จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,429
ในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้า สถานะทางสังคมของผู้เล่นนั้นต่ำต้อยกว่าNPC หลายขุม
หลักฐานพิสูจน์คือช่วงเวลาเวลาที่กริดทำได้เพียงศิโรราบเมื่ออยู่ต่อหน้าดยุคแห่งจักรวรรดิ
บุคคลทรงอำนาจในแต่ละอาณาจักรล้วน NPC เสียส่วนใหญ่ โดยผู้เล่นเป็นได้เพียงพนักงานที่คอยรับคำสั่ง
ผู้เล่นในตอนขาดแคลนทั้งพลังและประสบการณ์ ยากจะก้าวข้ามบารมีของ NPC ที่สั่งสมความสำเร็จมานานหลายร้อยปีตามเนื้อเรื่อง
ในตอนแรก พวกมันรู้สึกว่า ‘แบบนี้ก็ดีแล้ว’
ผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเดิม และคิดว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
ทว่า ยังมีผู้เล่นอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่พอใจอย่างมาก
พวกมันไม่อยากยอมจำนนต่อ NPC และเฝ้าฝันที่จะกลายไปเป็นตัวเอกในสังคมแทน
ผ่านมาหลายปี ในที่สุดโลกก็เริ่มเปลี่ยน
ระบบที่มีศูนย์กลางของทวีปเป็นจักรวรรดิซาฮารันเกิดล่มสลายด้วยฝีมือของกริดและบาซาร่า
อาณาจักรที่เป็นอิสระจากการกดขี่ของจักรวรรดิ เริ่มสั่งสมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและกองทัพ หนึ่งในนั้นคือการมอบสิทธิประโยชน์และอนาคตอันหลากหลายให้กับผู้เล่น
ผู้เล่นแถวหน้าเริ่มกลายเป็นขุนนางของอาณาจักร บ้างมีดินแดนในครอบครอง ส่งผลให้สถานะทางสังคมของผู้เล่นเพิ่มขึ้นทุกวัน
มีผู้เล่นจำนวนมากที่ได้เสพสุขกับระบบ ‘เจ้าเมือง’ ซึ่งเคยเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะไฮแรงเกอร์เพียงไม่กี่คน
ผลลัพธ์ตามมาเข้าขั้นเลวร้าย
ผู้เล่นเหล่านั้นเริ่มเอาคืน NPC ที่เคยกดขี่ มองเหล่า NPC เป็นแค่ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการไม่ยอมรับสิทธิมนุษยชนที่ NPC ควรได้รับเทียบเท่าผู้เล่น
ลงเอยด้วย พวกมันใช้พลังอำนาจใหม่อย่างไร้ความปรานี อัตราภาษีถูกดันจนถึงเพดานสูงสุด ทรัพยากรด้วย NPC ถูกนำมาใช้ตามใจชอบอย่างกดขี่ บ้างก็เปลี่ยนให้ NPC ชายหล่อเหลามาทาส เปลี่ยนให้ NPC สาวสวยมาเป็นภรรยารอง
เกือบทุกดินแดนในการปกครองของผู้เล่นเต็มไปด้วยความทุกข์ยากและน่าอเนจอนาถ
“นั่นคือจุดเริ่มต้นของผู้ลี้ภัย… เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหาก NPC เหล่านี้จะเลือกหนีมายังอาณาจักรโอเวอร์เกียร์หรือวัลฮัลล่า”
ไลออน - หนึ่งใน ‘พ่อค้าที่มั่งคั่งทั้งห้า’ ซึ่งแซงหน้า ‘ราชาพ่อค้า’ เคียร์ที่มีอันดับตกต่ำลงมาก
อาจยังดูด้อยเมื่อเทียบกับมุโต้ผู้ครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่นมานานด้วยการเป็นพันธมิตรหลักกับโอเวอร์เกียร์
อย่างไรก็ตาม ไลออนมีความเร็วในการสะสมทรัพย์สินที่น่าทึ่ง
“ฮะฮะ! ทั้งที่ฉันสั่งให้ทหารปิดตายประตูปราสาทไว้แล้ว… ไอ้พวกระยำนั่น ไม่เพียงจะไม่ป้องกันประตู แต่กลับหนีไปพร้อมชาวเมือง…”
ไฮจ์ยิ้มด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนพลางเกาท้ายทอย
ไลออนรู้สึกทึ่งเมื่อพบว่า ไอ้งั่งที่สูญเสียชาวเมืองในดินแดนไปกว่าครั้งหลังจากปกครองได้เพียงครึ่งปี ยังสามารถหัวเราะออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ไลออนมิได้แสดงอารมณ์ ความรู้สึกของมันมีค่าเกินกว่าจะนำมาใช้กับพวกปัญญานิ่ม
“นี่คือเงินตามที่เคยสัญญา รับไปซะ จากนั้นก็โอนสิทธิ์ในการปกครองดินแดนมาให้ทางนี้”
“อึก… ฉันไม่ต้องรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตใช่ไหม?”
