าเหลือขีดจำกัดอีกสองครั้งในการทุบและเชื่อมโดยที่ไม่เสี่ยงจะถูกทำลาย
ทุบได้อีกไม่เกินสองครั้ง เชื่อมได้อีกไม่เกินสี่ครั้ง
สมาธิของกริดแน่วแน่จนไม่ต้องมัวกังวลกับสิ่งรอบข้าง
มันเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตนตามธรรมชาติ
ลมหายใจของช่างตีเหล็กถูกพ่นออกจากปากและทำให้กล้ามเนื้อที่อ่อนล้าหยุดการปวดร้าว เป็นการฟื้นฟูค่าเรี่ยวแรงทั้งหมดกลับคืนมาให้ช่างตีเหล็ก
เป็นสมาธิอันแน่วแน่ที่จะไม่สั่นคลอนแม้โลกกำลังจะแตก
เคร้ง!
เสียงค้อนกระทบทั่งดังกังวานไปทั่วโรงตีเหล็ก แถมยังกระจายออกไปถึงด้านนอก
เมอร์เซเดสที่เฝ้าทางเข้าอยู่ ทราบทันทีว่าความพยายามอันเหน็ดเหนื่อยของราชาถึงคราวบรรลุผล
[เทวภัณฑ์ของเทพโอเวอร์เกียร์ปรากฏ!]
[เทวตำนานใหม่ของเทพโอเวอร์เกียร์กริดถูกบันทึกเพิ่มเติม!]
[ค่าสถานะทุกชนิดของสาวกโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์จะเพิ่มขึ้น 10 หน่วยเป็นการถาวร และผลข้างเคียงขณะสวมใส่ไอเท็มไม่ตรงเงื่อนไขลดลงเล็กน้อย]
วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเทพคือสิ่งหาได้ยาก
ดูได้จากเทพธิดารีเบคก้า
เทวภัณฑ์ของรีเบคก้าประกอบหอกไลฟาเอลและศาสตราศักดิ์สิทธิ์ทั้งสาม รวมถึงปฐมดาบศักดิ์สิทธิ์และ ‘แหล่งกำเนิดแสง’ ที่กล่าวกันว่า เป็นสิ่งที่รีเบคก้าเก็บไว้ใช้เอง
อย่างไรก็ตาม ไม่นานหลังจากที่กริดกลายเป็นเทพ มันทำการเพิ่มจำนวนของเทวภัณฑ์ด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
สำหรับสาวกของศาสนาเทพโอเวอร์เกียร์ สิ่งนี้เป็นทั้งพรและปาฏิหาริย์
แต่ในสายตาคนนอก สิ่งนี้เป็นแค่การหลอกลวง
> ทำไมถึงยังไม่ออกเหรียญเทพโอเวอร์เกียร์มาหลอกรีดนมวัวอีก? ᄏᄏ
> ทำไมนายถึงไม่ศรัทธาเทพโอเวอร์เกียร์? ทำไมพวกเราถึงไม่ศรัทธาเทพโอเวอร์เกียร์?
> ก็ อ ด ก ริ ด ต ล อ ด ปั ย
บนโลกอินเทอร์เน็ต ความสุขและความเศร้าของคนในและคนนอกศาสนาโอเวอร์เกียร์กำลังผสมปนเป
Comments
Post a Comment