ไฮจ์ชำเลืองจำนวนเงินด้วยสายตาละโมบ ถามยืนยันให้แน่ใจ
ที่นี่คือดินแดนขนาดเล็กซึ่งรองรับผู้คนได้ราวหกพัน
ไฮจ์ได้รับดินแดนแห่งนี้มาจากกษัตริย์ เป็นผลตอบแทนที่คอยรับใช้อาณาจักรอาร์คในฐานะขุนนางอย่างขยันขันแข็ง
กรรมสิทธิ์ทั้งหมดในดินแดนอาจเป็นของมัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะมีปัญหาใดรออยู่บ้าง หากไฮจ์ขายดินแดนให้กับบุคคลภายนอกหรือพ่อค้าจากอาณาจักรอื่น
ว่ากันตามจริง กษัตริย์อาจพยายามแย่งชิงดินแดนกลับคืน
“ถูกต้อง… นับตั้งแต่วินาทีที่การทำสัญญาลุล่วง นายก็ไม่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป”
ไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไป…
ไลออนยื่นสัญญาให้อ่าน ภายในสัญญาระบุอย่างคร่าวเกี่ยวกับการไม่ต้องรับผิดชอบ รวมถึงจำนวนเงินและวิธีจ่าย
ไลออนออกปากเร่ง
“รีบๆ เซ็น”
“ข…เข้าใจแล้ว”
ไฮจ์รู้จักประมาณตน
มันใช้วิธีสกปรกมากมายเพื่อให้ได้เป็นเจ้าเมือง แต่หลังจากนั้นกลับไม่มีฝีมือมากพอที่จะบริหารจัดการดินแดนหรือรวบรวมบุคลากรมาช่วยแบ่งเบางาน
จิตใจของไฮจ์ไม่เข้มแข็งพอที่จะอดทนต่ออำนาจอันหอมหวาน
และเป็นเหตุผลทำให้มันยอมเซ็นสัญญาอย่างเยือกเย็น
ผลประโยชน์ตรงหน้าก็ไม่เลวนัก เพราะมันจะได้รับเงินจำนวนมากเป็นค่าตอบแทนดินแดน
[ท่านทำการซื้อสิทธิ์ในดินแดน ‘บีชิโอ้’]
[ท่านกลายเป็นเจ้าเมืองบีชิโอ้]
[ทักษะการค้าขายระดับช่างฝีมือกลายเป็นเลเวล 3]
[มีข่าวลือว่า ราชาแห่งอาณาจักรอาร์คเริ่มจับตามองท่าน ท่านอาจถูกเรียกให้เข้าเฝ้าอนาคตอันใกล้]
ถูกกษัตริย์จับตามอง?
ก็แค่ธรรมเนียมปฏิบัติพื้นฐาน
การให้เราปกครองดินแดน ย่อมดีกว่าปล่อยให้อยู่ในมือขยะมูลฝอยซึ่งไม่เห็นคุณค่าของประชาชน
กษัตริย์อาจขอร้องให้ดูแลประชาชนอย่างจริงใจและเฝ้าติดตามผลการทำงานสักระยะหนึ่ง
แน่นอน ไลออนเตรียมแผนไว้รับมือกับเรื่องนี้แล้ว
มันไม่ใช่คนที่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวเอง
“หึหึหึ…”
คนที่จะซวยคือไอ้ขยะผู้ขายดินแดนด้วยความโลภ
มันคงคิดไม่ถึงว่า ตัวเองจะต้องถูกอาณาจักรอาร์คไล่ล่าไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
‘แต่ก็ต้องขอบคุณขยะแบบพวกมัน หลายๆ อย่างก็เลยถูกลง’
ไลออนแสยะยิ้มหลังจากไฮจ์เดินจากไป
สิ่งที่คล้ายกันกำลังเกิดขึ้นทั่วทวีป
พ่อค้าทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อซื้อดินแดนเสื่อมโทรม
***
“ไม่โรแมนติก… ไม่โรแมนติกเลยสักนิด!”
ซาทิสฟายส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันผู้เล่นในหลายด้าน
หนึ่งในนั้นคือการประหยัดเนื้อที่บนโลกความจริง
ปัจจุบัน หากต้องการนัดพบใคร หลายคนก็เลือกจะนอนลงในแคปซูลและนัดพบกันในเกมโดยไม่ต้องออกไปข้างนอก นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องปกติอย่างมากสำหรับการจัดคอนเสิร์ตในซาทิสฟาย
เช่นเดียวกับคอนเสิร์ตฉลองครบรอบยี่สิบปีของคูเซฮา
เรกัสผู้ได้ยินพีคซอร์ดกำลังบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ตัดสินใจถามกลับไปด้วยสีหน้าฉงน
“จุดไหนที่นายไม่พอใจ? ทั้งภาพและเสียงล้วนเหมือนกับโลกแห่งความจริงทุกประการ นายยังสัมผัสถึงความฮึกเหิมของผู้ชมคนอื่นๆ ได้ไม่ต่างจากเดิม”
“แต่พวกเราจะไม่ได้เห็นคูเซฮาตัวจริง”
“ได้ยินว่าคูเซฮาปรับแต่งตัวละครได้เหมือนตัวจริงมากไม่ใช่หรือ?”
“เฮ้อ… นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปีศาจที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับยุคสมัยใหม่… เลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่า… หา? อะไรนะ? มีร้านที่ขายพายกิมจิโดยเฉพาะมาเปิดใหม่? นี่มันอาหารฟิวชั่นแห่งยุคเชียวนะ! เจ๋ง! ไปกินกัน!”
“ไม่ใช่ว่านายเพิ่งกินมาเมื่อสามชั่วโมงก่อนรึไง?”
“แล้วสำคัญตรงไหน? จะกินสักกี่ครั้ง น้ำหนักในเกมก็ไม่เพิ่ม!”
“ฮะฮะ! นายนี่แหละ ปีศาจที่เกิดมาพร้อมกับยุคสมัยใหม่”
คอนเสิร์ตครบรอบยี่สิบปีของคูเซฮาจัดขึ้นที่กรุงไรน์ฮาร์ท – เมืองหลวงของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
โรงละครโอเปร่าของไรน์ฮาร์ทค่อยๆ มีขนาดใหญ่ และงดงามขึ้นทีละนิดตามกาลเวลา จนในพักหลัง ดาราที่มาเช่าเวทีเพื่อทำการแสดงเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น
การอ่านเกมขาดของลอเอลทำให้พื้นที่ขนาดเล็กทำกำไรมหาศาลให้กับอาณาจักร
ในอดีตเคยมีข่าวลือว่ากริดไม่อยากลงทุนเงินก้อนโตไปกับกิจกรรมในเชิงวัฒนธรรม แต่ปัจจุบันกลับชื่นชมโรงละครโอเปร่าของไรน์ฮาร์ทอย่างออกนอกหน้า
“อ…อร่อย!”
การฟิวชั่นระหว่างกิมจิกับอาหารอันโด่งดังของอังกฤษ เรียกเสียงชื่นชมจากพีคซอร์ดได้อย่างไม่ขาดปาก
รสชาติของน้ำกิมจิกระเซ็นไปทั่วช่องปากขณะเคี้ยวพายกรอบ
นอกจากนั้น หลังจากเนื้อกรอบๆ ของพายชุ่มไปด้วยน้ำกิมจิ รสชาติของพายมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่าสนใจมากขึ้น
ถือเป็นอาหารที่รสชาติแปลกใหม่ แต่กลับชวนให้พีคซอร์ดคิดถึงบ้านเกิด
ในทางกลับกัน เรกัสขมวดคิ้ว
“คงจะดีกว่าถ้าใส่เนื้อวัวแทนเนื้อหมู… ฉันไม่ชอบผิวสัมผัสของมันหมู”
“กิมจิจะอร่อยที่สุดเมื่อกินกับหมู่สามชั้น!”
“กินกับเนื้อและแกะก็อร่อยเหมือนกัน…”
“กิมจิเป็นอาหารเทพ! กินกับอะไรก็อร่อย! หืม…?”
ขณะพีคซอร์ดกำลังเลียน้ำกิมจิด้วยลิ้น มันเอียงคอกะทันหัน
เป็นเพราะผู้ชายที่กำลังยืนสั่งพายกิมจิตรงเคาน์เตอร์ ค่อนข้างคุ้นหน้ามากสำหรับพีคซอร์ด
เห็นได้ชัดว่าเพิ่งเคยพบกัน แต่พีคซอร์ดรู้สึกราวกับได้พบคนที่เคยรู้จักมานาน
“นึกว่าใครมองมา… ที่แท้พีคซอร์ดกับเรกัสนี่เอง… เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับสิบวีรชนผู้ก่อตั้งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ เหมือนวันนี้ผมจะถูกหวยนะ”
ชายผู้ถือพายในมือ ยืนยิ้มพลางทักทายคนทั้งสอง
เป็นรอยยิ้มที่มอบความรู้สึกเย็นสดชื่นประหนึ่งได้กินน้ำอัดลม
ผู้เล่นนิรนาม มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีเลเวลต่ำ
ทว่า เรกัสมิได้ตัดสินคนตามเลเวลหรือความโด่งดัง มันกล่าวทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพด้วยรอยยิ้ม
แต่ในทางกลับกัน พีคซอร์ดที่ทำหน้าเครียด เอาแต่ปิดปากสนิทและเฝ้ามองบทสนทนาเป็นเวลานาน
จนกระทั่งอีกฝ่ายแยกตัวไป
“ขอตัวก่อนนะครับ”
เขากำลังอึดอัดที่พีคซอร์ดไม่ยอมคุยด้วย?
ขณะชายแปลกหน้าจากไป เรกัสตำหนิพฤติกรรมเสียมารยาทของพีคซอร์ด
“ทำไมนายถึงเอาแต่จ้องหน้าคนธรรมดาด้วยสายตาแบบนั้น?”
“…คูเซฮา”
“หือ?”
“คนเมื่อครู่… เป็นคูเซฮาไม่ผิดแน่”
“ในพายมีพิษหรือเปล่า”
“ไม่มี! ฉันพูดจริง! ฉันเป็นแฟนตัวยงของคูเซฮามาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น คิดว่าจะจำไม่ได้เชียวหรือ? ฉันไม่รู้ว่าเขาปกปิดท่าเดินเป็นเอกลักษณ์และนิสัยติดตัวได้ยังไง… แต่เขาไม่มีทางซ่อนเอกลักษณ์ตรงกล้ามเนื้อรอบคิ้วขณะยิ้มได้แน่!”
“…”
เรกัสเดินจากไปอย่างเงียบงัน
แม้มันจะโอ้อวดกับใครต่อใครเสมอว่าตนมีร่างกายแข็งแกร่ง แต่กลับต้องอ่อนเพลียทุกครั้งเมื่อได้อยู่กับพีคซอร์ด
พีคซอร์ดตะโกนไล่หลัง
“นายไม่รู้รึไง? นักสร้างสกิน! คูเซฮารู้จักกับนักสร้างสกิน!”
“…!”
ดวงตาของเรกัสพลันเบิกกว้าง
นักสร้างสกินสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของไอเท็มและผู้เล่นเพื่อแลกกับเงินก้อนโต
เมื่อไม่นานมานี้ คลาสดังกล่าวเริ่มหาตัวได้ยากขึ้น การติดต่อต้องทำผ่านเส้นทางพิเศษเท่านั้น
มีข่าวลือว่า ในแชโบลรุ่นที่สามตระกูลหนึ่ง ทายาทที่ทำตัวเกเรของพวกมันตัดสินใจตามล่านักสร้างสกินเนื่องจากอีกฝ่ายเปลี่ยนให้มันดูเหมือนขอทาน
แน่นอน นั่นเป็นเพียงข่าวลือ
“ไล่ตามคูเซฮาไป!”
“อะ… ตกลง!”
พีคซอร์ดและเรกัสใช้ทักษะของตนเพื่อค้นหาชายคนเมื่อครู่
หนึ่งในกฎเหล็กของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ก็คือ ห้ามใช้ทักษะด้านการต่อสู้ภายในเมืองโดยเด็ดขาด
แต่แน่นอน อำนาจของสิบวีรชนฯ อยู่เหนือกฎหมาย
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร
แม้บนถนนจะมีผู้คนนับพันเนืองแน่น แต่ทั้งสองคนก็แทรกตัวผ่านไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีการปะทะ
ฝีมือในการควบคุมร่างกายของพวกมันเข้าขั้นสมบูรณ์แบบ
ทักษะประเภทพุ่งตัวช่วยที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง ถูกใช้ออกมาในจังหวะที่เหมาะสมและชำนาญ
ในสายตาคนทั่วไป ฝีมือระดับนี้ไม่ต่างอะไรกับพลังพิเศษ
***
>พี่เซฮา! ตอนนี้อยู่ที่ไหน?
ผู้จัดการส่วนตัวพยายามส่งข้อความเสียงมาหาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับมัน การถูกตามตัวแม้กระทั่งภายในเกม ถือเป็นเรื่องที่น่ารำคาญไม่น้อย
คูเซฮาส่ายหน้าพลางตอบ
> กำลังไป ฉันขอแวะชมวิหารเทพโอเวอร์เกียร์กับรูปปั้นของข่านสักนิดไม่ได้เลยหรือ
> แล้วสัมภาษณ์ก่อนคอนเสิร์ตล่ะ? นักข่าวกำลังรออยู่!
> ฉันของดให้สัมภาษณ์~
> ไม่ได้นะพี่! นี่ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ตธรรมดา แต่เป็นคอนเสิร์ตฉลองครบรอบยี่สิบปี งดสัมภาษณ์วันนี้ไม่ได้… แฟนๆ ก็อยากคุยกับพี่ด้วย
> นั่นมันแฟนตัวปลอม เป็นพวกนักข่าวทั้งนั้น ฉันคุยกับแฟนๆ ทุกวันบนโซเชียลมีเดีย แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ
> พี่!
[ท่านบล็อกเป้าหมาย]
‘เงียบได้สักที’
สำหรับพายกิมจิที่เหลือ รสชาติดรอปลงมาก คูเซฮาจึงลังเลว่าจะทิ้งมันไปดีไหม
ในท้ายที่สุด มันตัดสินใจยัดพายกิมจิใส่ปาก โดยที่ฉากตรงหน้าคือรูปปั้นของข่าน ช่างตีเหล็กที่กลายเป็นตำนานก่อนเสียชีวิตไม่นาน
อาจารย์ที่กริดเคารพรักมากที่สุด
ผู้เล่นทุกคนต่างรับรู้เรื่องราวนี้ เพราะมันโด่งดังพอๆ กับเหตุการณ์กิลด์อิมมอทัลล่มสลาย
‘ขอให้มีความสุขบนสวรรค์’
คูเซฮาเดินเข้าใกล้รูปปั้นพร้อมกับไว้ทุกข์เล็กๆ
ตัวมันซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์หนึ่งทั้งโลกจริงและซาทิสฟาย แสดงความเคารพต่อข่านที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับตน
แม้ขอบเขตความเชี่ยวชาญจะแตกต่าง แต่กว่าจะก้าวไปอยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ดวงตาคูเซฮาหันไปทางถนนที่เรียงรายไปด้วยโรงตีเหล็กหลายสิบแห่ง ภายในใจพลางครุ่นคิด
‘กริดต้องอยู่ที่นั่นแน่’
แน่นอน มีโอกาสสูงที่กริดจะไม่อยู่เช่นกัน
คงน่าขันเกินไปสักนิดหากจะให้หนึ่งในคนที่ตารางเวลาแน่นที่สุดในโลกอย่างกริด หมกตัวอยู่ในโรงตีเหล็กทั้งวัน
แต่คิดไปก็เท่านั้น ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะรับรู้
‘ถ้าจะมีใครสักคนสามารถดูแลไอเท็มชิ้นนี้ได้โดยไม่ถูกความโลภเข้าครอบงำ เท่านี่นึกออก… โลกนี้มีเพียงกริดคนเดียว… อยากพบเขาสักครั้ง’
ตัวมันก็ไม่ทราบว่าจะมีโอกาสมาเยือนไรน์ฮาร์ทอีกครั้งตอนไหน คิดถึงตรงนี้ คูเซฮาตัดสินใจเสี่ยงแวะไปโรงตีเหล็กด้วยความคาดหวัง
ดวงตาของมันลุ่มลึก สีหน้าเป็นไปอย่างซับซ้อน
ยากที่จะให้ใครเชื่อว่า ชายคนนี้กำลังสวมหน้ากากหนัง
“พบตัวจนได้… นักสร้างสกิน คูเซฮา”
“…!”
คูเซฮาพลันสะดุ้งขณะเดินอยู่ในซอยลึก
ชายสวมชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้ากำลังขวางทาง
“รู้จักฉันได้ยังไง?”
“นายอาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนดวงวิญญาณของตัวเองได้ คูเซฮา… ฉันไม่ต้องการสร้างความวุ่นวายภายในเมืองหลวงของโอเวอร์เกียร์ กรุณายอมรับการจ้างงานด้วย นายจ้างของฉันแจ้งมาว่า เขาจะยอมยกโทษให้กับความผิดพลาดในคราวก่อน หากนายยอมยกสิ่งนั้นให้กับเขา”
“เรื่องที่ฉันเปลี่ยนใบหน้าของเจ้านั่นให้ดูตลกขบขัน? นั่นไม่ใช่ความผิดพลาด ฉันตั้งใจทำเอง!”
“ฉันแค่มาถ่ายทอดข้อความ”
“…นายไม่รู้หรือว่าสิ่งที่เพื่อนนายกำลังไล่ล่ามันอันตรายแค่ไหน?”
“ฉันไม่อยากรู้”
ขณะพูด ด้านหลังชายคนดังกล่าวปรากฏร่างยมทูตพร้อมด้วยเคียวเล่มใหญ่ ก่อนจะเลือนหายไปในเวลาไม่นาน
พร้อมกันนั้น ‘โซลเกจ’ (Soul Guage) ของคูเซฮาที่มองเห็นเฉพาะเจ้าของทักษะ เริ่มลดลงทีละนิด
“นายจะตายในห้านาที จุดคืนชีพของนายคือจักรวรรดิ และนายจ้างของฉันกำลังรออยู่ที่นั่น… คำแนะนำก็คือ ยอมรับข้อตกลงอย่างว่าง่ายจะดีกว่า”
“หืม… ล็อกเอาต์ในสภาพนี้ไม่ได้สินะ… หมายความว่าต้องฆ่านายสถานเดียว เจ้านี่ถึงจะหายไป?”
“มันจะหายไปถ้านายออกห่างจากฉันได้เกินสิบเมตร”
“ฮะฮะ… คงทำไม่ได้สินะ”
“ใช่ นายทำไม่ได้แน่…”
ขณะกำลังพูด ศีรษะของชายคนดังกล่าวพลันเอนไปด้านหลัง
แสงดาบสว่างวาบเป็นเส้นตรงพร้อมกับเส้นผมที่ขาดกระจัดกระจายหนึ่งหย่อม
ทักษะการชักดาบฟันขั้นสูง
“ถ้ายังไม่เลิกยุ่มย่าม… ครั้งหน้าเป็นคอ”
ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังคูเซฮา
ไม่ใช่ใครนอกจากพีคซอร์ด มันเก็บดาบกลับเข้าฝักพร้อมกับกล่าว
“นายเป็นใคร? ไม่รู้หรือว่าการต่อสู้ในไรน์ฮาร์ทมีโทษถูกคุมขัง?”
“โชคไม่ดี… เลยแฮะ?”
ชายคนดังกล่าวส่ายหน้าพลางกระโดดขึ้นไปข้างบน
ค่อนข้างน่าทึ่งที่มันสามารถปืนโรงตีเหล็กได้ถึงสี่ชั้นในการกระโดดเพียงครั้งเดียว
แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าก็คือ
เรกัสเร็วกว่ามัน
“ขอค้นตัวด้วยกำปั้นหน่อยนะ”
“…!”
ชายคนดังกล่าวสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง
มันรีบชักอาวุธออกจากคลังสัมภาระ อาวุธลักษณะคล้ายด้ามหอกถูกยกขึ้นมาป้องกันส่วนเอวที่เรกัสแตะใส่
แม้จะป้องกันไว้ได้ แต่แรงเตะของเรกัสก็ยังทำให้มันกลิ้งสองสามตลบก่อนจะกระแทกเข้ากับกำแพงของอาคารข้างเคียง
ขณะเรกัสไล่ตาม มันเห็นยมทูตปรากฏขึ้นพร้อมกับเหวี่ยงเคียวใส่
“ไนท์?”
เมื่อค้นพบตัวจริงอีกฝ่าย เรกัสทำหน้าเครียดเล็กน้อย
แน่นอนมันมิได้หยุดการโจมตีของตัวเอง เรกัสพุ่งเข้าไปหายมทูตพร้อมกับใช้หลังมือข้างหนึ่งรับคมเคียว ส่วนกำปั้นอีกข้างชกใส่ยมทูตเต็มแรงจนเสียหลักเซ
ดวงตาเรกัสสั่นระริกเล็กน้อย
เป็นเพราะ ‘ไนท์’ เร็วพอที่จะเรียกยมทูตออกมาสู้กับเรกัสโดยที่ตัวเองฉวยโอกาสหลบหนี
พีคซอร์ดเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้า
“เป็นเวทมนตร์หลบหนีของพวกคลาสลับ? น่ารำคาญชะมัด”
เป็นเรื่องยากที่จะตอบสนองทักษะที่พวกมันไม่มีข้อมูล
คูเซฮาเดินมายังด้านข้างพีคซอร์ดกับเรกัส
กล่าวเพื่อบรรเทาความเสียใจของคนทั้งสอง
“ขอคุณสำหรับความช่วยเหลือ… ฉ…ฉันคือนักสร้างสกิน… ชิฟต์”
Comments
Post a Comment